racing-club.net

Bike Forum => my bike diary / my life diary => Topic started by: O'Pern on April 01, 2014, 06:06:51 pm

Title: เมษ 57 27 100 กม
Post by: O'Pern on April 01, 2014, 06:06:51 pm
1 เมษ 57 วันเลิกทาส
   เช้านี้ดื่ม ACV – Apple Cider Vinegar กับน้ำผึ้ง เฮ้ย กินแล้วพลังมาเลย ไอ้นี่ก็เคยกินมาหลายปีก่อนแล้วนะ แต่กินแล้วก็ขี่จักรยานหรือเดินเร็ว มันไม่ได้ใช้พลังมาก ไม่ค่อยเห็นผล แต่วันนี้วิ่ง รู้สึกชัดๆ เลยว่ามีพลัง
   เลยวิ่งเร็วกว่าปกติ วิ่งได้เร็วแถมไม่ค่อยเหนื่อยอีกด้วย เอ๊ะ หรือเพราะเมื่อวานหัวค่ำกินอาหารเย็นนะ ปกติไม่ได้กินมื้อเย็นไง มันก็เลยเป็นการเติมพลังเข้าไปเก็บไว้ในกล้ามเนื้อไว้ก่อนแล้ว
   ชัดไป 1 ชม เต็มๆ เหงื่อออกเพียบ ชั่งน้ำหนักแล้วเห็นตัวเลขลดลงอย่างชัดเจน เพราะร่างกายเราสูญเสียน้ำไง
   เช้านี้เป็นครั้งแรกในรอบปีหรืออาจจะหลายปีที่ผมไม่ถ่าย แปลกดีว่ะ ทั้งๆ ที่เมื่อวานก็กินผักกระเฉดเป็นกำเลยในมื้อเย็น กลางวันก็กินกล้วย เช้าก็มีผักเพียบ ได้แต่สงสัย ไม่อยากนั่งเบ่ง ปล่อยไปตามธรรมชาติ ทั้งๆ ที่ปกติจะถ่ายทันทีหลังตื่นนอน หรือไม่ก็หลังอาหารเช้า
   ไปส่งมิวเรียนพิเศษเหมือนเดิม ยังคงชอบเรียน เอ้า รักชอบก็จัดไปครับ ไม่อยากบังคับ ผมก็ไปอยู่ร้านขายของต่อเหมือนเดิม
   บรรยากาศเดิมๆ น่าเบื่อเหมือนกัน อาศัยคิดบวกล้วนๆ มันก็ผ่านมาได้หลายปีแล้วนะ ไอ้วิธีคิดนี่สำคัญมากๆ สำหรับชีวิตคนเราเลยนะ ผมสอนมิวบ่อยๆ ตอนเรียนติวหนักๆ ก่อนสอบว่า หากเบื่อหน่ายก็ให้มองไปที่เป้าหมายของเรา มองไปที่ความฝันของเรา มันจะทำให้เรามีพลังที่จะสู้ต่อไป
   สายกินกล้วยน้ำว้าไป 2 ผล ค่อยยังชั่วหน่อย เข้ามาบ้านตอนบ่ายกะจะกินผลไม้ แต่ลืมไปว่าซื้อหมี่กรอบมาจากตลาดบางน้ำผึ้งตั้งแต่วันอาทิตย์ เลยจัดไปซะ ไม่ได้กินหมี่กรอบเปล่าๆ นะ หั่นต้นหอม 1 กำมือ และหอมแดงอีก 2 หัว บีบมะนาว 1 ลูก คลุกกินกับหมี่กรอบด้วย สูตรมั่วๆ ของผมเอง เพราะไม่อยากกินแป้งเปล่าๆ
   กินไปกินมารู้สึกเผ็ด มีพริกแห้งมาด้วยหลายเม็ด เลยกินถั่วไปอีกถุงดับความเผ็ด ฮ่าๆ
   เปิดคอมฯทำงานเขียนต่อ เปิดไฟล์งานเก่าๆ แล้วเห็นโปรเจคต่างๆ ที่ค้างคาอยู่เพียบ อ่านแล้วไฟในกายลุกโชน เริ่มทำใจนะว่าหลายเรื่องคงไม่ได้ทำแน่ๆ คงได้แต่คิดฝัน แต่อะไรก็เกิดขึ้นได้ครับ หากยังมีลมหายใจ มันก็ยังคงมีโอกาสอยู่บ้าง
   โห จัดซะอิ่ม แน่น เลยง่วง เอนหลังนอนพักสายตาหน่อย แต่ไม่ได้นอนหลับหรอกนะ ไม่ได้นอนกลางวันมาเป็นสิบปี
   แดดร้อนเหมือนดังเช่นทุกวัน แต่วันนี้อยู่บ้าน ใบไม้ไม่กระดิกสักนิด ต่างจากเมื่อวานที่อยู่คอนโดลมพัดแรงมากๆ แบบเหมือนอยู่กันคนละจังหวัดเลย คอนโดมันอยู่สูงและริมเจ้าพระยาด้วยไง โล่ง โปร่ง ต่างจากบ้านเดี่ยวที่อยู่หลบเข้ามาในซอย
   อยู่บ้านสบายกว่าแน่ครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีพวกของเล่นชิ้นใหญ่อย่างจักรยาน มอเตอร์ไซค์ เรือ ฯลฯ แต่ถ้าอยู่ตัวเปล่าๆ นี่คอนโดก็น่าสนใจ ยิ่งถ้าเป็นทำเลดีๆ เดินทางสะดวกยิ่งสุดยอดไปเลย
   1 เมษายน โลกอินเทอร์เนททุกปีก็มีปล่อยมุขขำขำ April Fool Day ทีไอ้มุขปัญญาอ่อนของฝรั่งแบบนี้เสือกจำได้แม่นยำ หลายคนลุกขึ้นมาปล่อยมุขกันแต่เช้า ไอ้นี่มันคือมุขของประเทศอังกฤษ เขาเล่นกันแบบเป็นจริงเป็นจังเลย สถานนีวิทยุโทรทัศน์ก็มีข่าวแปลกๆ ออกมา ไม่ว่ากัน มันเป็นประเพณีของเขา  แต่ไอ้วันนี้มันตรงกับวันสำคัญของไทยด้วยนี่สิสำคัญ สาระมันอยู่ตรงนี้ 
   1 เมษายน 2488 เป็นวันที่ ร5 ท่านประกาศเลิกทาสซึ่งระบบทาสมีมานานกว่า 500 ปีก่อน ทรงประกาศ “พระราชบัญญัติเลิกทาส ร.ศ. 124” รู้ฝรั่งแล้ว ก็ต้องรู้ไทยเราด้วยนะครับถึงจะดี
   อยู่บ้านก็มีความสุขดี แต่บางทีก็เบื่อเหมือนกันนะ ต้องหาวิธีออกกำลังกายใหม่ๆ แก้เบือ ลองวิดพื้นแบบเอาขาพาดเก้าอี้ดู พอได้ครับ หนักมือดี ลองวิดแบบยกขาด้วย ลองหลายๆ วิธี เมื่อยดีเหมือนกัน ใช้ได้ๆ
   อยู่บ้านนี่ของกินเยอะมากเลย ต้องข่มใจสุดๆ เปิดตู้เย็นซดน้ำเต้าหู้ไป 500 cc ปิดมื้อเย็น ถ้ายังหิวอีกก็มีกล้วยน้ำว้า ไม่กินอะไรมากกว่านี้แล้วล่ะ กลางคืนก็ออกกำลังกาย วิดพื้น ซิทอัพ (ไอ้ซิทอัพนี้ไม่ได้ช่วยลดพุงหรอกนะ แต่ทำให้กล้ามเนื้อหน้าท้องแข็งแรงขึ้น)
   พรุ่งนี้แล้วสินะที่จะเป็นวันประกาศผลสอบเข้า ม1 ของมิว ทำอะไรไม่ได้แล้วล่ะ ถึงตอนนี้ก็ได้แต่อฐิฐานอย่างเดียว
   ขอให้ฝันของมิวเป็นจริงด้วยเถิดครับ
Title: Re: เมษ 57
Post by: O'Pern on April 03, 2014, 03:00:02 pm
2 เมษ 57
   วิ่งเข้าไป ๆ ๆ  จิตใจร้อนรนสุดๆ เลย วิ่งให้เหนื่อยเท่านั้นถึงจะทำให้มันคลายความกังวลไปได้
