racing-club.net

Bike Forum => my bike diary / my life diary => Topic started by: O'Pern on January 02, 2015, 05:52:47 pm

Title: มค 58
Post by: O'Pern on January 02, 2015, 05:52:47 pm
1 มค 57
   พาภรรยาและลูกไปกินมื้อเช้าที่บางน้ำผึ้งครับ ผมสังเกตพฤติกรรมมนุษย์ส่วนใหญ่แล้วก็ตรงกับในตำราที่อ่านเจอนะ มนุษย์ไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง ชอบความสะดวกสบาย
   ภรรยาและลูกกินแบบเดิมเป๊ะ ผมก็ด้วยนะ ฮ่าๆ ว่าแต่เขา ตัวเองก็เป็นเหมือนกันแหละ ไปสถานที่เดิมๆ จอดรถที่เดิม กินแบบเดิม เดินเส้นทางเดิม เข้าห้องน้ำที่เดิม ฯลฯ
   สิ้นปีขนมเยอะมาก มาถึงวันนี้ยังกินไม่หมด เค๊กราคาแพงจากร้านชื่อดังก็ต้องแบ่งๆ ให้คนอื่นไปอ้วนกันบ้าง ขนมไทยก็ดาหน้ากันเข้ามาปะทะ มีเม็ดขนุนแบบชิ้นใหญ่มากๆ อ้วนโตกว่าลูกชิ้นเสียอีก คำเดียวอิ่ม เคี้ยวแล้วฝืดคอดีจริงๆ
   เจอของอร่อยอันใหม่ในตลาดบางน้ำผึ้ง นั่นคือลาบหมูทอด เอาลาบหมูมาทอด ไม่ใช่ลาบที่ทำจากหมูทอดนะ ภาษาไทยของเรานี่ต้องบอกเล่ากันให้ชัดๆ เดี๋ยวจะเข้าใจผิด
   ลาบอร่อยดี แต่ที่ผมชอบมากคือเขาให้ผักแกล้มมาเยอะ ผักและผลไม้นี่สำคัญมากต่อชีวิตเราเลยนะ จะกินจุบกินจิบก็เลี่ยงพวกเค๊ก ไอติม ของทอด ฯลฯ หันมากินแบบนี้จะอ้วนน้อยกว่าหน่อย
   กลับถึงบ้านตอนสายๆ ก็แยกย้ายกันคนละมุมไปพักผ่อน ยามว่างของผมตอนนี้นอกจากเล่น Uke แล้วก็คือการเล่นกับไอ้ถุงเงินถุงทอง ก็เพลินๆ ดีนะ รู้สึกจิตใจสบาย เบิกบานดี
   บ่ายแก่ๆ มิวชวนกิน Sizzler ผมไม่อยากกิน แต่ไม่อยากขัดใจ เลยไปด้วยแล้วกินแต่สลัดบาร์ เขาคิด 189 บาทมั้ง กินเสร็จชวนซัดไอติมต่ออีก หึหึ ปิดท้ายด้วยการซื้อของในซุปเปอร์ฯ
Title: Re: มค 58
Post by: O'Pern on January 02, 2015, 05:59:50 pm
2 มค 57
   อากาศยังคงเย็นอยู่ ก็รู้สึกสบายดีนะ เอาจักรยานออกขี่ตอนเช้ายังต้องหาเสื้อกันหนาวมาสวมทับ ขี่จักรยานแล้วตัวเราจะวิ่งแหวกอากาศ มันก็เหมือนมีลมเย็นปะทะตลอดเวลา
   เช้ากินน้ำแครอท 1 แก้ว แล้วขี่จักรยานออกไปซื้อต้มเลือดหมูมากินกับข้าวกล้องที่บ้าน เรียบง่าย ผ่านไปอีก 1 มื้อ
   หลายวันมานี้รู้สึกอย่างชัดเจนว่าพุงเริ่มใหญ่ขึ้น ชั่งน้ำหนักดูก็ไม่ผิดหวังครับ ขึ้นมาอีก 1 กก บ๊ะ พระพุทธ นี่ใกล้จะครบรอบ 1 ปีที่ผมออกกำลังกายอย่างจริงจังแทบทุกเช้าแล้วนะ กลายเป็นเอาลงมาได้ 10 กก แต่ตอนนี้ตีขึ้นไปอีก 3 รวมแล้วลดได้แค่ 7 เอง
   เฮ้ยย ไม่ได้ๆ ต้องสู้ต่อสิน่า
   
   หมดโปรวันหยุดแล้วนะ ร้านผมหยุดแค่วันเดียวคือวันที่ 1 มาวันนี้ก็จัดเต็มต่อ จากเดิมก่อนปีใหม่เราเตรียมสต็อกสินค้าจนเต็ม มาเช้านี้กลับกันครับ เอาสินค้าในสต๊อกมาจัดเรียงหน้าร้านแทน
   แอบแว๊บงานเล็กน้อยไปไหว้ศาลเจ้ากวนอูริมแม่น้ำเจ้าพระยา ผู้คนมัวแต่แห่ไปไหว้พระที่วัดดังๆ กันหมด ปล่อยให้วัดและศาลเจ้าเก่าๆ ที่ชื่อเสียงไม่ค่อยดังเงียบเหงา ที่ศาลกวนอูแห่งนี้ยังมีตำหนักเก๋งจีน ที่เคยเป็นที่ประทับของสมเด็จพระเจ้าตากสินอีกด้วย นี่คืออีกเรื่องเจ๋งๆ ที่ไม่ค่อยมีใครรู้
   การไหว้ของผมไม่เคยขอให้ตัวเองร่ำรวยหรือมีโชคลาภแต่อย่างใด ไหว้ทุกครั้งก็คือการขอบคุณท่านที่คุ้มครองปกปักษ์รักษาเป็นที่พึ่งพาทางใจให้แก่คนในชุมชน
   เช้านี้งานกลางๆ ครับ ไม่เยอะเว่อร์ แต่คนงานขาด โดยรวมก็จะทำงานได้ช้าลง วิ่งเข้าออกโกดังอยู่หลายรอบ จัดเรียงสินค้าขึ้นรถ ยกของจนต้องรอลุ้นว่าคืนนี้อาการจะออกไหม
   บ่ายไปธนาคาร ซื้อต้มเลือดหมูกลับไปฝากลูกที่บ้าน ได้ฤกษ์เปิดคอมฯในรอบหลายวัน โอ้โห ไดอารี่ชีวิตค้างคามาหลายวัน ต้องเล่าย้อนหลังอีกแล้วสินะ ไม่ชอบเลย
   
   งานออกแบบ Renovate ตึกแถว 5 ห้องต้องเปลี่ยนแปลนและผังทั้งหมด เจ้าของไม่ชอบไอเดียแรงๆ ของผม ฮ่าๆ กูว่าแล้ว แต่ตอนคุยคอนเสป แนวทางนี่โอเคเลยนะ สงสัยต้องปรับความร้อนแรงลงหน่อย เอาแบบเรียบๆ ไปแทนก็แล้วกัน จะได้ทำใจได้
   
   ไอ้พวกชอบจุดโคมลอยลามมาถึงคนกรุง มีข่าวไฟไหม้หลายจุด มีมาตกในโรงรถแล้วทำให้รถยนต์ที่จอดไฟไหม้ไปถึงสองคัน โคตรซวยเลย รวมถึงไอ้พวกชอบยิงปืน เช้านี้มีคนโดนกระสุนตกใส่หลายคน ดีที่ไม่ตาย โดนหลังคาทะลุบ้าง หนักสุดคนหนึ่งโดนที่ต้นขา ทะลุแบบฝังในต้องผ่าออก
   ข่าวหน้า 1 วันนี้ มีช้างที่เขาใหญ่เหยียบรถนักท่องเที่ยวเพราะไปกดแตร เปิดไฟหน้าใส่มัน
   องคก์การอนามัยโลกประกาศข่าวว่าไทยมีคนตายจากอุบัติเหตุทางถนนเป็นอันดับ 2 ของโลก
   เท่ว่ะ ที่เราผจญภัยอยู่ในเมืองที่อันตรายจนเคยชิน แบบนี้ที่ไหนในโลก เราก็ไม่ต้องกลัวแล้วสินะ
Title: Re: มค 58
Post by: O'Pern on January 05, 2015, 04:20:14 pm
3 มค 58
   ขึ้นปี 58 มาหลายวันแล้วนะ ยังอุตส่าห์เผลอติดมือพิมพ์เป็นปี 57 อยู่สองวัน ไม่ชอบแก้ไขข้อความย้อนหลังครับ เลยปล่อยมันไป
   เช้านี้ขี่จักรยานไป 50 นาที หนาวมากๆ จนต้องใส่เสื้อแบบมีฮู๊ด ไม่รู้จะเย็นแบบนี้ได้สักกี่วันนะ หรือขอแค่เย็นน้อยๆ แต่เย็นนานๆ ลากยาวไปถึงสงกรานต์เหมือนตอนปี 52 ก็ดีสิ
   ช่วงนี้วิ่งน้อยลงมาก หันไปขี่จักรยานแทนเสียหลายวัน เซ็ทติ้งใหม่ขี่สบายดีครับ ไว้ต้องลองทางไกลแบบ 100 กม ดูสักครั้งถึงจะมั่นใจ
   วันนี้ที่ร้านคนงานยังคงขาดงานตั้งแต่เริ่มปีใหม่ ถึงร้านจะเปิดทำงาน แต่ถ้าเขาจะหยุด ใครจะไปทำอะไรเขาได้ ไม่กล้าไล่ออกครับ เพราะคนงานหายาก เขาถือไพ่เหนือกว่าเรา นี่คือกฎข้อแรกของคนอยากเป็นเจ้าของกิจการไม่เคยรู้มาก่อน
เฮ้ยย จู่ๆ ผมก็มีไอเดียทางด้านการจราจรใหม่ครับ คือแทนที่เราจะตัดถนนทำทางลัด ทางเชื่อม แต่ผมมาแนวพลิกโลก คือจะยุบถนนแทน โดยเฉพาะถนนซอกซอยเล็กๆ ในแถบย่านเมืองเก่า
   ผมขี่จักรยานชมเมืองย่านเสาชิงช้า เจอถนนแคบๆ เล็กๆ หลายเส้นถึงขั้นไม่มีทางเท้าหน้าบ้าน คือเปิดประตูบ้านก้าวขาออกมาก็คือผิวการจราจรเลย !!! เฮ้ยย มีจริงนะ ไม่ต้องงง
   ไม่ได้หมายความว่าจะยุบถนนเล็กแคบทุกเส้นล่ะ พิจารณากันเป็นจุดๆ ไปครับ แนวคิดของผมก็คือ “ถ้าไม่มีถนน รถก็จะมาไม่ได้”
   เราอยากจะให้คนใช้รถกันมากๆ  ก็ทำถนนให้เขาใช้แบบสะดวกสบาย
   ถ้าอยากให้คนเดินถนนกันมากๆ ก็ทำทางเท้า ทำทางเดินให้เขาสะดวก
   เช่นกันกับจักรยานครับ ถ้าอยากให้คนออกมาขี่จักรยานกันเยอะๆ ก็ทำสิ่งอำนวยความสะดวกของจักรยานให้มากเข้าไว้
   เห็นแล้วใช่ไหมว่าที่ผ่านมาเราเดินกันผิดทาง เรามุ่งแต่จะให้ความสะดวกแก่รถยนต์เป็นหลักไม่ว่าจะเป็นตัดถนนเพิ่ม ทำทางด่วน ทำมอเตอร์เวย์ ทำทางลัด ฯลฯ ในเมื่อทำความสะดวกให้ผู้ใช้รถ แล้วมึงจะมาบ่นทำไมว่ารถมันเพิ่มเยอะขึ้นเล่า
   หยุดได้แล้วกับการให้ความสะดวกแก่คนใช้รถครับ หันมาให้ความสะดวกแก่คนเดินถนนเป็นอันดับแรกจะดีกว่า ความสะดวกมันต้องเริ่มกันตั้งแต่หน้าบ้านกันเลย ทางเท้าต้องกว้างขวางพอ เดินสะดวก
   ส่วนไอ้พวกมาขี่มอเตอร์ไซค์บนทางเท้าก็จับปรับซะ ถ้าตำรวจไม่ทำ ก็ลองให้ประชาชนเขาถ่ายรูปส่งกันเองสิครับ รับรองว่าคุณจะรับภาพจนเซอร์เวอร์พังภายในวันเดียว
   ออกกฎให้มอเตอร์ไซค์รับจ้างอยู่ได้แค่ในซอย เพราะไอ้พวกนี้คือตัวทำผิดกฎตัวพ่อ คือย้อนศรประจำ และก็จะย้อนอยู่อย่างนั้น ถนนเส้นนั้น ทุกวัน ทุกเวลา
   ในเวลาเดียวกันก็ต้องพัฒนารถเมล์ รถไฟ ไปด้วยนะครับ นี่คือหัวใจหลักของระบบขนส่ง ที่บอกว่าขาดทุนกันมาตลอด ก็ลองโยนหินบอกว่าจะให้เอกชนมาบริหารแทนดูสิครับ รับรองว่าผู้บริหารแม่งวิ่งกันแบบไฟลนก้นเลย เคยได้ยินไหมครับว่าองค์กรขาดทุน แต่ผู้บริหารรวย
   ยากครับ แต่ทำได้ ค่อยๆ ทำกันไป อะไรก็เกิดได้ในยุคของลุงตู่
   
