Author Topic: อย่าตัดสินคนอื่นจากเปลือกนอกเลย  (Read 4132 times)

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
สุภาพสตรีในชุดกระโปรงผ้าฝ้ายเรียบๆกับสามีของเธอในชุดสูทเนื้อผ้าธรรมดาๆ
ก้าวลงจากรถไฟในชานชาลาสถานีเมืองบอสตัน
ทั้งคู่ยืนรออย่างสงบอยู่หน้าสำนักงานอธิการบดีมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด

เลขานุการสาวดูออกในแว่บเดียวว่าสามีภรรยาซอมซ่อคู่นี้มาจากบ้านนอก
และไม่น่ามีธุระอะไรในมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดแห่งนี้ได้
...หล่อนขมวดคิ้ว

"เราต้องการพบท่านอธิการบดี" สามีกล่าวนุ่มนวล
"ท่านติดนัดตลอดทั้งวัน" เลขาฯสะบัดเสียงเล็กน้อย
"งั้นเราจะรอ" ภรรยาตอบ

เป็นเวลาหลายชั่วโมงที่เลขานุการทำเป็นไม่สนใจ
โดยประมาณว่าทั้งคู่คงทนไม่ได้และกลับไปเอง
แต่หาเป็นเช่นนั้นไม่
เลขาฯสาวเริ่มไม่แน่ใจจึงต้องรบกวนเวลาท่านอธิการบดี

"พวกเขาคงแค่อยากพบท่านครู่เดียวก็กลับ" หล่อนอธิบาย

ท่านอธิการบดีถอนใจด้วยความเบื่อหน่ายแล้วก็พยักหน้าอย่างเสียไม่ได้
จริงๆแล้วคนสำคัญระดับท่านอธิการจะมีเวลาพบคนระดับนี้ได้อย่างไร?
แต่นั่นเถอะนะ ท่านคิด
ดีกว่าปล่อยให้คู่สามีภรรยาบ้านนอกป้วนเปี้ยนอยู่แถวนี้ให้ใครต่อใครมาเห็น

ท่านเชิดหน้าอย่างทรงเกียรติใส่ทั้งคู่ ภรรยากล่าวขึ้น
"ลูกชายของเราเคยเรียนในฮาร์วาร์ด 1 ปี
เขารักฮาร์วาร์ดมากและเขาก็มีความสุขกับที่นี่อย่างยิ่ง
แต่เมื่อปีที่แล้วเขาประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต
สามีและดิฉันก็เลยอยากทำอะไรสักอย่างไว้เป็นที่ระลึกถึงเขาในมหาวิทยาลัยแห่งนี้
"
ท่านอธิการไม่รู้สึกร่วมแต่อย่างใด เพียงแต่ช็อคเล็กน้อย

"คุณผู้หญิงเราไม่สามารถสร้างรูปปั้นให้กับทุกคนที่เคยเรียนฮาร์วาร์ดแล้วก็ตาย
หรอกนะ  ถ้าปล่อยให้เป็นอย่างนั้น ที่นี่คงดูไม่ต่างไปจากสุสานแน่"

" โอ...ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ ท่านอธิการบดี" ภรรยารีบอธิบาย
"เราไม่ได้ต้องการจะสร้างรูปปั้น
เราคิดว่าเราจะสร้างตึกให้ฮาร์วาร์ดต่างหาก"

ท่านอธิการกรอกตาไปมา เขามองไปที่ชุดผ้าฝ้ายกับสูทบ้านนอก
"สร้างตึก!  พวกคุณรู้ไหมว่าใช้เงินเท่าไรในการสร้างตึกสักหลังหนึ่ง
เราใช้เงินไป
มากกว่า 7.5 ล้านดอลลาร์แค่ตอนเริ่มก่อตั้งฮาร์วาร์ดนี่"

เป็นครู่ที่สุภาพสตรีเงียบกริบ ท่านอธิการรู้สึกโล่งอก
ในที่สุดสามีภรรยาคู่นี้ก็ถูกกำจัดไปได้เสียที

แล้วภรรยาก็หันมาพูดกับสามีเบาๆว่า
"ใช้เงินแค่นั้นเองน่ะหรือในการสร้างมหาวิทยาลัย?
แล้วทำไมเราไม่สร้างของเราเองสักแห่งหนึ่งล่ะ?"
สามีผงกศีรษะ
สีหน้าท่านอธิการเต็มไปด้วยความงงงวยสุดขีด

แล้วนายและนาง ลีแลนด์  สแตนฟอร์ด
ก็เดินทางไปยังพาโลอัลโตในแคลิฟอร์เนีย
ที่ๆพวกเขาก่อตั้งมหาวิทยาลัยภายใต้นามสกุลของครอบครัว
เพื่อเป็นอนุสรณ์แก่ลูกชาย ที่ฮาร์วาร์ดไม่เคยเห็นคุณค่า ....