   เช้านี้สั่งแม่บ้านทำไก่ทอดกระเทียมพริกไทย ปลาสลิด ไข่ต้ม แครอทลวก กระเทียมสด กับข้าวกล้อง ที่ผ่านมาผมกินเนื้อสัตว์น้อยมากๆ กินหนักแค่มื้อเช้า แถมยังกินปริมาณน้อยอีกด้วย จนมาเช้านี้แหละครับ ค่อยกินไก่เป็นชิ้นอย่างเป็นทางการ เติมโปรตีนเข้าไปช่วยเสริมกล้ามท้องสักหน่อย
   แต่วิ่งจนเหนื่อยมาก ออกอาการกินไม่ลงอีกแล้ว กิน ACV ไปตอนเช้าด้วยมั้ง เลยระเบิดพลังไปเยอะ น้ำหนักลดลงมาเรื่อยๆ อีกนิด เห็นแล้วมีกำลังใจมากขึ้น สักพักมิวลงมากินข้าวด้วย ดูสีหน้ามิวกังวลมากเลย กินข้าวนิดเดียว บอกว่าอิ่ม กินไม่ลง พอถามว่าเป็นห่วงเรื่องผลสอบใช่หรือไม่ เขาก็ยอมรับ
   ไม่เป็นไรครับ คนเราก็เครียดกันได้ ไม่เคยเห็นมิวเป็นแบบนี้มาก่อนเลยนะนี่ ทุกทีจะร่าเริงเฮฮามาก
   พี่โบ๊ทโทรมาคุยแต่เช้า ถามว่าจะไปซ้อมเรือใบในช่วงสงกรานต์ไหม และงานวันแข่งจะเอาเรือที่ไหน ฯลฯ ผมตอบไม่ถูก ไม่มีจิตใจมาคิดเลย บอกพี่โบ๊ทว่าผมกำลังจะไปฟังผลสอบของมิว ผมขอโทษด้วยจริงๆ ผมจะโทรกลับไปหานะ
   ขับรถไปจอดไว้ที่ทำงาน พามิวเดินข้ามสะพานพุทธไปโรงเรียนสวนกุหลาบ ไม่กล้าเอารถยนต์ไปแล้ว กลัวโดนใบสั่งอีก วันนี้เขาจะประกาศผลสอบเข้า ม1 ให้มิวไปยืนลุ้นดูชื่อตัวเองที่บอร์ด ลูกจะเห็นคน 3 กลุ่ม
    1 โห่ร้องดีใจสุดๆ ที่สอบเข้าได้
    2 ร้องไห้ เสียใจ เศร้า ที่สอบเข้าไม่ได้
    3 เฉยๆ คือสอบไม่ได้ก็รู้สึกเฉยๆ เพราะเขามีที่เรียนอยู่แล้ว มาสอบวัดฝีมือดูเฉยๆ
   เดินไปก็ตื่นเต้นไป ยิ่งเข้าใกล้โรงเรียนนี่เหมือนไม่อยากดูบอร์เลย ลุ้นโคตรๆ กว่าตัวเองสอบเสียอีก ผู้คนมากมายรุมล้อมที่บอร์ดประกาศผล ดีใจบ้าง เสียใจบ้าง ปนๆ กันไป
   “ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร ลูกจงยอมรับผลของมันนะ”
   “ครับ”
   “ฝันของลูกยังคงเป็นแบบเดิมหรือไม่”
   มิวพยักหน้า ตอบ “ครับ” อีกครั้ง
   จูงมือลูกเดินเบียดแทรกตัวเข้าไปดูบอร์ดให้เห็นกับตา กอดเขา จับมือเขาไว้ ค่อยๆ ไล่ดูรายชื่อมาทีละคนๆ เรื่อยๆ … จนเจอ ! ชื่อตัวเอง
   เฮ้ย สอบได้ด้วยเว้ยยยย
   กอดกันดีใจได้แป๊บเดียว ก็ต้องรีบไปดำเนินการเรื่องเอกสารต่อ วันนี้เด็กที่สอบผ่านต้องรายงานตัวในห้องประชุม เขาให้เด็กเข้าไปเองคนเดียว ให้ผู้ปกครองรอข้างนอก ก็ดีนะ ไม่ต้องวุ่นวาย ถ้าให้พ่อแม่มาด้วยล่ะก็ คนก็ต้องแน่นเป็นทวีคูณ
   ให้มิวไปจัดการกับชีวิตของเขาเอง ผมยืนรอด้านล่างที่มีข้าวของเครื่องใช้สำหรับนักเรียนขายเต็มไปหมด ชุดเครื่องแบบนักเรียน ชุดพละ กระเป๋านักเรียน ชุดว่ายน้ำ ของที่ระลึก ฯลฯ ละลานตา
   เดินดูไปทีละซุ้ม เรื่อยๆ ดูอยู่นาน เล็งว่าจะต้องใช้อะไรบ้าง อันไหนจำเป็น และอันไหนเป็นแค่ของที่อยากได้ แค่ดูๆ ไว้ก่อนครับ ยังไม่ซื้อ ขี้เกียจถือ เดี๋ยวรอมิวลงมาแล้วค่อยไล่ซื้อทีเดียวเลยดีกว่า
   รอนานกว่า 30 นาที ไม่เห็นวี่แววมิวจะลงมาสักที ชักสงสัยเลยแอบขึ้นไปดูหน้าห้องประชุม โอ้โห ด้านในมีผู้ปกครองนั่งอยู่หลายคนเลย เป็นห้องแอร์อย่างดี ทำเนียนเลย เขยิบเข้าไปทีละนิดๆ รับไอเย็นแอร์ โอออ สดชื่นนนนน
   มองไปมองมาเจอผู้ปกครองของ “ทัวร์” เพื่อนมิวที่มาสอบด้วยกันจึงเดินเข้าไปนั่งคุยด้วย งานนี้มีเด็กนักเรียนจากโรงเรียนวรรณสว่างจิตมาสอบ 6 คน มิว ทัวร์ ทัด กร การ กลอรี่ สามคนแรกตั้งใจเข้าสวนกุหลาบจริงๆ ส่วนสามคนหลังลองมาสอบดูเฉยๆ เขาได้โรงเรียนใหม่เรียบร้อยนานแล้ว น่าดีใจนะที่สอบติดกันหมดทั้ง 3 คนเลย สุดยอดมากๆ เด็กชุดนี้
   เสร็จจากการรายงานตัวก็ลงไปหาซื้อข้าวของชุดนักเรียนได้ จะซื้อที่นี่เลย หรือไปหาซื้อเองก็ได้แล้วแต่สะดวก ผมจัดให้มิวที่นี่แหละ จะมาลังเลหน่อยตรงที่ไม่ได้ลองชุดอย่างเป็นทางการ ช่างเขาใช้สายวัดๆ ตัวแล้วก็เลือกชุดให้ คิวยาวไง ต่อคิวกันกว่า 30 นาทีในแต่ละคิว ที่ซุ้มของที่ระลึกมิวขอซื้อกำไลยางข้อมือเป็นอันดับแรกสีชมพู-ฟ้า ซื้อแล้วฉีกซองใส่เลย แล้วค่อยไล่ซื้อรองเท้า เข็มขัด ชุดพละ ฯลฯ กว่าจะเสร็จสิ้นในการซื้อทุกอย่างก็เกือบเที่ยงโน่นเลย นี่ผมมาตั้งแต่ 0800 นะนี่
   เสร็จแล้วก็เดินข้ามสะพานพุทธกลับ ขากลับต้องแบกข้าวของเยอะมาก พะรุงพะรัง มิวใจดีถือร่มกางให้ผมด้วย เดินไปร้องเพลงไป เพลงบ้าๆ บอๆ ของเขา ตอนนี้มีความสุขแล้วล่ะสินะ ใกล้ถึงที่ทำงานมิวขอซื้อต้มเลือดหมูกิน และให้ผมช่วยไปซื้อชาดำเย็นใส่มะนาวจากร้านกาแฟในตลาดมาให้หน่อย
   กินเสร็จบอกช่วยไปส่งที่รถไฟฟ้าหน่อย จะไปเรียนพิเศษที่สยามต่อ โหห ไฟแรงโคตรๆ อยู่ในรถเราก็คุยกันเรื่องเป้าหมายอันต่อไปในอีก 3 ปีข้างหน้า วันนี้สอบเข้าสวนกุหลาบได้แล้วก็คือผ่านด่านแรกแล้ว เหลืออีกด่านคือเข้าโรงเรียนเตรียมทหาร เพื่อเลือกเรียนต่อในกองทัพอากาศ
   นับจากนี้จะถือว่ามิวรีเซทชีวิตตัวเองใหม่ทั้งหมด โรงเรียนใหม่ รูปแบบใหม่ เพื่อนใหม่ ครูใหม่ ประสบการณ์ใหม่ ฯลฯ
   “ยินดีต้อนรับครับสวนกุหลาบ 138”