   บ่ายไปรับมิวในห้าง ระหว่างรอก็เดินดูโน่นนี่แบบไร้จุดหมาย แต่ผมไม่ชอบเดินห้าง ไม่เคยรู้สึกสนุกเลยแม้แต่ครั้งเดียว แต่ถ้าเป็นห้างร้านที่ไม่เคยไปก็อีกเรื่องหนึ่งนะ ซื้อครัวซองมาฝากภรรยาและพ่อแม่
   เดินร้านไดโซฯ ซื้อผ้าคลุมเท้ากันหนาวให้แม่ ลักษณะเป็นเหมือนรองเท้า แต่มันไม่เป็นทรงแข็งๆ ใส่นอนได้สบาย แม่จะได้นอนเท้าอุ่นๆ หน่อย
Title: Re: มค 58
Post by: O'Pern on January 05, 2015, 04:21:32 pm
4 มค 58
   พ่อต้องไปธุระที่ลพบุรีตอน 0600 เลยตื่นเช้าตรู่ตั้งแต่ยังไม่ตีสี่ หึหึ ผมพลอยตื่นไปด้วย แต่พอหลับต่อนี่สิ ทีนี้ยาวววว ลืมตามาอีกทีก็ตอน 0630 เฮ้ยย สายเว่อร์แล้ววววว
   เอ๊ะ เช้านี้รู้สึกเย็นน้อยลงแล้วนะ ถ้าเป็นแบบนี้ต่อ พรุ่งนี้ก็คงหนาวน้อยลงไปเรื่อยๆ และรอจนกว่าจะมีลมหนาวระรอกใหม่ลงมาจากทางจีน
   เช้านี้พาภรรยาและลูกไปไหว้พระที่ภูเขาทอง นานทีจะว่างครับ ปกติไม่ค่อยได้เข้าวัดทำบุญอะไรนัก ผมนับถือพุทธแท้ จะให้ความสำคัญกับพ่อแม่เป็นอันดับหนึ่ง กิจกรรมของชาวพุทธแท้ๆ นี่เรียบง่ายมาก แค่ทำบุญตักบาตร นอกจากนั้นก็ไม่มีอะไรมาก มีแค่พิธีตามวันสำคัญทางศาสนา
   พวกกราบไหว้ศาล หรือนับถือองค์เทวรูป อะไรแนวนี้นั่นคือพราหมนะครับ คนไทยเราเปิดรับทุกศาสนา เลยปนกันมั่วไปหมด
   บางอย่างของทางพุทธมันคือกุศโลบาย อย่างเช่นฝังพระเครื่องไว้ใต้ฐานเจดีย์ หรือไม่ก็ไว้บนฝ้าหลังคา ก็เพราะเวลาผ่านไปเป็นสิบเป็นร้อยปี พอขุดเจอ หรือเปิดฝ้าเพดานเจอ ก็นำองค์พระเก่าเหล่านั้นออกมาให้คนนำไปเช่าบูชา เพื่อเป็นการหาเงินมาบูรณะวัด หลักๆ ง่ายๆ มีแค่นี้
   ผมเลือกวัดนี้เพราะความสะดวกเป็นหลักครับ ไม่ได้นับถืออะไรเป็นพิเศษ แค่ชอบบรรยากาศที่มีเจดีย์สีทองสูงเด่นเป็นสง่า มันคือแลนด์มาร์คของกรุงเทพฯ เสียดายตรงที่นักประชาสัมพันธ์ต่างมุ่งไปยังจุดอื่นที่มักจะเป็นสถานที่ของเอกชน เช่นลานเซ็นทรัลเวิร์ด เอเชียทีค ฯลฯ
   ภาพและรูปหล่อจำลองของหอไอเฟลที่คนรู้จักกันทั่วโลก ทำไมเราไม่ทำเสาชิงช้าของเราให้มันดังอย่างเขาบ้างล่ะ ลานโล่งหน้า กทม มันแสนจะเหมาะแก่การจัดกิจกรรม อนิจจาที่เรากลับเอาไว้แค่จอดรถ ปัดโธ่…
   ไหว้พระและถวายสังฆทาน จากนั้นก็ไปไหว้บนยอดเจดีย์สีทองอีกแห่ง นี่ถ้าผมมาคนเดียวหรือพาเพื่อนต่างชาติมา ก็จะใช้เวลานั่งดื่มด่ำกับบรรยากาศอีกพักใหญ่ นั่งนิ่งๆ เงียบๆ อยู่กับใจของตัวเราเอง มันคือการทำสมาธิอีกรูปแบบหนึ่ง
   อาหารเช้าวันนี้ผมพาไปกินร้านอาหารอิสลามชื่อดังของบางลำพู กินตั้งแต่ราคาถูกๆ จนทุกวันนี้อาหารทุกจานราคาเริ่มต้นที่ 45 บาทกันหมดแล้ว สั่งของพื้นๆ มากินกันเลย ข้าวหมกไก่ ซุปไก่ สลัดแขก มะตะบะ ฯลฯ
   การที่เราพาลูกมาสถานที่เหล่านี้มันจะเข้าไปอยู่ในความทรงจำของเขาโดยอัตโนมัติ พอโตขึ้นหากเขาอยากไปวัด เขาก็จะนึกภาพวัดที่ตัวเองเคยไป และเป็นไปได้สูงมากว่าเขาจะไปวัดที่ตัวเองเคยไปสมัยเด็กๆ
   ระหว่างทางเจอนักท่องเที่ยวมากมาย มีหนุ่มสาวคู่หนึ่งยืนถือแผนที่ ผมเลยเสนอตัวให้ความช่วยเหลือ (เห็นไหม ผมได้ฝึกภาษาอังกฤษฟรีๆ) เขาบอกว่าจะไป China Town ผมก็ชี้ทิศให้ เขาบอกจะเดินไป ผมได้ยินแล้วตกใจ
   เฮ้ยย ไกลนะ ใช้เวลาเดินมากกว่า 1 ชม แน่ๆ
   ไม่เป็นไร เมื่อวานพวกเราก็เดินกันไปถึงทางวัดอรุณฯมาแล้ว
   โอเค จัดไปครับ ผมพอจะเข้าใจนักท่องเที่ยว เพราะตัวเองก็ขี่จักรยานท่องเที่ยวและทำงานเขียนมาก่อน
   คือเขาต้องการประสบการณ์ในการเดินทาง และเสพทุกสิ่งอย่างในกรุงเทพฯ ต่างจากคนกรุงเทพฯที่มองไปทางไหนก็เบื่อและชินตาไปหมดแล้ว เลยไม่ค่อยมีความรู้สึกสนุกหรือตื่นเต้นในการเดินทาง
   กินเสร็จก็ไปร้านนิตยาต่อ ร้านนี้ขายอาหารพื้นบ้านพวกน้ำพริกและขนมไทย ชอบมากสิ ขนมหลายอย่างราคาถูกมากๆ เมื่อเทียบกับซื้อในห้างแบบครึ่งต่อครึ่ง หึหึ เรียกว่าซื้อไปแพ็คขายต่อยังได้กำไรอยู่เลย
ขากลับขับผ่านถนนพระอาทิตย์ สนามหลวง สำรวจเส้นทางจักรยานที่ลุงตู่บอกจะเอาจริง ก็โอเคนะ เพราะกั้นรั่วตลอดแนวให้ขี่กันเลย แต่ไม่เห็นจักรยานสักคันเดียว ฮ่าๆ
ตรงหน้าวิทยาลัยนาฏศิลป์ที่ปกติจะมีรถทัวร์จอดกันตลอดเวลา แต่วันนี้มีเลนจักรยานแบบสมบูรณ์แบบแล้ว ทำให้รถบัสย้ายไปจอดฝั่งตรงข้ามที่ไม่มีเลนจักรยานแทน อ้าว เฮ้ยย แค่ย้ายฝั่งจอดรถ แบบนี้ก็เท่ากับย้ายจุดที่รถติด มิน่าเล่า ท้ายแถวยาวไปถึงถนนพระอาทิตย์โน่นเลย
วัดพระแก้วคนหนาแน่นมากครับ แค่ขับผ่านยังต้องใช้เวลาหลายนาที คนมาวันก็จอดรถกันมั่วเลย ก็คงจะเป็นวันปล่อยผีวันสุดท้าย พรุ่งนี้คงกลับมาเข้มงวดกันอย่างจริงจังกันต่อ
ถึงบ้านก็แยกย้ายกันพักผ่อน เลยมีเวลาเปิดคอมฯทำงานเขียนต่อ
พ่อกลับมาถึงบ้านตอน 0330 เฮ้ยย งงเลย มาถึงเร็วกว่าที่คิดไว้มาก พ่อบอกเสร็จงานแล้วก็รีบกลับเลย กลัวรถติด มาถึงบ้านก็นอนหลับทันที พ่อผมอายุ 77 แล้ว แต่ยังชอบขับรถอยู่มาก
เย็นไปหาซื้อเก้าอี้นั่งทำงานในออฟฟิซให้ภรรยา แถวบ้านผมชานเมืองออกจะบ้านนอก ไม่ได้เป็นชานเมืองหรูๆ เหมือนแถบบางนา หรือรังสิตที่เขามีร้านเฟอร์นิเจอร์ใหญ่ๆ เปิดคอยท่าอยู่ แถวบ้านผมมีแค่ห้างเซ็นทรัลพระราม 2
ไปได้ของใน Office Depo ภรรยาชวนกิน MK ขากลับซื้อ Mc ข้าวกระเพราไปฝากมิวด้วยความจำใจ
Title: Re: มค 58
Post by: O'Pern on January 05, 2015, 06:03:17 pm
5 มค 58
   ขี่จักรยานไปหน่อยเดียว เริ่มคุ้นรถแล้ว เช้านี้ไม่ค่อยหนาวเย็นแล้วนะ ขี่รถได้โดยไม่ต้องสวมเสื้อกันหนาว
   น้ำหนักขึ้นมาแบบทีละน้อยๆ ตั้งแต่ก่อนปีใหม่ก็มีขนมมาเพียบ จนได้ข้อสรุปชีวิตเพิ่มอีกข้อสำหรับการคุมน้ำหนักก็คือ การคุมอาหารสำคัญกว่าการออกกำลังกาย
   ต่อให้มึงวิ่งไปเหอะ วิ่งโครตๆ แต่ถ้าวิ่งเสร็จแล้วมาเติมล่ะก็ จบข่าวครับ หรือถ้าเป็นนักปั่นจักรยานแล้วไปอยู่กับแก๊งตระเวณกินล่ะก็ มึงจะยิ่งอ้วน ยิ่งอ้วน ยิ่งอ้วน
   กินเยอะส่งท้ายปี ผลก็คือขึ้นมาอีกโลกว่าๆ หึหึ
   ของกินเก่ายังไม่หมด เมื่อวานไปร้านนิตยาและร้านใกล้เคียงจัดขนมมาอีกเพียบ
   เช้านี้งานเพียบ ของเกลี้ยงหน้าร้าน ต้องไปเบิกในโกดังเอามาจัดเรียง ยกของไปราว 200 ลังแบบขำขำ ยกไปก็ลุ้นไปขออย่าให้เจ็บหลังเลยนะ
   ขี่จักรยานเข้าออกโกดังอยู่หลายรอบ มีลูกค้าหน้าใหม่มาซื้อของหลายราย เพราะร้านอื่นเขาของหมดกัน แต่ร้านผมมีสต็อคชุดใหญ่เอาไว้ขายตอนวันเปิดงานหลังหยุดยาว
   
   บ่ายไปธนาคารออมสิน แม่ให้ไปขอของชำร่วยที่ทางธนาคารจะแจกให้เป็นประจำทุกปี คนเยอะมากครับ ผมเดินเข้าไปแสดงตัว เจ้าหน้าที่บอกให้นั่งคอยก่อน โอเค คอยไป นั่งนิ่งๆ อยู่ 30 นาที ตลอดเวลานั้นก็จะมีพนักงานเดินเอาเอกสารไปวางให้เจ้าหน้าที่คนนี้เซ็นเป็นระยะ มีบางคนมาขอของชำร่วยเหมือนผม แต่เขาได้รับการบริการทันที เฮ้ยย เจ๋งๆ ผมอยากได้แบบนั้นบ้าง แต่เขาบอกให้ผมรอก่อนนี่นา โอเค รอต่อไป
   รอจน 45 นาที จนคนในธนาคารเริ่มน้อย มีเจ้าหน้าที่แผนกอื่นสงสัยว่าทำไมผมนั่งรอนานนัก เขาเดินมาถาม ผมบอกว่ามาขอของชำร่วยของที่ระลึก เจ้าหน้าที่ท่านนี้บอกให้ผมรอ ผมรอมาตั้งแต่บ่ายสองแล้วครับ
   เงียบ อึ้งกันทั้งธนาคาร เพราผมพูดเสียงค่อนข้างดัง
   เท่านั้นแหละ เจ้าหน้าที่โต๊ะข้างๆ ถึงบอกให้พนักงานช่วยมารับบริการผมก่อน ขั้นตอนการเบิกของใช้เวลาราว 2 นาทีเสร็จ
   เอา 50 นาทีของกูคืนมา
Title: Re: มค 58
Post by: O'Pern on January 07, 2015, 06:11:28 pm
6 มค 58
   ขี่จักรยาน 30 นาที ช่วงนี้ห่างเหินการวิ่งไปนาน รู้สึกได้ชัดเจนว่าพุงมันเริ่มจะไม่ลงแล้ว แต่อยากขี่จักรยานเพราะต้องการวอร์มก้นให้คุ้นกับการโดนกดทับนานๆ
   อาหารเช้าแบบโคตรเจ๋ง ผัดผักรวมกับข้าวกล้องและไข่ต้ม แค่นี้แหละครับ เจ๋งโคตรๆ สำหรับผมแล้ว พยายามหัดเคี้ยวนานๆ คำละ 30 ครั้ง ยังทำได้บ้าง ไม่ได้บ้าง ต้องมีสมาธิมากจริงๆ ครับ เรื่องกินนี่ละเอียดอ่อนมากเลยนะ
กลางวันมีนัดเคลียร์ปัญหาหัวใจที่ สน บางคอแหลม นัดเจอกันทั้งกลุ่มกรรมการคอนโด (ชุดเก่า) ที่คอนโดไอวี่ แล้วนั่งรถตู้ไปด้วยกัน โดยมีผู้จัดการนิติฯ ชื่อ “พี่หมอ” ช่วยไปร่วมเคลียร์คดีความทั้งหมดกับทางตำรวจให้พวกเรา แต่เจรจาแล้วยังไม่ลงตัว มีทนายมาช่วยดูให้ เลยได้ข้อสังเกตว่ากรมควบคุมมลพิษเขาแจ้งความผิดคน คือเขาต้องไปฟ้องบริษัทนิติฯที่บริหารอาคารในขณะนั้นต่างหาก ไม่ใช่มาฟ้องกรรมการ เพราะกรรมการจ่ายเงินจ้างนิติฯมาบริหารอยู่แล้ว
   รถตู้กลับมาส่งคอนโด เลยได้ฤกษ์จ่ายเงินค่าส่วนกลางของปี 58 เอ๊ะ ปี 57 นี้ผมก็ยังไม่ได้มาค้างที่นี่เลยสักคืนอีกแล้ว สองปีก่อนก็ไม่ได้ค้าง เฮ้ยย มีห้องไว้ปัดกวาดเช็ดถูอย่างเดียวเลยหรือวะนี่
   เสร็จธุระก็ชวนเพื่อนๆ คณะกรรมการที่ว่างนั่งคุยกันต่อตามประสาเพื่อนเก่าที่ห้องอาหารริมสระว่ายน้ำ มีแจ๊ค และมากิ แจ๊คพักที่คอนโด ส่วนมากินี่เหมือนผมมาก คือซื้อห้องทิ้งไว้เฉยๆ นานๆ หลายๆ เดือนจะมาสักครั้ง
เย็นช่วยมิวจัดกระเป๋าเตรียมตัวเข้าค่ายลูกเสือในวันพรุ่งนี้ ผมปล่อยให้มิวเขาจัดของเองก่อน แรกๆ เขาหยิบอะไรได้มาก็จับยัดลงเป้ จนผมต้องบอกว่าอย่าเพิ่ง ให้เอาของมากองเรียงกันไว้จนครบทุกอย่าง แล้วค่อยตรวจเช็คซ้ำอีกรอบ จากนั้นค่อยแพ็คลงเป้
   คราวนี้ไปค่ายลูกเสือ นอนในบ้านพัก ค่อยยังชั่วหน่อย ไม่ต้องแบกถุงนอน และอุปกรณ์ชุดใหญ่
Title: Re: มค 58
Post by: O'Pern on January 07, 2015, 06:13:59 pm
7 มค 58
   มิวตื่นแต่เช้า รีบออกจากบ้านไปโรงเรียน รถออกตอน 0700 มิวไปถึง 0630 มีผู้ปกครองใจดีนำอาหารไปแจกเด็กตอนเช้าอีกด้วย สุดยอดมากๆ เลย เห็นแล้วเกรงใจครับ เพราะตัวผมเองยังแทบไม่ค่อยได้ไปร่วมกิจกรรมของโรงเรียนมากเท่าไหร่นัก น่าอายจริงๆ เลยว่าจะหาโอกาสขอร่วมบริจาคเงินเอาไว้เป็นกองทุนกองกลางสำหรับเด็กๆ ตอนทำกิจกรรม
   ยังคงสาละวนขนของออกจากโกดังมาขายที่หน้าร้านครับ เพราะบริษัทสินค้าเขาขาด เนื่องจากหยุดยาวและทางโรงงานส่งให้ไม่ทัน แต่ร้านผมมีประสบการณ์มาหลายปีแล้ว เลยสต๊อกสินค้าไว้เพียบ จะเหนื่อยตรงที่ต้องออกแรงยกแบกกันเยอะหน่อย
   ยกของแต่ละครั้งผมต้องใช้สมาธิสูงครับ วางตำแหน่งการยืน การย่อตัว ฯลฯ กลัวจะเจ็บหลังอีกรอบครับ ถ้าเจ็บอีกครั้งนี่ไม่รู้จะเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วนะ เกิน 5 แล้วมั้ง
   ไม่เป็นไรครับ ทำเพื่อคนอื่น โดยเอาร่างกายของเราเข้าแลก ไม่รู้เรียกว่าคุ้มหรือไม่ แต่มันก็สุขใจ และผมเต็มใจทำครับ แม้ในใจลึกๆ จะบอกว่าผมโคตรเกลียดงานแบบนี้เลย
   ใจสองด้านของผมมันคิดไปคนละทาง ถ้าคิดในมุมของตัวเองแล้วผมอยากทำงานอื่นมากกว่า สร้างสรรค์กว่า ได้เงินเยอะกว่า มีความสุขกว่า
   ทำงานอื่น ผมจะได้สิ่งที่ผมรัก แต่ถ้าทำงานนี้ ผมจะได้ช่วยแบ่งเบาภาระของพ่อแม่
   เจอคำนี้ไปคำเดียวแม่งจบข่าวเลย
   แต่ก็อยากให้มันจบที่รุ่นของผมนะ เลยบอกลูกเสมอว่าให้ลูกไปทำงานอย่างอื่น ถ้าอยากทำธุรกิจส่วนตัว เป็นเจ้าของกิจการก็ทำด้านอื่น ที่มันไม่ต้องพึ่งพาแรงงานคนมากๆ อย่างนี้
   ผมใช้ชีวิตเหมือนเป็นวันสุดท้ายที่จะได้หายใจไง ก็เลยได้ความคิดแบบนี้ออกมา สองวันก่อนพ่อของเพื่อนได้เสียชีวิตไป เพื่อนที่ผมค่อนข้างสนิทมากตอนเรียน รู้สึกเห็นใจ พอหันมามองตัวเองก็ยิ่งมั่นใจว่าเราเดินมาถูกทางแล้ว เลือกพ่อแม่ก่อนที่จะเลือกทำตามความฝันของตัวเอง
   แม้ในใจลึกๆ มันแสนจะเจ็บปวดก็ตาม
   ผมเลยบอกกับมิวว่า หากมิวอยากจะทดแทนบุญคุณพ่อแม่ล่ะก็ จงไปตามหาฝันของลูกให้เจอ และทำให้มันดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ พ่อขอแค่นี้