เรื่องนี้เป็นประวัติความเป็นมาของมหาวิทยาลัย Standford ในสหรัฐฯ   
ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยชื่อดังคู่แข่งกับมหาวิทยาลัย Harvard

...อย่าตัดสินคนอื่นจากเปลือกนอกเลย..
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline 13

  • Group N Racer
  • **
  • Posts: 62
  • I'm a llama!
อ่านเเล้วอึ้งครับ เยี่ยมจริงๆ :)

Offline ToppyRacingClub

  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 1382
นี่ก็...อีกเรื่องที่คล้ายๆกัน... ;D ;D ;D

ใครจะทราบบ้างว่าแท้จริงแล้ว หนึ่งรถสปอร์ตที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นรถระดับซุปเปอร์คาร์อย่าง "แลมเบอร์กินี" นั้น มีจุดเริ่มต้นมาจากความไม่พอใจเล็กๆ ของใครคนหนึ่งที่นำไปสู่การพัฒนาจนกลายมาเป็นรถสปอร์ตชื่อก้องโลกในปัจจุบัน ซึ่งใครคนนั้น มีนามว่า "เฟอรุชชิโอ แลมเบอร์กินี"

เฟอรุชชิโอ แลมเบอร์กินี คือชื่อของผู้สร้างตำนานบทใหม่ของรถสปอร์ตระดับซุปเปอร์คาร์ เกิดเมื่อวันที่ 28 เมษายน พ.ศ.2459 ในหมู่บ้านเล็ก ๆ ทางเหนือของอิตาลี เฟอรุชชิโอให้ความสนใจ ในเรื่องเครื่องยนต์กลไกเป็นอย่างมากตั้งแต่ในวัยเด็ก เมื่อโตขึ้นได้เข้าเรียนในวิทยาลัย อุตสาหกรรม ที่เมืองโบโลญญ่าหลังจากที่ได้ศึกษาเป็นเวลาหลายปีก็สำเร็จการศึกษาได้รับปริญญาตรีวิศวกรรมศาสตร์ ทางด้านอุตสาหกรรม
       
       เฟอรุชชิโอ เริ่มทำงานในอู่ซ่อมเครื่องยนต์ เมื่อช่วงต้นอายุยี่สิบของเขานั้น สงครามโลกครั้งที่สองได้เกิดขึ้น และเขาได้เข้าร่วมรับใช้ชาติด้วยการทำงานที่ฐานทัพอากาศอิตาลีที่เมือง Rhodes โดยทำหน้าที่ซ่อมแซมยวดยาน หลังจากที่ สงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลง เขาถูกบังคับให้ทำงานดังกล่าวด้วยการซ่อมยวดยานของฝ่ายสัมพันธมิตรต่อไปอีกจนถึงปี พ.ศ. 2489 ในที่สุดเขาก็ได้กลับบ้าน และได้เริ่มต้นซ่อมแซมรถแทรกเตอร์ของอิตาลี ที่ยังคงใช้อะไหล่จากยวดยานของทหาร และนี่เองคือ จุดเริ่มต้นในการตั้งโรงงานแทรกเตอร์ ที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จมากที่สุดในฐานะนักธุรกิจ

เฟอรุชชิโอเป็นคนที่เข้าใจชีวิต และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข และเป็นเพราะว่าเขาให้ความสนใจในเรื่องยานยนต์โดยเฉพาะประเภทที่มีความเร็วสูง เขาจึงซื้อ เฟอร์รารีหลายคัน
       
       ในช่วงเวลานั้น การสร้างรถเฟอร์รารี สำหรับถนนปกตินั้นทำการผลิตกันแบบขอไปที เจ้าของรถเฟอร์รารีหลายคนไม่พอใจในรถของ ตนเอง แต่ก็ไม่กล้าที่จะร้องเรียน เพราะกลัวว่าตนเองอาจจะไม่ได้รับอนุญาตให้ซื้อรถได้อีก และจากสาเหตุของการให้บริการหลังการขาย ที่ย่ำแย่ เนื่องจาก เอนโซ เฟอร์รารี นั้นได้ทุ่มเทกำลังกาย กำลังใจทั้งหมดของเขาไปที่รายการแข่งรถ ส่วนรถที่ใช้สำหรับขับขี่บนถนนถูกผลิตขึ้นเพื่อนำเงินที่ได้ไปพัฒนารถแข่งของเขาเท่านั้น
       
