racing-club.net

Bike Forum => my bike diary / my life diary => Topic started by: O'Pern on March 01, 2016, 08:05:48 pm

Title: มีค 59 5-6 Drift Comp สนาม 4 21 Motor Show
Post by: O'Pern on March 01, 2016, 08:05:48 pm
1 มีค 59
   วิ่งได้แค่ 30 นาทีเอง เฮ้ยย นอนก็ไม่ดึก ทำไมตื่นแล้วขี้เกียจลุก สาเหตุก็เพราะหมาเห่ากลางดึกอีกนั่นเอง ชีวิตกูนี่ต้องขึ้นอยู่กับหมาเห่าด้วยหรือวะนี่ งงสัส 
   มื้อเช้าคลาสสิค กระเพราไก่ ไข่ต้ม มีผักแกล้มเป็นแครอทลวก กระเทียมสด กินกับข้าวกล้องเหมือนเดิม
   ช่วงนี้ได้นั่งคุยกับมิวในรถทุกเช้า ก็อัปเดทชีวิตกัน เล่าโน่นนี่ให้เขาฟังไปเรื่อย แต่ปิดท้ายด้วยการสร้างแรงบันดาลใจให้เขาออกไปล่าฝัน
   เช้านี้นั่งโต๊ะเก็บเงินที่เก่าของเรา ไม่ได้มาตรงนี้เสียหลายวัน แม้จะนั่งสบาย แต่ก็ต้องรับโทรศัพท์กันทั้งวัน ถ้าช่วยสินค้ามีการปรับราคานี่วุ่นหนักเลยนะ เพราะจะโดนต่อว่าทันที หาว่าขึ้นราคาแล้วไม่บอกเขา ปัดโธ่ เราเองก็ไม่รู้ล่วงหน้าเหมือนกันแหละครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกเหล้า เบียร์
   วันนี้งานน้อยครับ แปลกดีที่วันหวยออก งานจะน้อย ผู้คนในแผ่นดินสยามประเทศส่วนใหญ่จะงมงายกับการลุ้นโชคลาภมากกว่าสิ่งอื่นใด ถ้าวันนี้งานน้อย ก็พรุ่งนี้แหละครับที่จะงานเยอะแทน
   วันนี้เปิดรับสมัครเรียนเรือใบเป็นวันแรก วันนี้เมื่อสามปีที่แล้ว (2556) ผมกับกลุ่มผู้ปกครองขับรถไปสมัครเรียนเรือใบถึงที่สัตหีบ จากนั้นก็ตระเวนหาที่พักกัน กว่าจะกลับได้ก็ช่วงเย็นเลย
   แต่ปีนี้ผมไม่ได้ไปสมัครเองครับ พอจะรู้จักครูแล้ว เลยยื่นเอกสารผ่านไปรษณีย์ ตอนบ่ายไปโอนเงินค่าสมัครไป เท่านี้ก็เรียบร้อย
   งานนี้ไปคนเดียวครับ มิวเบี้ยวเสียแล้ว ก็ไม่อยากบังคับฝืนใจเขา คนที่ใจเขาไม่เอา บังคับไปก็เสียเวลาเปล่า ผมเองไม่ชอบการบังคับจิตใจ ก็เลยไม่บังคับมิวเขา
   กลางวันขี่จักรยานไปซื้อก๋วยจั๊บให้แม่ ซื้อข้าวหน้าเป็ดให้ภรรยา ส่วนผมกินก๋วยจั๊บแบ่งกับแม่ เสริมด้วยขนมเบื้องหวานเค็มมาอีก 1 กล่อง
   เสร็จแล้วถึงไปธนาคาร แล้วถึงจะว่าง แต่ว่าไม่ได้กลับบ้านหรอกนะ ผมต้องรอรับมิวเลิกเรียนตอนเย็น โห รออีก 3 ชม ไปไหนดีวะนี่ เมื่อวานก็ไปคอนโดมาแล้ว วันนี้ไปเดอะมอลล์ก็แล้วกันวะ
   เดินเตร็ดเตร่จนหมดมุข เลยเข้าไปซื้อของกินของใช้ในซุปเปอร์ เน้นพวกถั่วที่ลดราคา แอบมีหนมมาบ้างนิดหน่อย กะจะเอาไว้กินสุดสัปดาห์นี้ตอนไปงานดริฟท์
   มิวมาหาที่เดอะมอลล์ 0500 เลย ชวนกินซานตาเฟ่อีกด้วย งงเลย ทุกทีมีแต่จะรีบกลับท่าเดียว แม้ผมไม่ได้หิวอะไร แต่ก็กินไปเป็นเพื่อนมิว เขาลือกสั่งชุด Duo ตามโปรโมชั่น มีสเต็คอกไก่ กับ สปาเก็ตตี้ผัดไส้กรอก พออาหารมาเสิร์ฟ ผมนึกว่ามิวจะเลือกสปาเก็ตตี้เสียอีก กลายเป็นมิวจะกินสเต็คไก่ ยกสปาเก็ตตี้ให้ผมกินแทน เฮ้ยย ผัดแบบน้ำมันย่องเลยนะ
   กลับมาบ้านพ่อชวนกินเต้าหู้ทอดอีก โหห จัดไปอีกหน่อยหนึ่ง หึหึ วันนี้จัดค่อนข้างเต็มเลยนะมึง
Title: Re: มีค 59
Post by: O'Pern on March 20, 2016, 11:29:36 am
2 มีค 59
   ไม่วิ่งไม่ได้แล้ว เมื่อวานมึงแดกเยอะมาก วิ่งเท่านั้นที่จะผอมลงได้ เช้านี้จัดไป 50 นาที
   เช้านี้กินปลาเก๋าทอด กับยำมะม่วง ไข่ดาว ผักแกล้มเป็นใบโหระพาเพียบๆ
   มิวออกไปด้วยเช่นเคย วันนี้เขาเรียนที่ช่องนนทรี ย่านนั้นอาหารการกินอุดมสมบูรณ์มาก แต่มิวกับเพื่อนมักจะกินแต่ในร้านแบรนด์เนมที่เขาคุ้นเคย
   เช้านี้งานเยอะหน่อย ผมไปยกของในโกดังแต่เช้า แล้วก็มานั่งในออฟฟิซต่อ ช่วงเช้าโทรศัพท์เข้ามามาก ค่อนข้างจะวุ่นหน่อย แต่หากจัดระเบียบให้ดีก็ไม่มีอะไรมากนะ
   บ่ายไปธนาคาร แต่ไม่ได้กลับบ้านต่อนะ ต้องมีหน้าที่รับมิวกลับบ้าน เขาเลิกตั้ง 0500 แน่ะ ไม่รู้ไปรอไหน ก็เข้าไปที่เดอะมอลล์ครับ เดินจนเบื่อ เลยขับไปจอดชั้นบนสุด คนน้อยๆ นั่งอ่านหนังสือเล่นในรถ
   แต่อีกพักเดียวมิวโทรมาหาบอกว่าเลิกเรียนแล้ว เย้ๆ ดีใจมาก ไม่ต้องรอถึง 0500 แล้ว มิวขอซื้อหนังสือการ์ตูนเครื่องบินที่เขาบอกชื่อ Captain Alice ส่วนผมดูกล้อง Action Cam ของ Panasonic ลุ้นให้ลดราคา แต่ก็ยังเท่าเดิมอยู่เลย 11900 ไอ้กล้องตัวนี้เล็งมาเป็นปี แต่ถ้าไม่ได้ไปไหนก็ไม่มีโอกาสได้ใช้ ตอนนี้ใกล้จะไปเล่นเรือใบเลยอยากได้มากๆ แต่ไอ้ตัวนี้มันไม่มีหน้าจอในตัวเหมือนของค่ายอื่น จุดเด่นและจุดด้อยของมันคือจุดเดียวกัน

   วีต้าเบอรี่ ทำโฆษณาออกมาสำหรับพวก “คนติดจอ” เพราะมีวิตามิน A บำรุงสายตา ผมรอดูของ Neya ที่ผมให้แผนธุรกิจไปเมื่อปีก่อน แต่ก็ยังไม่มีอะไรคืบหน้า สงสัยเขาอาจเปลี่ยนแผน หรืออาจนำแผนของผมไปปรับใหม่ก็เป็นไปได้
Title: Re: มีค 59
Post by: O'Pern on March 20, 2016, 11:41:49 am
3 มีค 59
   ออกวิ่งได้แค่ 30 นาที
   วันนี้ต้องอยู่เฝ้าร้านตลอดวันยันปิดร้าน
   กลับมาบ้านค่ำๆ รีบจัดข้าวของใส่กระเป๋าเดินทาง ติดถั่วอบไปหลายถุงหน่อย ไอ้นี่ช่วยชีวิตผมได้มาหลายที่แล้วล่ะ จนหลังๆ ไปต่างถิ่นนี่ผมจะติดมันไปด้วยตลอดเลย เลือกเอาแบบที่ไม่มีขายใน 7-11 นะครับ อย่าลืมน้ำดื่มด้วย ผมติดไปอีก 1 แพ็คเลย
Title: Re: มีค 59
Post by: O'Pern on March 20, 2016, 11:53:23 am
4 มีค 59
   ออกวิ่งไป 30 นาที กินข้าวแล้วรีบออกเดินทาง ช่วงนี้มิวเรียนเช้า ทำให้ผมต้องเร่งรีบมากขึ้นไปอีก
   เช้ายกของเล็กน้อย ส่วนใหญ่จะรับหน้าที่โทรหาลูกค้ามากกว่า จัดไปราว 30 สาย ใช้เวลานานพอดูกว่าจะเคลียร์จบ เสร็จแล้วไปธนาคาร
   บ่ายออกเดินทางไปสนามปทุมธานีสปีดเวย์ งานนี้เป็นสนามสุดท้ายของปี (58) แปลกดีไหมที่มันยืดมาถึงเดือน 3 ของอีกปีถัดมา แถมสนามนี้จัดเป็นแบบลู่อีกด้วย แนวเดียวกับสนามบุรีรัมย์เลย ผมเป็นห่วงตำแหน่งมุมมองของกรรมการมากที่สุดครับ ถ้ามองไม่ชัด มองไม่ขาด ผมแย่แน่ๆ เลย
   ขับขึ้นทางด่วนสุรวงศ์แล้วลากยาวไปถึงเชียงราก ขับช้าๆ แดดแรงมากๆ จนแอร์รถแม่งแทบจะไม่เย็น ผมงี้ตกใจเลยนะ นึกว่าแอร์เสีย แต่พอแดดไม่แรงปุ๊บ แอร์ก็เย็นปกติดี
   มาถึงสนามเกือบจะ 0300 มาคนแรกของกลุ่มทีมงานเลยล่ะ (ไม่นับทีมภาคสนามนะ) รีบเข้าไปดูตำแหน่งที่นั่งของกรรมการทันที มันเป็นตู้คอนเทนเนอร์ซ้อนกัน 2 ชั้น กรรมการนั่งกันชั้น 2 มุมมองโอเคดี พอได้ โดยรวมเห็นทั่วสนาม แต่จะมีช่วงโค้ง 1 ที่จะไกลสายตาไปหน่อย
   นั่งดูตำแหน่งกรรมการนี้อยู่นาน ดูทั้งทิศทางลม ทิศทางแดด ตำแหน่งนี้ห่างไกลจากห้องน้ำ และร้านอาหารเยอะมาก เห็นแล้วนึกอยากได้จักรยานขึ้นมาทันทีเลย
   สตาฟหลายๆ ทีมทะยอยกันมา เริ่มจากทีม OB ผมเดาว่าน่าจะย่อมาจาก Operation Broadcast จะต้องหาจุดตั้งสวิทชิ่ง (เครื่องตัดภาพ และจะเป็นสถานีแม่ที่ใช้ควบคุมกล้องทุกกล้องที่ใช้ถ่ายทอดในสนาม) เจ้าหน้าที่มาถามผมว่าเขาจะขอใช้พื้นที่บนชั้น 2 นี้ได้หรือไม่
   เออ ผมก็ตอบไม่ถูกเหมือนกันสิ ก็เลยปล่อยให้เขาทำงานกันไป สุดท้ายเซ็ทอัพเสร็จก็ใช้พื้นที่ไปราว 1/3 ของห้อง (รวมแผงควบคุมเครื่องเสียงด้วย) แต่หากมีคนมานั่งคุมด้วยแล้วก็จะกินพื้นที่ไปเกือบๆ ครึ่งตู้ เพราะมีกล้องมาวางไว้ตำแหน่งนี้อีก 1 จุดด้วย
   อ้อ ในห้องกรรมการนี้มีแอร์ด้วยนะ แต่มันพังว่ะ ผมเปิดแล้วแม่งมีแต่ลม ไม่มีไอเย็นเลยแม้แต่น้อย ช่างมาตอนเย็นๆ บอกว่าคอมฯน็อค (เดาว่าพัง) เขาบอกพรุ่งนี้จะเอาอะไหล่มาเปลี่ยนให้
   ระหว่างนั้นก็มีจอ LED มาติดตั้ง เขาก็มาถามผมอีกแหละครับว่าจะให้วางตำแหน่งไหน อ้าว กูไม่รู้ เขาว่าไงก็ว่าตามเขาแหละครับ ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันควรอยู่ตรงไหนอย่างไร รู้แต่ว่าห้ามบังสายตากรรมการ และต้องให้คนดูมองเห็นชัดเจน
   นักแข่งก็ซ้อมกันไปครับ ขับไปตามไลน์โดยไม่รู้ว่าจุด Apex ที่ต้องใช้เก็บคะแนนตั้งอยู่ตรงไหน อย่างไร มีรถตกแทร็คไปหลายคัน แต่ก็ไต่กลับขึ้นมาเองได้ โดยรวมแล้วสนามปลอดภั้ยดีครับ ด้านข้างแทร็คเป็นทราย รถลงไปแล้วไม่พังง่ายๆ ดูดซับแรงจากรถได้ดี ซับของเหลวที่รั่วไหลจากรถได้ดีมากๆ
   เอก มาช่วงเย็นๆ มาวาง Apex 3 จุด เป็นสนามที่แปลกคือใช้ Head Apex ทั้ง 3 จุดเลย เฮ้ยย ผมไม่เคยเห็นแบบนี้มาก่อนเลย