ตลอดวันนี้ผมเฝ้าหน้าจอไอแพดดูความเคลื่อนไหวของลูกที่มีผู้ปกครองอาสาเป็นพยาบาลติดตามกลุ่มเด็กนักเรียนไปด้วย เธอช่วยถ่ายภาพเล่าบรรยายตลอดตั้งแต่เช้าจรดเย็น สุดยอดเหลือเกิน เหมือนได้ดูถ่ายทอดสดยังไงยังงั้น
Title: Re: มค 58
Post by: O'Pern on January 08, 2015, 05:34:01 pm
8 มค 58
   ตื่นแต่เช้าก็จริงนะ แต่ไม่ได้วิ่งเสียนาน โรคขี้เกียจมาหาเฉยเลย ขี้เกียจแค่วิ่งนะ ไม่ได้ขี้เกียจขี่จักรยาน ไม่ได้ขี้เกียจตื่น แปลกดีไหม
   คงเพราะเดือนก่อนอ่านหนังสือเยอะ เจอบทความที่บอกว่าออกกำลังกายหนักมากเกินไปร่างกายจะเสื่อมโทรม จิตตกเลย ไม่แน่ใจที่เราวิ่งทุกวันๆ ละ 1 ชม เรียกว่าหนักหรือเปล่า
   หรืออย่างก่อนหน้านั้นก็เจอบทความทีสอนวิ่งแบบลงฝ่าเท้า แนว Front Foot Running ก็น่าสนใจดี อย่างน้อยก็ลดการเสื่อมของข้อเข่าได้ แบบนี้โอเคเลยนะ
   เฮ้ยย นี่ครบรอบ 1 ปีที่ผมเริ่มวิ่งแล้วหรอ ครบไปตั้งแต่เมื่อวานแล้วล่ะ แต่ตัวเองลืม
   0500 ฝนเทลงมาโครมใหญ่ เลยได้ข้อสรุปว่านอนต่อครับ แต่ตกแป๊บเดียวนี่สิ ไม่ถึง 10 นาทีเลย
   ลงมาลานหน้าบ้านก็ได้ออกแรงชุดใหญ่ ภรรยาไปซื้อของจากแมคโครเอามาขายที่ร้าน ผมยกของทั้งหมดลงมาจัดวางกองเรียงเตรียมนำส่งขึ้นรถคนงานที่จะออกไปตอนเช้า
   ไอ้ของพวกนี้หนักมากเลยนะ แม้จะแค่ 30 ลัง แต่มาตัดกำลังเราตอนเช้า แถมร่างกายยังไม่ได้วอร์มอะไรเลย ยกไปก็กลัวเจ็บหลังไป แต่ในที่สุดก็รอดมาได้ เย้ๆ

   พยากรณ์อากาศบอกว่ากรุงเทพฯมีโอกาสฝนตก 20% หึหึ ไอ้ทั้ง 20% นี่มันคงจะมาอยู่ย่านฝั่งธนแถวบ้านผมหมดเลยมั้ง เพราะมืดมิดตลอดวันเลย
   เฮ้ยย มืดมิด
   จำได้หรือเปล่าตอนปลายเดือนธันวาคมที่มีข่าวว่านาซ่าเขาบอกโลกจะมืด
   ตอนนั้นผมทำนายว่าผมไม่รู้เรื่องอะไรหรอก แต่ถ้าโลกจะมืด หรือมีอะไรมาบดบังดวงอาทิตย์มันก็ทำได้อย่างเก่งแค่มืดครึ้มๆ เหมือนมีเมฆมากเท่านั้นเอง
   อันนี้ก็ไม่รู้ข่าวจริงข่าวลวงนะ อยากให้ไอ้พวกแก๊งแชร์จังช่วยติดตามข่าวที่พวกมึงชอบแชร์กันด้วย แชร์ผิดแชร์พลาดแล้วไม่เห็นค่อยออกมาแก้ข่าวกันเลย ปล่อยให้พวกกูลืมๆ กันไปงั้นหรอ
   ผมใช้เฟซบุ๊คมาประมาณ 2 ปี แรกๆ ก็โอเค ปีหลังๆ นี้เข้าใจแล้วว่ามันคือข่าวลือ ข่าวลวงเสียเยอะ แก๊งค์แชร์จังนี่แม่งมีกันเยอะมากเลยนะ
   “วีโก้โดนขโมย มีเด็กติดรถไปด้วย ช่วยแชร์ด่วน”
   “น้องคนนี้หายไปจากเชียงใหม่ พ่อแม่เป็นห่วงมาก ช่วยแชร์ด้วย”
   ได้ข้อสรุปแล้วล่ะครับ ไอ้นี่มันก็คือข่าวแนว Fw Mail เก่าๆ นั้นเอง มันมาทำนองเดียวกันน่ะ อาจจะไม่เหมือนกันเป๊ะ ผมเล่าเท้าความให้นึกภาพออกกันเฉยๆ
   คิดก่อนเชื่อ ไตร่ตรองก่อนแชร์ แล้วจะไม่เสียคนครับ
Title: Re: มค 58
Post by: O'Pern on January 14, 2015, 06:26:36 pm
 9 มค 58
                วันนี้ผมอยู่เฝ้าร้านขายของตั้งแต่เปิดจนปิด ซัดไป 12 ชม ขำขำ 0800-0800
   มิวกลับมาตอนเย็น คล้ำโทรมอย่างเห็นได้ชัด แต่ได้ฝึกวิชาลูกเสือหลายด้าน ล้วนแล้วแต่เป็นทักษะการยังชีพในป่า เห็นแล้วน่าสนุกดี
   วันนี้เงียบเหงาหน่อยนะ อยู่ร้านขายของ ไม่มีอะไรให้เล่ามากนัก มีแต่งานแบกยกของล้วนๆ
Title: Re: มค 58
Post by: O'Pern on January 14, 2015, 06:28:26 pm
10 มค 58
   ขี่จักรยานไปได้หน่อยเดียว หมดเวลาชีวิตแล้ว อากาศหนาวมันหมดไปแล้วหรือนี่
   วันเด็กครับ แต่มิวไม่ได้ขอให้พาไปไหนเหมือนเมื่อก่อนแล้ว คงเริ่มโตแล้ว เริ่มมองเห็นภาพชีวิตจริงบ้างแล้ว แต่วันเด็กก็ยังคงเป็นวันเด็กครับ ผู้ใหญ่ก็จัดกิจกรรมแจกของเหมือนๆ เดิม ทุกหน่วยงานใหญ่ๆ ล้วนมีกิจกรรมวันเด็กหมด แต่เชื่อเถอะนะ พรุ่งนี้แม่งก็ลืมเด็กแล้ว
   ที่น่าตลกมากอันหนึ่งก็คือที่ท่าเรือจุกเสม็ดที่จอดเรือหลวงจักรีนฤเบศร วันนี้คนจะแน่นโคตรๆ ชนิดที่จอดรถกันแล้วต้องเดินเป็นกิโล
   มันตลกก็เพราะว่าเรือจักรีนฤเบศรนี่เขาเปิดให้ชมกันทุกวัน !!! เอ็งมาวันไหนก็ได้ มาเมื่อวานก็แทบจะไม่มีคนเลย หรือมาพรุ่งนี้คนก็น้อยลงจนเหลือแค่ไม่ถึง 5% ของวันนี้
   บ่ายขี่จักรยานไปซื้อก๋วยเตี๋ยวให้แม่กิน แต่ก๋วยเตี๋ยวไม่ขายเลยซื้อก๋วยจั๊บมาแทน มันมีก๋วยเหมือนกัน น่าจะพอใช้ได้ ซื้อมาถึงแล้วแม่บอกมันถุงใหญ่ กินไม่หมด เลยแบ่งกันคนละครึ่ง
   มิวโทรมาบอกว่ากำลังจะออกจากสยามแล้วนะ ผมเลยไปรอที่เดอะมอลล์ท่าพระ ทำใจไว้แล้วว่าต้องรอยาวไกลแน่ เคยรอถึง 7 ชม มาแล้ว หึหึ
   ขณะรอก็เดินดูโน่นนี่ไปเรื่อยครับ ดูกันจนเบื่อ ดูแม่งทุกแผนก วันนี้ไปหาแรงบันดาลใจในการออกแบบจากแผนกเครื่องครัว ก็แปลกๆ ดีนะ แต่ผมมาแนวนี้แหละ อยู่ที่ไหนผมก็สามารถหาประโยชน์จากมันได้ โดยเฉพาะตอนไปเที่ยวสถานที่แปลกๆ ถ้าไปคนเดียวนะ ผมชอบที่จะนั่งเฉยๆ นิ่งๆ พิจารณาสิ่งต่างๆ รอบตัว
   นั่งเฉยๆ ปล่อยจิตให้นิ่ง สักพักจิตนาการจะออกมาเอง
   เดินดูแผนกรองเท้า ชอบ Adidas รุ่นเก่าๆ ที่หัวเป็นแบบ toe shell มองมาหลายเดือน จนวันนี้มันหายไปแล้ว หึหึ ภรรยาคะยั้นคะยอให้ซื้อนะ แต่ผมไม่เอา คู่เก่าเรายังไม่พังมากนักไง เลยเสียดายเงิน
   กับตัวเองผมถึงขั้นโคตรงกเลยนะ แต่กับพ่อแม่ ภรรยาลูก หรือคนรอบข้างนี่ผมจะเต็มที่ ยิ่งรู้ว่าต้องเก็บเงินให้มิวเรียนการบินด้วยแล้วนี่ไปกันใหญ่เลย รถยนต์นี่ยังไม่อยากเปลียนเลย อะไรประหยัดได้ก็ต้องทำไว้ก่อนแหละครับ
   วันนี้รอมิวแค่ 4 ชม เดินกันเมื่อยขาเลย หิวนะ แต่เจอของกินแพงๆ ก็รู้สึกเสียดายเงิน คงต้องอยู่ในโหมดประหยัดไปอีกหลายปี แต่พอเห็นลูกใช้เงินทีเราแม่งแทบน้ำตาไหล
Title: Re: มค 58
Post by: O'Pern on January 14, 2015, 06:31:12 pm
11 มค 58
   เฮ้ยย หนาวมาก ๆ ๆ ๆ เย็นแบบวูบเลย รู้สึกแปลกดี นานๆ มีแบบนี้ที วันก่อนยังบ่นร้อนอยู่เลย
   ภรรยาตืนแต่เช้ายอมอดไปวิ่งเพื่อจัดเตรียมของใส่บาตรให้ผม ทำอาหารกันเองแบบง่ายๆ กุ้งทอดกระเทียมพริกไทย กับข้าวสวยธรรมดานี่แหละ มีน้ำดื่ม พร้อมผลไม้ครบ
   เออ ไอ้การใส่น้ำดื่มให้พระนี่เพิ่งจะมีมาไม่ถึง 20 ปีมานี้เองแหละนะ เท่าที่จำได้มันมาจากการบอกเล่าของคนที่เคยบอกว่าตัวเองเสียชีวิตไปแล้ว เขาบอกว่าตายไปแล้วรู้สึกหิวน้ำมาก มีคนให้อาหาร (ใส่บาตร) แต่กลับไม่มีน้ำดืมเลย
   เท่านั้นแหละครับ ภาระของพระสงฆ์ที่ออกบินฑบาตรทันที จากเดิมย่ามใบเดียวกับบาตร ตอนนี้ต้องมีย่ามหลายใบ พร้อมเด็กวัดที่ขีมอเตอร์ไซค์ตาม
   ใส่บาตร 9 ชุด เสร็จแล้วชวนกันไปตลาดหาซื้อปลาไปปล่อย อ้อ ปลาที่ปล่อยนี่ต้องดูสายพันธุ์ของมันด้วยนะ ปลาช่อน ปลาดุกนี่ปล่อยในแหล่งน้ำจืดทุกชนิดได้ มันอึด แต่ถ้าเป็นปลาหมอก็ต้องเลือกกันหน่อย ส่วนหอย เต่า นี่ต้องปล่อยในแหล่งน้ำแบบหนอง บึง ที่มีชายขอบเป็นดินเลน ให้หอย และเต่ามันหากินได้ ไม่ใช่ไปปล่อยในแม่น้ำ แบบนี้จะกลายเป็นทำบาปเสียเปล่าๆ มันตายแน่ๆ
   ปล่อยปลาดุกไป 9 ตัว ตัวอ้วนๆ ใหญ่ๆ เลย พาภรรยาไปปล่อยที่วัดบุคคโล วัดริมน้ำ เสร็จแล้วก็นังริมน้ำดื่มด่ำบรรยากาศในแบบที่ผมชอบ เช้านี้ลมแรงมาก นั่งริมน้ำรับลมจนหนาวสั่น เปลี่ยนเป็นไปเดินเล่นชมวัดที่เขาสร้างเป็นดาดฟ้า สวยดีนะ เจอบรรยากาศหนาวๆ แบบนี้ยิ่งสุดยอดมาก แต่เสียดายตรงที่นกพิราบเยอะ ทำให้ขี้ของมันเลอะเทอะไปหมด น่าสงสารคนที่ต้องคอยเก็บกวาดจริงๆ
   เพิ่งจะ 0700 เอง ไม่รู้ไปไหนต่อดี พาภรรยาไปกินก๋วยเตี๋ยวร้านเดิมแถวบ้านก็แล้วกัน ขากลับซื้อบะหมี่แห้งไปฝากมิวด้วย
   ถึงบ้านก็นั่งคุยกับพ่อแม่พักใหญ่ พูดคุยเรื่องทั่วไปนี่แหละ อยู่บ้านเดียวกัน อยู่ด้วยกันทุกวัน แต่บางทีก็ไม่ได้เจอหน้ากันเลย เข้าออกสวนเวลากัน บางทีอยู่ในบ้านแล้วเราก็อยู่กันคนละมุมของบ้าน
   วันนี้มีทริปหัวหินของชมรมสวนธนฯ ซัดกัน 200 กม เช้าจรดเย็น แต่ไม่ค้าง ไปด้วยกันแต่กลับกันเอง ใครจะกลับกับกลุ่มก็ต้องจองที่นั่งไว้ก่อน
   ช่วงเช้าเลยเห็นนักจักรยานมากมายขี่ผ่านย่านพระราม 2 นั่งดูกันเพลินไปเลย ผมไม่กล้าไปทริปยาวไกลแบบนี้ครับ กลัวขี่ไม่ไหว ไม่อยากเป็นภาระคนอื่นให้เขามาดูแลเรา เลยยิ่งมั่นใจว่าเราขี่ของเราคนเดียวแบบนี้แหละ ดีแล้ว
   อยู่บ้านตลอดวัน บ่ายแม่ซื้อข้าวเหนียว ส้มตำ ไก่ย่าง ซัดไปตอนบ่ายสาม อิ่มแน่นเลย
   และแล้ว วันเกิดที่เงียบเหงาก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว

   ข่าวเด่นวันนี้ ขอก็อปข้อความมาจากเวปของ “เสธ น้ำเงิน”
   วันที่ 11 ม.ค.58 ปูติน สั่งติดตั้งขีปนาวุธ รอบกรุงมอสโค และตอนกลางประเทศรัสเซียแล้ว

หลังปีใหม่เป็นต้นมา ประธานาธิปดีปูติน สั่งการให้กองทัพรัสเซีย นำขีปนาวุธ S-4...00 Triumph (S-21 Growler) ที่ทันสมัย มาติดตั้ง พร้อมทหารจุดละ 4 นาย เพื่อใช้ป้องกันภัยทางอากาศรอบเมืองหลวงกรุงมอสโค และโรงงานอุตสาหกรรมทางตอนกลางของประเทศ

ประเทศรัสเซีย ไม่ได้จัดงานวันเด็กเหมือนในประเทศไทย แต่ก็ไม่ใช่เครื่องทำความอบอุ่นให้ร่างกาย ไม่รู้ว่าพี่หมีขาวปูติน ได้กลิ่นอะไรมา จึงสั่งระดมขีปนาวุธนี้เร่งมาติดตั้ง พร้อมรับคำสั่งยิงจากศูนย์บัญชาการทางทหารใหม่ ที่อยู่ลึกลงไปใต้ดิน และปูติน ลงไปทำงานแล้ว

แต่ที่น่าสนใจคือเรือดำน้ำล่องหนรุ่นใหม่ (หมายถึงตรวจด้วยเครื่องมือไม่พบ) ของรัสเซีย ได้เข้าประจำพิกัดที่แมกซิโก และในทะเลรอบ EU แล้ว...ไม่รู้ไปทำประมง ยิงนก ตกปลา แถวๆ นั้นหรือเปล่า หรือ อาจพาคู่บ่าว สาว ไปถ่ายเวดดิ้ง แต่งงานใหม่ใต้ทะเล และดำน้ำดูปะการัง

แต่หากพี่หมีขาว ขาด แห อวน พร้อมข้าวเหนียว ไก่ย่าง ก็สั่งอาหารไปตุนไว้ได้เลย เพราะเพิ่งแอบส่งผู้บริหารรัสเซีย มาพบไทยผู้นำไทยไปแล้ว เพื่อสั่งซื้ออาหาร และสิ่งจำเป็นครองชีพต่างๆ..คงเตรียมเข้าค่ายแคมป์ปิ้งลูกเสือมั้ง (^_^)
Title: Re: มค 58
Post by: O'Pern on January 14, 2015, 06:33:20 pm
12 มค 58
   อายุเพิ่มขึ้นอีก 1 ปี แต่ประเมินสภาพโดยรวมแล้วยังรู้สึกเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปในด้านบวกเลยสักนิด
   เช้านี้ได้รับของขวัญวันเกิดด้วยการไปยกของแบบจัดเต็ม ผมไม่เคยยกของหนักและมากแบบนี้มาเป็นปีแล้ว วันนี้คนงานขาด ผมเลยต้องรับผิดชอบแทน
   ยกไปก็ต้องเกร็งหน้าท้องไปด้วย ให้กล้ามเนื้อมันช่วยพยุงกระดูกสันหลัง สินค้าที่หนักที่สุดในร้านคือหนักลังละ 25 กก ผมยกแบบนี้ขึ้นรถ 50 ลัง ตามด้วยสินค้าที่หนัก 23 กก อีก 40 ลัง และมีแบบลังละสิบกว่า กก อีก 80 ลัง ทั้งหมดนี้จัดซัดรวดเดียว อากาศยามเช้าหนาวๆ มีลมแรง แต่ผมยกจนเหงื่อออกเป็นเม็ดๆ อยู่ริมถนน
   บ่งตง โคตรเกลียดงานที่แม่งใช้แรงงานอย่างนี้เลยครับ
   นี่ถ้าหลังเจ็บภายในวันสองวันนี้ก็ไม่ต้องสงสัยอะไรแล้วล่ะ ตอนยกก็ลุ้นไปตลอดทางว่าจะรอดไหม แขม่งพุง ย่อตัวต่ำ ใช้แรงจากขาให้มาก
   ยกของขึ้นรถเตรียมจัดส่ง แล้วยังต้องมายกของขายหน้าร้านอีกด้วยนะ เจอคนมารับสินค้าทีหนึ่ง 50 ลัง แบบนี้ก็เหนือยหน่อย แต่ก็ต้องอดทนครับ เรามีเป้าหมายของเราที่ชัดเจนอยู่แล้ว
   
   บ่ายขี่จักรยานไปทางฝั่งพระนคร เอากล้องถ่ายวีดีโอแบบ Mini DV ไปซ่อมที่ร้านช่างดำ ย่านนั้นกำลังก่อสร้างรถไฟฟ้าครับ ยานพาหนะที่เร็วที่สุดก็คือจักรยาน เพราะขนาดมอเตอร์ไซค์ยังติดแหง็ก จักรยานนี่ยังพอขี่ช้าๆ บนทางเท้าได้บ้าง แต่ต้องขี่ด้วยความเกรงใจคนเดินด้วยนะครับ เจอผู้คนก็ลดความเร็ว และหลบเขาก่อน ไม่ใช่ขี่ร่อนมุดไป แบบนั้นแม้จะไม่ชนก็เถอะ แต่มันไม่สุภาพ
   ตรงข้ามร้านช่างดำคือร้านกาแฟยุคบุกเบิก ไอ้คนที่ชอบใช้คำว่า “ในตำนาน” น่ะ มันฟังดูแล้วเท่ แต่มันเกร่อ ร้าน “ออน ล็อค หยุ่น” นี่ครับ ตัวจริงต้นตำหรับโก๋หลังวัง แดง ไบเล่ย์ จ๊อด เฮาดี้ ปุ๊ ระเบิดขวด ยุค 2499 นั่นแหละครับ ตัวจริง เสียงจริง เขามารวมตัวกันที่ย่านนี้
   น่าตกใจที่เห็นมีการทุบตึกแถวที่ติดกับ ออน ล็อค หยุ่น ผมสอบถาม “พี่ฝน” ร้านช่างดำ เขาบอกว่าทุบเท่าที่เห็นนี้แหละ ร้าน ออน ล็อค หยุ่น ไม่ได้ทุบ
   น่าเสียดายรูปแบบตึกสวยๆ เก่าๆ ครับ ของเดิมเป็นตึกแถวสองชั้นยาวไปจนถึงเฉลิมกรุง ตอนนี้เหลือเพียงแค่ 3 ห้องเท่านั้น ด้านที่ติดกับดิโอสยาม น่าเสียดายจริงๆ
   เลยไปซื้อแบตฯ รีโมท แถวสะพานเหล็กต่อ ร้านนี้ขายถูกสุดๆ แล้ว “พี่เชอรี่” “เทพแห่งแสงไฟ” เป็นคนแนะนำผมมา เป็นร้านขายอะไหล่นาฬิกาเล็กๆ แคบๆ อยู่ปากตรอกติดกับร้านก๋วยเตี๋ยวเก่าแก่ ดูน่ากินดี ไว้ว่างๆ มาลอง
   ไปหาซื้อแบตฯรีโมท และ CR2025 เอาไว้ใช้กับรีโมทรถของพ่อ ส่วนพวกเราชาวจักรยานจะนิยมเบอร์ CR2032 ไอ้นี่ผมจัดมาเป็นถาดเลย ใช้ไปเยอะกับพวกไฟส่องสว่าง มาตรวัดความเร็ว เครื่องชั่งน้ำหนัก ผมว่าเบอร์ CR2032 นี่ใช้กันเยอะสุดแล้วนะ
   ขากลับขี่ผ่านเวิ้งนาครเขษมสักหน่อย ได้ข่าวจะทุบและสร้างมหาโปรเจคอีกแล้ว บ้านเรือนสวยๆ ก็โดนทำลายไป ของใหม่เกิดมาแม่งดูไม่ได้เล้ยยย จะมีที่พอเข้าท่าหน่อยก็คือดิโอลสยามนี่แหละครับ เขาปล่อยพื้นที่รอบนอกเปิดโล่ง เลยดูโปร่ง สบายตา
   กลับเข้ามาบ้านเอาช่วงเย็น อัปเดทชีวิตในไอดารี่ย้อนหลังสักเล็กน้อยสลับกับทำงานออกแบบจากโปรเจคที่ต่อเนื่องจากปีที่แล้ว
   ข่าวเด่นวันนี้คือพวกชอบแชร์ส่งต่อข้อความมั่วๆ เนื่อหาทำนองว่าอีกสองวันอากาศจะเย็นลงจัดกว่าเดิมอีกถึง 10C เพราะมีวงโคจรของดาวหางอะไรก็ไม่รู้เข้ามาเฉียดโลก อเมริกาโดนไปแล้ว -20C
   อืมม อเมริกาเขามีเมืองที่หนาวๆ เป็นประจำอยู่แล้วล่ะนะ อย่าง Wisconsin นี่ –40 ก็ยังเคยมีอยู่หลายปี อย่างคืนก่อนไทยเราลดลง 6-8C มาแล้ว ยิ่งอยู่บนยอดเขา อยู่ในป่ายิ่งหนาวเข้าไปใหญ่ เพราะมันมีความชื้นเข้ามาเอี่ยวด้วย
   ผมว่าข่าวนี้มั่วชัวร์ครับ
Title: Re: มค 58
Post by: O'Pern on January 14, 2015, 06:35:31 pm
13 มค 58
   เช้านี้เริมกลับมาฟิตอีกครั้ง เริ่มจากกายบริหารที่หน้าบ้าน สูดลมหายใจเข้าออกตามจังหวะก้าวเดิน 10 รอบ เดินหน้า เดินถอยหลัง เดินเร็ว เอาแม่งหลายๆ อย่างเลย จัดไปขำขำแค่ 30 นาที อากาศหนาวเย็นมากจนต้องใส่เสื้อแบบมีฮู๊ด ลมก็แรง
   โชคดีโครตๆ ที่หลังไม่เจ็บ และโชคดีอีกเช่นกันที่คนงานมากันครบ แถมวันนี้มีคนงานเก่าชื่อ “อุทัย” มาขอทำงานใหม่ เมื่อก่อนที่อยู่ด้วยกันเขาขยันขันแข็งมาก แต่มาวันนี้กลายเป็นติดเหล้า โทรม ผมบอกว่าให้รับเอาไว้ ผมมีแนวคิดว่าหากใครมาขอพึ่งพาเราควรช่วยเขา ส่วนใครมาอยู่แล้วไม่ชอบ จะไป ก็ไม่ว่าอะไรกัน
   เอาผลไม้จากบ้านมากินกล่องใหญ่ ส้มเขียวหวาน องุ่น กล้วย ซัดจัดไปขณะท้องว่างจะดีมากๆ ครับ
   บ่ายมีนัดถกปัญหาหัวใจกันอีกที่ สน บางคอแหลม ตอนแรกผมคิดว่าที่ตั้งอยู่ถนนเจริญกรุงแถวๆ เอเชียทีคเสียอีก ที่ไหนได้ มันอยู่ใกล้ๆ คอนโดนี่เอง อยู่ติดกับ สน ราษบูรณะ น่าแปลกมากๆ คือมันมี สน สองอันอยู่ติดกัน เฮ้ยย งง คนเข้ามาก็จะเจอ สน ราษบูรณะก่อน แล้วก็คิดว่าจบแค่นี้ แต่เปล่าเลย ขับเลยถัดเข้าไปอีกนิดจะเจอ สน บางคอแหลม โหห โคตรลวงเลย
    ได้ “พี่หมอ” (ผู้จัดการนิติฯ) มาช่วยเจรจาและตอบคำถามตำรวจนี่ค่อยยังชั่วหน่อย เพราะผมไปไม่เป็นจริงๆ แต่พี่หมอทิ้งท้ายว่าหากทำงานร่วมกับกรรมการชุดใหม่นี้ไม่ได้ เขาก็คงต้องไป
   อ้าว เฮ้ยยย พี่หมอ อย่าเพิ่งทิ้งกันไปสิ
   คุยกับพี่หมอเริ่มบ่อยขึ้นกลายเป็นสนิทสนมกันมากขึ้น แนวคิดบางอย่างของเราตรงกัน เริ่มแปลกใจ เอ๊ะ มายังไงกันนี่ มีคนคิดคล้ายผมด้วยหรือ เรื่องแรกที่คุยกันคือตอนไหว้พระทั้งผมและพี่หมอไม่เคยขอสิ่งของ ขอให้ร่ำรวย ขอโชคลาภ ไม่เคยร้องขออะไรให้ตัวเองเลยสักอย่าง สิ่งที่เราขอเพียงอย่างเดียวตอนไหว้พระนั่นคือ “ขอให้สิ่งที่ผมทำลงไปทุกอย่างคือสิ่งที่ถูกที่ควร” ผมคิดและทำแบบนี้มาตลอดตั้งแต่เด็ก ไม่เคยบอกใคร ไม่เคยเล่า จนมาคุยกับพี่หมอนี่แหละ
   คุยไปคุยมา อ้าว พี่หมอคือ OSK 97 เอาแล้วไหมล่ะ เจอคนกันเองอีกแล้ว
   พี่หมอเก่งด้านการลงทุน มีแนวคิดเป็นของตัวเอง เป็นคนน่าสนใจมากๆ ผมคงต้องหารือสิ่งต่างๆ ในชีวิตกับพี่หมออีกเยอะมาก ยินดีที่ได้รู้จักจริงๆ ครับ นานๆ จะเจอคนคุณภาพแบบนี้สักครั้ง
   มาลงบันทึกประจำวันมามาให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ พร้อมยื่นเอกสารโดยวันนี้มีทนายมาช่วยร่าง เนื่อหาบอกว่ากรรมการที่ถูกกล่าวหาไม่ใช่ผู้ต้องหา คนที่เป็นผู้ต้องหานั้นคือผู้จัดการนิติฯในขณะนั้น ซึ่งคือคนของบริษัท SMC กรรมการคือคณะทำงานแทนลูกบ้านทั้งตึกพันกว่าคน และว่าจ้างบริษัท SMC มาบริหารงานแทนทั้งหมด
   คณะกรรมการที่ห่างเหินกันไป พอได้กลับมาคุยกันก็เข้าขากันอีกครั้ง พูดคุยหยอกล้อเล่นกันอย่างสนุกสนาน จนพี่หมอเอ่ยปากว่าถ้าเขาได้ทำงานร่วมกับคณะกรรมการชุดนี้อีกครั้งคงจะน่าสนุกแน่ แต่พวกเราหันมามองหน้ากันแล้วยังคงแหยงๆ อยู่ การเป็นกรรมการมันคืองานเสียสละล้วนๆ ไม่มีเงินเดือน ไม่มีเบี้ยเลี้ยง แถมต้องรับผิดชอบแบบที่เห็นนี่แหละครับ เหตุการณ์ของปี 56 ยังอุตส่าห์ลากคณะกรรมการชุดเก่าทั้งหมดให้มารับผิดชอบ
   ยื่นเอกสารให้เจ้าหน้าที่เสร็จก็แยกย้าย กลุ่มใหญ่กลับมาคอนโดก็มานั่งคุยกันต่อในห้องอาหารริมสระ กินข้าวมื้อบ่ายร่วมกันอีกครั้ง รู้สึกดีนะ
   นั่งคุยกันจนตกเย็นเจ้า “มากิจัง” ขอตัวกลับคนแรก จากนั้นวงก็แตก ต่างคนต่างแยกย้าย
   พบกันใหม่อังคารหน้า เวลาเดิม
Title: Re: มค 58
Post by: O'Pern on January 14, 2015, 06:37:37 pm
14 มค 58
   ตื่นแต่เช้า มิวต้องไปงานนิทรรศการเกี่ยวกับอวกาศของ NASA จัดที่ห้างเซ็นทรัลลาดพร้าว ผมแปลกใจนะที่ห้างเปิดแต่เช้าให้เด็กเช้าชม ออกจากโรงเรียนกันเช้าตรู่ตั้งแต่ยังไม่ 0700 เลยครับ คงจะหนีรถติดกัน
   เช้าวันนี้ยังคงเดินแบบเมื่อวาน ออกกำลังกายเบาๆ แต่เน้นสม่ำเสมอ เดินแล้วแกว่งแขนแรงๆ พร้อมสูดลมหายใจลึกๆ ไปด้วย
   เช้านี้เริ่มอุ่นขึ้นกว่าเมื่อวาน ลมก็ไม่ค่อยพัดแรง เฮ้ยย จะหมดความหนาวระรอกนี้อีกแล้วหรือวะ
   วันนี้เอาสตอเบอรี่กล่องใหญ่มากินตอนสาย ถ้ากินได้แบบนี้ทุกวันก็ดีนะ อากาศวันนี้รู้สึกว่าเย็นกว่าเมื่อวานนิดๆ แถวบ้านผมเช้าๆ นี่เหลือ 19C ขำขำ พอแดดออกตอน 0900 ก็ไปถึง 22C โน่นเลย
   บ่ายมีคนมาส่งของในโกดังอีกแล้ว แต่เขามากัน 3 คน ผมเลยไม่ต้องยก ถือว่าเป็นโชคดีไป
   กลับเข้ามาบ้านราว 0300 หิวโฮก หาของกินไม่เหลืออะไรเลย หยิบมาม่ามากินเปล่าๆ แห้งๆ แบบนี้แหละ แต่ก็ยังไม่อิ่ม เลยให้ดีทอดข้าวเกรียบให้กิน อ้าว พี่ !!! อ้วนนะ
   บ่ายนี้ใจกลางเมืองตั้งแต่แยกเจริญผล ต่อมาทางมาบุญครอง เซ็นทรัลเวิร์ด จนถึงสวนลุมฯ มีขบวนจัดงานเกี่ยวกับการท่องเที่ยว งงนะ จัดวันธรรมดา จัดตอนบ่าย ปิดถนนถึงสี่ทุ่ม หึหึ สงสารคนที่ต้องผ่านแถวนั้นจริงๆ แม้จะมี BTS แต่มันก็แน่นเหมือนชินคันเซนเลยล่ะ
Title: Re: มค 58
Post by: O'Pern on January 18, 2015, 02:41:34 pm
15 มค 58
   ไม่ได้วิ่งเสียนาน โรคขี้เกียจกำเริบ ตืนเช้าก็จริงนะ แต่มันหนาว เลยขี้เกียจเฉยเลย งงดิ เฮ้ย ไม่ได้การ อย่าปล่อยให้ด้านมืดครอบงำเราอยู่นาน เช้านี้เดินเร็ว วิ่ง เดินถอยหลัง สลับกันไปมาราว 45 นาที
   เช้ากินผัดผักจานใหญ่ ใส่ถั่วลันเตา หอมใหญ่ แครอท เห็ด ไข่ดาว ข้าวกล้อง มื้อนี้จัดแบบมังสวิรัติแบบไม่ได้ตั้งใจ แต่ปกติก็กินเนื้อสัตว์น้อยมากอยู่แล้ว
   ที่ร้านงานยังทรงๆ ยกแบกของทุกวันเป็นปกติ นึกถึงคำพูดของพี่หมอที่บอกผมว่าให้เลิกยกของซะ
   เอ่อ คือพี่ครับ ผมเองก็ไม่ได้อยากมาอยู่ตรงนี้หรอกครับ บ้านผมขายของ ขายส่ง มันต้องมีการยกแบกเข็นของส่งทุกวันและทั้งวัน
   ไอ้งานที่ทำลายสุขภาพร่างกายโดยตรงนี่ผมเองก็อยากเลิกนะ ไม่มีใครชอบหรอกครับ ผมเองก็พอมองเห็นอนาคตัวเองลางๆ แล้วว่าคงจะต้องเจ็บหลังเข้าสักวัน ร้ายกว่านั้นก็อาจมีปัญหาด้านกระดูกสันหลัง ทีนี้ไปไกลแล้วมึง ไม่กล้าเดาต่อเลย
   เอาผลไม้ชุดใหญ่ไปกินที่ทำงานอีกเช่นเคย แต่พอเจอยกของหนักๆ มามันก็เหนื่อย เพลีย อยากพัก แต่กลายเป็นระบายออกด้วยการกิน กิน กิน
ฉิบหายยยยยย
Title: Re: มค 58
Post by: O'Pern on January 18, 2015, 02:50:05 pm
16 มค 58
   เช้านี้วิ่งไป 50 นาที รู้สึกดีนะ หลังจากห่างหายไปราว 2 สัปดาห์ อากาศเย็นๆ ใส่เสื้อคลุมแบบมีฮู๊ด อุ่นดี จนเหงื่อซึมหน่อยๆ
   วันครู มิวหยุดเรียน แต่ไปทำรายงานกับเพื่อน นัดกันที่โรงเรียน แล้วเขาจะไปพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติกันต่อ
   ผมอยู่ร้านขายของตลอดวันครับ วันนี้พ่อไม่สบาย จู่ๆ ก็รู้สึกหนาวสั่นอย่างมาก ต้องห่มผ้าหนาๆ สักพักจึงค่อยยังชั่ว แปลกมาก พ่อไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน
   แม่พาพ่อไปหาหมอ ผมเลยอยู่ร้านขายของตลอดวัน
   แบบเดิมๆ ครับ ตรวจเช็คสินค้า ยกของ ประมาณนี้
   เย็นมิวกลับมา รอจนค่ำก็กลับบ้านพร้อมกันพ่อ แม่ ลูก แวะกิน MK ตามใจภรรยาสักหน่อย
   
