20 มค 54
แผลผมเริ่มหายดีขึ้นเยอะแล้ว ช่วงนี้ประคบประหงมตัวอยู่ ไม่อยากให้มีแผลเป็น แผลใหญ่ๆ เหลือแค่ที่หัวเข่าซ้าย หลังนิ้วมือข้างซ้าย นอกนั้นแทบไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง อีกจุดที่ไม่มีแผล แต่กระแทกพื้นแล้วเจ็บกล้ามเนื้อ นั่นคือหัวไหล่ขวา ยกสูงๆ แล้วจะตึงๆ หน่อย ไม่หายสักที
เช้าเอาจักรยานออกขี่ ใช้รถ KHS F20-W ครับ ช่วงนี้คงต้องใช้คันนี้ไปอีกสักระยะ ยังแหยงกับคันเก่าอยู่ นี่ขนาดขี่คนละคัน ยังนึกภาพตัวเองตอนล้มอยู่เลยครับ มันล้มแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว เหมือนโดนถีบจนกระเด็นแล้วขาที่ยึดติดกับบันไดก็ลากตัวเองให้ไถลออกไป บรื๋อออออ
เช้านี้ขี่ได้ความเร็วไม่เกิน 10 กม/ชม เหมือนเดิม ขาหมุนได้ช้าๆ หมุนเร็วรอบขาสูงๆ ก็จะตึงแผล ขี่ไป 45 นาที ได้ระยะทางไม่เท่าไหร่เลย แค่ 7.5 กม เองมั้ง
ไปถึงที่ทำงาน วันนี้ต้องยกของแต่เช้า คนงานขาด ชีวิตของผมจะขึ้นอยู่กับพวกเขาเป็นหลัก ถ้าเขาไม่มาทำงานล่ะก็ เสร็จผม ยกแบบขำขำ แค่ครึ่งคันรถ ลำบากตรงหยิบจับของนี่แหละ เพราะหลังนิ้วมือเป็นแผล ไม่อยากงอนิ้วมาก กลัวแผลฉีกขาดและแผลเป็นจะตามมา เฮ้ออ ทำไงกันดีล่ะวินี่ เลี่ยงก็ไม่ได้ ก็คงต้องยอมเสียสละตัวเองไปครับ
ขอต่อเรื่องระยะเอื้อมของรถ Dahon อีกนิดครับ เมื่อเช้าขี่จักรยานแล้วนึกขึ้นมาได้ คือคนๆ เดียวกัน นั่งรถที่เซ็ทติ้งเดียวกัน แขนตึงเหมือนกัน แต่ช่วงหัวไหล่ของเราขยับได้อีกเยอะครับ ลองนั่งแขนตึงแล้วโยกลำตัวไปมาดูจะพบคำตอบ นั่นหมายถึงภาพที่เห็นนั้น มันเป็นเสมือนแนวทางให้เราดูเป็นตัวอย่างแบบคร่าวๆ ต่อให้เราสูงเท่ากับนายแบบในภาพ ซึ่งท่าทางดูเหมือนจะขี่ได้สบาย พอมาลองขี่จริงๆ อาจไม่ได้เป็นแบบนั้น
ทั้งหลายทั้งปวง คือทรรศนะส่วนตัวของผมล้วนๆ ครับ ถ้าผิดก็ยอมรับผิดเองคนเดียว ถ้าถูกก็ดีใจด้วยที่เราคิดเห็นไปในแนวทางเดียวกัน และก็คงจะมีคนอีกจำนวนหนึ่งที่ไม่ได้เออออไปกับผม ก็ธรรมดาครับ ต่างคน ต่างทรรศนะ แต่ละคนคิดและวิเคราห์บนพื้นฐานของภูมิที่ตัวเองมีอยู่
เย็นไปรับลูก เขาแข่งกีฬาวิ่งได้เหรียญเงิน ใส่คล้องคออวดใหญ่ ขึ้นรถกลับบ้าน แป๊บเดียวหลับ