   มิวหันมายิ้มแล้วลงจากรถไป
   
   เข้ามาบ้านวันนี้รีบอาบน้ำก่อนเป็นอันดับแรก เปิดฝักบัวมาต้องรีบอาบทันที หลังจากนี้สัก 20 วินาที น้ำจะร้อนโคตรๆ เพราะท่อน้ำโดนตากแดดอยู่นาน เปิดทิ้งไว้ก็เสียดาย เลยชั่งมัน อาบแบบผ่านๆ นี่แหละ ช่วงเช้าเหงื่อไหลไคลย้อยมากตอนเดินไปเดินกลับจากโรงเรียน
   หิวจัดครับ เปิดตู้เย็นเจอน้ำเต้าหู้รีบยกซดเลย แต่เข้าปากได้คำเดียวก็ต้องชะงัก อมไว้ในปาก เพราะมันมีคราบเหนียวๆ ไม่ได้ลื่นคล่องคอเหมือนปกติ หรือว่ามันเสียวะ รีบไปบ้วนทิ้ง งงเลย ทำไมเสียได้ เก็บไว้ในตู้เย็นแท้ๆ ทุกทีก็เก็บไว้ได้นานหลายวัน สำหรับล็อตนี้เพิ่งจะเก็บมาแค่ 3 วันเอง หรือว่าตู้เย็นเรามันผิดปกติ
   เซ็งเลย เสียดายของมาก กะจะเอาไว้ซดแก้หิวจะได้อ้วนน้อยๆ หน่อย เลยกินน้ำมะเขือเทศแทน กินไป 500 cc แต่ยังไม่อิ่ม กินถั่วไปอีก 1 ถุง ค่อยยังชั่วหน่อย กินปลาเส้นฟิชโชด้วย แล้วก็ออกอาการเดิม คืออิ่มแล้วง่วง เพลีย ตอนเช้าวันนี้ใช้พลังงานเยอะมาก
   ว่างๆ ก็นั่งจัดข้าวของที่วันนี้ซื้อมา จัดเตรียมเอกสารที่จะต้องใช้ในวันที่ 9 เมษายน วันมอบตัว ต้องใช้รูปถ่ายชุดนักเรียนด้วย นั่นคือมิวต้องไปตัดผมสั้นเกรียน มิวบอกอยากตัดทรงนี้มานานแล้ว เพราะตั้งแต่เกิดมาก็ไว้ผมยาวตลอดเลย เห็นเพื่อนๆ ตัดแล้วชอบ อยากตัดบ้าง โชคดีมิวหัวทุยสวย หัวแบบนี้ไว้ผมได้หลายทรง ถ้าหน้าไม่อ้วนกางนี่จะตัดสกินเฮดยังสวยเลย
   0430 มิวโทรให้ไปรับที่สถานีรถไฟฟ้ากรุงธนฯ หน่อย ทุกทีเรียนจนถึงค่ำ แต่วันนี้บอกว่าหมดแรง เพลีย อยากกลับบ้าน จัดไปครับ วางสายแล้วรีบขับรถไปรอที่จุดนัดพบทันที แต่พอถึงบ้านเท่านั้นแหละ ไม่เห็นจะพักผ่อนเลย วิ่งไปหยิบไอแพดมาเล่นและโหลดเกมใหม่ๆ มาใส่ใหญ่เลย สงสัยจะเก็บกดมานาน ไม่เป็นไร ไม่ว่ากัน
   ทีวีดิจิตอลกำเนิดอย่างเป็นทางการแล้วนะ จัดเรียงช่องสัญญาณกันใหม่หมดเลย งงดีครับ ไว้เข้าไปคอนโดก็ต้องทำการจูนใหม่อีกแล้วสินี่ อยู่ก็ไม่ค่อยได้อยู่ ดูก็ไม่ค่อยได้ดู ฮ่าๆ
   วันนี้วันเกิดพระเทพฯ ขอพระองค์ทรงพระเจริญ ทรงเกษมสำราญและมีพลานามัยแข็งแรงครับ
Title: Re: เมษ 57
Post by: O'Pern on April 04, 2014, 05:07:36 pm
3 เมษ 57
   ตื่นปุ๊บซดน้ำอุ่นทันที แล้วค่อยเข้าห้องน้ำ ก่อนวิ่งก็กิน ACV ไป 1 แก้ว เพิ่มพลังได้ดีมาก เช้านี้วิ่งไปอีก 1 ชม ตื่นก่อนตี 5 ก็วิ่งได้เยอะหน่อย วันไหนที่วิ่งได้ไม่ถึงชั่วโมงก็เป็นเพราะใช้เวลาในห้องน้ำนานไปหน่อย
   วิ่งมาใกล้จะ 3 เดือนแล้ว น้ำหนักลงเฉลี่ยเดือนละ 2 กก นิดๆ เห็นตัวเลขแล้วแทบท้อใจ นี่ถ้าเป็นสมัยหนุ่มๆ ออกกำลังกายแบบนี้ คุมอาหารอย่างนี้ รับรองว่าลงได้อาทิตย์ละ 1 กก แบบไม่ยากเย็น
   อายุเยอะขึ้น ร่างกายเริ่มเสื่อมลงทีละน้อย อาหารที่กินเข้าไปก็เผาผลาญไปเพื่อกิจวัตรประจำวันเท่านั้น ถ้าระหว่างวันกิจกรรมน้อย เคลื่อนไหวร่างกายน้อย ก็ควรกินให้น้อย หากยังคงกินเยอะเหมือนหนุ่มสาวอยู่ล่ะก็ มันก็จะเหลือพลังงานสะสมเข้าไปเรื่อยๆ ๆ ๆ ๆ ๆ
   ในเฟซบุ๊คเพื่อนนักเรียนผมหลายกลุ่มยังคงขยันขันแข็งในการโพสภาพของกินอ้วนๆ ดูแล้วก็ปลงครับ อายุก็เลยงามวงวานไปมากแล้ว หลายคนหุ่นตุ้ยนุ้ย ไอ้อ้วนหรือผอมนี่มันเรื่องของเขา แต่หากมองไปในอนาคตมันคือการก่อตัวของโรคร้ายต่างๆ นานานี่สิ สนิทกัน รักกัน แต่ไม่กล้าเตื่อนกันตรงๆ ครับ
   อาหารเช้าวันนี้เป็นเนื้อปลากะพงผัดแบบฉู่ฉี่ ถั่วลันเตาผัดน้ำมันหอย มีผักสดคือบร็อคโคลี่และแครอทลวกเหมือนเดิม ตบท้ายด้วย ไข่ต้ม กระเทียมสด กินกับข้าวกล้อง
   มิวไปเรียนพิเศษเหมือนเดิม วันนี้ให้เขากลับมาเย็นก็พอ จะพาไปตัดผมสั้น และถ่ายรูปติดบัตรนักเรียน จะต้องมีพิธีการ “มอบตัว” ในวันพุทธหน้า
   เอ๊ะ ทำอะไรผิดนะ ถึงต้องมอบตัว สงสัยการใช้คำนี้จริงๆ มันคงจะเป็นเหมือนการส่งมอบอะไรสักอย่าง หรือจะส่งมอบตัวเด็กจากผู้ปกครองสู่อ้อมกอดคุณครู
   ก่อนลงจากรถเลยถ่ายรูปเขาเก็บไว้ มันน่าจะเป็นภาพผมยาวครั้งสุดท้ายของมิว แต่เขาก็อยากตัดผมสั้นนะ เกิดมาไม่เคยตัดเลย ไว้ยาวมาตลอด
   อยู่ร้านขายของก็ช่วยงานไปเรื่อย ตอนเช้าลูกค้าให้ไปเก็บเช็ค ร้านนี้ผมไปบ่อยครับ แต่วันนี้ไปแล้วไม่เจอใครเลย แถมมีหมาตัวโตสองตัวเห่ากระโชกไล่ ลักษณะพื้นที่เป็นบ้านส่วนตัวเนื้อที่หลายไร่ มีบ้านหลายหลังในรั้วเดียวกัน แต่ก็ไม่กล้าเข้าไปในจุดที่เราไม่คุ้น ยืนรอหน้าออฟฟิซเห็นคนเดินผ่านมา ผมต้องตะโกนบอกว่า “ผมมาเก็บเช็คครับ ติดต่อที่ไหนครับ” ตะโกนแข่งกับเสียงหมาน่ะ
   งงเต็ก เขาได้ยินผม แต่แล้วก็เดินหันหลังกลับ
   อ้าว แล้วให้กูทำไงต่อ หมาแม่งก็กระชับพื้นที่เข้ามาใกล้จนมันมาดมๆ ที่ขาแล้ว ถ้ามันกัดขึ้นมา ใครจะรับผิดชอบวะ ยืนให้มันเห่าอยู่นาน ก็ไม่เห็นมีใครโผล่มาแสดงตัวเลย