เจอ Mazda Miata NA ขาย่ในเฟซบุ๊ค ราคา 5.2 แสน ผมงี้ตาโตเลย ดูรายละเอียดเป็นรถสีฟ้าของรุ่น 1.6 แต่เครื่องยนต์เป็น 1.8 แถม AT อีกด้วย เฮ้ยยย งง สอบถามคนขาย เขาบอกรถแท้อีกด้วย เฮ้ยย เป็นไปไม่ได้ เพราะห้องเครื่องสีขาว (แต่ภายนอกรถสีฟ้า)
   เดาครับ เดาว่าเป็นรถจดประกอบ อันนี้ต้องดูหลังเล่ม แต่คนขายก็จะมีลูกเล่นแจ้งเล่มนั้นหาย แล้วออกเล่มใหม่ ทำให้หลังเล่มไม่มีปั๊มรายละเอียดว่าเป็นรถแบบใด มาจากไหน ภาษาในวงการเรียก “ล้างเล่ม”
   ถ้าไม่ใช่รถจดประกอบ ผมก็เอาว่าเป็น “รถสวม” เพราะสภาพรถแม่งเป็นญี่ปุ่นล้วนๆ เลย เริ่มจากกรอบป้ายทะเบียนแบบสั้น พรม และของแต่ง เป็นของที่พบเห็นได้บ่อยในรถที่มาจากญี่ปุ่น
   จุดที่ต้องดูให้หนักก็คือเพลทเลขเครื่องว่าตัดต่อมาหรือเปล่า แต่งานนี้น่าจะดูง่าย ผมเดาว่าตัวรถมาจากญี่ปุ่น จะมาแบบทั้งคัน หรือมาแบบแยกชิ้นส่วน อันนี้ต้องไปดูรายละเอียดกันที่หัวนอทในแต่ละจุดว่ามีร่องรอยการถอดไหม เครื่องยนต์เป็นตั้ว 1.8 AT น่าจะตัวเดียวกับ Mazda 323 ตัวเก่า หาอะไหล่ไม่น่าจะยาก (เดา)
   โดยรวมแล้วยังชอบนะ ขอเพียงแต่ไม่ใช่เป็นรถสวมทะเบียนก็พอ
Title: Re: มค 58
Post by: O'Pern on January 18, 2015, 03:03:29 pm
17 มค 58
   ตื่นสาย เมื่อคืนเปิดแอร์นอน ห้องนอนเลยมืดและเงียบ นอนเพลินไปเลย รวดเดียวถึงเช้า สี่ห้าวันก่อนนี่เปิดหน้าต่างนอนครับ รับลมหนาว ก็เย็นดีอยู่หรอก แต่ห้องมันไม่มืด และได้ยินเสียงภายนอกตลอดเวลา ตื่นกลางดึกก็มีบ่อย
   พ่อไม่สบาย ผมเลยไม่สบายใจไปด้วย แม้จะเป็นแค่ไข้หวัดก็เถอะ ปกติพ่อแข็งแรงมาก
ขี่จักรยานไปศาลเจ้ากวนอู ไหว้พระ ขอพร และบริจาคเล็กๆ น้อยๆ อฐิฐานให้พ่อหายเร็วๆ ไว้เจ้าแม่กวนอิมที่อยู่ริมน้ำด้วย ที่นี่คือศาลเจ้าเล็กๆ ที่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก โดยมากจะหาทางเข้าไม่เจอกัน
   รีบกลับร้านขายของทำงานต่อครับ เช้านี้มหกรรมยกแบกของเหมือนเดิม เฮ้ออ ชีวิตๆ
   ตกเย็นไปรับมิวในห้าง แวะซื้อเศษขนมปัง 3 ถุง เผื่อพ่อแม่และตัวผมเอง ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะไปไหนกัน ถ้ามีโอกาสก็จะไปเลี้ยงปลาตามวัดสักหน่อย
   กลางคืนผมดุมิวชุดใหญ่เรื่องการใช้โทรศัพท์ เพราะว่าตั้งแต่กลับมาบ้านจนถึงนอนนี่ไม่วางโทรศัพท์เลย
   นี่คือปัญหาใหญ่ระดับโลกเลยนะ จนผมเองเริ่มจะเบื่อ เอียนเทคโนโลยี่ด้านนี้บ้างแล้วล่ะ อีกหน่อยผมอาจปิดการใช้งานไอ้ของพวกนี้ทั้งหมดเลยก็เป็นได้ เพราะจะว่าไปแล้วมันก็ทำให้ผมเสียเวลาไปด้วยเหมือนกัน แม้จะมีด้านดีมาให้ขบคิดบ้างก็ตามที
Title: Re: มค 58
Post by: O'Pern on January 21, 2015, 05:48:47 pm
18 มค 58
   ไปวิ่งศูนย์กีฬาบางมด ซัดไป 1.30 นาที เสร็จแล้วเลยไปให้อาหารปลาต่อที่วัดพุทธบูชา แต่โปรยขนมปังไปแล้วผืนน้ำนิ่งสนิท ผมเงิบแดกเลย
   เฮ้ยย ปลาไปไหน ปกติปลาเพียบ
   หรือว่าปลามันยังไม่ตื่น หรือว่ามันอิ่มแล้ว หรือว่ามันไปอยู่ที่อื่นกัน ฯลฯ
   โปรยขนมปังแล้วเกรงใจลำคลอง กลัวเป็นการสร้างขยะ หยิบเข้าปากกินไปด้วย พลางๆ สักพักก็ถอดใจ ปลาไม่มาจริงๆ ด้วย ม้วนปากถุงเก็บ เอาไว้ให้กินวันอื่นก็แล้วกัน ขนมปังของเรายังใหม่สด เก็บได้อีกนาน
   รีบกลับบ้าน เผื่อจะพาพ่อแม่ไปกินข้าวข้างนอก เห็นเขาชอบชวนไปตลาดบางน้ำผึ้ง
   แต่ผิดคาด พ่อแม่กินข้าวที่บ้านเรียบร้อยแล้ว ผมเลยเอาจักรยานออกขี่ไปกินก๋วยเตี๋ยวที่ตลาดแทน ไปถึงก็อึ้งเลย มอเตอร์ไซค์จอดเต็มหน้าร้านจนเดินไม่ได้ ไม่มีที่จอดจักรยาน หมดสิทธิ์ อดแดก แวะซื้อน้ำเต้าหู้มากินสองถุงแทน หึหึ
   กลางวันพาพ่อแม่ไปธุระในห้าง แวะกินข้าวในฟู๊ดเซนเตอร์แล้วก็กลับ
ผมดูช่องไทยรัฐทีวีบ่อยมาก มีรายการท่องเที่ยวที่ชอบชื่อรายการ “ฉายเดี่ยว” มีผู้ดำเนินรายการ 3 คนสลับกันไป แต่ละคนล้วนมีความสารถพิเศษที่เด่นแตกต่างกันออกไป นี่คือจุดขายครับ “วอลนัท” เด่นที่ร้องเพลงเพราะ แต่งเพลงได้ดี “ผักกาฏ” เด่นที่สเกชภาพระดับเทพ ส่วนอีกคนชื่อ “กี้” เด่นตรงเดินทางด้วยมอเตอร์ไซค์
   ผมติดตามดูมาสักพักใหญ่ แต่วันนี้รู้สึกแปลกประหลาดใจที่ในรายการมี “เป้ อารักษ์” มาร่วมด้วย เปิดตัวทำนองว่าเจอกันที่เมืองปูซานโดยบังเอิญ แล้วกลายเป็นเที่ยวกับวอลนัท โดยตลอดรายการเน้นแต่เป้ และการร้องเพลง ไม่ได้เน้นสถานทีท่องเที่ยวเหมือนตอนเก่าๆ
   เฮ้ยย พี่ จะเปลี่ยนแนวทำเป็นละครวัยรุ่นแล้วหรือ รายการดีๆ น่าสนใจ แม่งเริ่มเละกันหมดแล้ว
กลายเป็นว่าผมต้องนั่งดูละครเน่าหลังข่าว แทนรายการท่องเที่ยวในบ่ายวันอาทิตย์
   เลวร้ายสุดคือเนื้อหารายการหลวมโคตรๆ สคริปต์เข้าขั้นห่วย ตัดต่องั้นๆ เนื้อหาตอนนี้ผมขอติอย่างแรงครับ ตรงๆ จากใจ ถ้าไม่ชอบใจ ก็ขอโทษด้วยนะวอลนัท
Title: Re: มค 58
Post by: O'Pern on January 21, 2015, 05:50:12 pm
19 มค 58
   ออกวิ่งอีกครั้ง เมื่อวานตึงๆ หัวเข่าซ้ายตอนใกล้วิ่งครบ 1.30 ชม วันนี้เอาแค่ 45 นาทีพอ
   เช้าวันจันทร์กับบรรยากาศเดิมๆ ไม่ใช่แค่จันทร์หรอกนะ ให้เป็นอังคารถึงเสาร์ ตราบใดที่ต้องทำงานอยู่ที่ร้านขายของแบบนี้ มันก็จะยังคงสภาพเดิมอยู่ทุกวัน
   เบื่อครับ เบื่อเหี้ยๆ เลย ไม่ชอบ แถมเกลียดอีกด้วย แต่ก็ยินดีทำ ถ้าทำให้คนที่ผมรักเขามีความสุข
   โอ้โหห ทุ่มเท อุทิศโคตรๆ แมนสัสสสส เลยนะมึง
   ผมว่าคงต้องทำอะไรสักอย่างแล้วล่ะ อยู่แบบนี้ไปนานๆ เข้าสมองแม่งฝ่อ แก่ตัวลงอีกหน่อยก็ต้องเอาเงินที่ช่วยหามา เอามารักษากระดูกสันหลังของตัวเอง โชคดียังเดินได้ก็โอเค แต่ถ้าต้องนอนอยู่บนเตียงหรือรถเข็นตลอดล่ะก็ สดุดีได้เลย
Title: Re: มค 58
Post by: O'Pern on January 21, 2015, 05:51:11 pm
20 มค 58
   วิ่งไปราว 1 ชม เริ่มมีเหงื่อออกเยอะกว่าเดิม แปลว่านี่มันคงจะหมดหนาวล็อตนี้แล้วสินะ
   เช้ากินแกงจืดใส่ผักตั้งโอ๋ ก็อร่อยดีครับ ได้กินผักสีเขียวเข้มก็รู้สึกดีที่ได้บำรุงสายตาบ้าง โลกทุกวันนี้ต้อง “จ้องจอ” กันบ่อยกว่าสมัยก่อน
   บ่ายวันอังคารเรามีนัดกันที่ สน บางคอแหลมอีกแล้ว นี่ถ้าเป็นคนทำงานประจำ จะลางานมาได้ยังไงบ่อยๆ  สงสัยจริงๆ
   เจอกับคณะกรรมการชุดเก่าก็รู้สึกดีครับ ดีกว่านั้นคือได้เจอรุ่นพี่ OSK 97 พี่หมอนั่นเอง
   แต่วันนี้มีเหตุการณ์แปลกกว่านั้น พี่หมอพาทนายที่เป็นบริษัท Outsource แต่เขาใช้บริการกันเป็นประจำมาช่วยดูคดีความให้ ชื่อ “โจ้” แรกๆ ก็พูดคุยกันธรรมดาตามเนื้องาน
   โจ้เหลือบมาเห็นกำไลข้อมือแบบ wrist band ที่เป็นรูปอาคารหลังยาวสัญลักษณ์ของโรงเรียนสวนกุหลาบที่ผมฝากมิวให้หาซื้อมาขณะผมมอบให้พี่หมอ
   “อะไรน่ะพี่” โจ้เอ่ยปากถาม น้ำเสียงดูตกใจมาก
   แต่ยังไม่ทันจะตอบ โจ้ก็พูดต่อ “พี่เรียนสวนกุหลาบหรือครับ”
   “ผมรุ่น 104 ครับ แล้วพี่หมอก็รุ่น 97”
   “ผม 120 ครับ” โจ้ตอบบ้าง
   อ้าว เฮ้ยย OSK อีกแล้ว แต่ที่น่าตกใจกว่านั้นคือ ทั้งโจ้กับพี่หมอที่เขารู้จักกันมานาน ต่างไม่รู้มาก่อนว่าเป็น OSK กันทั้งคู่
   กลายเป็นในกลุ่มวันนี้มี OSK ถึง 4 คน (รวมเซี๊ยะที่เป็นหนึ่งในคณะกรรมการคอนโดฯด้วย)
   ทำเอาคนอื่นๆ หมั่นไส้เล็กน้อย ไอ้พวก OSK นี่มันเกาะกลุ่มกันดีจัง
   วันนี้คณะกรรมการมากันครบเหมือนเดิม ยกเว้นเจ้ามากิจังคนเดียวที่ตอนนี้กำลังอยู่ที่ญี่ปุ่น ส่งรูปมาเยาะเย้ยพวกเราบนฟูจิ หึหึ
   ตกเย็นก็เซ็นชื่อว่ามาให้ปากคำแล้ว และโยนเรื่องทั้งหมดไปให้ผู้จัดการนิติฯ คนใหม่ คือพี่หมอนั่นเอง พี่หมอยินดีที่จะเข้ามาช่วยแก้ปัญหาเรื่องนี้ของคอนโดเราให้
   แยกย้ายกันตอนเย็นๆ เหมือนวงแตก ต่างคนต่างกลับไปคนละทิศละทาง คงจะเบื่อ และเหนื่อยล้ากับการที่ต้องมาที่สถานีตำรวจนี้ทุกบ่ายวันอังคาร
   อืม แล้วอังคารหน้าล่ะพี่
Title: Re: มค 58
Post by: O'Pern on January 21, 2015, 06:16:57 pm
21 มค 58
   เช้านี้ขี่จักรยานขำขำไป 20 นาที ไม่อยากวิ่งซำๆ ติดต่อกัน
   รถ 180SX ของผมเริ่มรวนมาก เริ่มจากไฟป็อบข้างซ้ายไม่ยอมปิด ต้องคอยหมุนด้วยมือระบบ manual แรกๆ ก็แค่ค้าง และมันก็ค้างนานขึ้นเรื่อยๆ จนเกือบเดือนมานี้แม่งค้างถาวร
   เมื่อก่อนมีอาการสตาร์ทยาวขณะเครื่องร้อน แต่จู่ๆ ก็หายไปเอง กลายเป็นรอบเครื่องค้าง ตีสูงตอนเข้าเกียร์ N แถมเป็นแค่บางครั้ง บางช่วง ถ้าเป็นแล้วก็จะค้างอยู่นานตลอดเลย
   แปลกอีกอย่างคือเมื่อก่อนมีน้ำในหม้อพักหายบ่อยๆ แต่ช่วงนี้แม่งปกติดีแล้ว งงโคตรๆ
   อาการมันบ้าๆ บอๆ บางทียกคันเร่งแบบถอนหมด ปล่อยรถไหลเข้าติดไฟแดง เครื่องแม่งดับเฉยเลย ตกใจสิ
   ไม่กล้าให้ภรรยาหรือพ่อเอาไปใช้ครับ แต่ก็ยังไม่อยากซ่อม คืออยากรู้ว่าแม่งจะมาไม้ไหนกับกูอีก กลัวคนอื่นเขาเอาไม่อยู่ อาทิตย์ก่อนแม่มานั่งแล้วผมขับกลับบ้านตอนกลางคืน เจอรอบเครื่องตีขึ้นสูงสลับกับสวิงไปมา แม่ถึงกับบอกว่าให้ขายๆ ทิ้งไปซะ
Title: Re: มค 58
Post by: O'Pern on January 22, 2015, 05:22:50 pm
22 มค 58
   กลางดึกเมื่อคืนมีเรื่องน่าโมโหมาก มีคนโทรเข้ามาเบอร์บ้านตอนสี่ทุ่มกว่าจนถึงเที่ยงคืนถึง 4 ครั้ง รับครังแรกๆ ก็สายหลุด บ้างก็วางสายทิ้งไป รับครั้งสุดท้ายตอน 12.30 เขาบอกโทรผิด หึหึ เล่นเอากูตื่นเลย
   นอนน้อย เลยตื่นสาย เช้านี้ทำได้แค่ขี่จักรยานขำขำ 15 นาที มีเวลาแค่นี้แหละนะ จากนั้นชีวิตก็ต้องเข้าสู่รูปแบบเดิมๆ น่าเบื่อเหมือนกัน ช่วงปีแรกๆ ในใจต่อต้านอย่างมาก แต่ตอนนี้ทำใจแล้วล่ะว่าชีวิตเราคงได้แค่นี้ มันเหมือนหมดแรง หมดกำลังใจ อะไรประมาณนั้น
   แย่เน๊อะ
   ซื้อขนมปังเลี้ยงปลามาตั้งแต่วันเสาร์ แต่มันยังไม่เสียเลยนะ เพราะเป็นขนมปังอย่างดีจากร้านยามาซากิ เช้านี้เลยนำขนมปังทั้งสามถุงใหญ่ๆ ติดรถไปด้วย ขากลับกะจะแวะวัดริมน้ำแล้วเลียงปลาสักหน่อย
   ร้านขายของวุ่นเล็กน้อย มีข่าวสินค้าบางตัวจะปรับราคาขึ้น ร้านเราขายส่งก็ต้องเตรียมบริหารสต็อคเอาไว้ให้เต็ม เพราะจะมีคนมาสั่งซื้อมากมาย จัดไปครับ ยกแบกของอีกแล้วสินะ
   ขากลับบ้านแวะวัดบุคโลให้อาหารปลา ในใจคิดถึงแต่พ่อ แม่ ภรรยา และลูก ขอให้กุศลครั้งนี้ส่งถึงสุขภาพ และหน้าที่การงานของ่ทุกคนให้รุ่งเรือง
   วัดนี้มีปลามากมายครับ มาแล้วติดใจมาก จอดรถง่าย สบาย บรรยากาศดี มีอุโบสถสูงริมน้ำด้วย แต่วันนี้แดดแรง เลยไม่ขึ้นไป ให้ขนมปังปลาจนหมดสามถุงใหญ่ๆ แล้วก็กลับบ้านเลย
   บ่ายโทรหาพี่ “ศุภชัย” ครูสอนเรือใบที่สารินซิตี้ เมื่อวานผมได้รับ SMS ส่งมาบอกว่าจะเปิดคอร์สสอนเรือใบและวินเซิฟแล้ว
   ผมเล่นวินเซิร์ฟมาตั้งแต่มัธยม เรือใบก็พอได้ แต่เป็นแบบมั่วๆ เลยอยากเรียนอย่างจริงจังกับเขาเสียที จะได้ประกอบใบเรือได้ ปรับแต่งเซ็ทติ้งได้ ครูบอกจะเปิดวันแรกศุกร์ที่ 6 กพ นี้ และยาวไปตลอดทุกๆ สัปดาห์
   รอบๆ บึงยังทำสนามจักรยานอีกด้วย แต่เป็นสนาม BMX ผมยังไม่เห็นเองกับตานะ แต่ครูเขาบอกว่ามีเนินให้โดด
   ผมไม่ได้เข้าไปที่สารินซิตี้มานานหลายปี แต่เมื่อก่อนผมไปบ่อยมากทุกวันอาทิตย์เช้า ผมไปฝึกดริฟท์นี่แหละครับ สมัยก่อนทางเข้าเป็นถนนสี่เลน มีไหล่ทาง แถมข้างทางเป็นพงหญ้า ตีแค่เส้นขาวแบ่งกลาง มีเสาไฟฟ้าวางแบบห่างๆ  มีแค่นี้จริงๆ
   แต่ล่าสุดมีรั้วกั้นแบบ guard rail ทุกโค้ง มีหมุดกลางถนนแบบตาแมวสะท้อนแสงถี่ยิบ สองข้างทางที่เคยเป็นพงหญ้าก็เป็นเพิงค้าขาย ไหล่ทางก็เป็นที่วางของขาย เรียกว่าดริฟท์ไม่ได้แล้ว
   ช่วงนั้นผมไปกับ Supra ครับ อย่างโหดเลย ล้อ 18 นิ้ว หน้า 9 หลัง 10 หึหึ น่าเสียดายที่ภาพถ่ายเก่าๆ โดนไวรัสเล่นซะหายเรียบ เซ็งจริงๆ ผมชอบโค้งหนึ่งที่มันอยู่เชิงสะพาน อารมณ์ก็คือดริฟท์ขึ้นเนินนั้นแหละ แถมไหลลงเนินได้แบบมันส์ๆ อีกด้วย สุดยอดไปเลย
   ถนนย่านนั้นโค้งสวยๆ เยอะมาก ต่อโค้งกันแบบตัวเอสก็มีหลายจุด
   ช่วงนั้นผมลงทุนเยอะมาก เพราะเป้าหมายคือการขับดริฟท์ให้กับทางกระทิงแดง แต่หลังๆ ก็ฝันสลาย
   