   ช่วงเย็นอากาศดีมากครับ พระอาทิตย์ตกดินที่สนามนี่สวยเลยนะ แต่มีเวลาชื่นชมแค่สัก 15 นาที แล้วตะวันก็ลับฟ้าไป ช่วงโพล้เพล้นี่สบายดีมากๆ เลยนะ ลมพัดเย็น ไม่มีความร้อนจากแดดอีกแล้ว ชอบฟีลลิ่งแบบนี้มากๆ
   ไผ่ ชวนผมเข้าที่พักที่อยู่ใน ม ธรรมศาสตร์ ก็ขับตามเขาไปครับ เป็นครั้งแรกที่ผมขับเข้ามาใน ม นี้เลยครับ เจ้าไผ่เองก็มึน สุดท้ายคือหลง เพราะมันมืดมากด้วย แต่ก็ไม่ได้หลงอะไรมากมายนัก เลี้ยวผิดก็กลับรถออกมาใหม่
   หอพักชื่อ D-Luxx Thammasat อยู่ติดกับสนามเทนนิส และเลยไปนิดก็จะเป็นสนามฟุตบอล ดูจากสภาพห้องแล้วเหมือนกับเป็นพวกหอพักนักกีฬาเลย เพราะมีระเบียงขนาดใหญ่เว่อร์ๆ สำหรับซักล้าง ตากผ้า เก็บของ เก็บอุปกรณ์กีฬา หรือจะไปนอนระเบียงสัก 3-4 คน ยังทำได้สบายๆ เลย ระเบียงเขาใหญ่ราว 50% ของพื้นที่ห้องนอนเลยล่ะครับ
   ผมพักห้อง 1011 เลือกห้องเบอร์ 11 เพราะตรงกับวันเกิดตัวเอง ได้วิวสนามกีฬา สวยดีสบายตาดีครับ ชอบที่นี่ตรงมันเงียบสงบดีมากๆ ห้องพักกว้างขวางสะอาดดี ทีวีชัดทุกช่อง ดูกันเพลินเลยล่ะ เจอช่องแบบไม่คุ้น ไม่รู้จัก ก็กดไล่ๆ ดูไป สนุกดีเหมือนกัน
   มีโต๊ะทำงานแบบ Build it ยาวตลอดแนวใต้ทีวี และมีปลั๊กไฟให้ใช้งานหลายจุด ในห้องพักจัดแสงสวย สบายตา ไม่มีไฟ Down Light เขาใช้ไฟหลืบซ่อนใต้ผ้า และไฟแบบ Up Light จากหัวเตียง มีตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ ออกแบบดี แต่วัสดุยังไม่ค่อยดี คือไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไหร่
   ห้องน้ำนี่พอได้ แคบไปหน่อยครับ คือห้องพักใหญ่น่าจะได้ห้องน้ำสวยๆ โล่ง โปร่งกว่านี้สักหน่อย น้ำยังไม่ค่อยแรงสะใจ
   ที่ไม่ชอบคือเตียงสปริงครับ เตียงแบบนี้มันจะดีเฉพาะตอนใหม่ๆ แต่พอสปริงล้าเท่านั้นแหละ ตรงกลางเตียงแม่งจะยุบ นอนแล้วจะปวดหลัง เตียงตัวที่แอร์ส่องถึงนี่แม่งจะยุบมากเลย ส่วนเตียงที่อยุ่ใต้แอร์นี่ยังไม่ยุบมากนัก ผมเลยเลือกนอนเตียงนี้แหละ แอร์จะส่องไม่ถึง เลยเปิดให้มันแรงๆ หน่อย
   หมอนก็ไม่ชอบครับ มันสูงเกินไปหน่อย นอนไม่ค่อยสบาย (แต่คนอื่นอาจชอบก็ได้นะ ผมชอบหมอนบางๆ แต่แน่นหน่อยน่ะ) ผ้าห่มโอเคดี พอได้
   โดยรวมแล้วชอบครับ แต่ถ้ามาคราวหน้าจะติดเอาแผ่นปูรองนอนมาเอง เอาถุงนอนมาเอง จะปูแผ่นรองนอนกับพื้นมันนี่แหละครับ พื้นที่ตรงกลางระหว่างเตียงทั้งสองกว้างเยอะมากกว่าโรงแรมปกติที่เคยเจอมา
   คืนละ 800 บาท ไม่แพงครับ คราวหน้ามาก็อยากพักที่นี่อีก และจะเอาชุดวิ่งหรือจักรยานมาด้วย
   คืนนี้กินส้มไป 2 ผล ครับ ตามด้วยถั่วอีก 1 ถุง นอนดึกเลยนะ เพราะดู The fast and the furious 6 จบราวเที่ยงคืนแน่ะ
Title: Re: มีค 59
Post by: O'Pern on March 20, 2016, 11:59:52 am
5 มีค 59
   นอนสบายมาก เงียบดี โคตรชอบในบรรยากาศเลย ตื่นเพราะเสียงนกร้องดังมากตอน 0615 ผ้าม่านดีมาก ปิดบังแสงได้สนิทดี แต่ขอบประตูด้านล่างนี่ควรปรับปรุง เพราะมีแสงลอดเข้ามาได้ นั่นแปลว่าแอร์ก็หลุดลอดไปได้เช่นกัน แต่ตอนกลางคืนผมใช้ผ้าเช็ดเท้าในห้องน้ำมาอุดปิดกันแสงไว้
   มองนอกระเบียงเห็นสนามกีฬาแล้วอยากไปวิ่งเลยนะ วิ่งรอบนอนก็ยังดีวะ น่าเอาชุดวิ่งมาด้วยจริงๆ เลย
   ตืนเช้ามารีบดื่มน้ำครึงลิตร กายบริหารในห้องเล็กน้อย ทำสมาธินิดหน่อย แล้วกินส้ม 1 ผล เช้านี้มีนัดประชุมทีมงาน 0900 ผมออกจากห้องพัก 0830 ขับสบายๆ แป๊บเดียวก็ถึงสนาม แต่แอบแวะ 7-11 ซื้อแซนวิช ขนมปังกิน 2 ชิ้น ก็เอาไปกินที่สนามนี่แหละครับ
   ไปถึงตรงเวลาเป๊ะ แต่กลายเป็นว่าเขานัดประชุมทีมงานภาคสนามกันเอง ไม่เกี่ยวอะไรกับกรรมการเลยสักนิด 0930 เอกเรียกนักแข่งเข้าประชุม คุยกับผู้จัดงาน ผมขอเข้าฟังด้วย ก็เป็นการพูดให้นักแข่งเข้าใจความในใจและเจตนาที่เขาจัดงานดริฟท์นี้ขึ้นมา ขอให้เคารพการตัดสินของกรรมการ เพราะกีฬาแบบนี้มันต้องใช้ดุลพินิจของกรรมการล้วนๆ
   ประชุมเสร็จผมก็นั่งคุยกับน้องๆ ต่อ มาครั้งนี้มี “เอ๋” ที่จัด Gymkhana X มาช่วยดูแลภาคสนามด้วย เอ๋เป็นรุ่นน้องที่ผมรักมากคนหนึ่ง เจอกับเขาตั้งแต่สมัย “พี่เต้ย” จัดแข่งที่หลังซีคอน จนมาเป็นยุคผมจัด Autocross ต่อ แต่ผมทำได้แค่ปีเดียว เจ้าเอ๋ก็มาสานต่ออีกที และทำจนถึงทุกวันนี้ เฮ้ย เจ๋งว่ะเอ๋
   ใกล้เที่ยงมีประชุมนักแข่ง กรรมการเราก็พูดเรื่องเดิมๆ กฎ กติกา มารยาท ที่ต้องพูดเรื่องเดิมๆ ก็เพราะแต่ละสนามจะมีนักแข่งหน้าใหม่สลับเข้ามาบ้าง ส่วนคนที่ฟังจนเบื่อแล้วก็ปล่อยเขาไป นักแข่งบางคนอาจฟังจนเบื่อเลยหยิบมือถือมากดเล่นกันเยอะเลย
   เจอนักแข่งชื่อ “ป๊อป monster” ขับ RX-8 คนนี้ผมเห็นมานานแล้ว แต่ไม่เคยคุยกัน ได้แค่รับไหว้ตอนเขาสวัสดีเรา แต่วันนี้ผมได้รู้จักป็อปมากขึ้นแล้วถึงกับอึ้งไปเลย
   ป็อปคือคนที่ส่งภาพและงานเขียนบรรยายงาน Sydney Auto Salon ให้กับผมตอน Racing Club เล่มที่ 2
   เขาแนะนำตัวแบบนี้ ผมแม่งอ้าปากค้างเลย กูนี่แทบอยากกอดมึงเลยนะ ยุคนั้น Racing Club นี่มีเอเยนต์นำไปวางจำหน่ายหลายประเทศทั่วโลกเลยนะ เมืองใหญ่ๆ ที่คนไทยอยู่เยอะๆ นี่มีวางขายบนแผงในตลาดไทยเลยล่ะ
   ยุคนั้นป็อปเป็นนักเรียนไทยอยู่ที่ Sydney เดินงานโชว์รถก็เลยถ่ายภาพส่งมาให้ผมทางอีเมลล์ ผมเห็นแล้วตื่นตาตื่นใจมาก เลยบอกให้ป็อบช่วยเพิ่มคำบรรยายพร้อมเล่ารายละเอียดเพิ่มเติมหน่อย ป็อบก็จัดให้ทันที ผมเลยนำลงตีพิมพ์ใน Racing Club เล่มที่ 2 และจากนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกับป็อปอีกเลย จนมาถึงวันนี้แหละครับ ที่เจ้าป็อปแสดงตัว ผมแม่งอยากโดดกอดจริงๆ เลย ขอบคุณมากๆ ครับป็อบ จากใจผมจริงๆ
   ช่วงเที่ยงเริ่มงานด้วยรอบ Qualify C ตามด้วย B และ A กว่าจะได้พักก็ปาไปบ่ายแก่ๆ เลยครับ สนามนี้แปลกตรงที่เป็น 3 Head Apex ผมรับตำแหน่งให้คะแนนในจุดนี้
   อ้อ จุดที่แปลกอีกอย่างคือทางผู้จัดบอกว่าสำหรับสนามนี้ที่มันเป็นแบบลู่ รถวิ่งกันเร็วมาก เลยให้คะแนนแบบแค่เหยียบเส้น Apex ก็ได้คะแนนเต็มในจุดนั้นไปแล้ว
   เลยทำให้คะแนน Apex ออกมาเต็ม 100 เกือบทุกคัน
   ช่วงพักนี้อย่างหิวเลย ทางผู้จัดไม่ได้เตรียมอาหารอะไรมาให้ แต่ผมเตรียมพวกถั่วติดตัวมาด้วย และแย่งขนมของพวกเด็กๆ กินไปด้วย ได้แก่เจ้าน้องหญิง น้องเมย์ ใครซื้อหนมไรมาน่ากิน กูขอมีส่วนร่วมด้วยล่ะวะ
   ห้องกรรมการห่างไกลกับห้องน้ำมาก ขับรถเกินกว่า 1 กม ช่วงพักนี่ผมขอติดรถเล็กไปเข้าห้องน้ำด้วยเลย ใจอยากจะซื้อก๋วยเตี๋ยวมากินด้วย แต่เกรงใจเขาที่จะต้องมารอเรา
   บ่ายแข่งรอบ Battle C ที่มีแค่ 9 คัน แต่เอาเข้ารอบ 8 คัน ขับกันแบบมั่วๆ ก็ยังเข้ารอบเลย และที่ตลกกว่านั้นนะ คือได้ 0 คะแนน ก็ยังเข้ารอบถึง 4 คัน อย่างฮา
   ตามด้วย Battle B จากรอบ 32 คัน คัดเหลือ 16 คัน รุ่นนี้รถเริ่มแรงขึ้น ขับกันโหดกว่า C เยอะมาก แต่สนามนี้ดีอย่างคือด้านข้างแทร็คเป็นทราย รถตกลงไปแล้วไม่เป็นไร
   วันนี้งานจบเร็วหน่อยครับ แค่ทุ่มกว่าๆ ขากลับผมแวะเติมน้ำมัน และซื้อของกินใน 7-11 จัดไวตามิ้ลมา 1 แพ็ค ถั่วอีกนิดหน่อย
    เพลีย ร้อน เหนื่อย หิว กินส้มและถัว นมไปแก้หิว พอสี่ทุ่มใกล้จะเข้านอน เจอสารคดีท่องเที่ยวต่างประเทศ เลยดูกันเพลินเลย ยิ่งเป็นพวกย่านสแกนดิเนเวียนี่ผมจะชอบมาก อยากไปอีกครั้ง อยากขี่จักรยานไป
Title: Re: มีค 59
Post by: O'Pern on March 20, 2016, 12:16:18 pm
6 มีค 59
   ตื่นมาดื่มน้ำ 1 ขวด กายบริหารเล็กน้อย กินส้มที่เหลือจนหมด วันนี้งานเริ่มตอนเที่ยง ผมควรไปถึงราว 1100 เช้านี้เลยไม่ต้องรีบร้อน อยู่ในห้องก็ออกกำลังกายบริหารควบคู่กับยางยืด ลองประยุกต์หลายๆ ท่า ดูแล้วเวิร์คดีเหมือนกัน อีกหน่อยคงต้องพกไปทุกที่ เพราะมันเบามาก สะดวกดีจริงๆ เลย
   คิดไม่ผิดจริงๆ ที่ติดส้มเขียวหวานมาด้วย 5 ผล ทำให้ผมได้กินผลไม้ก่อนมื้ออาหาร การกินที่บำรุงสุขภาพควรเริ่มจากน้ำเปล่าสัก 1 แก้ว สักพักตามด้วยผลไม้ และอีกสัก 30 นาทีค่อยกินอาหารนะครับ แต่ผู้คนส่วนใหญ่จะมากินผลไม้ตอนกินอาหารเสร็จทันที แบบนี้ผิดอย่างมาก จะทำให้อาหารย่อยได้ไม่ดี และผลไม้ที่กินเข้าไปไม่ได้ประโยชน์เต็มที่อีกด้วย