   จนหมาอีกตัวเดินเข้ามาใกล้ ไม่ไว้ใจหมาหมู่ครับ ถ้าอยู่ตัวเดียวน่ะมันไม่ค่อยกล้า แต่ถ้ามันมีหลายตัวล่ะก็ อะไรก็เกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะหมาที่ไม่คุ้นเคยกับเรา เข็นรถกลับดีกว่า
   กลับมาถึงร้านก็โทรไปถาม คนรับสายบอกว่าให้เดินเข้ามาข้างหลังโรงงาน ต้องมากดกริ่งเรียก
   ปัดโธ่ลูกพี่ สถานที่มันเป็นบ้านส่วนตัวมีหลายหลัง แล้วต้องให้ผมไปกดเอาหลังไหนหรือครับ จุดพิกัดเดิมที่ผมเคยไปรับเช็คก็ไม่มีใครอยู่ ประตูล็อค
   โต้เถียงกันเล็กน้อย แต่ถ้าเราจะค้าขายกับเขาก็ให้เขาด่าไปครับ ไปเถียงกับลูกค้าก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร เสียความรู้สึกเปล่าๆ เช้านี้เลยเซ็งนิดๆ แต่เช้า
   ใกล้เที่ยงเริ่มหิว กินกล้วยน้ำว้าไปทีละผลๆ สุดท้ายถึงบ่ายผมซัดไป 3 หึหึ
   
   ตอนบ่ายขับรถพ่อไปศูนย์ มีตัวหนังสือโชว์หน้าจอว่าระบบเบรกผิดปกติ ให้เข้าศูนย์ จัดไปครับ รถสมัยใหม่นี่ไม่ต้องอาศัยช่างเก่งๆ อะไรแล้ว ใช้แค่ช่างเปลี่ยนอะไหล่อย่างเดียวพอ รถจะพังจุดไหนมันก็จะฟ้องออกมาทางหน้าจอตลอด ไอ้คันนี้ยังดีนะที่ฟ้องเป็นภาษาอังกฤษ เจอรุ่นเก่าๆ แม่งฟ้องเป็นรูปเครื่องยนต์ ไฟ Check Engine โชว์เลย ไอ้นี่เล่นเอาคนขับใจแป้วไปเลย คือไม่รู้อะไรพังบ้างไง
   ช่างใช้เครื่องมือเสียบเช็ค แป๊บเดียวมันก็แสดงออกมาว่าให้ช่างทำอะไรบ้าง ของผมคือต้องอัปเดทซอฟแวร์ใหม่ และเปลี่ยนชุดซ่อมระบบเบรกไฟฟ้า ใช้เวลาทำ 1 วัน
   โอเค รับทราบ พรุ่งนี้จะเอารถไปให้ทำ วันนี้ผมไม่ได้เอาจักรยานใส่ท้ายรถมา ทิ้งรถไว้จะกลับลำบาก
   ขับรถไปโรงเรียนมิวต่อ ไปรับเอกสารต่างๆ ที่ต้องใช้ในการมอบตัวเข้าเรียนสวนกุหลาบ ขากลับเดินออกมาแล้วก็หวิวนิดๆ นี่ผมจะไม่ได้มาที่นี่อีกแล้วหรือนี่ มาโรงเรียนนี้ตั้ง 9 ปี เช้าเย็นมารับมาส่ง นั่งเล่นจนคุ้นเหมือนบ้านตัวเอง รู้จักเจ้าหน้าที่แทบทุกคน
   กลับมาถึงบ้านก็จัดเรียงเอกสาร จัดเป็นชุดๆ สำหรับมอบตัว แม้จะอีกหลายวัน แต่ก็เตรียมไว้ก่อนครับ เผื่อฉุกเฉินขาดตกชิ้นใดจะได้ตามได้ทัน จดรายการออกมาว่ายังขาดเอกสารใดบ้าง ทำเป็นรายการเรียงแถวลงมา แบบนี้รับรองไม่พลาด
   บ่ายๆ หิวอีกแล้ว จัดแตงโมไป 1 กล่อง ยังไม่หายหิวซัดถั่วอบไปอีกสองถุงแน่ะ หึหึ ถั่วอีกแล้วๆ หรือว่าผมเสพติดถั่วไปแล้ววะนั่น ไว้หมดล็อตนี้แล้วจะลองหยุดกินดู อยากรู้ว่าจะลงแดงไหม
   เฮ้ย อยู่บ้านเฉยๆ นั่งหน้าคอมฯ พบว่าอยากกินโน่นนี่จุบจิบตลอดเลย สังเกตมาหลายครั้งแล้ว เดินไปเดินมาก็หยิบปลาหมึกและกุ้งอบกรอบมากินหน้าตาเฉย ทั้งๆ ที่ไม่ได้หิวเลยสักนิด กินเพราะอยากกินล้วนๆ โอ.. ไม่นะ  แบบนี้ไม่ดีแน่ ถ้าแก้นิสัยกินตามใจปากไม่ได้ อีกหน่อยวิ่งไม่ไหวก็จะอ้วนเด้งคืนตีกลับแบบโยโย่
   อากาศร้อนโคตรๆ มากขึ้นทุกวันๆ นึกแล้วอิจฉาพวกเกาหลี ญี่ปุ่น เลย แต่เชื่อสิ ถ้าเราเป็นแบบนั้นจริงผมก็จะบ่นว่าหนาวเกินไป อิจฉาไทยจังเลย ร้อนหน่อยยังดีกว่าหนาวจนขี่จักรยานไม่ได้
   น่าแปลกว่ะที่มาหิวตอนเย็น ข่มใจซัดกล้วยน้ำว้าไป 1 ผลแล้วรีบอาบน้ำเข้าห้องนอน แต่อยู่ได้พักใหญ่ก็หิวอีกแล้ว เฮ้ยย อาการต่อมอิ่มอักเสบออก เดินไปเดินมาสาละวนในบ้านเห็นของกินเต็มไปหมด ทำใจลำบากว่ะ
   ต้องนึกถึงหุ่นแน่นๆ แบบบัวขาว ถ้าอยากได้แบบนั้นก็ต้องหักห้ามใจไม่กินตอนกลางคืน ว่าแล้วก็ซัดกล้วยน้ำว้าไปอีกผล ตกลงทั้งวันนี้ผมกินกล้วยน้ำว้าไป 5 ผล
   หัวค่ำมิวโทรมาหา บอกว่า “พ่อ มิวตัดผมสั้นแล้วนะ มันเหมือนผมมิวหายไปหมดเลย” ฟังแล้วขำมาก มิวไม่เคยตัดผมสั้นทรงนักเรียนมาก่อน เลยยังไม่คุ้นกับหน้าตัวเองในกระจก
Title: Re: เมษ 57
Post by: O'Pern on April 04, 2014, 05:10:46 pm
4 เมษ 57
   ตื่นมาก็จิบน้ำอุ่น 1 แก้ว เข้าห้องน้ำ ล้างหน้า แปรงฟัน กิน ACV อีกแก้ว แล้วก็ออกวิ่งเลย แต่วันนี้เลยวิ่งไปแค่ 50 นาที ให้เวลากับการ Cool Down เยอะมากขึ้นแทน เดินพักให้ร่างกายคลายความร้อนลงมากๆ แล้วถึงกลับเข้าบ้าน ทำให้นั่งกินข้าวเช้าได้อร่อยขึ้น
   อาหารทรงคุณค่าเหมือนเดิม เป็นเนื้อปลาทะเลผัดฉ่า ใส่มะเขือพวง มะเขือเปาะ กระชาย ผักแกล้มก็เป็นบร็อคโคลี่ แครอทลวก มีถั่วลันเตาผัดน้ำมันหอยอีกจาน ไข่ต้มอีกฟอง กินกับข้าวกล้อง กระเทียมสดเหมือนเดิม
   เห็นมิวชัดๆ แล้วหน้าตาไม่คุ้นเลยจริงๆ ตัดผมสั้นยิ่งหน้ากลมอ้วนเข้าไปใหญ่ โชคดีหัวเขาทุยสวย ตัดออกมาแล้วพอใช้ได้ นี่ถ้าผอมลงจะหล่อกว่านี้เยอะ เช้านี้มิวไปเรียนพิเศษอีกเช่นเคย
   อ่านเจอข่าวภาษาอังกฤษเจอบทความน่าตกใจ เขาบอกว่าวิ่งออกกำลังกายมากหรือน้อยไปก็ทำให้อายุสั้นลงได้ ที่เหมาสมคือแค่อาทิตย์ละ 2-3  ชม