   ต้องหาแนวร่วมดูครับ เพราะอยากให้มิวสานต่อการเล่นเรือใบด้วย แต่ติดที่เขาบ้าเรียนพิเศษอย่างหนักนี่สิคือปัญหา ส่วนผมเลือกเรือแบบเลเซอร์ จะมีเพื่อนหรือไม่ผมไม่สนหรอก ส่วนวินเซิร์ฟนี่พอแล้ว เล่นมาราว 20 ปีแล้ว ตอนนี้ชอบแนวทัวริ่ง ไม่ได้บ้าความเร็วเหมือนวินเซิร์ฟ อยากเล่นเรือแบบข้ามเกาะ ข้ามอ่าวกับเขาดูบ้าง
   มีต่อมตั้งแต่เด็กตอนเรียนมหาวิทยาลัยผมไปบ้านที่ระยองบ่อยมาก นั่งดูทะเลนานๆ นึกไปพลางว่าถ้าอีกหน่อยเรามาอยู่บ้านหลังนี้ก็อยากจะหาเรือใบไว้เล่นสักลำ
   หัวค่ำมิวทำฟัน คงถึงบ้านมืดหน่อย ต้องแวะกินร้านสีฟ้าที่อยู่ชั่นล่างแน่ๆ
Title: Re: มค 58
Post by: O'Pern on January 26, 2015, 04:27:45 pm
23 มค 58
   เมื่อวานตอนเย็นนึกสนุกเอารถ Neobike 16 คันที่ให้แม่บ้านใช้เอามาขี่เล่น ไม่ได้ขี่นานมากจนลืมไปแล้วว่ามีรถคันนี้อยู่ ยกให้ดีเขาใช้น่ะ
   ขี่แล้วรู้สึกฝืดมากๆ ปล่อยฟรีแล้วรถแทบหยุด เลยเอาน้ำยาหล่อลื่นมาฉีดจุดหมุนและโซ่เฟือง
   โหห ขี่แล้วรู้สึกชัดเจนมาก ของเดิมโซ่นี่เป็นสีส้มเลยนะ ขี่แล้วสนุกดีครับ รถมันเก่าเน่าโทรม ทำให้เราต้องออกแรงเยอะ ปล่อยฟรีแล้วไม่ได้ไหลยาวไกลเหมือนพวกรถเทพเขา ของเรานี่ปล่อยปุ๊บไหลไปได้อีกหน่อยเดียว ฮ่าๆ แบบนี้ดีนะ ได้ออกแรงเยอะดี
   เช้านี้ติดใจ เอาออกมาซัดต่ออีก ขี่ไป 25 นาที เจ็บตูดฉิบเป๋ง
   อาหารเช้าวันนี้เป็นเต้าหู้สีเหลืองผัดกับต้นหอม ไข่เจียว ข้าวกล้อง
   เทศกาลยกแบกของกลับมาอีกครั้ง วันก่อนซัดไปร้อยกว่าลัง วันนี้จัดไปอีก 80 หึหึ อาการเริ่มออกครับ ไม่เป็นไร อดทนไว้ ทำเพื่อแม่ คิดบวกเข้าไว้ คิดแบบนี้แหละครับ ใจเราก็จะยกของอย่างเป็นสุขเอง
   เงินยูโรตกต่ำสุดในรอบ 11 ปี หึหึ ผมถือไว้เพียบเลย จากเดิมนี่ 50 บาท มาตอนนี้เหลือแค่ 37 โหห ผมงี้อึ้งแดกเลย ถือเงินยูไรไว้เพียบ แรกๆ มันก็ค่อยๆ ตก ผมไม่สนใจอะไร แต่นี่ผ่านมาแค่สองปี ร่วงแบบหายไปหมดค่าเลย โห โหดสัส
   เย็นไปรับมิวที่โรงเรียนวรรณสว่างจิต เขานัดเพื่อนๆ กลับไปที่โรงเรียนเก่าสมัยประถมอีกครั้ง วันนี้เป็นงานวันกีฬาสีของโรงเรียน คงคิดถึงเพื่อนๆ คิดถึงครู และคิดถึงโรงเรียน
Title: Re: มค 58
Post by: O'Pern on January 26, 2015, 04:28:57 pm
24 มค 58
   ซัด Neobike 16 ต่ออีก เริ่มสนุกกับความลื่นไหลทีละน้อย แรกๆ ฝืดเหี้ยๆ เลยครับ
   เฮ้ย หลังกูเริ่มเจ็บแล้วว่ะ ไม่น่ารอดแล้วน่ะ รอบนี้ครั้งที่ 6 แล้วมั้ง โชคดีวันนี้ไม่ต้องยกของ คงไม่มีใครรู้ว่ากูดีใจสุดๆ เลย
   บ่ายไปรับมิวในห้าง วันนี้รอไม่กี่ชั่วโมง ระหว่างรอก็เดินเล่นแบบไร้จุดหมาย ผมรู้สึกว่าโคตรเสียเวลาชีวิตเลยนะ ดูของที่เราอยากได้ เคยอยากได้ และจนล่าสุดกลายเป็นไม่อยากได้
   จากเดิมคิดอยากได้มันเพราะตรงใจ ชอบมาก แต่วันนี้ผมถามตัวเองว่า “ถ้าไม่มีมัน ชีวิตเราจะเป็นอย่างไร”
   คำตอบก็คือ ไม่มีมึง กูก็เฉยๆ
   ฉะนั้น คือยังไม่จำเป็นต้องซื้อ
   ก็คนมันไม่มีเงินไง ไม่มีมาหลายปีแล้วด้วย เลยคิดแบบหักดิบมันแบบนี้แหละ
Title: Re: มค 58
Post by: O'Pern on January 26, 2015, 04:30:36 pm
25 มค 58
   เช้านี้มีงานที่โรงเรียนมิว เป็นการประกาศผลสอบ ทางโรงเรียนให้ผู้ปกครองไปรับเอง ภรรยาขอไปกับผมด้วย เช้านี้กินโจ๊กแถวบ้าน ไปส่งมิวเรียนพิเศษ แล้วก็ไปที่โรงเรียนสวนกุหลาบเลย
   บรรยากาศอบอุ่นครับ ผมรู้สึกดีทุกครั้งที่กลับไปโรงเรียน แค่ดูจุดที่เราเคยมาอยู่ เคยนั่งเล่นแค่นี้ก็สุขแล้ว ผู้ปกครองนั่งโต๊ะของลูกตัวเอง ผมให้ภรรยานั่ง ส่วนผมอาสาไปนั่งโต๊ะเสริมหลังห้อง
   เสร็จงานตอนกลางวัน แวะไปรับมิวที่เลิกเรียนพอดี แต่ยังไม่หมดนะ เขามีเดินสายเรียนที่สยามต่อ หึหึ
   พาภรรยาไปหาของกินที่สยามสแควร์ เขาอยากกินร้านส้มตำนัวร์ ส่วนผมเฉยๆ มาก เรากินแค่ของข้างถนนมาตลอด เจอร้านแพงๆ แล้วไม่คุ้นอย่างมาก กินกันหน่อยเดียวหมดไป 400 นี่ถ้ากินแบบผมคงอยู่ได้ทั้งสัปดาห์
   ไปเดิ่นเล่นอัปเดทชีวิตที่มาบุญครอง ไม่ได้ไปเป็นปี พบชาวต่างชาติมากมาย พนักงานในร้านส่วนใหญ่คล้ายอินเดีย พูดภาษาอังกฤษคล่องแคล่ว เห็นแล้วนึกสงสารชาวไทยเสียจริง ปลายปีนี้ก็จะเปิดประชาคมอาเซียนแล้ว ยังพูดภาษาสากลไม่ได้เลย แถมคนไทยส่วนใหญ่นิสัยขี้เกียจ หนักไม่เอา เบาก็จะอู้ เลยทำงานแบบหวังรวยทางลัด คือลักขโมย ค้ายาเสพติด เก่งนักเรื่องกลโกง ฯลฯ ผลก็คือหนุ่มสาวมักไปใช้ชีวิตในคุก ส่งผลให้ตลาดแรงงานขาดคนไทยมาทำ
   ภรรยาบอกอยากกินของหวาน ผมไม่รู้จักว่าร้านไหนดี แต่เคยเห็นร้านหนึ่งในสยามเซนเตอร์เลยพาไป บรรยากาศโคตรวัยรุ่น กุ๊กกิ๊ก วัยใส แต่ละโต๊ะแม่งเน้นแต่ถ่ายรูปกันเกือบหมด ของยังไม่มาก็ถ่าย ขนมมาแล้วนี่แม่งถ่ายกันนานเลย หมุนแล้วหมุนอีก บางทีมีแต่งอีกด้วย กว่าจะลงมือแดกได้แม่งนานสัส ครั้นพอตักคำแรกก็ยังเข้าปากไม่ได้นะ ขอให้เพื่อนถ่ายให้ก่อน แล้วก็ทำหน้าแบบเหี้ยไรของมึงวะ โครตงงเลย
   สรุปภรรยากินเค๊กกล้วยหอมหน้าช็อคโกแลต ผมขอชิมหนึ่งคำ ก็อร่อยดีนะ แต่พอเห็นราคา 100 บาทแล้วแทบจะคายคืน รวมค่าบริการอีก 10 และค่าภาษีอีก 7 เค๊กชิ้นนี้ 117 บาท
   มิวเลิกเรียนพอดี รับกลับบ้านเลย ไม่แวะไหนแล้ว เดินจนเมื่อยขา
Title: Re: มค 58
Post by: O'Pern on January 26, 2015, 04:33:41 pm
26 มค 58
   เอา Neobike 16 ออกขี่ ติดใจครับ เพราะรถแม่งกากมาก ขี่แล้วเพิ่งได้เหงื่อวันแรกนี่แหละ ซัดไป 30 นาทีเท่านั้นเอง แต่เป็นการขี่แบบเร่งความเร็วสลับช่วง รถมันฝืดด้วยไง พอปล่อยฟรีแล้วรถมันไหลต่อช้ามาก นี่ถ้าลมยางอ่อนอีกหน่อยนะ ผมว่ารถแม่งหยุดเลยล่ะ
   ขี่แบบเร่งอัดเร็ว 100 เมตร ปล่อยไหล 100 เมตร ทำแบบนี้สลับกันแค่ 30 นาที ได้เหงื่อเลยนะ ปกติขี่รถคันอื่นมันลื่นไหลไง ขี่ยังไงก็ไม่เคยเหงื่อออกเลยสักนิด
   ตอนใกล้จะเลิกเพิ่งเจอประสพการณ์ขี่ชนกับค้างคาว ปกติก็เจอมันตลอดแหละ แต่ก็จะบินโฉบไปมา มาวันนี้สงสัยระบบโซน่าร์ของมันเริ่มรวน แม่งพุ่งมาชนเต็มหน้าเลย โดนบริเวณปากอีกด้วย รู้สึกทันทีว่าตัวมันนุ่มนิ่มมาก เราเองไม่เจ็บ แต่กลับสงสารมันว่าจะเป็นอะไรหรือเปล่าหนอ
   อาหารเช้าวันนี้เป็นปลาสำลีทอดกับยำมะม่วง อร่อยดีครับ ที่บ้านทำเอง แต่แกะเนื้อปลาไม่ค่อยเป็น สู้มิวไม่ได้ เลาะก้างเก่งมาก
   เช้านี้ผมไม่ต้องออกไปทำงาน แม่จะบูรณะบ้าน เลยให้สถาปนิกมาดู และให้ผมคอยต้อนรับ โอเค จัดไปครับ
   มียกของเล็กน้อย แค่ 30 ลัง ยกจากท้ายกระบะลงมากองเตรียมไว้ให้คนงานนำออกไปอีกที ยกแต่เช้าเลยนะมึง
   “พี่เจี๊ยบ” มาตามเวลานัดเป๊ะ ผมก็เปิดบ้านให้ดูในแต่ละจุด ให้เขาปล่อยไอเดียเต็มที่ เราแค่บอกโจทย์ที่เราต้องการให้เขาอย่างละเอียด
   สักพักแม่เข้ามาบ้าน ก็เลยปล่อยให้แม่คุยกับเขาโดยตรง บ้านหลังนี้ผมดีไซน์ไว้เรียบร้อยจนจบหมดแล้ว แม่แก้แบบไป 3 ครั้ง แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่ผ่าน เลยให้แม่หาสถาปนิกที่เขาชื่นชอบมาเองเลย จะได้ถูกใจ
   หลักๆ คือแม่ไม่ชอบไอเดียของผมนั่นแหละ
   ดูบ้านจนจบก็นั่งคุยกันเรื่องอื่น แล้วก็ตกใจ เฮ้ยย เขาเป็น OSK อีกแล้ว แถมแก่กว่าผมแค่ 1 ปีเอง เฮ้ยย ทำไมเจอสวนกุหลาบบ่อยมาก
   หลังจากรู้ว่าเป็น OSK เท่านั้นแหละ แววตาทั้งคู่ต่างเปล่งประกาย จากเดิมผมไม่ค่อยคุยกับเขา กลายเป็นรู้สึกดีขึ้นทีละนิด แรกๆ ก็ไม่ได้โกรธอะไรกันหรอกนะ เพียงแค่ไม่อยากเข้าไปยุ่งหรือมีส่วนร่วมกับงานดีไซน์เท่านั้นเอง
   แต่หลังจากนั้นก็ร่วมพูดคุยด้วย แล้วไอเดียก็ไหลออกมาอีกตามเคย มีการทุบโน่นเติมนี่ คุยแล้วเริ่มลื่นไหล
   แยกย้ายลากลับไปตอน 1100 ทิ้งท้ายพี่เจี๊ยบเชิญชวนให้ไปเที่ยวเล่นที่ออฟฟิซเขาแถวสามแพร่ง เป็นตึกทำเป็น Guest House อยู่
   เฮ้ยย ชอบๆ ผมกำลังมองธุรกิจ Guest House ไว้อยู่เหมือนกัน แถมย่านนี้เป็นเมืองเก่าที่ผมชอบมากอีกด้วย ใกล้ๆ กับร้านของ “ปาน Granny Bike” ที่อยู่ถนนราชบพิตร อยู่ติดๆ กันเลย ขี่จักรยานคงสัก 30 วินาทีเท่านั้นเอง