   เก็บข้าวของเตรียมตัว Check Out ที่จริงจะอยู่ต่ออีกคืนก็สามารถทำได้นะ แต่ผมเกรงใจเจ้าไผ่เขาที่จะต้องออกค่าห้องให้ เดาว่างานวันนี้คงจะไม่เลิกดึกนัก ผมคงยังไม่ง่วง แต่ถ้าผมง่วงและเพลียจริงๆ เขาก็บอกให้ผมบอกมาได้เลย ไม่ต้องเกรงใจ
   กินไวตามิ้ลกล่องใหญ่ แล้วออกเดินทางไปสนาม วันนี้เหลือแต่รอบ Battle ล้วนๆ แล้วสินะ มีรุ่น A อีกด้วย ที่ต้องพิจารณากันให้อย่างละเอียดถี่ถ้วนก็เพราะเป็นสนามสุดท้ายของปี ใครจะได้ตำแหน่ง Drift God ไปครอง (ชื่อโคตรโหดเลย เทพแห่งดริฟท์)
   คนที่มีลุ้นก็คือ S และ Dre แล้วก็เป็นข่าวดีที่ทั้งสองคนนี้ควอลิฟายออกมาแล้วได้ตำแหน่งที่ 1 และ 2 ส่งผลให้อยู่คนละสายกัน คัดมา 32 คัน มีหลายคนที่ขับสนามนี้ได้ดีมากๆ ทั้งๆ ที่เป็นสนามแบบ High Speed เหมือนกับที่ Bonanza แต่ก็มีหลายคนที่ยังไม่คุ้นเคยกับแทร็คแบบนี้ เลยไปไม่ค่อยเต็ม ขับไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ แถมมีพลาดบ่อย แปลว่ายังไม่คุ้นเคยกับการควบคุมรถที่ความเร็วสูง
   บางคนถนัดขับนำ บางคนถนัดขับตาม ไอ้พวกเก่งๆ นี่มักจะถนัดทั้งสองแบบ ถ้าทำแบบนี้ไม่ได้ อย่าหวังเข้ารอบลึกๆ ถึง 8 คันสุดท้ายครับ
   รอบ 32 คัน S ได้ชนะบาย (เออ ไอ้คำนี้มาจากภาษาอังกฤษว่าอะไรกันนะ) รอบ 16 คันเจอกับ “ต้น Vee Rubber” เจ้า S ชนะไป ได้เข้ารอบ 8 คัน รอบนี้เจอกับ “ N Deestone” ผล S ชนะเฉือนไปหน่อยเดียว  ได้เข้ารอบ 4 คัน เจอกับ “ตี๋ พลังชล” ผลที่ออกมาคือตี๋ชนะไปนิดเดียว ตี๋ได้เข้าชิงที่ 1 ส่วน S ไปชิงที่ 3 และได้รับตำแหน่งที่ 3 ไป
   รอบ 32 คัน Dre ผ่านเข้ารอบมาเรื่อยๆ ชนะมาตลอด ตั้งแต่รอบแรกชนะ “อ้วน Dremon” รอบ 16 คันเจอกับ “โอ๊ต Bendix” จนมาเจอกับ “ตี๋ พลังชล” ในรอบชิงที่ 1 ผลคือเจ้า Dre ชนะที่ 1 ตี๋ได้ที่ 2
   ดราม่าจงบังเกิดกับคู่ของ “เบิร์ด พลังชล” และ “พัท West Lake” งานนี้กรรมการถึงกับ “เงิบแดก” เพราะตัดสินผิด
   สองคันขับเคี่ยวกันมา บี้กันติดๆ แล้วจู่ๆ รถทั้งสองคันก็หมุน กรรมการดูเทปซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะอยากรู้สึกสาเหตุ สุดท้ายก็ได้ข้อสรุปว่าทั้งสองคันขับหมุนเอง ผิดพลาดพร้อมกันโดยบังเอิญ เลยได้คะแนนในรอบนี้ไป 0-0
   สักพักใหญ่ “โต๊ง ถนัดใช้ปืน” หนึ่งในทีมงานกรรมการ วิ่งกระหืดกระหอบขึ้นมาบอกว่า บนอัฒจรรย์คนดูเขาบอกว่าคันหลังชนคันหน้าถึงหมุน
   เฮ้ย กรรมการเราสามคนดูแล้วดูอีก ยังไงก็ไม่ชนนะ เลยเปิด replay ขึ้นจอใหญ่ ชี้ให้เห็นว่าไม่มีจุดไหนที่ทั้งสองคันชนกันเลย เห็นแต่เบิร์ดเปิดกระจกมาโบกมือ เหมือนกับว่าจะขอโทษ
   แต่อีกพักเดียวเท่านั้นแหละครับ มีคนวิ่งเอาคลิปในมือถือมาให้ดู กรรมการทั้งสามถึงกับเงิบแดกพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย เพราะในคลิปเห็นรถคันหลังชนคันหน้าจนหมุนอย่างชัดเจน แต่ไอ้ที่กรรมการไม่เห็นก็เพราะมุมกล้องจากด้านบน มันมีกลุ่มควันบังไว้ แต่มุมที่คนดูถ่ายคือมุมด้านข้าง ไม่มีควัน เห็นชัดๆ เลย
   ประชุมกันแป๊บเดียว ก็ขอประกาศ “กลับคำตัดสิน” ครับ จะว่าเงิบก็ยอม แต่ผิดแล้วต้องรีบแก้ไข ผลคะแนนกลายเป็นให้ “พัท West Lake” ชนะไป
   พัทเข้ามาเป็นที่ 4 ชิงกับ S และ S ชนะไปนิดๆ ทั้งการขับนำและตาม พัทเลยได้ที่ 4
   “ตี๋ พลังชล” คนนี้น่าจับตามองมาก แต่รถชอบมีปัญหาบ่อยนะ วันนี้ก็อีกเช่นกัน บางรอบเข้าเกียร์ไม่ได้เฉยเลย ได้ 0 คะแนนเฉยเลย เราจ้องจะให้คะแนนก็งงเลยสิ
   รอบ 32 ตี๋เจอกับ “แก้ว จินยู” ตี๋ชนะ รอบ 16 คันเจอกับ “เก่ง Ptt” ปกติเก่งจะใช้ KE30 แต่วันนี้มากับ A31 ผมว่าเขาขับ KE30 ได้ลงตัวกว่านะ เพราะวันนี้เหมือนผิดฟอร์มเลย มาแพ้ตี๋ในรอบ 8 คัน ทำให้ตี๋เข้ารอบ 4 คัน แถมยังโค่นเต็ง 1 อย่าง S ได้อีกด้วย สุดตีนจริงๆ ว่ะ
   แข่งจบก็มอบถ้วยรางวัลตำแหน่ง Drift God 2015 เป็นของเจ้า Dre แต่สถานที่มอบรางวัลดูคับแคบไปหน่อย ผมไปยืนร่วมแสดงความยินดีกับผู้ชนะด้านหลังเวที แต่อีกใจก็อยากให้กำลังใจผู้ที่ไม่ได้รับรางวัลด้วย เพราะในความคิดของผม ผมว่าทุกคนล้วนประสพความสำเร็จแล้วนะ ขอให้มาแล้วฝีมือทักษะการควบคุมรถของเราเพิ่มขึ้น ประสบการณ์ของเราเพิ่มขึ้น มิตรภาพเพิ่มขึ้น
   งานเลิกราว 0830 ผมเดินเล่นในแทร็คอีกพัก ซึมซับบรรยากาศ สักพักก็ขับรถกลับบ้าน เลิกไม่ดึก ผมยังไม่ง่วง ขับรถได้สบาย ใช้เวลาแค่ 45 นาทีเองก็ถึงบ้านแล้ว เร็วมากเลย รถไม่ติดเลย งงมาก
Title: Re: มีค 59
Post by: O'Pern on March 20, 2016, 12:19:22 pm
7 มีค 59
หลับสบายเลยกู ไม่ได้นอนพื้นมาสองวัน เจอเตียงสปริงนุ่มนิ่มนี่นอนไม่เป็นเลยนะ จำไว้ให้ขึ้นใจว่าหากไปพักคราวหน้าอย่างลืมเอาถุงนอน และแผ่นปูรองนอนไปด้วย กูจะนอนกับพื้นแม่งนี่แหละ น่าจะสบายกว่าเตียงสปริงเยอะมาก
   เช้านี้ตื่นสายเลยนะ ทำได้แค่ขึ่จักรยานไป 30 นาที กลับเข้ามาบ้านเพิ่งได้กินข้าวเป็นอาหารมื้อแรกในรอบ 3 วัน (กินข้าวมื้อล่าสุดวันศุกร์เช้า) วันนี้มีไก่ผัดขิง ไข่ต้ม บร็อคโคลี่ แครอทลวก ข้าวกล้อง กระเทียมสด มาแนวนี้บ่อยมากแล้วนะนี่
   ส่งมิวที่รถไฟฟ้า เลยเข้าไปร้านขายของ เข้าโหมดคนงานเหมือนเดิม เช้านี้ก็เข้าโกดังไปยกของตามระเบียบ
   จันทร์เช้าค่อนข้างจะวุ่นสักหน่อย มีโทรศัพท์เข้ามาสั่งของมาก จัดส่งไม่ทันใจก็โดนดุว่าเอา ต้องอดทนครับ ทำงานแบบนี้ไม่อดทน อยู่ไม่ได้
   บ่ายมีของมาส่งในโกดัง ก็ต้องเข้าไปจัดเก็บอีกครั้ง แล้วถึงจะได้ฤกษ์ไปธนาคาร เลยไปรับมิวที่เดอะมอลล์ท่าพระ เดินดูของลดราคา เจอแผนก Gadget เอาคีย์บอร์ด Bluetooth แบบพับได้มาขาย ผมชอบมาก เพราะสมัยก่อนยุคปี 1999 ที่ผมทำ Racing Club อยู่ ผมใช้เครื่องมือแบบนี้เขียนหนังสือเลยนะ แต่ไอ้คีย์บอร์ดตัวนี้มันพิมพ์ตัวอักษรแถวบนไม่ถนัดเอาเสียเลย ปุ่มเล็กผิดสัดส่วน วางเยื้อตำแหน่ง ปุ่ม enter / shift / backspace มีขนาดเล็ก ทำให้ใช้งานไม่ถนัด และปรับตัวยากมาก เลยไม่ซื้อ
   ขากลับนั่งคุยกับมิวในรถ เขาบอกจะไปเที่ยวหัวหินกับเพื่อนนักเรียนสมัย ป6 ไปกันราว 10 คน ผมสอบถามว่าจะไปยังไง พักที่ไหน อย่างไร ซักไซ้มากเข้ามิวพูดเสียงแข็งขึ้นมาว่า “เดี๋ยวมิวจัดการเองน่า”
   ผมงี้อึ้งไปเลย มิวเปลี่ยนไปแล้วสินะลูก ทำใจไว้แล้วว่าสักวันต้องมาถึง แต่ไม่น่าเชื่อว่าจะมาถึงเร็วขนาดนี้
Title: Re: มีค 59
Post by: O'Pern on March 20, 2016, 12:42:24 pm
8 มีค 59
   เช้านี้กินข้าวตั้งแต่ยังไม่ 0600 เลย แม่บ้านมีธุระจะต้องออกไปแต่เช้า
วันสถาปนาโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย มีงานทำบุญใหญ่ที่โรงเรียน อ้อ คำว่าสถาปนานี่เขาใช้กับสิ่งที่พระมหากษัตริย์ก่อตั้งขึ้นนะครับ โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัยก่อตั้งโดยเสด็จพ่อ ร5 ส่วนโรงเรียนวชิราวุธนั้นก่อตั้งโดย รัชกาลที่ 6 ผมรู้แค่สองที่นี่เองแหละ
   มิวออกไปโรงเรียนแต่เช้า เสร็จงานตอนสายๆ หน่อย กลับมาพร้อมกับผลการสอบของภาคเรียนที่ 2 ของชั้น ม2 เปิดเทอมหน้ามิวจะขึ้น ม3 แล้วสินะ 
    บ่ายไปเสียภาษีโรงเรือนที่สำนักงานเขต พ่อไปส่ง แต่พอเสร็จธุระแล้วผมต้องกลับเอง แม่ให้เงินค่ารถมา แต่ผมขี้เกียจรอรถ เลยเดินกลับมาเอง ระยะทางเกือบๆ 3 กม ระหว่างทางแอบแวะซื้อหนม มันรังนก
   วันนี้เข้าบ้านตอนบ่าย มีโอกาสเปิดคอมฯทำงานเล็กน้อย แต่หัวสมองไม่แล่นเลย  เย็นมีนัดไปรับมิวที่โรงเรียน “รุ่งอรุณ” ที่โรงเรียนนี้มีงานกิจกรรมเกี่ยวกับภาษาอังกฤษ นักเรียนชั้น ม2 เป็นคนจัด นั่นคือเพื่อนมิวที่ย้ายมาจากโรงเรียนวรรณสว่างจิตเป็นคนจัด มิวเลยมาดูกิจกรรมที่เพื่อนจัด
   กลับมาบ้านมิวรีบจัดกระเป๋าเดินทาง พรุ่งนี้มีงานเข้าค่ายของชมรม Health Club ไปต่างจังหวัดค้างคืนอีกด้วย
Title: Re: มีค 59
Post by: O'Pern on March 20, 2016, 12:50:31 pm
9 มีค 59
   ออกวิ่ง 1 ชม เหงื่อเพียบเพราะแม่งร้อนแล้ว ลมหนาวระรอกสุดท้ายจากไทยไปเรียบร้อยแล้ว ต่อไปนี้มึงจะเจอแต่ความร้อนล้วนๆ
   มื้อเช้าแบบสุดยอดอีกครั้ง เต้าหู้ผัดกับต้นไหม ปลาสลิดทอด ไข่ต้ม ข้าวกล้อง กระเทียมสด กินเสียหมดเกลี้ยงทุกอย่าง
   มิวออกจากบ้านแต่เช้าไปที่โรงเรียนสวนกุหลาบ ส่วนผมก็ไปที่ทำงานเลย แล้วก็เจอสภาพแบบเดิมๆ คือไปยกของในโกดัง