   อ่านในเนื้อหากลับไม่มีเหตุผลอะไรทีชัดเจน เหมือนพวกไปจำขี้ปากเขามาเล่าต่ออีกที แต่ถ้าให้ผมวิเคราะห์ผมเป็นห่วงเรื่องข้อเข่าอย่างเดียวนี่แหละครับ อย่างอื่นไม่น่ามีปัญหา หัวใจ ปอด แม้จะทำงานหนักขึ้น แต่มันก็จะผ่อนคลายมากขึ้นตอนเราเลิกวิ่งไปแล้วเช่นกัน เพราะตอนตรวจร่างกายตอนต้นปี ช่วงนั้นวิ่งไปได้แค่ไม่กี่วัน หมอวัดเจอชีพจรผมเต้นแค่ 55 ครั้งต่อนาที จนหมอต้องถามว่าคุณเล่นกีฬาอะไรเป็นประจำหรือเปล่า ในขณะที่คนปกติหัวใจเต้น 70 โน่นเลย ส่วนนักกีฬาจักรยานชื่อ Lance Armstrong หัวใจเขาเต้นแค่ 35 ครั้งต่อนาทีเท่านั้นเอง
    เช้านี้มีส้มเขียวหวานกินตอนสาย 4 ผล ตามด้วยน้ำเต้าหู้ใส่ถั่วแดงอีกถ้วยใหญ่ อยู่ได้ถึงบ่ายสบายๆ ช่วงกลางวันมีคนมาส่งของเต็มคันรถ แต่เขาขับมาคนเดียว อ้าว แล้วแบบนี้เมื่อไหร่จะเสร็จล่ะนี่ ก็เลยช่วยเขาจัดเรียงสินค้า
   บ่ายเอารถพ่อไปเข้าศูนย์ ทิ้งรถไว้ แล้วขี่รถ Neobike 16 กลับบ้าน ไอ้รถคันนี้ผมขี่น้อยมาก ซื้อมาให้แม่บ้านใช้ขี่ไปตลาด ระหว่างทางแอบแวะกินก๋วยเตี๋ยวร้านใหม่ที่เพิ่งเจอ เห็นร้านใหญ่โตดี เก้าอี้มากมาย กลางวันน่าจะมีคนกินเยอะแน่ๆ เลยลองสักหน่อย แล้วก็ไม่ผิดหวัง รสชาติพอได้ แต่เขาใส่เครื่องเยอะหลากหลายจนงง ใส่ทั้งหมูกรอบ เครื่องในหมู กุ้งสดตัวโต ปลาหมึกแช่ ฯลฯ คราวหน้าหากจะไปกิน คงต้องเลือกเครื่องสักหน่อย เยอะเกิน ชามละ 50 บาท
   กลับถึงบ้านเหงื่อเพียบ ใช้เป้สะพายหลังใบที่ภรรยาซื้อให้จากซอยละลายทรัพย์มันอบอับหลังอย่างมาก เป็นเป้ที่ใช้งานดีนะ แต่ไม่เหมาะสำหรับการขี่จักรยานเลยจริงๆ
   รีบอาบน้ำ 20 วินาทครับ รีบเปิดรีบอาบ ไม่ต้องใช้สบู่ เอาแค่ล้างเหงื่อออกให้สบายตัว เกิน 20 วิ น้ำเย็นจะกลายเป็นน้ำร้อนอย่างรวดเร็ว จะได้ว่าไม่กี่เดือนก่อนมันเพิ่งจะหนาวสุดๆ อยู่เลย ยังเคยบ่นบอกว่า กูรู้แล้วว่าทำไมแจ๊คไททานิคถึงตาย มาวันนี้กูซึ้งอีกแล้วว่าทำไมคนถึงไม่อยากลงนรก
   อาบน้ำแล้วสบายตัวมาก หยิบถั่วกินอีกแล้ว ใกล้หมดแล้วล่ะ หมดล็อตนี้จะหยุดอย่างจริงจังแล้ว ถ้าทำได้ก็น่าจะผอมลงเร็วกว่านี้อีกหน่อย แต่ต้องไม่ไปหาของอื่นมากินแทนอีกล่ะ
   ในเฟซบุ๊คมีคนนำภาพคนเสื้อแดงยืนกันแน่นเต็มถนนอักษะ อ้าวเฮ้ย ไหนว่าจะนัดกันพรุ่งนี้ไง วันนี้มากันแล้วหรอ กลายเป็นว่าพวกเสื้อแดงตัดต่อภาพเอาไว้ล่วงหน้าก่อนแล้ว จะได้ใช้เป็นใบเสร็จหลอกแดกเงินทักษิณต่อ
   เย็นศูนย์รถโทรมาบอกว่า รถอัปเกรดซอฟแวร์ไม่ผ่าน นันคือต้องเปลี่ยนตัวแม่ปั๊มเบรกแบบไฟฟ้า เรียกว่าตัว SBC Sensotronic Brake Control ฟังราคาแล้วสยอง เฉียดแสนบาท หึหึ
   รถดีทุกอย่าง นั่งสบาย ขับสบาย ประหยัดน้ำมัน แม้จะเป็นรถที่ขับดี แต่มาเจอแบบนี้ กูกลับไปขับ 180SX แบบเดิมดีกว่า ค่อนข้างจะมั่นใจแล้วล่ะนะว่า ตลอดชีวิตนี้เราคงจะเหมาะกับรถญี่ปุ่นมากกว่า
Title: Re: เมษ 57
Post by: O'Pern on April 07, 2014, 04:14:59 pm
5 เมษ 57
   วิ่งไม่หยุดหย่อน บอกแล้วไง ไม่ผอม ไม่เลิก ช่วงหลังมานี้น้ำหนักเริ่มลงช้ามาก แต่ก็ต้องพยายามต่อไป
   ไอ้ตัวระบบ SBC ของรถพ่อที่เสียนี่ทำเอาเครียดเลย อุตส่าห์สบายใจที่ลูกสอบเข้า ม1 สวนกุหลาบได้แค่ไม่กี่วัน มาเจอไอ้นี่ทีเดียวจุกเลย เงินเก็บเอาไว้บูรณะบ้านตัวเองก็คงต้องเอามาซ่อมรถก่อน เซ็งเหี้ยๆ เลย นึกถึงหน้าพวกเพื่อนรักที่ยืมเงินไปแล้วกลายเป็นคนแปลกหน้าทันที เพื่อนจะรู้ไหมนะว่ากูก็ต้องใช้เงิน
   บ่ายพามิวไปเรียนคุมอง ติดเอาเสื้อนักเรียนสวนกุหลาบไปด้วย ต้องถ่ายรูปติดบัตรสำหรับทำเอกสารมอบตัวที่โรงเรียนสวนกุหลาบในวันที่ 9 จะได้เสร็จสิ้นกันเสียที เอกสารทุกอย่างก็เตรียมพร้อมหมดแล้วล่ะ
   หิวจัด ให้มิวช่วยนั่งจองโต๊ะใน Food Court ชั้นใต้ดินแล้วผมรีบไปซื้อก๋วยเตี๋ยวมานั่งกิน ถ้าไม่มีคนช่วงนั่งจองนี่กินลำบากครับ ต้องเดินถือถาดร่อนไปร่อนมาถึงจะเจอโต๊ะ คนส่วนใหญ่กินเสร็จก็นั่งแช่กันนาน ที่เห็นเยอะสุดก็คือกดมือถือเล่น หนุ่มสาวก็คุยกันกระหนุงกระหนิง คนแก่หน่อยแม่งแคะขี้ตีนเล่น บางคนอารมณ์บรรเจิดมาก แคะแล้วเอามาดม อืม แกคงจะฟิน
   มิวขอกินลูกชิ้น กินเสร็จรีบวิ่งไปเรียน แต่แค่ 10 นาทีก็วิ่งกลับมา บอกว่าหิว ขอกินก๋วยเตี๋ยวบ้าง อยากกินแบบแห้งเหมือนที่ผมสั่ง แล้วมีน้ำซุปแยกต่างหาก
   กินเสร็จมิวไปเรียนคุมอง ผมว่างราว 2 ชม ไปสิงที่ร้านหนังสือดีกว่า ระหว่างทางเดินผ่านแผนกเครื่องใช้ไฟฟ้า ที่ซุ้มขายทีวีจะมีโซฟายาวให้นั่งชมภาพ แต่วันนี้มีแต่คนแก่มานอนหลับอ้าปากค้าง กูละเชื่อเลย
   นอนกันแบบเหมือนว่าที่นี่คือบ้านของกูเลย เห็นแล้วขำมาก ถ้าไม่คิดอะไรมากก็กันเองดีครับ อยู่กันแบบสบายๆ
   เดินดูตู้เย็น เครื่องซักผ้า พัดลม ไม่ได้อยากได้ของหรอก แต่อยากดูไอเดียใหม่ๆ กลายเป็นว่าเดินไม่สนุก เจอเซลล์เดินตามตลอดเลย เมื่อก่อนเจอได้ประจำในแผนกตกแต่งรถยนต์แต่ตอนนี้มันลามไปทุกแผนกแล้ว แต่รู้สึกมีอยู่แผนกเดียวทีมีคนเดินตาม นั่นคือแผนกขายโทรศัพท์มือถือครับ