   ได้อยู่บ้านนานมาก เลยนั่งคิดงานดีไซน์ต่อ มีบ้านอีกหลังที่ยังไม่เรียบร้อย
   ใช่แล้ว มันคือห้อง Loft ที่ผมสร้างไว้ตั้งแต่เด็ก ตอนนี้วางแผนจะกลับมาบูรณะมันใหม่อีกครั้งหลังจากที่แผนจะทำห้องแบบ Sky Deck ไม่ผ่านการอนุมัติ
Title: Re: มค 58
Post by: O'Pern on January 27, 2015, 04:55:59 pm
27 มค 58
   ขี่ Neobike อีกแล้ว ชอบมาก ชอบตรงมันฝืดนี่แหละ เห็นไหม เราคิดบวกอีกแล้ว
   เลยทำให้นึกถึงพวกที่ชอบ “อัปเกรด” รถ แน่ล่ะ รถลื่นๆ เบาๆ มันขี่ดีกว่ารถหนักอยู่แล้ว ทว่าวัตถุประสงค์ของผู้ขี่ส่วนใหญ่จะเป็นแค่การออกกำลังกายมิใช่หรือ?
   ปากบอกว่าขี่เพื่อออกกำลังกาย แต่ดันแต่งรถให้เป็นเหมือนรถแข่ง
   เหมือนเด็กวัยรุ่นขับรถใช้งานปกติ ขับไปเรียน ขับกลับบ้าน แต่ก็แต่งรถให้เป็นรถแข่ง
   นี่คือเหตุผลว่าทำไมอารมณ์ถึงอยู่เหนือเหตุผล
   ฮ่าๆ ว่าแต่เขา ตัวผมเองก็เคยเป็นครับ กว่าจะฉลาดมาได้ก็ต้องแอบโง่อยู่หลายครั้งหลายครา
   ขึ้นอยู่กับวัยด้วยน่ะครับ คนคิดได้เองก็ฉลาดเร็วหน่อย ในทางกลับกันคนไหนคิดได้ช้าก็ใช้เวลาอีกพักใหญ่กว่าจะพ้นตม
   อ้อ มันขึ้นอยู่กับรสนิยมและสไตล์ความเป็นตัวตนด้วยนะครับ ไม่จำเป็นว่าพวกแต่งรถจะต้องผิดหรือโง่เสมอไปล่ะ อย่าเข้าใจเจตนาของผมผิด
   ที่ผมเหน็บแนมก็คือคนที่ปากอย่างใจอย่างต่างหาก
   มีเยอะมากนะครับคนประเภทนี้ พวกชอบหาข้ออ้าง หาความถูกต้องมาสนับสนุนความอยากของตัวเอง
Title: Re: มค 58
Post by: O'Pern on January 28, 2015, 05:07:17 pm
28 มค 58
เมื่อวานเย็นเอา Neobike ฝืดๆ ไปอัดมาอีก 30 นาที เพลียจัด เลยนอนยาว กลายเป็นตื่นสาย เช้านี้เลยทำได้แค่เดินยืดเส้น สูดหายใจลึกๆ แทน
   กินมื้อเช้าอย่างดี เป็นผัดผักบุ้งธรรมดาๆ นี่แหละ แวะซื้อผักสดจากตลาดนัดมา 10 บาท ผัดได้ 1 มื้อ กินกับข้าวกล้อง ดี ประหยัด คุ้ม
   เทศกาลแบกยกของยังไม่จบสิ้น ได้พักนิดหน่อยก็ต้องมายกกันใหม่ ถ้ามีคนงานเยอะก็เบาแรงไปนิด แต่ถ้าช่วงไหนคนงานขาด มันก็เป็นเรื่องธรรมดาที่ผมต้องยกแบกแทน วันนี้ยกขำขำครับ ยังไม่เจ็บหลังก็ยังพอจะร่าเริงได้ อาศัยคิดบวกให้มากๆ เข้าไว้
   เห็นไหมมึง กูได้ช่วยแม่ให้เบาแรง แม้จะเพียงแค่นิดหน่อยก็เถอะนะ
   ยามว่างเอาหนังสือธรรมมะมานั่งอ่านเล่น (เฮ้ยย จริงนะ ไม่ได้มุข ผมชอบอ่านหนังสือแจกฟรีน่ะ ก็เลยได้รับพวกหนังสือสวดมนต์ หรือแนวธรรมะมามากมาย) เจอตอนหนึ่งมีคนถามพระว่า “ทำบุญด้วยอะไร จึงได้บุญมากสุด”
   พระท่านตอบแบบได้ใจว่า “ทำบุญด้วยของที่มีค่ามากที่สุดของโยม”
   เฮ้ยยยย มันใช่เลยนะ
   ของที่มีค่ามากที่สุดสำหรับผมก็คือ “เวลา”
   ผมเอา “เวลา” นั้นมาให้กับครอบครัว พ่อแม่ ภรรยา ลูก ทั้งหมด ให้หมดจริงๆ โดยที่ตัวเองไม่มีเวลาจะไปทำอะไรแบบเป็นชิ้นเป็นอันได้เลย
   เพื่อนฝูงที่มีอยู่น้อยก็แทบจะหายกันไปหมด ยิ่งไลฟ์สไตล์เราเป็นแบบนี้ ไม่ชอบเที่ยวไหน ถ้าอยู่คนเดียวนี่ออกแนว “งก” เลยด้วยซ้ำไป
   จึงเป็นที่มาของการเรียนรู้ที่จะอยู่คนเดียว ตอนเด็กๆ สมัยมัธยมต้นนี่ผมเริ่มเป็นตัวของตัวเองสูงมาก ไม่ง้อ ไม่แคร์ ไม่สนใจอะไรใครทั้งสิ้น ม2 เริ่มเล่นทั้งจักรยานและรถยนต์ไปพร้อมๆ กัน ผมประยุกต์สองสิ่งนี้เข้าด้วยกันมาตลอด
   เลิกเรียนกลับมาก็เอารถยนต์ของพ่อออกขับสักรอบ ฝึกฝีมือทีละน้อย ขับรถเป็นเองตั้งแต่อายุ 14 ปี คิดค้นเทคนิคต่างๆ เอง กระทั่งการดึงเบรกมือ ยุคนั้นเบรกมือรถยนต์ดึงจากใต้คอนโซลเหมือนรถกระบะปัจจุบันนะครับ กะโคตรยากเลย
   เอารถเข้ามาเก็บก็เอาจักรยานออกขี่ต่อ มืดค่ำค่อยกลับเข้ามาบ้าน หึหึ ชีวิตมีแต่เรื่องพวกนี้มาตลอด ด้วยความอยากรู้ขีดข้อจำกัดสูงสุดของมัน ก็เลยขับแต่รถเดิมๆ มาตลอด ชอบรีดสมรรถนะสูงสุดทุกๆ ด้านของมันออกมาให้ได้
   และในระหว่างนั้นเอง รถมันจะส่งสัญญาณบางอย่างมาบอกเรา
   อยู่ที่ว่าจะมีใครจับสัญญาณนั้นได้หรือไม่
   มันมีแววชอบรถยนต์มาตั้งแต่เด็กเล็กแล้วล่ะ ตั้งแต่ยังไม่เข้าเรียนอนุบาล แค่เริ่มหัดพูด ผมก็รู้จักรถทุกคันที่อยู่ข้างหน้าแล้ว และรถยุคนั้นมันเต็มไปด้วยยี่ห้อแปลกๆ กันทั้งนั้น Dodge, Hillman, Singer, Studebaker, Plymouth, International, Sunbeam, Triumph, MG, VW  ยุคนั้นรถญี่ปุ่นยังเพิ่งเข้ามาไทย มีแค่ Toyopet, Dutsun ส่วนมอเตอร์ไซค์ญี่ปุ่นยี่ห้อแรกในไทยน่าจะเป็น Suzuki แต่ก่อนหน้านั้นก็เป็นรถนำเข้าล้วนๆ เช่น BSA, Norton, Triumph, Mitcheless, AJS โดยมากจะเป็นพวกรถอังกฤษเกือบหมด ของเยอรมันมี BMW, Zunndapp มีค่ายอิตาลีอย่าง Ducati และ Vespa ที่เป็นดาวค้างฟ้ามาจนถึงปัจจุบัน รถค่าย USA ก็มี Harley Davidson ไอ้ยี่ห้อนี้ชาวบ้านไม่มีปัญหาขี่ครับ มันเป็นรถนำขบวนในวัง ต้องรอปลดประจำการถึงประมูลออกมากัน หายากกว่านั้นขึ้นไปอีกก็คือ Indian ครับ
   ยุคนั้นพวกรถเล็กอย่าง MZ, NSU, Hercules อะไรพวกนี้มันเป็นของเด็กเล่นไปเลยนะ ไม่มีใครสนใจเลยสักนิด เหมือนเรามองรถ Vespa เป็นรถใช้งาน รถบรรทุกน่ะ
   โห คุยเรื่องรถแล้วเล่าได้ยาวมากๆ เลย ไหลลื่นสุดๆ เลย
Title: Re: มค 58
Post by: O'Pern on January 29, 2015, 04:57:13 pm
29 มค 58
   ขี่จักรยานมาหลายวันแล้ว เช้านี้เปลี่ยนมาวิ่งบ้าง ห่างไปนานครับ วอร์ม 15 นาทีแล้วก็วิ่งแบบสลับช่วงความเร็ว ค่อยๆ เพิ่มความเร็วทีละน้อย วิ่งไปวิ่งมา แผ่นรองเท้าด้านในมันเลื่อนจนหลุด อ้าว รองเท้ากูจะไปแล้วหรือนี่
   ใช้งานมา 1 ปีเต็ม วิ่งบ้าง พักบ้าง แต่ปีที่ผ่านมานี้ผมวิ่งเยอะจริงๆ เยอะกว่าขี่จักรยานเสียอีก เช้านี้จัดไป 1 ชม รู้สึกสบายๆ ดี วิ่งไปท่องบทสวดมนต์ไปด้วย โหห เท่จริงๆ เลย จากเดิมสมัยก่อนไม่เคยสวดเลยแม้แต่น้อย
   ตอนเช้ามีไอของลมหนาวนิดๆ แต่มันคือใกล้จะหนาวสุดท้ายแล้ว ต้องรีบสูดหายใจลึกๆ เพราะไม่รู้เมื่อไหร่ถึงจะหนาวอีก
   วันนี้ได้เหงื่อเยอะดีครับ เปียกชุ่มไปทั้งชุด จากเดิมแค่เหงือซึมๆ มาตลอด เหงื่อออกแล้วสบายตัวกว่าเยอะเลยนะ
   อาหารเช้าเป็นต้มยำกุ้ง กินแต่ผักกับเห็ด ไม่กินกุ้ง ไม่ได้ถืออะไรหรอก แต่ไม่ค่อยอยากกินเนื้อสัตว์
   บรรยากาศทีทำงานยังคงต้องอาศัยพลังบวกอยู่เสมอ ไม่งั้นจิตตก ความเป็นลบเข้ามาแทรกจะอยู่ลำบาก
   ชีวิตเรียบง่ายแต่ก็ดำเนินไปแบบเนือยๆ รู้สึกเหมือนเสียเวลาชีวิตจริงๆ ใช้ชีวิตเหมือนหายใจทิ้งไปวันๆ หันไปมองความฝันของตัวเองก็ยังทำได้ไม่ใกล้เคียงสักนิด
   หมดยุคของเราแล้วจริงๆ หรือนี่
Title: Re: มค 58
Post by: O'Pern on January 30, 2015, 04:53:57 pm
30 มค 58
   ตื่นสายอีกแล้ว มีเวลาน้อย เลยเอาไอ้ฝืดออกขี่ ชอบตรงได้ใช้แรงเยอะดีครับ ขี่ไปเกือบ 30 นาที
   ไดอารี่ชีวิตมันค่อนข้างน่าเบื่อมากนะ ถ้าไม่ได้ออกไปไหนก็แทบไม่มีข้อมูลอะไรจะมาลงบันทึกเลย ต่างจากเมื่อก่อนลิบลับที่ยังได้มีโอกาสไปต่างประเทศบ้าง ไปประชุมบ้าง สมัยก่อนบินอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง มาทุกวันนี้ผมปล่อยพาสปอร์ทขาดมาเป็นปี แถมยังไม่ได้ไปทำใหม่ เพราะรู้ตัวว่าคงไม่มีโอกาสได้ไปไหนอีกแล้วล่ะ
   “เก็บเงินไงครับ” เหตุผลง่ายๆ แค่นี้เองแหละ อนาคตมิวยังอีกยาวไกล ฝันของเขาต้องใช้เงินพอควรเรื่องค่าเทอมเพียงตัวเดียว
   ผมไม่รู้ว่ามิวเขาจะฟันฝ่าเข้าไปได้มากน้อยแค่ไหน ถ้าสอบเข้าเตรียมทหารได้ อันนี้ก็จะสบายพ่อแม่ไปเยอะมาก เพราะเสมือนได้เรียนฟรี แถมยังมีเบี้ยเลี้ยงให้อีกด้วย แต่ถ้าสอบไม่ได้ก็ต้องไปเรียนศูนย์การบินพลเรือน ค่าเทอมครบหลักสูตรประมาณ 2 ล้านบาท นั่นคือเหตุผลว่าทำไมผมถึงต้องอยู่ในโหมดโคตรงก
   สภาพหลังที่เจ็บรอบล่าสุด พอได้พักหลายวันหน่อย บวกกับผมทำท่ายืดเหยียดบริหารหลังแบบโยคะ มันจึงดีขึ้นจนน่าจะหายดีแล้วนะ แต่ไม่รู้เมื่อไหร่จะต้องมายกแบกของอีกครั้ง