   บรรยากาศแบบเดิมๆ เป๊ะเลย ช่วงว่างๆ งานก็โทรศัพท์หาลูกค้าไปด้วย กว่าจะเสร็จงานทุกอย่างก็เกือบจะ 0300 ไปธนาคาร แล้วไปเสียภาษีต่อ
   ปกติจะใช้เวลาแค่ 2 นาทีก็เสร็จ แต่วันนี้กดบัตรคิวแล้วนั่งรอ 15 ยังเงียบสนิท ไม่มีการเรียกคิวใดเลย แต่มีคนเดินเข้าออกเหมือนต่อคิวกันด้วยโทรจิต เฮ้ยย ผมก็งงดิ มีบัตรคิว แต่เจ้าหน้าที่ไม่เรียกคิว ใช้สบตา พยักหน้า แล้วก็รู้กันเองว่าเป็นคิวใคร
   เฮ้ยย พวกมึงรู้ แต่กูไม่รู้
   สุดท้ายด้วยความอยากรู้ เลยเดินไปถามเขาตรงๆ ว่าที่ผมกดบัตรคิวมานี่ผมทำถูกขั้นตอนไหมครับ พอเจ้าหน้าที่เห็นเบอร์ในบัตร ก็ขอดูเอกสาร แล้วปั๊มตรา แล้วบอกว่ารอเรียกจ่ายเงินได้เลย
   อ้าว เงิบแดก แล้วไอ้นี่นั่งรอมา 15 นาทีคืออะไร
   เขาบอกว่ามันสำหรับคนที่ยังไม่ได้กรอกเอกสาร ถ้าคนที่กรอกมาเรียบร้อยแล้วก็ยืนให้ประทับตราแล้วชำระเงินได้เลย แปลว่าคราวหน้าถ้ามาก็ยื่นเสียบแซงคิวคนที่กำลังบริการได้เลย
   โหห พี่เล่นงี้เลยหรอ โหดสัสเลย
Title: Re: มีค 59
Post by: O'Pern on March 20, 2016, 12:57:19 pm
10 มีค 59
   ลืมตาตื่นนะ แต่ไม่อยากลุกเฉยเลย ขี่จักรยานไปแค่ 20 นาที แล้วก็เตียมตัวออกจากบ้าน วันนี้เอารถพ่อคันใหม่ไปเข้าศูนย์ที่นครปฐมโน่นเลย ระยะทางจากบ้านผมราว 60 กม แต่ขับสะดวกครับ ซัดยาวจากบ้านไปจนถึงศูนย์โดยไม่ต้องผ่านไฟแดงเลยสักอันเดียว สุดยอดไหมเล่า
   ศูนย์ใกล้บ้านก็มีนะ แต่เราไม่ได้ซื้อรถกับเขาไง ก็เลยกลัวว่าจะบริการเราไม่ดี อีกอย่างคือเราไม่รู้จักกันด้วย ในขณะที่ศูนย์นครปฐมนี่เรียกว่าคุยกันบ่อย จนคุ้นเคยกัน ก็เลยยอมขับไปไกลหน่อย เพราะวันนี้รถมีไฟเตือนขึ้น 2 จุด คือ ABS และ ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และมีข้อความเตือนขึ้น 4 ข้อความ อ่านแล้วเราก็ไม่สบายใจ เตือนแต่ละอย่างล้วนเกี่ยวกับระบบความปลอดภัยทั้งนั้น
   มาแม่งแต่เช้าเลยครับ นัดคิวล่วงหน้า อยากได้เป็นคิวแรก ต้องการให้รถเสร็จภายในวันนี้ ทำใจนั่งรอกันทั้งวันแล้ว เอาไอแพด และแมคบุ๊คมานังทำงานด้วย สองแรงแข็งกันเลยมึง
   สักพักใหญ่ เจ้าหน้าที่มาบอกว่าเซนเซอร์ ABS ที่ล้อหน้าขวาเสีย ไอ้ตัวเล็กๆ นิดเดียวนี้ราคาราว 4,200 บาท หึหึ ผมเห็นหน้าตาแม่งแล้วให้ราคาสัก 200 พอ เซนเซอร์นี้มีอะไหล่เลย เปลี่ยนแป๊บเดียวเสร็จ แต่ที่ต้องรออะไหล่จากศูนย์ใหญ่ส่งมานั่นคือ “กิ๊ปล็อคขอบกระจกหน้า” ไอ้นี่พังเพราะคาร์แคร์ห่วยๆ แถวบ้าน มันหลุดหักออกมาเพราะคนเช็ดรถจับขอบกระจกแล้วเหนี่ยวตัวเองขึ้นไปยืนเพื่อเช็ดกระจกหน้า พอทำหักแล้วมันก็เผยอๆ ตัวละ 180 บาท แต่ผมต้องรออะไหล่ตัวนี้มาถึงราวบ่ายสาม หึหึ
   ยังดีที่เมื่อวานมีงานเปิดตัวรถ Volvo XC90 เช้านี้โชว์รูมเลยนำรถคันนี้เข้าจอดโชว์ ผมก็สนุกเลยสิ ดูแม่งเกือบทุกมุมเลย แต่คันที่โชว์เป็นตัวถูกสุดนะ AWD Diesel 2.0 Twin Turbo 5.2 ล้านมั้ง 7 ที่นั่ง เป็นรถ Full Size SUV นั่งสบายดี ดีไซน์หรู ดูดีเลยล่ะ
   แต่ผมชอบตัวท็อป 5.99 ล้าน จะได้เครื่องยนต์ เบนซิน 2.0 Supercharge + Turbocharge แถมเป็น Plug in Hybrid วิ่งไฟฟ้าล้วนๆ ได้ 30 กม ที่ความเร็ว 140 กม/ชม ภายนอกมีหลังคาแก้ว และกล้องแบบ Bird eye view ภายในเด่นที่ระบบจอภาพแบบ Head up display
   รถสเปคดีครับ แต่จะเกิดได้หรือไม่ก็อยู่ที่ความน่าเชื่อถือของศูนย์บริการ และการสร้างแบรนด์ ผมว่าค่ายรถในไทยส่วนใหญ่ละเลยการตลาดในจุดนี้กันไปมากนะ เน้นเอาแต่ขายๆ ๆ ๆๆ ทำอะไรนอกเหนือจากนี้ไม่เป็นกันเลย เหมือนตอนไปงานโชว์รถต่างๆ พนักงานแม่งก็แจกแต่เอกสารเงินดาวน์ เงินผ่อน ถามเรื่องรถก็พูดแค่เรื่องผ่อน 0% ฯลฯ
   ตอนกลางวันมีบริการข้าวเที่ยงด้วยนะ แปลกดี สั่งจากร้านอาหารตามสั่งแถวนั้นแหละครับ ที่แปลกใจคือเจ้าหน้าที่เขาไม่คิดเงินด้วยนี่สิ งงเลย ไม่เคยเจอบริการแบบนี้ไง ปกติเราเข้าศูนย์แต่ในกรุงเทพฯ ก็จะมีพวกเครื่องดื่มและขนมจากมินิบาร์ ที่นี่มินิบาร์มีชา กาแฟ มาท่าคัพ ลูกอม แค่นั้นเอง แต่แปลกตรงมีเลี้ยงข้าวด้วย ผมไม่รู้ว่าเขาเลี้ยงคนอื่นด้วยหรือเปล่านะ
   กว่าจะเสร็จสิ้นทุกอย่างก็เกือบ 5.00 เลยครับ รอล้างรถอยู่นานพอควร ก่อนหน้านั้นพนักงานก็เอารถออกไปเทสว่ายังมีไฟเตือนใดๆ ขึ้นอีกหรือไม่
   ขับกลับบ้านด้วยเส้นทางเดิม แต่คราวนี้ใช้เวลาถึง 1 ชม ก็เพราะรถติดช่วงถนนวงแหวนน่ะ รถติดๆ นี่ขับแล้วมันเพลียๆ ยังไงไม่รู้นะ หรือว่าร่างกายเราอ่อนล้ามาทั้งวัน รู้สึกเหนื่อยๆ เบื่อๆ พอถึงบ้านนี่รีบอาบน้ำ อยากจะหลับทันที
   กลางคืนเลยนำข่าวเปิดตัวรถ Volvo XC90 ลงในเฟซบุ๊คแฟนเพจ racing-club.net  เดี๋ยวนี้คนเขาหันไปเฟซบุ๊คกันหมดแล้วนะ พวก world wide web นี่จะตายเอา
Title: Re: มีค 59
Post by: O'Pern on March 20, 2016, 12:59:21 pm
11 มีค 59
   เพลียจากการขับรถเมื่อวานแน่ๆ  ตื่นแต่ไม่อยากลุก เลยไม่อยากฝืนครับ ลงมาเล่นกุเลเล่แทน
   วันนี้ผมอยู่ร้านตลอดวัน ไม่มีอะไรต่างไปจากเดิมเลยแม้แต่น้อย
   Honda Civic เปิดตัวแล้วนะ รถโคตรสวยเลย ผมไม่ได้ไปร่วมงานด้วย
   ผลิตภัณฑ์ของ Neya มีขายที่วัตสันแล้ว
Title: Re: มีค 59
Post by: O'Pern on March 20, 2016, 01:04:23 pm
12 มีค 59
   หมาข้างบ้านเห่าหอนปลุกตอน 0500 แต่ขี้เกียจลุก งงเลย โรคขี้เกียจแน่เลยกู ไม่ไหวแล้ว เช้านี้ตื่นมาเล่นกุเลเล่อีกครั้ง
   เช้านี้มิวออกไปด้วยอีกครั้ง นั่งคุยกันในรถก็ปลุกไฟในกายเขาให้ลุกโชน ให้มีแรงตามหาความฝัน ผมว่าเรื่องพวกนี่สำคัญมากนะ ยิ่งถ้ารู้ว่าเขาชอบและฝันอะไรแล้วล่ะก็ พ่อแม่ก็มีหน้าที่แค่ผลักดันเขาไปให้ถึงฝั่งฝัน
   คุยผมฝันอยากเป็นนักทดสอบรถยนต์มือหนึ่งของไทย ไม่มีใครสนับสนุนผมไม่ว่า แต่กลับมาคัดค้านและกีดกันไม่ให้ผมเดินทางนี้ เล่าแล้วโคตรเศร้าเลยว่ะ แต่มันก็เป็นแรงผลักดันนะว่าให้ผมพยายามมากขึ้นๆ จนโดนแม่เอาต้นฉบับ Racing Club Part II และ Part III ไปทิ้งถึงสองครั้ง ผมแม่งถึงได้ถอดใจ บอกกับตัวเองว่ากูเหนื่อยแล้ว
   ฝันของผมมันไม่คืบหน้าไปไหนก็ช่าง แต่ฝันของมิวมันยังเพิ่งเริ่มต้น ขอให้ลูกเอาจริง ไม่ใช่แค่ฝันเล่นๆ คิดขำๆ นึกสนุกๆ แบบนี้ไม่เอา ฝันแล้วต้องไปล่ามันมาให้ได้
   พูดปลุกใจให้มิวฮึกเหิม จนเขาลงจากรถไป ผมถึงได้มานึกถึงตัวเองบ้าง เฮ้ออ กูล่ะท้อฉิบหายเลยนะ
   อยู่ร้านก็อารมณ์เดิมๆ ครับ จนบ่ายผมถึงได้ไปธนาคาร และไปรอมิวที่จุดนัดพบ วันนี้นัดที่เดอะมอลล์ท่าพระ นัดพบมิวในร้านหนังสือ SE-ED สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลง เลยเรียกมิวให้มาดู พร้อมกับอธิบายไปด้วย
   จากเดิมเป็นแค่ร้านขายหนังสือ แรกๆ ก็เพิ่มพวกข้าวของเครื่องใช้ประกอบการเรียนเช่น กระเป๋าเป้ อุปกรณ์สื่อการเรียนการสอน หลังๆ เริ่มเพิ่มของเล่นในแผนกหนังสือเด็ก สองปีมานี้เพิ่มเสื้อแจคเก็ตลุยๆ วางขายหน้าร้านเลย มาวันนี้มีขนมแล้ว
   สอนให้มิวดูการเปลียนแปลงของโลกธุรกิจ SE-ED ทำแบบนี้ แปลว่ายอดขายลดลงเยอะแล้ว คนซื้อหนังสือน้อยลง ธุรกิจนี้กิน % ของยอดขาย อย่างตอนผมทำ Racing Club ผมโดนสายส่งหนังสือกินไป 34% แปลง่ายๆ ว่าคุณซื้อนิตยสารผม 1 เล่ม ผมได้กำไร 9 บาท (ยังไม่หักภาษี) แต่ถ้าผมขายแอดโฆษณาได้ 1 หน้า ผมได้ 15000 บาท
   มันเป็นแบบนี้ หนังสือต่างๆ ถึงได้เขียนเชียร์ลูกค้าที่ซื้อโฆษณากันใหญ่ เพราะเขียนเอาใจคนอ่าน คนซื้อเพิ่ม 1 คน ก็ได้มาอีก 9 บาท แต่ถ้าเอาใจเจ้าของผลิตภัณฑ์ที่เขาซื้อโฆษณาเรา ก็จะได้ 15000 บาท
   โหห แม่งต่างกันเห็นๆ แต่ Racing Club ของผมไม่ได้ออกแบบมาเพื่อสิ่งนี้ ผมอยากทำเป็นนิตยสารเพื่อผู้บริโภคอย่างแท้จริง
   เย็นมิวชวนกินในซานตาเฟ่ แนะนำให้มิวกินพวกปลา แต่เขาไม่เอา ผมเลยสั่งมาเอง สุดท้ายมิวขอชิมแล้วบอกอร่อยดี เลยบอกมิวว่า ถ้าเข้าร้านแนวนี้ ให้เลือกเนื้อปลาเข้าไว้ มีประโยชน์ต่อร่างกายมากกว่า แถมอ้วนน้อยกว่าอีกด้วย
Title: Re: มีค 59
Post by: O'Pern on March 20, 2016, 01:08:27 pm
13 มีค 59