   วันนี้พวกเสื้อแดงนัดชุมนุมรวมตัวกันที่ถนนอักษะ เห็นแล้วสงสารชาวบ้านละแวกนั้นจริงๆ คางคกวางแผนเอาไว้แล้วว่าจะเอาแรงงานต่างด้าวมาร่วมชุมนุม แต่ทางกองทัพรู้แกว เลยไปตั้งด่านตรวจรอบบริเวณนั้นทั้งหมด เป็นอันว่าแผนการนี้ใช้ไม่ได้ ต้องรีบโทรบอกยกเลิกกันแทบไม่ทัน สุดท้ายคนมาประมาณ 3 หมื่นเศษ จากเป้าหมาย 5 แสน ไอ้ 3 หมื่นนี่รวมแรงงานต่างด้าวที่เล็ดลอดเข้ามาได้ด้วยนะ
Title: Re: เมษ 57
Post by: O'Pern on April 07, 2014, 04:18:57 pm
6 เมษ 57
   วันหยุดครับ วิ่งได้เยอะ ได้นาน แต่ก็จัดไปแค่ 1.15 ชม และเดิน Cool Down อีก 15 นาที เป็นวันแรกที่วิ่งแบบสลับช่วงความเร็วที่นานที่สุด คือวิ่งอัดเร็วสลับเบาไปถึง 6 กม เหนื่อยแบบลิ้นห้อย แต่พอกลับมาชั่งน้ำหนักก็เห็นตัวเลขแบบ New Low ถึงแม้มันจะโลวเพราะร่างกายสูญเสียน้ำไปก็ยังรู้สึกดีมีความสุขที่ได้มีโอกาสเห็นตัวเลขแบบนั้น
   มิวเรียนแบบบ้าคลั่งไปแล้ว จนต้องบอกให้หยุดบ้างคือวันอาทิตย์ อนาคตมันต้องเป็นเจ้าพ่อสยามสแควร์แน่ๆ วันนี้พามิวไปงานสัปดาห์หนังสือที่ศูนย์ประชุมสิริกิตติ์ ช่วงปิดเทอมแบบนี้ทุกปีจะมี 3 งานใหญ่ๆ ชนกัน รถติดแบบโกลาหล นั่นคืองานสัปดาห์หนังสือ งานมอเตอร์โชว์ และงานกาชาติ แต่ปีนี้กาชาติยกเลิกการจัดไปเพราะการเมืองยังไม่สงบ
   เช้าพาภรรยาและมิวไปกินก๋วยเตี๋ยวร้านลี่ที่ริมถนนพระราม 4 เป็นร้านก๋วยเตี๋ยวที่เปิด 24 ชม แถมเป็นห้องแอร์อย่างดี รสชาติอร่อยใช้ได้ ขอโทษครับ ราคาชามละ 40 บาท ชามใหญ่ๆ เสียด้วย แบบกินอิ่ม ไม่ใช่จุ๋มจิ๋มแบบก๋วยเตี๋ยวเรือ
   ซัดคนละชามแล้วก็เข้างานสัปดาห์หนังสือ ไปก่อนงานเปิดราว 30 นาที ตั้งใจจะไปจอดรถให้ได้ใกล้ๆ หน่อย มิวมีแผนซื้อหนังสือเยอะมาก ขากลับจะได้เดินใกล้หน่อย
   แต่มีคนมาก่อนผมเยอะมากเลยนะ เดินเล่นบูธที่อยู่นอกฮอล เจอซุ้มของค่ายหนังสือ “หนีกรุง” เล่มนี้ผมติดตามมานาน เขาเกิดจากหนังสือแจกฟรี มาวันนี้เป็นนิตยสารเต็มตัว ก็ขอชื่นชมครับ เป็นนิตยสารแนวท่องเที่ยว ถ่ายภาพสวยเลยล่ะ แต่หนังสือแนวนี้มันมีเยอะมาก ก็ต้องแข่งขันกันสูงหน่อย ต้นตำหรับก็คืออนุสาร อสท
   คุ้ยกองหนังสือลดราคาพลิกไปพลิกมาเจอคอลัมน์คอร์สเรียนเรือใบของมิวที่สัตหีบตอนปี 56 ด้วย แต่ช่างภาพเขายืนถ่ายบนฝั่ง เลยเห็นแต่ด้านหลังของกลุ่มเพื่อนมิวทั้งกลุ่มเลย แต่ไม่เห็นมิว เพราะเขาแล่นใบไปถึงเกาะพระเป็นคนแรก ว้า น่าเสียดาย
   ไอ้วันนี้แหละครับที่ผมนั่งเรือยางกับกลุ่มครูฝึกไปเกาะพระก่อนล่วงหน้า จึงนั่งพูดคุยกับครูฝึกหน่วย SEAL อยู่พักใหญ่ คุ้นๆ ว่าจะเป็นท่านที่โด่งดังในช่วงเดือนที่ผ่านมาด้วยซ้ำไป
   งานเปิด 1000 ตรง วางแผนไว้ให้มิวรีบไปซื้อของซุ้มที่คนแน่นสุด นั้นคือของค่าย นานมีบุ๊ค โด่งดังจากการ์ตูนความรู้ ค่ายนี้น่าจับตามองมาก เล่นง่ายๆ เลยครับ เขาซื้อลิขสิทธิ์มาจากหนังสือเกาหลีแล้วก็แปลขายเลย ง่ายดี ไม่ต้องง้อนักเขียน อ่านเจอเล่มไหนเจ๋งก็ซื้อแม่งเลย ไม่ต้องวาดภาพประกอบเองด้วย แต่ต้องลงทุนเงินเยอะหน่อย
   นี่น่าจะเป็นซุ้มที่เด็กเยอะสุดในงานเลยนะ กว่า 80% เป็นเด็กประถม มิวจัดแฮรี่ พอตเตอร์ภาคใหม่มาอีกแล้ว เล่นแบบ Box Set ตามด้วยพจนานุกรมไทยเล่มหนาเกือบคืบ โหดจริงๆ
   ผมได้ Human Ride จากซุ้มของ a day จัดเล่ม Tour De France มา เล่มนี่ในงาน bike week ปีที่ผ่านมาหมดเกลี้ยงตั้งแต่ 2 วันแรก ไม่น่าเชื่อว่าจะมาเจอในงานนี้เลยรีบคว้ามา
   อยู่ในงานถึงเกือบเที่ยง ไม่ค่อยคุ้นย่านนี้ ไม่ค่อยได้มา ไม่รู้จะไปกินกันที่ไหนดี มิวบอกอยากกลับบ้าน ก็เลยไปหาของกินแถวบ้านเราดีกว่า
   แวะซื้อของใน Big C ชอบห้างนี้ คนน้อยดี เลยกินร้าน Bar B Q Plaza ผมไม่ชอบอาหารแนวปิ้งย่าง แต่ร้านนี้เขามีส้มตำด้วย อร่อยมาก สั่งเห็ดผัดเนยมาอีกจาน อร่อยไม่แพ้กัน อิ่มแล้วกลับบ้าน อยากหลับ เพราะเพลีย
   บ่ายนี้อยู่บ้านตลอดจนถึงเย็น แม่บ้านชื่อ “ดี” ไม่สบาย ต้องนอนโรงพยาบาล ตกเย็นพ่อ แม่ ภรรยา และมิวออกไปกินร้านสเต็คหน้าปากซอย ส่วนผมไม่กินมื้อเย็น แต่ก็กินจุบจิบมาตั้งแต่บ่ายแก่ๆ แล้ว เช่นพวกปลาเส้น ปลาปรุงรส ลูกเดือยอบ กล้วยน้ำว้า
Title: Re: เมษ 57
Post by: O'Pern on April 07, 2014, 06:08:07 pm
7 เมษ 57
   วิ่งเข้าไป อย่าได้ถอย วิ่งไปอีก 1 ชม เดินอีก 15 นาทีให้ร่างกายคลายความร้อน วันนี้วิ่งได้นาน เพราะไม่ได้กินมื้อเช้า ดียังไม่กลับบ้านเลย ไม่มีใครทำมื้อเช้าให้กิน ขี่จักรยานไปซื้อต้มเลือดหมูให้มิว จักรยานก็ดันยางแบนอีก ไม่ได้แบนแต๊ดแต๋นะ ยังพอขี่ได้