       ในช่วงต้นของทศวรรษที่ 60 เฟอรุชชิโอ แลมเบอร์กินี ถอย เฟอร์รารี 250 GT ถึงกระนั้นเขาก็ต้องส่งรถคันดังกล่าวเข้า ซ่อมหลายครั้งและดูเหมือนว่ามันไม่เคยได้รับการซ่อมแซมได้อย่างถูกต้องเลย และนี่คือปฐมเหตุในการเริ่มต้น ตำนานของ แลมเบอร์กินี
       
       ครั้งหนึ่ง เมื่อเฟอรุชชิโอ แลมเบอร์กินี ได้รับรถเฟอร์รารีของเขากลับมาจากโรงงาน หลังจากส่งไปซ่อมคลัชท์ แต่ดูเหมือนว่า โรงงานนั้นไม่สามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้ ดังนั้น เฟอรุชชิโอ จึงไปเยี่ยมเยียน เอนโซ เฟอร์รารี ด้วยตัวของเขาเอง ณ โรงงานของเฟอร์รารี และบอกแก่ เอนโซ เฟอร์รารี ในเรื่องที่เขารู้สึกเกี่ยวกับตัวของเอนโซและรถอันแสนย่ำแย่

เอนโซ ได้ตอกกลับเฟอรุชชิโอว่า เป็นเพียงแค่คนบ้านนอกที่ไม่มีความรู้อะไรเลยในเรื่องที่เกี่ยวกับรถสปอร์ต ต่างกับเขาที่มีอยู่เต็ม ในสายเลือด
       
       หลังจากการโต้เถียงครั้งนั้น เฟอรุชชิโอ แลมเบอร์กินี ก็ตัดสินใจว่าเขาจะต้องโต้ตอบเอนโซ ให้เจ็บแสบที่สุดด้วยการสร้างรถของเขาเอง ดังนั้นเขาจึงได้ว่าจ้างบุคลากรที่ดีที่สุดที่สามารถหาได้ และเริ่มต้นการผจญภัยของเขาด้วยการสร้าง GT รถที่ สมบูรณ์แบบ และไม่ใช่แค่เขาสร้างมันได้ดีกว่าและเร็วกว่า แต่เขายังต้องการที่จะรับฟังลูกค้าพร้อมกับยินดีช่วยเหลือลูกค้าของเขาหากเกิดปัญหาจากรถที่สร้างขึ้น
       
       เฟอรุชชิโอ ได้เริ่มต้นด้วยการสร้างโรงงานใหม่ และตั้งบริษัท “แลมเบอร์กินี ออโตโมบิลี” ซึ่งห่างจากโรงงานของเฟอร์รารีเพียง 15 กม. เท่านั้น

ในมุมหนึ่งของโรงงานแทรกเตอร์ รถแลมเบอร์กินีถูกสร้างขึ้น ก่อนที่โรงงานสร้างรถยนต์แห่งใหม่จะ พร้อมเสร็จ เขาใช้เวลาทุกนาทีในการพัฒนารถของเขาด้วยตนเอง เฟอรุชชิโอ ทำงานอย่างใกล้ชิดกับลูกจ้าง เพราะว่า เขาต้องการมีส่วนร่วมในทุกๆ ด้าน กับการพัฒนารถคันนี้ และบ่อยครั้งที่อยู่เป็น คนสุดท้ายเพื่อคอยปิดสวิชท์ไฟในโรงงานปลายเดือน ตุลาคม พ.ศ. 2506 แลมเบอร์กินี 350 GTV คันแรกก็เสร็จสมบูรณ์
     
       อย่างไรก็ตาม รถดังกล่าวก็ยังเป็นเพียงรถต้นแบบ และ ผลิตภัณฑ์คันแรกนั้นยังมาไม่ถึงจนกระทั่งเดือนมีนาคม 2507 ด้วย 350 GT ที่ได้ปรากฏแก่สายตาชาวโลกว่าเฟอร์รารีนั้นสามารถที่จะถูกปราบลงได้เช่นกัน และนี้คือเรื่องราวทั้งหมดในการเริ่มต้นจ้าวแห่ง ตำนานของกระทิงเปลี่ยว

Offline mono

  • Sr. Member Professional Driver
  • ****
  • Posts: 381
  • M_mono
อ่านแล้วรู้สึกดี แท้ๆ  ;D
  เหมือนยาชั้นดีที่คอยกระตุ้นให้เรามีความพยายาม อดทน ต่อสิ่งต่างๆมากขึ้นครับ...เอาใจช่วยให้ทุกคนสู้ ครับ.. 8)
Hi ...........

Offline Gong Runduce

  • Sr. Member Professional Driver
  • ****
  • Posts: 485
  • สวยเรียบ GDB Applide-F
ไปเรียน Stanford ดีกว่า...  8)