ไม่มีอะไรดีไปกว่าการวิ่งยามเช้าอีกแล้ว สำหรับผมแล้ว มันไม่ใช่แค่การออกกำลังกาย มันรวมไปถึงการทำสมาธิ ฝึกจิต แผ่เมตตา ภาวนา อุทิศส่วนกุศล อโหสิกรรม ฯลฯ แถมยังได้ไอเดียใหม่ๆ ในการทำงานอีกเพียบ ฉะนั้น อย่าแปลกใจที่ผมวิ่งโคตรจะบ่อย มันเลยคำว่า “ออกกำลังกาย” หรือ “ลดความอ้วน” ไปเยอะมากแล้ว
   ห่างหายมาหลายวัน เช้านี้จัดไป 2 ชม รวดเดียวเลย วิ่งมันแถวบ้านนี่แหละครับ ไม่ต้องเสียเวลา เปลืองน้ำมันขับรถไปวิ่งที่อื่น   
   พ่อแม่ไปบ้านที่สระบุรี ภรรยาพามิวไปเรียนพิเศษ เหลือผมอยู่บ้านคนเดียวเหมือนเดิม
   เช้านี้ไม่มีอะไรกิน วันหยุดให้แม่บ้านเขาพัก ไม่ต้องทำอาหารเช้าให้ผม ก็เลยไม่มีอะไรกิน กลับเข้ามาบ้านรีบซดน้ำกระชาย 1 แก้ว แล้วไปอาบน้ำ ลงมากินแตงโมไปอีกสิบกว่าชิ้น สักพักกินขนมปั่งถั่วแดง ตามด้วยโดนัทเค๊กของฟาร์มเฮ้าส์ (ชิ้นละ 10 บาท)
   เปิดคอมฯทำงานเขียนต่อ โดยเฉพาะไดอารี่ชีวิตที่ดองไว้เกือบ 10 วัน แต่ก็เจองานด่วนแทรกเข้ามา รุ่นน้องที่สนิทกันบอกให้ช่วยขายที่ดินย่านเอกมัยให้หน่อย อยู่ซอย 10 ใกล้ทางเชื่อมที่ทะลุซอย 12 ได้
   เออ ฟังดูเข้าท่า น่าสนใจดี ที่ดินขนาด 4 ไร่เชียวนะ ราคาไม่ต้องพูดถึงเลย ประมาณ 600 ล้านบาทครับ
   อยู่บ้านทั้งวัน เบื่อๆ หน่อย
   เย็นกินข้าวที่บ้านกับพ่อแม่ กับข้าวง่ายๆ ทำเองแป๊บเดียว ไข่เจียวใส่หัวไชโป๊ว ปลาสลิดทอด ข้าวต้ม
Title: Re: มีค 59
Post by: O'Pern on March 20, 2016, 01:11:17 pm
14 มีค 59
   ขี่จักรยานไป 20 นาที แล้วก็หมดเวลาอิสระของชีวิต ต้องรีบออกจากบ้านไปร้านขายของ
   ได้รับตำแหน่งที่มอบหมายใหม่ให้เฝ้าเช็คของหน้าร้านแทนพี่อ้วน อยู่ร้านจนถึงเย็นเลยล่ะ
   เย็นเอารถพ่อคันเก่าไปซ่อม เข้าศูนย์นอกแถวบ้าน ไอ้คันนี้ก็ขึ้นข้อความเตือน 3 ข้อความ รถยุคใหม่เล่นง่ายดีนะ ขึ้นข้อความเตือนกันเลย คนขับวิตกจริตหน่อยนี่แม่งมีตกใจแน่
   ไปถึงร้านถึงกับเงิบ เฮ้ยย ร้านปิด ทำไงดี มีป้ายประกาศติดเอาไว้ แต่ไม่รู้ว่าเขาติดว่าอะไร เดาว่าคงจะย้ายล่ะมั้ง เลยขับรถกลับบ้าน
   พอถึงบ้านก็รีบโทรหา “พี่อ๊อด” เจ้าของศูนย์ ถามว่าทำไมร้านปิด พี่อ๊อดบอกว่าร้านเขาย้ายไปอยู่ซอยถัดไปนี่เอง เลยอาสามารับรถที่บ้านไปทำให้ 
Title: Re: มีค 59
Post by: O'Pern on March 20, 2016, 01:14:11 pm
15 มีค 59
   โคตรโมโหไอ้ถุงเงิน ถุงทองฉิบเป๋งเลย มันนั่งกระดิกหางเห่าคางคกตอน 0300 เห่าอยู่หน้าระเบียง เชื่อแม่งเลย มันหยุดเห่าแล้ว แต่ผมสิครับ นอนไม่หลับจนถึงเช้าเลย
   ผมถวายน้ำในห้องพระมาครบ 1 เดือนครึ่งพอดี ห้องพระอยู่ในบ้าน แต่ก็แค่เดินผ่านแล้วยกมือไหว้ แต่จู่ๆ ก็อะไรก็ไม่รู้นะ เมื่อเดือนที่แล้วเริ่มถวายน้ำเปล่าทุกเช้า โดยเอาน้ำเก่าในแก้วมาล้างหน้า ราดหัว ขอพรพระไปด้วย ช่วงหลังๆ มีกินเข้าไปนิดหน่อยด้วย (ที่ไม่ได้กินเยอะ เพราะแก้วน้ำไม่ได้ปิดฝา)
   ตอนล้างหน้าก็ขอพรพระไปด้วย อธิฐานไปด้วย แม้ตอนนี้จะทำอะไรในชีวิตไม่ได้มากมายนัก ก็ขอให้ร่างกายพร้อมไว้ก่อน ผมต้องการร่างกายที่แข็งแกร่งเว่อร์ๆ ผมมีโปรเจคมหาโหดรออยู่ครับ ทั้งเรื่องรถ เรือ จักรยาน และการเดินทาง

   วันนี้ผมอยู่ร้านตั้งแต่เช้าจรดเย็น โคตรเบื่อเลย
Title: Re: มีค 59
Post by: O'Pern on March 20, 2016, 01:16:53 pm
16 มีค 59
   ออกวิ่ง 45 นาที เฮ้ย เช้านี้มีลมพัดด้วย แปลกดี ปกติหน้าร้อนจะอบอ้าวไง แต่วันนี้ไม่ใช่ เลยรู้สึกไม่ค่อยเหนื่อยมาก แต่เหงื่อก็ออกมาเพียบเหมือนกันนะ
    เช้านี้กินแกงจืดหมูสับใส่เห็ดเข็มทอง เห็ดหอม เห็ดหูหนู แครอท ต้นหอม ผมกินผักและเห็ดทุกอย่างจนเกลี้ยง เหลือแต่หมูสับไว้เพียบ
   ส่งมิว แล้วเข้าร้าน วันนี้ยังคงต้องอยู่เฝ้าหน้าร้านอีกเหมือนเดิม ดูทรงแล้วมันอาจเป็นโต๊ะประจำของผมไปแล้วก็เป็นได้ เป็นอีกครั้งที่ต้องนั่งมันอยู่ตรงนี้ตลอดวัน
   กลับมาบ้านตอนเย็น โชคดีมีเมียงคำให้กิน จัดไปแทนมื้อเย็นได้เลย 
Title: Re: มีค 59
Post by: O'Pern on March 20, 2016, 01:21:02 pm
17 มีค 59   
   ลืมตามากลอกไปมา แล้วก็หลับต่อ กูอยากหลับถาวร
Title: Re: มีค 59
Post by: O'Pern on March 20, 2016, 01:24:04 pm
18 มีค 59
   เพลีย ล้า ตื่นแล้วไม่อยากลุก ไม่อยากไปทำงานเลย ไม่ชอบงานแบบนี้
   อยู่หน้าร้านอากาศร้อนมาก เสื้อเปียกชุ่มเหงื่อตั้งแต่เช้าจรดเย็น
Title: Re: มีค 59
Post by: O'Pern on March 20, 2016, 01:25:37 pm
19 มีค 59
   เช้าตื่นมาแบบหมดแรง อ่อนล้ามาหลายวัน ตื่นเช้าก็จริง แต่ไม่อยากลุก เลยตื่นมาเล่น Uke แทน ยังคงฮิตเพลง “ไม่เคย” ของ 25 Hrs
   เช้านี้กินกระเพราไก่ ไข่ต้ม บร็อคโคลี่ แครอท กระเทียมสด ข้าวกล้อง
   ไปส่งมิว แล้วก็เฝ้าร้านเหมือนเดิม วันนี้โชคดีแดดไม่ค่อยแรง แต่ด้านหลังเสื้อของผมก็เปียกชุ่มเหงื่อทั้งวันตั้งแต่เช้าจรดเย็นเหมือนเดิม
   กลางวันกินฟักทองนึ่ง ไม่มีเวลากินข้าว ก็ต้องกินตามรถเข็นตามแต่ที่ใครจะเข็นอะไรผ่านมานี่แหละ
   เย็นไปธนาคารในห้าง และรอรับมิว เลยมีโอกาสได้กินอาหารใน food center จัดบะหมี่ต้มยำแห้งไป อร่อยดีครับ ชามละ 50 บาท
   เย็นพี่อ๊อดเอารถพ่อมาส่ง สภาพรถเรียบร้อยดี แต่ไฟเตือนระบบเบรกยังคงโชว์อยู่ ไฟมันแจ้งเตือนว่าระบบ SCB (ตัวควบคุมระบบเบรกส่วนกลาง) ไอ้ตัวนี้แพงมากครับ ของแท้จากศูนย์นี่ราคาเกือบแสน แต่ถ้าใช้ของ Bosch จะราว 6 หมื่นกว่า
   แต่ที่ยังไม่เปลี่ยนก็เพราะรถมันยังเบรกปกติเหมือนเดิมมาเป็นปีแล้ว ถ้าเปลียนแล้วก็แค่ได้สบายใจตรงไฟไม่โชว์ที่หน้าปัด เลยบอกภรรยาว่าอย่าขับเร็วมาก และค่อยๆ จับสังเกตระบบเบรกอย่างใกล้ชิดทุกครั้งที่ขับ ถ้ามีผิดปกติให้รีบบอกด่วนเลย 
   รถใช้ระบบไฟฟ้ามากๆ ก็จะมีไฟเตือนหน้าจอขึ้นเป็นว่าเล่น ทั้งๆ ที่บางครั้งแต่เซนเซอร์สกปรกหน่อยเดียวเท่านั้นเอง ไอ้การเตือนของมันนี่ทำให้เรารู้สึกไม่สบายใจ เป็นที่มาของการเสียเงินได้อย่างง่ายดาย
Title: Re: มีค 59
Post by: O'Pern on March 20, 2016, 05:38:54 pm
20 มีค 59
   เวลาว่างของชีวิตเหลือแค่วันนี้วันเดียวแล้วสินะ จากเมื่อก่อนยังพอจะว่างบ่ายบ้าง มันเป็นอดีตไปเสียแล้วล่ะ
   ตั้งใจว่าจะออกวิ่ง แต่ก็เป็นเหมือนวันที่ผ่านๆ มานะ คือลืมตาตื่น แต่เพลียล้า ไม่อยากลุก ไม่อยากไปไหน ไม่อยากทำอะไรเลย อาการเหมือนคนเป็นโรคซึมเศร้า
   ตื่นมาก็เล่น Uke แบบเหงาๆ เบื่อๆ โคตรเบื่อเลยอีกด้วย วันนี้ที่บ้านผมไปทำบุญบรรพบุรุษที่วัดตอนเช้า ผมไม่ได้ไปด้วย ให้เหตุผลว่าจะอยู่บ้านทำงาน แต่ในความเป็นจริงผมสวดมนต์ทำบุญให้บรรพบุรุษผู้ล่วงลับวันละ 2 ครั้งเป็นอย่างน้อย (เช้า เย็น ถ้าวันไหนวิ่งออกกำลังกายก็จะสวดตอนนั้นอีกด้วย)
   ไม่อยากไปเจอใครในงานด้วย ตัวเราแม่งเล็กลงเรื่อยๆ ทุกวันๆ ในขณะที่พวกหลานๆ ต่างเติบใหญ่ก้าวหน้า หลานคนโตก็แต่งงานได้สามีฐานะดีมาก หลานคนรองก็เรียนปริญญาโทที่อังกฤษ หลานคนเล็กนี่เด็ดสุด ตอนนี้เรียนอยู่ที USA ปีสุดท้าย กำลังฝึกงาน แต่ได้เงินเดือนแค่ 3.6 แสนบาทเองนะ รอเรียนจบแล้วบรรจุเป็นพนักงานประจำ จะได้ 4 แสนกว่าๆ
   หึหึ ให้กูเกิดอีกกี่ชาติก็ตามเขาไม่ทันกันแล้ว ก็เข้าใจนะว่าอย่าเอาชีวิตตัวเราไปเปรียบกับคนอื่นให้มันเป็นทุกข์ ผมเองก็สอนรุ่นน้องหลายคนแบบนี้ “มองต่ำเราเหลือ มองเหนือเราขาด”
   แต่พอกับชีวิตตัวเองนี่มันเริ่มจะไปยากขึ้นทุกวันๆ แทนที่จะลงมือต่อสู้ชีวิตอีกครั้ง กลายเป็นต้องมานั่งอยู่ร้านขายของแบบนี้ โคตรเศร้าเลยว่ะ
   เช้ากินซาลาเปา ขนมจีบ แม่ซื้อมาให้จากตลาด เพิ่งมีเวลาว่างเลยไล่อัปโหลดไดอารี่ชีวิตรวดเดียว 19 วัน ตั้งแต่ 2 มีนาคมจนถึงวันนี้ ดองมานานมาก เพราะช่วงนี้ไม่ได้เปิดคอมฯบันทึกชีวิตเลย “พี่อ้วน” ป่วยจนไม่มาทำงานหลายวันแล้ว และยังคงไม่มีวี่แววว่าจะมา แปลว่าผมต้องรับผิดชอบแทน
   อ่านหนังสือธรรมะเขาบอกว่าบุญคุณของพ่อแม่ชดใช้อย่างไรก็ไม่มีวันหมด ผมเลยคิดว่าเราพอจะมีทางชดเชยบุญคุณด้วยวิธีอื่นอีกบ้างไหมนอกจากลงแรงไปอย่างทุกวันนี้
   กลางวันกินขนมกูฉ่าย แม้จะมีผักเยอะ แต่แป้งที่ห่อหุ้มไว้แถมนำไปทอดอีกด้วย ยิ่งทำให้อ้วนใหญ่เลย เลยกินแครอทลวกเสริมเพิ่มเข้าไปอีก 1 หัว
   อิ่มแล้วง่วงเลย อยากหลับเลย แต่ก็ไม่ได้นอนหรอก นังคิดเรื่องงานก็คิดไม่ออก สมองไม่แล่นอีกต่อไปแล้ว กูคงหมดไฟแล้วมั้ง โดนตอนจนสมองฝ่อ
คิดถึงชีวิตภายหน้าแล้วเศร้าว่ะ