   นี่เป็นวันแรกในรอบหลายปีที่ผมไม่ได้กินมื้อเช้า แถมออกกำลังกายหนักมากมาอีกด้วย ตอนสายไปถึงที่ทำงานแล้วต้องยกของนี่รู้สึกหวิวๆ เลย ร่างกายผิดปกติอย่างเห็นได้ชัด ไม่มีแรง ขี่จักรยานก็จะเบลอๆ ตัดสินใจได้ช้า
   ตอนสายเลยไปซื้อน้ำเต้าหู้มากิน 2 ถุง ใส่ลูกเดือย และใส่ถั่วแดง ตามด้วยข้าวโพดต้มผักเล็กๆ อีก 4 ฝัก ค่อยอิ่มหน่อย
   เช้านี้รถน้อยนะ หยุดชดเชยวันจักรี แบบนี้ส่งของได้สบาย ไปเร็ว มาเร็ว ใครเขาหยุดอะไรกันทางผมไม่ค่อยได้หยุดหรอกครับ ได้หยุดนานสุดก็คือสงกรานต์ ปีนี้แปลกอีกด้วยตรงที่เจ้าของร้านให้หยุด 13-16 แน่ะ ได้ถึง 4 วัน จะไปไหนดีก็ไม่รู้ ไม่ได้วางแผนกันล่วงหน้า สุดท้ายก็คงพักผ่อนอยู่บ้านเหมือนเคย
   บ่ายไปธุระที่ธนาคาร ต้องเข้าไปใช้บริการในห้างอีกแล้ว ไม่ชอบไปห้างเลยว่ะ จอดรถก็ยาก วนเข้าออกก็รถติดนานเสียเวลา เราทำธุระแค่ไม่กี่นาที แต่เสียเวลาโดยรวมทั้งหมดไปมากกว่าที่เราทำธุระเสียอีก
   ขากลับแวะซื้อขนมปังไปฝากมิวสำหรับพรุ่งนี้เช้า มองหาของกินของตัวเองด้วย ลองขนมปังชื่อแปลกๆ แต่ดูหน้าตาคล้ายขนมปังฝรั่งเศสแต่ออกทรงกลม แถมวางคู่กันอีกทดลองงดถั่วอีกด้วย
   ซื้อลูกชิ้นปลาระเบิดมา 1 ชุด มาถึงบ้านรีบเปิดกิน อร่อยดีครับ เนื้อปลาไม่มากนัก แต่ส่วนใหญ่จะเป็นเนื้อแป้งฟูๆ ทอดกรอบ กินแป๊บเดียวหมดแล้ว เลยเอาขนมปังกลมๆ ที่ซื้อมาตะกี้ลองมาจิ้มน้ำจิ้มกิน เฮ้ยย อร่อยว่ะ
   นั่นประไร ลดถั่ว แต่ดันมาเพิ่มแป้งแทน จะพลาดไหมวะนี่ คิดเสียว่าเป็นการทดลองโหลดคาร์โบรองรับการวิ่งของเช้าวันพรุ่งนี้ก็แล้วกัน นี่ก็วิ่งมาได้ 3 เดือนเต็มๆ แล้ว ไม่น่าเชื่อว่าจะวิ่งได้นานขนาดนี้
   อิ่ม แน่น ง่วงครับ โหลดคาร์โบไปเพียบ ไม่เคยกินแป้งเยอะๆ แบบนี้มานานมาก คิดไปคิดมาชักไม่แน่ใจแล้วว่ะไอ้พวกถั่วหรือแป้งแบบนี้อันไหนจะอ้วนกว่ากัน ยิ่งกินน้ำตามเข้าไปยิ่งฟูเต็มต้อง อยากหลับจริงๆ เลย
   มิวเรียนพิเศษเต็มที่ กลับค่ำเหมือนเดิม โอ้ ไม่น่าเชื่อว่าจะไฟแรงถึงเพียงนี้ เมื่อวานตอนไปงานสัปดาห์หนังสือก็ให้เขาดูแนวข้อสอบของกองทัพอากาศที่มีความยากอยู่ที่ระดับ “ยากมาก”
   ดูแล้วจะท้อ หรือดูแล้วจะยิ่งสู้ก็ไม่รู้นะ ฝันของเขา อนาคตของเขา เราเป็นพ่อแม่ ก็ได้แค่คอยทำหน้าที่ส่งเสริมและสนับสนุนฝันของเขาให้เป็นจริงให้ได้
Title: Re: เมษ 57
Post by: O'Pern on April 10, 2014, 05:17:21 pm
8 เมษ 57
   นี่ผมวิ่งมาครบ 3 เดือนเต็มๆ แล้วนะนี่ ไม่น่าเชื่อเลย น้ำหนักลดลงมาได้ตามเป้า แต่ตอนนี้เป้ามันเขยิบสูงขึ้นไปอีก คืออยากมีกล้ามท้องสวยๆ ด้วย มันก็เลยต้องวิ่งต่อไปอีก
   ดียังไม่กลับมา ไม่มีใครทำอาหารเช้าให้ ของตัวเองไม่เป็นไร หากินข้างนอกเอาได้ แต่ยังไงก็ต้องให้มิวมีกิน วันนี้มิวมีเบอร์เกอร์หมูพริกไทยดำ อย่างดีเลยนะ ซื้อมาจากร้าน yamazaki ไม่ใช้ซื้อเอาตามฟาสฟู๊ด จัดเตรียมไว้ตั้งแต่เมือวานแล้ว เช้านี้แค่อุ่นก็กินได้เลย อาจจะไม่สด ไม่ใหม่ แต่ก็หยวนๆ น่า
   ซื้อน้ำเต้าหู้สำเร็จรูปมาลองกิน เอาไว้กินทันทีหลังออกกำลังกาย รองท้องไว้สักหน่อย ถ้ายังรองไม่ดีก็มีกล้วยน้ำว้าเหลือไว้อีก 1 ผล เมื่อวานปล่อยให้หิวโซ รู้สึกไม่ดีเอาเสียเลย รู้สึกหวิวๆ ตาลาย ไม่มีแรง ไม่มีสมาธิ
   เช้านี้ซัดไปอีก 1 ชม เต็มๆ เดินต่ออีก 15 นาที น้ำหนักยังคงทรงๆ เหมือนเมื่อวาน อ่านพวกหนังสือพอคเก็ตบุ๊คแนะนำลดความอ้วนส่วนใหญ่เขาจะบอกว่าอย่าชั่งน้ำหนักบ่อย แต่ผมทำตรงข้าม ช่างแม่งตลอดเลยทั้งเช้าทั้งเย็น บอกแล้วไง ผมไม่ค่อยเชื่อหนังสือเท่าไหร่ ถ้าจะเชื่อก็ต้องดูภูมิของผู้เขียนก่อน ถ้าเป็นเรื่องสุขภาพอาหารการกิน ผมจะเชื่อหมอ กฤษฎา ศิรามพุช (สะกดผิดขออภัย พิมพ์สดๆ) หรือถ้าเป็นหมออื่นก็อาจเชื่อได้บ้าง แต่ก็ต้องไตร่ตรองสักหน่อย
   อย่างวันนี้ก็เจอข่าวในเฟซบุ๊ค บอกว่ากินกุ้งอันตราย จั่วหัวแบบนี้คนสนใจกันเยอะ อ่านเนื้อในเขาบอกว่าไม่ควรกินกุ้งพร้อมกับวิตามินซี หรืออาหารที่มีวิตามินซี มันจะเกิดปฏิกริยาเคมีแปรสภาพเป็น “สารหนู”
   เฮ้ยยย มาได้ไง สารอาหารในกุ้ง รวมกับวิตามินซี กลายเป็นสารหนูได้
   คนส่งแชร์กันเพียบ แต่ผมก็แชร์เหมือนกัน แต่แชร์แล้วบอกว่า “ผมไม่เชื่อ”
   อาหารเช้าวันนี้ของผมคือกล้วยน้ำว้า 2 ผล ไปถึงที่ทำงานก็กินน้ำเต้าหู้ใส่ลูกเดือย ใส่ถั่วแดงแก้วโตๆ ราว 500cc ไม่ค่อยอิ่ม แต่ก็หายหิว ส่วนมิวก็ยังคงบ้าคลั่งเรียนพิเศษเหมือนเดิม มิวเล่าว่าเจอผู้ปกครองเด็กมาทักว่าเรียนสวนกุหลาบหรือ เพราะว่าเห็นมิวใส่กำไลยางสีชมพูฟ้า มิวตอบว่าใช่ครับ ผู้ใหญ่ถามกลับมาว่า ป6 ขึ้น ม1 หรือว่า ม1 ขึ้น ม2
มิวตอบไปว่า ม1 ขึ้น ม2 ครับ
   อ้าว เฮ้ยย ยังไม่ได้เรียน ม1 เลย ทำไมตอบไปแบบนั้น เรียนจนเบลอแล้วหรือนี่
   สันนิษฐานว่ามิวคงจะเบลอจริง เพราะที่เขาเรียนพิเศษทุกวันนี้มันเป็นเนื้อหาของ ม2 หลายเรื่อง เรื่องของ ม1 เรียนจบหมดแล้ว !!!