   สิ่งที่ต้องทำตลอดชีวิตของผมมีอยู่ไม่กี่อย่าง ทำความดี ออกกำลังกาย รักษาสุขภาพ กตัญญูพ่อแม่
ตั้งแต่ใช้เฟซบุ๊คมาเกือบ 2 ปี ทำให้เข้าเวปอ่านข่าวสารต่างๆ น้อยลง วันนี้มีคลิปของรถ Prius รุ่นชาร์จแบบไร้สาย มีฟังชั่นถอยจอดเข้าซองออโต้ ผู้คนต่างฮือฮากันใหญ่ บอกว่าไฮเทคมาก แต่ไอ้รถแบบนี้มันมีมานานมากหลายปีแล้วนะ ส่วนรถในไทยที่ถอยจอดเข้าซองแบบออโต้ได้เองก็มี Mercedes Benz S Class ที่เปิดตัวไปในปี 56 โน่น แต่ไอเดียนี้คิดค้นกันมาสิบกว่าปีแล้ว ยังมีไอเดียมันๆ อีกเยอะมากที่รอการเปิดตัวครับ
โปรดติดตามตอนต่อไป โลกของงานดีไซน์รถยนต์มันเปลี่ยนไปเร็วมาก บางดีไซน์คิดค้น วิจัย พัฒนา ทดสอบ ทำขั้นตอนนี้อยู่หลายปี แต่พอจะผลิตจริง มันกลายเป็นเอ้าท์ไปแล้วก็มีเยอะ แต่ไม่ต้องห่วงครับ ดีไซน์มันจะหมุนย้อนกลับมาหาเราอีกครั้ง
แต่การหมุนวนมาใหม่ มันก็จะมากับโจทย์ใหม่ๆ เช่นข้อบังคับด้านสิ่งแวดล้อม ด้านวัสดุศาสตร์ มาตรฐานความปลอดภัยที่สูงขึ้น ทำให้ดีไซน์บางอย่างค่อยๆ หายไป เช่น โลโก้หน้ารถอันใหญ่ๆ เท่ๆ สมัยก่อนมันคือมงกุฎของรถเลยนะนั่น ทั้งเทพธิดาของค่าย RR เสือกระโจนของ Jaquar สิงห์ทะยานของค่าย Peugeot รวมไปถึงพวกจรวดต่างๆ ของ Caddilac ที่เหลือยืนยงมาถึงทุกวันนี้น่าจะมีเพียงอันเดียวคือ ตราดาวสามแฉกในวงกลมของ Mercedes Benz
ทั้งนี้เพราะว่ามันให้ตัวได้ มีสปริงเอนยืดหยุ่นได้ แถมวงนอกล้อมดาวทำเป็นรูปวงกลมไม่มีสันเหลี่ยมมุมแหลม พอทดสอบการชนกับหุ่น Dummy แล้วผ่าน ในขณะที่ของค่ายอื่นหุ่นฉีกขาดเสียหายเป็นแผลใหญ่มาก
เช่นเดียวกับไฟหน้ารถแบบ Pop Up ครับ ที่ทุกวันนี้ไม่เหลือแล้ว เพราะตอนชนกับหุ่นทดสอบแล้วเกิดบาดแผลฉกรรจ์ที่ลำตัว ส่วนฝากระโปรงหน้าที่เป็นอลูมิเนียมก็ทำเพื่อลดแรงปะทะกับหุ่น ลำตัวและหัวของหุ่นฟาด แล้วฝากระโปรงยุบแทน หุ่นก็เลยบาดเจ็บน้อยหน่อย มันไม่ได้ออกแบบมาเพื่อลดน้ำหนักดังที่ค่ายรถเขาคุยโม้หรอกครับ นั่นมันผลพลอยได้ต่างหาก
เฮ้ยยย ในที่สุด วันนี้ก็มีสาระจนได้นะ
Title: Re: มค 58
Post by: O'Pern on February 01, 2015, 07:19:29 pm
31 มค 58
   เสาร์นี้งานเพียบจริงๆ ครับ ปลายเดือนด้วยน่ะ ก็แปลกดีนะ ไม่รู้ประเทศอื่นเขาจะมีวัฒนธรรมอย่างเราไหมที่พอเงินเดือนออกต้องมาเลี้ยงฉลองกัน กูล่ะงงโคตร
   เหี้ย ห่า ไรแม่งก็ต้องเลี้ยงฉลองกันหมดเลย เอาง่ายๆ ซื่อๆ ก็คือ “หาเรื่องแดก”
   มีเงิน รวย เหลือ ก็เรื่องของเขา แต่มันลามมาถึงพวกงบน้อยด้วยนี่สิ
   จันทร์ – ศุกร์ งานปกติ มาอัดแน่นเอาวันเสาร์นี่แหละวะ สั่งของแล้วก็จะเอาด่วน โทรมาเร่ง เราทำได้ไม่ทันใจก็โดนดุว่าไป ก็ยอมรับฟังอย่างเดียวครับ เขาว่าก็เรื่องของเขา ถ้าเราเก็บเอามาคิดเครียดแค้นไปก็เท่านั้น ดังเช่นคำติฉินนินทา
   บ่ายขี่จักรยานหาซื้อของกินให้แม่ แม่เลือกไม่ถูกว่าจะกินอะไรดี ผมนี่ไปไม่เป็นเลย จึงจัดก๋วยจั๊บไม่ใส่เครื่องใน ข้าวแช่ ให้แม่ ข้าวหน้าเป็ดคัดเนื้อๆ ใส่ผัก ขิง เยอะๆ เอามาฝากภรรยา ขากลับเจอร้านข้าวแกงแวะซื้อพะแนง และไก่ทอดราดซ้อสมาฝากตัวเอง ฮ่าๆ
   เลยไปธนาคารในห้าง และรอรับมิวต่อ ระหว่างรอก็เดินเล่นหาไอเดีย วันนี้เลือกแผนกเครื่องครัวครับ วิธีหาไอเดียของผมเจ๋งดีไหมครับ แต่แผนกครัวมันยังไม่พอ เลยไปจัดที่ซูปเปอร์มาเก็ตต่อ ไอ้แผนกนี้ต้องข่มใจอย่างมาก ของกินเพียบจริงๆ ใจอ่อนจัดช็อคโกแลตดาร์คมา ไม่ได้กินเป็นเดือนแล้ว เห็นมันลดราคาเยอะน่ะ อิอิ