Title: Re: มีค 59 5-6 Drift Comp สนาม 4 21 Motor Show
Post by: O'Pern on March 27, 2016, 04:55:59 pm
21 มีค 59
   ตื่นเช้า แต่ไม่อยากลุกอีกแล้ว เฮ้ยย ไอ้วันก่อนๆ เข้าใจว่าคงเพลีย ล้า แต่เช้านี้นี่ออกอาการ “ขี้เกียจ” แล้วนะมึง
   นอนบนที่นอน ลองคิดวิเคราะห์ตัวเอง พบว่าเกิดจากการ “ขาดแรงบันดาลใจ” ทั้งๆ ที่อีกไม่กี่วันจะไปเล่นเรือใบแล้วยังจะขาดแรงบันดาลใจอีกหรือวะนี่ เฮ้ย ไม่ใช่หรอก มันต้องมีอะไรมากกว่านั้น
   จิตใจของผมทั้งสองด้านมันเถียงกันเอง โดยมีตัวผมเป็น “สติ” อยู่ตรงกลาง คอยฟังมันเถียงกัน จนสุดท้าย ได้ข้อสรุปเพิ่มอีกข้อว่า มีอาการเบื่อชีวิตเข้ามาข้องเกี่ยวด้วย
   ตื่นมาดื่มน้ำส้มคั้น 1 แก้ว เดินยืดเส้นยืดสายนิดหน่อยก็กินมื้อเช้าทรงคุณค่า วันนี้จัดปลาเก๋าราดพริกทั้งตัวเลย บร็อคโคลี่ แครอท ไข่ต้ม ข้าวกล้อง เหมือนเดิมเป๊ะ
   
   สายๆ ออกเดินทางไปงานมอเตอร์โชว์ เขาย้ายมาจัดที่อิมแพคหลายปีแล้ว ก็สะดวกดีครับ มีทางด่วนลงหน้างานเลย เอารถพ่อคันเก่าที่เพิ่งซ่อมเสร็จไปลองใช้ คันนี้อายุ 13 ปีแล้วนะนี่ ซื้อมาตั้งแต่ปี 2003 ขับน้อยมากๆ เพิ่งจะวิ่งไปราว 1 แสน กม
   วันนี้เป็นวัน VIP พรุ่งนี้เป็นวันของผู้สื่อข่าว ปกติผมจะต้องมาพรุ่งนี้ แต่พรุ่งนี้ผมไม่ว่าง (ต้องเฝ้าร้าน แม่ไปเที่ยว) เลยขอมาวันนี้แทน
   ไม่มีบัตรอะไรกับเขาหรอกครับ ไปหาเอาหน้างาน แต่นัด “ไอ้บี๋” ไว้แล้ว ไอ้บี๋คือเพื่อนรักตั้งแต่อยู่ไทยจนไปเรียนที่ USA ด้วยกัน แต่ทุกวันนี้เป็นครูฝ่าย Training ของ Mercedes Benz
   คุยกับบี๋หลายวันก่อน เขากำลังอยู่ที่ Croatia มาดีลเลอร์มาดูรถ E Class ไอ้นี่คืออีก 1 ไฮไลท์ของรถในงานวันนี้เลยล่ะ แต่คันที่ผมชอบส่วนตัวเป็นที่สุดก็หนีไม่พ้น MX-5 ล่ะครับ มันคือเพื่อนเก่าของผม
   วันนี้เอารถพ่อคันเก่าไปใช้ครับ เพิ่งซ่อมเสร็จเมื่อสองวันก่อน เลยขอลองสักหน่อย ก็แค่ลองขับปกตินี่แหละครับ ไม่ได้อัด ซ่า อะไรหรอก ที่อยากจับอาการดูคือเรื่องของระบบเบรกมากกว่า
   เดินทางสะดวกดีมาก ขึ้นทางด่วนหน้าบ้าน ไปลงในอิมแพ็คเลย เสียตรงแถวบ้านรถติดมากจนถึงสะพานแขวน
   จอดรถได้ปุ๊บก็โทรหาไอ้บี๋ทันที นัดกันไว้ 1100 ทำเอาผมผิดแผนไปเยอะ เพราะคิดว่างานเริ่มตอน 0959 เหมือนงานวันนักข่าวที่จะจัดพรุ่งนี้ ยังดีนะที่คุยกันก่อน ไม่งั้นผมไปรอเก้อแน่เลย
   
   เป็นครั้งแรกเลยนะนี่ที่มาในฐานะ VIP เกิดมาเพิ่งจะเคยเป็น VIP กับเขาก็วันนี้แหละ เข้าไปถึงก็ตรงที่ที่ค่าย Mercedes Benz ก่อนเลย เป้าหมายวันนี้คือ E Class ครับ รถที่ผมคิดว่ามันขายดีที่สุดของค่ายนี้เลยนะ
   E Class ใหม่มากับระบบไฟฟ้าแบบครบครัน ไม่ใช่แค่ Adaptive Cruize Control เหมือนที่หลายๆ ค่ายมี แต่แค่พอเปิดไฟเลี้ยว แล้วถ้ารถมันเห็นว่าถนนว่าง มันจะหักพวงมาลัยให้เองด้วย ยังไม่นับระบบรีโมทควบคุมนอกรถ กรณีบังคับรถเข้าจอดในที่แคบๆ แล้วจะเปิดประตูออกไม่ได้ เราก็ลงจากรถมาบังคับมัน ยังกะของเล่นเลย (แต่ผมเดาว่าฟังชั่นนี้เขาไม่น่านำเข้ามานะ เพราะมันแพงมาก และเกิดรวนนี่วุ่นเลย จะโดนฟ้องร้องเอา)
   คันนี้เป็นแม่เหล็กในค่ายนี้เลยครับ คนแม่งมาดูกันแน่นขนัด แล้วก็มาสะดุดตากับชายหน้าตาดี แต่งตัวดีคนหนึ่ง นั่งในรถในลักษณะแปลกๆ คือคุยโทรศัพท์ไปด้วย เท้าเหยียบขอบบันไดรถ (เฮ้ยย ไม่ควรเหยียบเลยนะ) ท่าทีผ่อนคลาย คุยอยู่นานเลยล่ะ
   ไม่ได้ดูรถอย่างใกล้ชิดเลยครับ คนเยอะเว่อร์ ขนาดเป็นวัน VIP แล้วนะ แต่มาหายสงสัยก็เพราะว่าทางค่ายนี้เขาแจกบัตร VIP ให้ลูกค้าเข้าชมฟรีด้วย โหห งงเลย
   
   ไปดูรถคันโปรดที่สุดของผมกันเลย ตรงดิ่งไปค่าย Mazda มีตัวเดียวที่ผมมองครับ นั่นคือ MX-5 ผมยกให้มันเป็นรถที่ใครขับก็ติดใจเลยล่ะ MX-5 รุ่นใหม่นี้รหัส ND ครับ เขาออกมาหลายเดือนมากแล้ว แต่ผมยังไม่เคยเห็นมันใกล้ๆ เลยสักครั้ง เห็นครั้งแรกนี่ใจเต้นแรงเลยนะ อย่างเว่อร์เลยล่ะ เปรียบเป็นชายหนุ่มเห็นหญิงสาวที่เขาใฝ่ฝัน
   นั่งแล้วไม่อยากลุก ถ้าได้ลองขับก็ต้องไม่อยากคืนรถแน่นอน ตัว ND นี้กลับมาใช้คอนเสปของตัว NA (ตัวแรก) อีกครั้งที่ใช้หลังคาผ้าใบแบบเปิดด้วยมือ ตัวรถกลับมาขนาดเล็กลงอีกครั้ง ตัวรถเตี้ยแบนแนวเดิม แต่โดยส่วนตัวแล้วผมว่ามันยังสวยได้อีก ยังสวยไม่เต็มที่ อีกไม่นานต้องมีตัว Minor Change ออกมาแน่นอน และต้องดูดีขึ้นเยอะ
   ดูอย่างใกล้ชิดราว 30 นาที ผมกลับพบข้อบกพร่องของรถเพียบเลย อ้าว งงเลยสิ เพราะดูใน Youtube หรือเวปต่างๆ มีแต่รีวิวแล้วคนชมกันใหญ่ ดูของหลายๆ ประเทศก็ออกมาแนวๆ เดียวกัน คือรถยอดเยี่ยมมาก ขับดีมาก แม่งยังกะโฆษณาเลย
   ผมเองที่เคยใช้ MX-5 อย่างสุดขีดคนหนึ่ง ผมว่าผมรู้จักมันดีพอควร ฟังคนชมรถจนผมเองเกือบเคลิ้มไปเหมือนกัน แต่วันนี้ผมมาในฐานะนักเขียนของ Racing Club ทำให้ผมได้ข้อเสียของรถคันนี้เพียบครับ
   คันนี้ผมชอบพิเศษเป็นการส่วนตัว แต่ขอวิจารณ์อย่างตรงไปตรงมา เพราะพบข้อเสียหลายจุด รักมาก ขอวิจารณ์มาก อย่าว่ากัน
ข้อดีสื่ออื่นชมกันไปเยอะแล้ว ผมยังไม่เคยลองขับ วันนี้เพิ่งเห็นตัวจริงครั้งแรก
_ พวงมาลัยปรับได้แค่สูงต่ำ ปรับยืดหดไม่ได้ / เฮ้ยย รถคุณ 2.7 ล้านนะครับ
_ พื้นรถฝั่งคนขับมีนูนๆ ตุ่ยๆ ขึ้นมา ปูดขึ้นมามาก จะเกะกะขาตอนก้าวขึ้นรถ แต่พอนั่งขับแล้วจะไม่โดน / แต่ถ้ามันไม่นูนจะดีกว่าไหม
_ ส่งผลให้พรมรองพื้นวางไม่แนบสนิท ดูห่วยเลยล่ะ ยิ่งเทียบราคารถแล้ว ผมอยากบอกว่า "รับไม่ได้"
_ไม่มีเก๊ะเก็บของหน้า !!! แต่มีกล่องเก็บของด้านหลังตรงกลางให้แทน / ขับคนเดียวเปิดหยิบของลำบากมากกก
_หลังคาผ้าใบผับแล้วมีรอยยับตรงมุม / ไม่เป็นผลดีต่อชิ้นส่วนบริเวณนั้นที่เป็นยางขอบกระจก อนาคตจุดนี้จะเป็นจุดอ่อนที่ทำให้น้ำเข้ารถได้ง่ายมากๆๆ / ขับคันนี้ ควรมีผ้าขนหนูเตรียมไว้ซับน้ำได้เลย ผมเตือนคุณแล้ว
_ กระจกส่องหน้าเหมือนในกล่องดินสอของเด็กอนุบาล ป๋องแป๋งมาก / แต่มีนวางตำแหน่งได้ดีมากนะ ใช้เป็น "กระจกมุด" ได้ดีมาก (พวก midnight racing จะรู้จักกระจกแบบนี้ดี)
_ ชุดแผงแดชบอร์ด คอนโซล ใช้ดีไซน์ร่วมกับ mazda รุ่น 2 3 และ 5 ทำให้รถคันนี้ดู "โหล" มากขึ้นเมื่อเทียบกับราคา 2.7 ล้าน / แถมยังใช้เครื่องยนต์เดียวกันอีกด้วย
_ กริปพวงมาลัยผอมเกินไป
_ ไม่มีสวิทช์เปิดฝาท้าย ต้องเปิดจากภายในรถเท่านั้น
_ เสาอากาศโบราณมากเหมือนรถ 20 ปีที่แล้ว ถ้าออกแบบทรงเป็นรถ retro จะไม่ว่าเลย
ปล สีแดง เพิ่ม 1.5 หมื่น / สีขาวเพิ่ม 1 หมื่น
วิจารณ์สั้นๆ เท่านี้ ถ้าได้ทดลองขับ คงมีอะไรมาเล่าเพิ่มมากขึ้นครับ
   จากนั้นรถคันอื่นในงานก็เฉยๆ แล้วสำหรับผม เพราะอย่างเก่งก็แค่เป็น Minor Change แต่เขาใช้คำว่า New เช่น New Honda Accord / New Mazda CX5 อะไรประมาณนี้
   บริษัทรถครับ คุณใช้คำผิดนะครับ เข้าใจว่าอยากขาย อยากให้คำให้มันน่าตื่นเต้น แต่มันเป็นไปไม่ได้เพราะรถคุณมันแค่ Minor Change จริงๆ
   มาติดใจรถนอกสายตาคันหนึง MG GS ครับ Mid Size SUV ที่น่าสนใจมากๆ ราคาราว 1.3 ล้าน แต่มันสวยทั้งภายนอกและภายใน เด่นที่มีกลไกบันไดรถยื่นออกมาได้ตอนเปิดประตู และเก็บซ่อนมิดชิดสนิทจนมองไม่เห็นตอนรถปิดประตู อ้อ รถคันนี้ 0-100 ใน 8.8 วิ ครับ เป็นรถที่แม้คุณจะไม่มีวันซื้อมัน แต่ผมอยากให้มาดู
   เจอ “เล็ก” เพื่อนเก่าสมัยมหาวิทยาลัย ทุกวันนี้เล็กมาคุม Aston Martin แล้ว เห็นเพื่อนเราก้าวหน้าในอาชีพการงานทุกคนเลย ดีใจด้วยจริงๆ ตัว DB11 จอดคลุมผ้าอยู่ วันนี้ไม่เปิดให้ชม เขาจะเปิดตัวพรุ่งนี้รอบสื่อมวลชน
   เพิ่งมีโอกาสชมรถหลายๆ คันอย่างใกล้ชิดนะ ผมน่าจะเป็นสื่อมวลชนแบบท้ายแถวเอามากๆ ที่เพิ่งเห็น Toyota Fortuner เลยเดินไปเดินมาเพื่อเทียบกับ Isuzu MU-X มันซะเลย
   ผมว่า Toyota กว้างใหญ่กว่า เบาะหลัง Isuzu น่าจะนั่งสบายกว่า แต่ที่เด็ดสุดคือตัว 1.9 Ddi Blue Power เขามีกล้องหน้ามาให้จากโรงงานแล้ว ซ่อนในกระจกมองหลัง ไม่มีสายไฟเกะกะ จอแสดงผลก็อยู่ในกระจกมองหลังทีเปิดปิดภาพได้ สุดยอดเลย เป็นรถยนต์รุ่นแรกในไทยเลยนะที่ให้กล้องหน้ามาจากโรงงาน
   มีรถที่ชอบมาก แต่ไม่ดัง นั่นคือ Ford Focus ครับ มันไม่ดัง ไม่นิยมเลยแม้แต่น้อย น่าเห็นใจค่าย Ford ที่มีรถดีๆ ในมือ แต่ทำตลาดไม่เป็น
   ค่ายที่ผมแอบผิดหวังก็คือ Nissan ครับ แม้ใจจะชอบ Nissan อยู่ลึกๆ แต่ไปดูภายในของรถแต่ละรุ่นแล้วยังรู้สึกว่า “ไม่ผ่าน” ทั้ง X Trail / Juke / หรือแม้กระทั่งรถกระบะ ภายในไม่สวยเลยครับ ส่วนภายนอกนี้โอเคเลยนะ โดยเฉพาะ Juke นี่ผมชอบมานานมาก แต่ก็เหมือนกับว่า Nissan กำลังเล่นอะไรอยู่ มี Mini Crossover ในมือก่อนใครเขา แต่ก็ไม่ทำตลาดในจุดนี้ รอให้ Honda นำ HRV เข้ามาแล้วถึงจะมาแข่ง แล้วมันแข่งกับเขาได้ไหมเล่า
   คุยถึง Mini Crossover แล้วนึกถึง Suzuki SX4 ทุกที ค่ายนี้มีของดีก่อนใครมานานมากเกือบจะสิบปี แต่ก็ทำเฉยซะงั้น ทำตลาดแต่ตัว Swift จนปล่อยให้ HRV ตีกินไปแบบสบายๆ
   Honda เขาไม่ต้องทำอะไรมากแล้วนะครับ แบรนด์เขาติดตลาดแล้ว เอาแค่เปิดตัวรถ คนก็รอจองกันเพียบ ฉะนั่น การที่จะไปสู้กับยักษ์ คุณก็ต้องมีอะไรที่ยักษ์ไม่มีครับ
   ไม่ใช่แค่ปล่อยโปรผ่อน 0% ฟรีประกันภัย ฯลฯ ไอ้พวกนี้มันก็คือส่วนลดเงินสดเท่านั้น ตัวรถแม่งก็เดิมๆ ดีไซน์กากๆ ก็ยังคงกากอยู่แบบเดิมๆ
   แต่ไม่มีคำว่าสายครับ วิเคราะห์ตลาดให้ดี รถค่ายใดๆ ก็สามารถพลิกตลาดได้ อย่าลืมเรื่องของดีไซน์ และรสนิยมครับ
   ยกตัวอย่างค่าย Hyundai ที่ขายรถเก๋งก็แทบไปไม่รอด พอมาจับตลาดตัวรถตู้ H1 ทีนี้แม่งบินเลยนะ จนเขาต้องแยก H1 มาอีกแผนกหนึ่งเลย รถเขาขายดีเพราะสวย นั่งสบาย ขับสบาย ราคารับได้ ล้านต้นๆ (แล้วแต่การตกแต่ง) ผมเข้าไปนั่งดูกันแอบเคลิ้มอยากได้ตัว Touring (รุ่นถูกสุด) อยากเอามารื้อภายในหมดแล้วทำเป็นรถบ้าน
   Subaru ไม่เอา BRZ มาแล้วนะ เน้นขายรถลุย Forester แทน และมี XV Minor Change ออกมาใหม่ ชนกับ Mazda CX-5 Minor Change เช่นกัน ไอ้คันนี้เปลี่ยนท้ายใหม่ซะแทบจำไม่ได้เลย สวยและดูดีกว่าตัวแรกมากๆ
   BMW ทำผมมึนมาก จากเดิมสมัยก่อนมีแค่ Series 3/5/7 แต่ทุกวันนี้แม่งเริ่มที่ 1-8 แล้ว เช่นเดียวกับ Mercedes Benz ที่มันแบ่งรถจนผมจำหน้าตารถไม่ได้แล้วว่ารุ่นไหนหน้าตาเป็นไง ทั้ง CLA GLA CLK CLS GLE อะไรของแม่งก็ไม่รู้ อ้อ แถมรุ่นเปิดประทุนตัวใหม่มันไม่ได้ชื่อ SLK แล้วนะ เขาใช้ SLC แทน อ้าว แล้ว SLK ไม่มีแล้วหรอ เล่นซะมึนไปเลย
   สองค่ายนี้เป็นค่ายที่ขนบรรดาเซลล์มาเต็มพิกัดเลย แต่ก็ยังดีกว่าหลายๆ ค่ายนะ ที่คนก็ไม่มี พอขอโบร์ชัวร์ก็จะให้เอกสารการผ่อนชำระงวดมาให้แทน โบร์ชัวร์เขาจะเก็บเอาไว้ให้ลูกค้าที่แต่งตัวดูดีหน่อย
   ไทยรุ่ง เป็นค่ายรถที่ผมแอบให้กำลังใจมาตลอด ปีก่อนโน้นทำรถ Transformer ออกมา ผมเห็นแล้วปวดกบาลเลย แทบจะไปช่วยออกแบบให้ฟรีๆ เลยนะ เพราะมันทำออกมายังกะรถกงเต็ก พอมาปีนี้ค่อยดีหน่อย แม้จะยังไม่ลงตัวแต่ก็ดีกว่าตัวเก่าเยอะ แต่ดันทำสีแบบ Iron Man เฮ้ยย พี่ พี่เล่นไรกันหรอ ลำพังปกติก็ขายยากอยู่แล้วนะ เพราะเอา Revo มาทำเปลือกใหม่ ยืดตัวถังใหม่ แต่มันก็ยัง “ไม่สวย” น่ะครับ
   ความผิดพลาดของไทยรุ่งคือ “ยังไม่สวย” ข้อเดียวเองครับ แก้จุดนี้ผ่าน ผมว่ายอดเขาพุ่งเลย
   Volvo มีรถน่าสนใจหลายคัน เริ่มจาก XC90 ตามมาด้วย XC60 ที่เป็นรถแนว SUV ค่ายนี้เด่นตรงมีรถ Van เยอะครับ ทั้ง V40 V60 แต่จะขายยากหน่อยตรงคนยังมั่นใจในแบรนด์ครับ เพราะชื่อเสียงก็เป็นรองทั้ง Mercedes Benz และ BMW แล้ว (แต่ราคาเขาก็ถูกกว่าพอควรนะ)
   วิธีสร้างภาพลักษณ์แบบนี้ทำง่ายครับ คือต้องอาศัยศูนย์บริการอย่างเดียวเลย คือต้องซ่อมแล้วจบ ซ่อมไม่แพง ชิ้นส่วนรถมีความทนทาน ทำแบบนี้ต่อเนื่องสัก 5-7 ปี คนจะเริ่มมั่นใจ ผู้ใช้จะพูดกันปากต่อปาก ยอดขายจะค่อยๆ เพิ่มมากขึ้นมาเอง
   แต่ทุกวันนี้คุณภาพรถยังไม่ผ่านนะ รถผมใช้ XC60 วิ่งมา 5 หมื่น กม ขับแต่ทางเรียบล้วนๆ ไม่เคยลุย ไม่เคยขับขึ้นตึกจอดรถที่ต้องวนๆ ไม่เคยขึ้นทางชัน ไม่เคยสาดโค้ง ไม่เคยเหี้ยไรเลย แต่ปรากฏว่าเพลาขับหน้าเริ่มมีเสียงดัง กึกๆ เฮ้ยย งงดิ รถญี่ปุ่นวิ่งเป็นแสนโล ยังไม่เห็นเป็นห่าไรเลย
   Volvo ครับ คุณมีรถที่สวยมากๆ ทั้งภายนอกและภายใน เรียกว่ามีต้นทุนดีกว่าชาวบ้านเขาเยอะ ผมเสนอทางแก้ให้คุณ ผมอยากให้รถคุณขายดี เริ่มจากลดราคาอะไหล่ลงครับ เพิ่มการรับประกันจากเดิม 3 ปี ไปเป็น 5 ปีเหมือน BMW หรือซัดไป 6 ปีเลย แบบให้ใจลูกค้าไปเลย นี่รถผมแค่ 4 ปี หมดประกันปีเดียว เพลาขับแม่งไปแล้ว เฮ้ยย แบบนี้รับไม่ได้ เป็น Volvo คันแรกที่กล้าลองเพราะติดใจสมัยก่อนรถทรงนี้ก็มีแค่ BMW X3 และ Mercedes Benz M Class พอเจอ Volvo XC60 นี่ถูกใจมากๆ เลยทั้งภายนอกภายใน Scandinavian Design ไม่เคยทำให้ใครผิดหวังจริง ๆ
   เล่าเรื่องมอเตอร์โชว์ เลยบ่นไปถึงรถตัวเองไปด้วยนิดหน่อย (ชุดเล็ก) นี่ถ้ารถแม่งรวนหรือซ่อมแพงเว่อร์ คงจะเจอผมบ่นอีกชุดใหญ่
   อนาคตอันใกล้ Crossover / SUV นี่จะเป็นรถที่ได้รับความนิยมมาก และจะมาแทนตลาดรถ Sedan ได้ไม่ยากเลย แต่รถอีกประเภทที่ผมคิดว่าน่าจะฮิต แต่กลับนิ่ง นั่นคือรถแวน ผมเฝ้ารอ Accord Van / Civic Van มาหลายปี ไม่เห็นเข้ามา มีแต่ Subaru Van ผมว่ามันน่าใช้ดีออก อเนกประสงค์มาก ขับก็เกาะดีกว่า SUV เสียตรงแค่ลุยน่ำท่วมไม่ได้ เพราะไม่สูงเท่า แต่ถ้าทางเรียบล่ะก็ รถ Van เกาะดีกว่า SUV เยอะครับ ขนของขึ้นลงได้ง่ายกว่ามาก และด้านท้ายรถมักจะกว้างใหญ่กว่า จุของได้เยอะกว่า แถมหากใส่แร็คหลังคาก็จะยกของขึ้นลงได้สะดวกกว่ามากๆ (เพราะมันไม่สูง ไม่ต้องเอื้อมเยอะ)
   แต่ก็อีกนั่นแหละครับ อะไรที่ผมทำนายไว้ มักจะมาช้าเหลือเกิน ทำนองว่าเราคิดไปไกลมาก
   ในงานมีมอเตอร์ไซค์ของค่าย Royal Enfield คนรุ่นใหม่อาจไม่รู้จัก แค่มันคือรถชื่อดังค่ายหนึ่งของประเทศอังกฤษที่มีชื่อเสียงมากพอควร มีประวัติศาสตร์ยาวนาน วันนี้เขากลับมาใหม่อีกครั้งแล้ว ราคาน่าสนใจคือ 1.9 แสน แลกกับรถหน้าตาโบราณสมัยยุค 1960 ความจุ 500 CC สูบตั้ง หัวฉีด ผมว่าน่าจะถูกใจคนชอบรถเก่านะ ผมเห็นแล้วยังชอบเลย
   ผมว่างานวันนี้มันดูมั่วๆ นะ ไมน่าเรียกว่าวัน VIP เลย วันนักข่าวที่ผมเคยเข้าปกติยังจะดูเรียบร้อยกว่าเลย ผมอยู่จนถึงเกือบจะหกโมงเย็น มองหาที่แสตมป์บัตรจอดรถไม่เจอ พอถามพนักงาน เขาบอกว่าไม่รับแสตมป์ให้บุคคลทั่วไป
   เออ จริงสินะ เราเป็นคนธรรมดานี่หว่า แม้จะมีบัตรเชิญ VIP แต่เขาก็ไม่ให้ อืมม คงเป็นนโยบายของเขาน่ะ แล้วผมก็ต้องจ่ายค่าจอดรถไป 120 บาท
   ขากลับสะดวกดี ขึ้นทางด่วนแล้วอัดซัดยาวรวดเดียวถึงหน้าบ้านเลย
สิ่งที่ผมไม่ชอบที่สุดในงานมอเตอร์โชว์ครั้งนี้
คนดู
_ คนดู ดูรถโดยไม่รักษาของ ไม่เห็นใจเจ้าของรถ เหยียบบันไดรถขึ้น ก้าวขาขึ้นลงก็เตะแผงประตูเป็นรอย ปรับปุ่ม สวิทช์แบบโยกแรงๆ บางคนมีลูกหลานยิ่งแล้วใหญ่ ปีนป่ายรถเล่นเลย เรียกผู้ชมแนวนี้ว่า "เกิดมาเพื่อทำลาย"
_ ข้าเกิดมาเพื่อเซลฟี่ เจอรถอะไรแม่งแอ๊คชั่นถ่ายหมดเลย เข้าใจว่าชอบรถ แต่มันเยอะไปจนดูตลก บางคนอยากได้รูปคู่ ขอให้เซลล์ถ่ายให้อีกด้วย
_นั่งคุยโทรศัพท์ในรถโชว์ คุยงาน คุยธุระ คุยนิดคุยหน่อย อันนี้เข้าใจ แต่คุยนานๆ ในรถที่คนสนใจมากๆ อันนี้เริ่มจะแปลกๆ แล้วนะ
_นักเคาะ เจอรถอะไรแม่งต้องเคาะ ต้องดีด อยากเข้าไปถามเหมือนกันว่าเคาะแล้วพี่ได้รู้ไรบ้าง
รถ
_ เบื่อดีไซน์แบบ piano black มากๆ ทำออกมากันหลายค่าย เลียนแบบกันไปทำไมครับ ดำเงาตรงคอนโซลกลางมันสะท้อนแสงเข้าตาตอนขับกลางวันนะ
_หลายค่ายทำรถออกมาสวยมาก แต่เจอภายในแบบรกตามาก โดยเฉพาะพวกปุ่มไฟสีๆ ทำให้รถดูห่วยลง
เจ้าหน้าที่ในบูธ
_ ยังคงท่องตัวเลขความจุกระบอกสูบ จำนวนแรงม้า ได้อย่างแม่นยำ ถามอะไรมากเข้ามักจะตอบไม่ได้ กูเกิดมาเพื่อขายเท่านั้น / แต่ค่ายที่มีพนักงานตอบคำถามโดยเฉพาะก็มีเยอะนะ
_ โบร์ชัวคือของสำคัญ เขาจะแจกต่อเมื่อลูกค้าแต่งตัวดูดีหน่อย ถ้าคนบ้านๆ จะได้รับแค่เอกสารการผ่อนในแต่ละงวด ใบราคา ฯลฯ
_เร่งปิดการขายเกินไป คุยท่าทีสนใจรถหน่อยก็ชวนจอง ชวนทำสัญญา
สถานที่
_ค่าจอดรถในร่มแพงมาก
เจอรถสวยๆ เราก็ชอบ อยากได้ อย่าคิดว่ามันไกลเกินฝันนะครับ ผมให้กำลังใจทุกท่าน เพราะ
"ถ้ากล้าเป็นหนี้ ได้ขี่แน่นอน"
Title: Re: มีค 59 5-6 Drift Comp สนาม 4 21 Motor Show
Post by: O'Pern on March 27, 2016, 04:58:29 pm
22 – 26 มีค 59
   5 วันนี้ชีวิตแม่งเหมือนกันเป๊ะเลยนะ คือตื่นตอนแต่เช้า ลืมตา กลอกตาไปมา ตัวตื่น สติตื่น แต่ใจไม่อยากตื่น กูอยากหลับยาว
   ไม่ได้วิ่ง ไม่ได้เดิน ไม่ได้ทำเหี้ยอะไรสักอย่าง กินข้าว อาบน้ำ แล้วก็ออกจากบ้านได้เลย
   เช้าไปส่งมิว เข้าร้าน นั่งเฝ้าเช็คของหน้าร้าน เช็คทั้งของออก และของเข้า และถ้าว่างก็เข้าไปช่วยนับเงินแบบที่เคยทำอีกด้วย จัดหนัก จัดเต็มแบบนี้ ไม่เคยมีมาก่อน
   นั่งอยู่หน้าร้านหลังเปียกชุ่มโชกจากเหงื่อตั้งแต่ 0800 ยัน 0400 รวมแค่ 7 ชม เท่านั้นเอง นี่ต่อถ้าถ้าหลังผมขึ้นขี้กลากก็ไม่ต้องสงสัยอะไรแล้วนะ
   ร้อนครับ แต่บ่นไปก็เท่านั้น คนงานทำงานยกของเขายิ่งเหนื่อยกว่าเราอีก คิดบวกเท่านั้นถึงจะอยู่รอดได้
   ยิ่งผมเหนื่อย แม่ยิ่งสบาย

   ช่วงสัปดาห์นี้มีจดหมายของผมตีกลับมา มันคือใบสมัครเรียนเรือใบที่กองเรือยุทธการ สัตหีบ ผมงี้ตกใจเลย เพราะส่งไปตั้งแต่เปิดรับสมัครวันแรกคือวันที่ 1 มีนาคม ตีกลับมาบอกว่าไม่มีที่อยู่ตามจ่าหน้า ผมเขียนหมู่ผิดครับ เซ็งสัสเลย รีบส่งข้อความไปทางไลน์หา “ครูวัฒน์” ครูฝึกสอนเรือใบของมิวที่ผมคุ้นเคย ครูบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วง มาตามวันและเวลาสอนได้เลย
   เอารถ 180SX ไปซ่อมแอร์ มันเย็นน้อย เย็นช้า และมีน้ำเข้ารถจากทางผนังห้องเครื่อง ไอ้นี่อันตรายนะ ตรงนั่นมีกล่อง ECU มีระบบสายไฟเยอะแยะ
   ช่างบอกว่าไม่มีอะไรรั่ว แต่เป็นเพราะมีเศษใบไม้เล็กๆ ตกลงไปเยอะมากจนอุดรูน้ำทิ้ง ส่งผลให้ตอนล้างรถแล้วน้ำระบายไม่ทัน เลยเข้าทางช่องรับลมของท่อแอร์ แค่ทำความสะอาดก็เสร็จแล้ว แต่ฟองน้ำปิดประตูลมเก่าเปื่อยหมดแล้ว เลยซีลฟองน้ำใหม่หมด ส่วนแอร์เย็นน้อยเพราะท่อน้ำยาแอร์รั่ว เปลียนใหม่ก็จบ ยังดีนะที่ไม่รั่วตรงตู้แอร์ ไม่งั้นแพงกว่านี้อีก
   ลูกสาวคนโตของแม่ประนอม โกงธุรกิจแม่และน้องอีกสองคน ฮุบเอาไว้คนเดียว? เฮ้ยย โหดสัสเลยนะ โกงเงินแม่ โกงเงินครอบครัว ใจไม่แข็งพอ อย่าคลิก
Title: Re: มีค 59 5-6 Drift Comp สนาม 4 21 Motor Show
Post by: O'Pern on March 27, 2016, 05:00:33 pm
27 มีค 59
   ออกวิ่ง 2 ชม ที่จริงก็เพลียล้า แต่ถ้าไม่วิ่งวันนี้ ต่อไปมึงก็ไม่ได้อีกวิ่งอีกนั่นแหละ เพราะมึงเพลียทุกวัน
   วิ่ง 1 ชม แรกแบบสบายๆ 20 นาทีต่อมาวิ่งแบบสลับช่วงความเร็ว แล้วจู่ๆ ฝนก็ตก ผมวิ่งเข้าที่ร่ม ถอดรองเท้า ถุงเท้า แล้ววิ่งต่อแบบเท้าเปล่า จนฝนเริ่มเบา เสื้อเริ่มแห้ง แล้วสักพักเดียวก็เทลงมาอย่างหนัก ผมกลับเข้าที่ร่มถอดเสื้อพาดไว้ แล้วออกวิ่งต่ออีก 40 นาที เป็นอันว่าวันนี้วิ่งได้ 2 ชม ตามเป้าหมาย
   ตอนขึ้นรถนี่สิหนักใจ ตัวเปียกไง แต่ก็ช่างแม่งวะ ไม่ได้นำผ้าเช็ดตัวมาปูรอง ขากลับแวะซื้อส้มตำ ข้าวเหนียว ไก่ย่าง นี่แหละครับ มื้อเช้าของผมวันนี้ อ้อ มีขนมต้ม และขนมมัน ขนมฟักทอง ขนมกล้วย (อย่างละนิดละหน่อย ผสมรวมในกล่องเดียวกัน)
   กินอิ่มแล้วอยากหลับเลยล่ะ เปิดคอมฯ ครั้งแรกในรอบสัปดาห์ งานเขียนดองไว้บานเลย ต่อยอดกันไม่หวาดไม่ไหว มีหลายเรือง เยอะจัด เปิดแต่หัวไว้ ตอนนี้กูมึนไปหมดแล้ว ใจคิดอยากเอาแม่งทุกเรื่องมารวมกันเป็นเรื่องเดียวมันซะเลย
   บ่ายแม่ซื้อก๋วยเตี๋ยวร้าน “เจ๊โหนก” ร้านชื่อดังบนถนนพระราม 2 มาฝาก ร้านนี้ผมไม่เคยกินเลย คนมันแน่นเว่อร์ๆ ผมไม่มีความพยายามรออะไรขนาดนั้น นี่เป็นครั้งแรกที่ได้กินเลยนะ พอตักเข้าปากคำแรก น้ำตากูแทบไหล กัดเส้น กินลูกชิ้น เคล้าน้ำตา อยากจะบอกจากใจว่า ร้าน “เจ๊เค็ง” ในตลาดแถวบ้านที่กินเป็นประจำยังอร่อยเสียกว่าอีก ทั้งเส้น ทั้งลูกชิ้น เจ๊เค็งกินขาด ทำให้ผมภูมิใจในตัวเจ๊เค็งจริงๆ เลย
Title: Re: มีค 59 5-6 Drift Comp สนาม 4 21 Motor Show
Post by: O'Pern on April 28, 2016, 08:17:36 pm
28 มีค 59
   เช้าวันจันทร์อีกแล้วสินะ ส่งมิวแล้วผมก็ประจำอยู่ที่โต๊ะหน้าร้าน นั่งอยู่ตรงนี้เช้าจรดเย็น จากเดิมที่เคยนังในห้องแอร์ที่โต๊ะเก็บเงิน ตอนนี้มานั่งหน้าร้าน ริมถนน เฝ้าเช็คสินค้าเข้าและออกจากร้าน
   เวลาส่วนตัวลดน้อยลงไปจากเดิมมาก กระทั่งไดอารีชีวิตที่ปกติจะบันทึกกันแทบทุกวันตอนกลับมาบ้าน แต่ช่วงนี้ไม่ได้เปิดคอมฯ ทำห่าไรเลยสักอย่างเดียว กลับถึงบ้านก็ล้มตัวลงนอน หมดแรง
   ตัวเหนื่อย หัวใจยิ่งเหนื่อยนะ เข้าขั้นท้อเลยล่ะ
Title: Re: มีค 59 5-6 Drift Comp สนาม 4 21 Motor Show
Post by: O'Pern on April 28, 2016, 08:21:52 pm
29 มีค 59
   เช้าวันธรรมดานี่ไม่ได้ออกวิ่งแล้วนะ แม่งหมดแรงชีวิต ลืมตาตื่นมาก็ท้อแล้ว ชีวิตคงไม่ต้องไปคาดหวังอะไรให้มันมากกว่านี้ หวังมากก็เจ็บมาก หวังน้อยก็เจ็บน้อย ไม่หวังก็คงจะไม่เจ็บ
   เดินผ่านจักรยาน เห็นล้อยางแบนทั้งสองข้าง นี่เราไม่ได้จับมันมานานขนาดนี้เชียวหรือ ลองสูบอัดลมเข้าไปให้เต็ม ถ้ามันยังเก็บลมอยู่ได้ก็ถือว่าโชคดี ไม่ต้องเสียเงินซื้อยางในใหม่
Title: Re: มีค 59 5-6 Drift Comp สนาม 4 21 Motor Show
Post by: O'Pern on April 28, 2016, 08:26:50 pm
30 มีค 59
   นี่เล่าจนไม่รู้จะสรรหาอะไรในชีวิตมาบรรยายแล้วนะ จากเดิมสมัยก่อนจะว่างตอนบ่าย ก็ยังไปโน่นมานี่ ทำงานส่วนตัวได้บ้าง แต่ตอนนี้สิ มันแตกต่างจากเดิมแบบคนละโลกเลย ผมจะมาว่างอีกทีก็ตอนหกโมงเย็น ที่ต้องไปรับมิว พอถึงบ้านก็ไม่อยากทำอะไรมากไปกว่าเข้านอน
   ทยอยจัดกระเป๋า พร้อมเตรียมจักรยานขึ้นรถ พรุ่งขอยืมรถพ่อไปใช้
Title: Re: มีค 59 5-6 Drift Comp สนาม 4 21 Motor Show
Post by: O'Pern on April 28, 2016, 08:28:50 pm
31 มีค 59
   ออกเดินทางแต่เช้า จุดหมายคือวัดหลวงพ่อโสธร ฉะเชิงเทรา นี่เป็นครั้งแรกที่ผมไปไหว้พระวัดนี้เองคนเดียว เลยใช้เวลาอย่างเต็มที่เลยครับ นั่งกราบไหว้ พร้อมสวดบทบูชาตามป้าย มีแอบนั่งสมาธิต่อหน้าองค์หลวงพ่อพักหนึ่ง ช่วงปิดทองที่องค์พระ เจอคุณป้าท่านหนึ่งยื่นแผ่นทองคำเปลวมาให้สิบกว่าชิ้น บอกว่าให้ช่วยปิดทองหน่อย คุณป้าบอกว่าขายที่ดินได้ 90 ล้าน เลยมาปิดทององค์หลวงพ่อแก้บน 100 แผ่น
   ปิดทองไปอธิฐานให้คุณป้ามีสุขภาพแข็งแรงไปด้วย เดินไปเดินมาเจอป้าอีก ป้าให้พรบอกว่าขอให้ผมโชคดี
   กลับมานั่งไหว้องค์หลวงพ่ออีกครั้งที่อุโบสถด้านใน นั่งชื่นชมบารมีองค์หลวงพ่ออีกพักใหญ่ แล้วก็ไปนั่งที่อุโบสถหลังใหม่ที่อยู่ใกล้ๆ กัน ที่นี่จะเป็นองค์หลวงพ่อโสธรจำลอง ที่นี่นั่งสบาย สถานที่ใหม่กว่า กว้างขวางกว่า แต่มันดูเงียบเหงาแบบไร้วิญญาณ ไม่ขลังเท่าอุโบสถหลังเก่า มาถึงตรงนี้ผมไหว้หลวงพ่ออีกครั้ง กลายเป็นว่าวันนี้ผมไหว้อย่างเป็นทางการไปถึง 3 รอบ
   ก่อนกลับเดินชมริมน้ำ แต่ทางวัดกำลังก่อสร้างบรรยากาศเลยไม่สวยนัก ก่อนกลับแวะไปกินก๋วยเตี๋ยวหมูสูตรโบราณที่พ่อแม่พาไปกินประจำตอนมาไหว้พระที่นี่ แต่พบว่าร้านปิด ว้า เสียดายจัง
   มาลงเอยที่ไก่ทอดหาดใหญ่ที่ขายในปั๊มน้ำมัน กินกับข้าวเหนียว เฮ้ยย รสชาติดีมากๆ เลยว่ะ หน้าตาร้านดูงั้นๆ ผมก็ซื้อกินไปแบบไม่ได้คาดหวังอะไรมาก แต่พอเจอรสชาติแบบสุดยอด ผมงี้อึ้งไปเลย
   มุ่งหน้าเดินทางสู่สัตหีบ ผมมีนัดไปเรียนเรือใบที่กองเรือยุทธการเป็นเวลา 10 วัน ตอนแรกให้เพื่อนชื่อ “เอ๋” ช่วยจองบ้านพักให้ แต่เอ๋บอกให้มานอนบ้านเขาแทน ผมเลยโอเคว่าไงว่าตามกัน เอ๋เป็นเพื่อนสนิของผมตั้งแต่ตอนเรียนมหาวิทยาลัย
   บ้านพักของเอ๋อยู่ริมถนนสุขุมวิทเลย ประตูรั้วมันก็ไม่ได้ล็อค ผมงี้งงเลย เฮ้ย อยู่กันแบบอินดี้มากๆ เปิดประตูรั้วเข้าไปจอดรถแล้วเดินขึ้นบ้านได้เลย สภาพห้องนี่เหมือนกับไอ้เอ๋อยู่สมัยหอพักนักศึกษาเลย จะว่าไปก็กันเองดีครับ มีหมาอยู่ในบ้าน 3 ตัว โชคดีที่มันดูเป็นมิตร ไม่เห่าส่งเสียงดัง
   จัดข้าวของเข้าที่ได้สักพัก เอ๋ก็เข้ามาบ้าน พาออกไปนั่งคุยในสโมสรที่ริมหาดม้าน้ำพักใหญ่ บรรยากาศดีนะ แต่หาดไม่สวย เป็นหาดหินโสโครก และสกปรกมากเนื่องจากน้ำพัดพาขยะเข้ามาเกยชายฝั่งเต็มไปหมด นี่ถ้าเก็บกวาดบูรณะกันครั้งใหญ่ จะดูดีขึ้นเยอะเลย
   กินมื้อบ่ายกันที่นี่เลยครับ อัดเสียเต็มท้องจนไม่อยากกินมื้อเย็นแล้ว พอใกล้ค่ำเอ๋ให้ทหารขับรถไปส่งผมที่บ้านพัก