   โหห แรงว่ะ
   ช่วงนี้แดดแรงโคตรๆ เลย เดินผ่านหน่อยเดียวแสบแขนไปหมด
   ดีใจที่เมื่อวานกินขนมปังชิ้นใหญ่ๆ ไป 2 ชิ้น น้ำหนักยังไม่ขึ้น นี่ถ้าเป็นเมื่อก่อนกินถั่วไปสักสองถุงรับรอง เข็มตาชั่งตีขึ้นมาเห็นๆ เลย จากข้อมูลเพียงเท่านี้ก็เลยสรุปประจำวันว่าคาร์โบไฮเดรทเผาผลาญง่ายกว่าไขมัน
   อ้อ เช้านี้วิ่งแบบมีพลังด้วยนะ ทั้งๆ ที่ไม่ได้กิน  ACV เลย มีเพียงแต่ขนมปังเปล่าๆ ตั้งแต่บ่ายของเมื่อวาน กินคาร์โบไฮเดรทนี่มีผลจริงๆ
   เข้ามาบ้านบ่ายแก่ๆ แวะกินก๋วยเตี๋ยววุ้นเส้นต้มยำไป 1 ชาม ตอนแรกกะจะไม่กิน แต่ก็คิดว่าถ้าไม่กินนะ พอเข้ามาบ้านก็จะหิวโหย เจออะไรก็จับยัดเข้าปากหมด แบบนั้นจะยิ่งแย่เสียกว่า
   ตรวจเช็คจัดเตรียมเอกสารที่จะใช้ในงานพิธีมอบตัวของมิวในวันพรุ่งนี้ ใช้หลักฐาน เอกสารหลายอย่าง แถมยังต้องจัดเรียงให้ถูกลำดับอีกด้วย ถ้าผมเข้าไปด้วยก็ไม่ใช่ปัญหา แต่ที่โรงเรียนนี้เขามักจะให้เด็กๆ จัดการเรื่องเหล่านี้ด้วยตนเอง ก็ดีครับ ฝึกเอาไว้ แต่กลัวมิวหยิบของแล้วทำตกหล่นนี่สิ งานเข้าเลย
   เอกสารพร้อม ก็เตรียมจัดชุดนักเรียนต่อ มิวเรียนโรงเรียนแถวบ้านมาตลอด ซึ่งไม่เคยใช้ชุดนักเรียนเลย พรุ่งนี้จะเป็นวันแรกที่เขาต้องแต่งชุดเครื่องแบบนักเรียนอย่างเป็นทางการแบบเต็มยศ เสื้อ กางเกง เข็มขัด รองเท้า ถุงเท้า ทรงผม ฯลฯ 
   เป็นนักเรียนสวนกุหลาบเต็มตัวแล้วนะมิว
Title: Re: เมษ 57
Post by: O'Pern on April 10, 2014, 05:19:48 pm
9 เมษ 57
   วิ่งไม่เลิกรา น้ำหนักแทบจะไม่ลดลงแล้ว นานๆ หลายๆ วันถึงจะลดนิดหนึ่ง แต่ก็ไม่ย่อท้อ สู้เข้าไป อย่าได้ถอย นึกถึงหุ่นแน่นๆ แบบบัวขาว บัญชาเมฆ ไว้ซะ
   “ดี” กลับมาบ้านแล้ว เช้านี้เลยจัดเตรียม ACV เอาไว้ให้ผม ซดรวดเดียวหมดแก้วแล้วออกไปวิ่งทันที
   วันนี้วิ่งไปแค่ 40 นาที ต้องรีบกลับเข้ามาบ้าน โรงเรียนสวนกุหลาบมีพิธีการมอบตัวนักเรียนมัธยม 1 แต่เช้าเลย
เห็นมิวแต่งชุดนักเรียนแถมตัดผมหัวเกรียนก็นึกถึงตัวเองทันที สมัยก่อนผมก็แบบนี้แหละ มองมิวแล้วเหมือนดูกระจกเลย อีกด้านก็ดีใจนะที่เขาสามารถเข้าเรียนที่โรงเรียนแห่งนี้ได้
   ออกจากบ้านเช้ากว่าปกติ ต้องไปถึงโรงเรียนสวนกุหลาบแต่เช้า วันนี้มีงานมอบตัว ต้องไปรับเอกสารที่เรากรอกข้อมูลไว้หมดแล้วในเวปฐานข้อมูลของโรงเรียน ทางโรงเรียนก็จะสั่งพิมพ์ให้ออกมาในรูปแบบเดียวกัน ไปถึงก็แค่รับมาเซ็นชื่อ และรอเรียกตามคิว
   เอกสารเยอะมากครับ หลักฐานการเรียน หลักฐานพ่อ แม่ ผู้ปกครอง ต้องแต่งชุดนักเรียนด้วย น่ารักดี มิวตัดผมสั้นเกรียนเป็นครั้งแรก แต่ก็ดูน่ารักดีนะ หัวเขาทุยสวยไง แต่ยังอ้วนไปหน่อย ถ้าผอมลงจะหล่อและดูดีกว่านี้
   คนเพียบครับ เด็กนักเรียนราว 400 คน ถ้ารวมผู้ปกครองด้วยก็อย่างต่ำจะมีคนถึง 800 คน โรงเรียนนี้จอดรถลำบากมาก ผมเดินมาอีกเหมือนเดิม ระยะทางราว 1 กม เรื่องเล็กมากๆ สำหรับผม เดินเรื่อยๆ แค่ 15 นาทีเอง
   0800 ตรวจสอบรายชื่อที่บอร์ด ดูว่าเราต้องไปห้องรับมอบตัวที่ห้องหมายเลขอะไร
   0830 ลงทะเบียนรับเอกสารที่เราทำการกรอกในเวปของโรงเรียนไว้ล่วงหน้าแล้ว
   0900 พบผู้อำนวยการ และคณะผู้บริหารโรงเรียน
   1000 ไปทำการมอบตัวตามห้องที่กำหนด
   ดูเหมือนจะแป๊บเดียวเสร็จ แต่ผิดคาด หลังจาก 1000 นี่แหละครับ ที่ผมใช้เวลาต่อคิวยาวนานถึง 3 ชม กว่าจะเสร็จก็ตอน 0100 นั่งรอคิวเฉยๆ นั่งคู่กับมิวนี่แหละ ส่วนใหญ่เด็กที่นั่งรอก็จะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นเกม เกินครึ่งเป็นแบบนั่น แต่ผมกับมิวใช้วิธีนั่งคุยกัน ปล่อยมุขตลกใส่กัน มีผู้หญิงนั่งใกล้ๆ ผมคนหนึ่งมากับลูก เธอฆ่าเวลาด้วยการคุยโทรศัพท์ล้วนๆ น่าสงสารลูกที่นั่งอยู่ข้างๆ เสียจริง แต่ลูกอาจชอบ เพราะตัวลูกก็นั่งเล่นเกมอย่างสนุกสนาน ผมไม่ชอบชีวิตแบบนั้นเสียจริงๆ เลย
   เห็นท่าไม่มี รอนานมาก เลยให้มิวนำเอกสารไปรับเสื้อลูกเสือที่ร้านค้าเขาติดค้างเราไว้ตั้งแต่สั่งซื้อวันที่ 2 เมษายน ไหนๆ ก็มาแล้ว ซื้อกางเกงว่ายน้ำด้วยซะเลย อุปกรณ์การเรียนของ ม1 น่าจะครบแล้วนะ อ้อ ยังขาดรองเท้าลูกเสือ แต่ยังไม่ต้องรีบ เพราะเรียนเทอม 2 ให้มิวลองใส่รองเท้าผ้าใบสีดำของนันยางดูก่อนว่าชอบไหม ถ้าชอบก็ค่อยไปจัดรองเท้าสีน้ำตาลอีกคู่ทีหลัง
   ตอนผมเรียนก็ใช้นันยางนะ เด็กนักเรียนที่นี่ใช้ของถูกๆ กันหมด ไม่ค่อยมีใครใช้รองเท้าหรูๆ แพงๆ เลย แต่ก็มีข้อเสียคือถอดไว้หน้าห้องแล้วจะจำยากมาก ใส่สลับกันบ่อยด้วย สลับกันเองในห้องยังพอตามหาได้ ก็คือมองรองเท้าเพื่อนไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็เจอ แต่ถ้าสลับกับนักเรียนห้องอื่นนี่สิ งานเข้า
   เทคนิคของผมก็ต้องผูกเชื่อกให้เป็นเอกลักษณ์ ไม่รู้ยุคมิวจะบังคับการผูกเชือกหรือไม่อย่างไร ต้องรอดูกันต่อไป
   รับเสื้อกลับมาแล้วยังรอคิวอีกนาน เลยให้ไปซื้อหนังสือเรียนต่อ กลับมาอีกทีพร้อมหนังสือภาษาอังกฤษล้วนๆ 3 เล่ม ผมพลิกอ่านดูแล้วตกใจเลย เฮ้ยย ม1 เองนะ เขาเรียนกันขนาดนี้เลยหรือวะ ยุคเราเรียนนี่หนังสือแบบฝึกหัดของไทยล้วนๆ เลย โดยมากจะของกระทรวงศึกษาธิการ
   รอแรกๆ เบื่อมาก แต่หลังๆ เริ่มคุ้นชิน มิวมีรุ่นพี่มีพูดคุยเล่นด้วย มีครูมาแซว เพราะไปถามเขาว่าในวันเข้าค่ายมิวต้องตัดผมอีกไหม ตอนนี้มันสั้นมากแล้วไง แต่ครูบอกว่าหากถึงวันเข้าค่ายถ้าผมยาวก็ควรไปตัดอีกครั้งนะ
   ครูผู้หญิงที่อยู่ข้างๆ หยิบเอาโทรศัพท์มาถ่ายรูปมิวไว้ บอกว่าฉันจะถ่ายรูปเธอไว้ตอน ม1 แล้วจะเปรียบเทียบกับตอน ม6 ตอนเด็กๆ นี่ว่างาย ให้ทำอะไรก็ทำ แต่ตอน ม6 จะไล่ไปตัดผมทีแสนจะยากเย็น
   ข้อเด่นของมิวคือเข้ากับทุกคนง่ายมาก เขาพูดคุยได้หมดทุกคน ยิ่งถ้าเจอใครเข้ามาคุยด้วยก่อนแล้วยิ่งไปต่อได้ง่าย
   เสร็จพิธีการมอบตัวเอาตอน 0100 แต่ยังไม่หมด ตอนบ่ายมีชำระค่าเข้าค่ายอีกด้วย ผมก็สงสัยนะ ทำไมทางโรงเรียนไม่เก็บเสียทีเดียวตอนมอบตัวไปเลย ต้องให้เรามาเข้าแถวต่อคิวกันอีกรอบ
   มิวบอกหิวมาก ตาลาย นี่ขนาดผมเตรียมน้ำไปให้จิบเรื่อยๆ ตลอดวันแล้วนะ พามิวไปกินสเต็คร้านสวีทฝั่งตรงข้ามโรงเรียน ร้านนี้ผมก็เคยกินสมัยเด็กๆ ให้มิวลองพอร์คช็อพ อร่อยมากครับ เนื้อหมูมีกลิ่นแบบรมควันด้วย ส่วนผมกินสเต็คไก่ รสชาติกลางๆ เขาใช้เนื้อหน้าอกมาผ่าแล่ให้บาง เนื้อเลยแห้งๆ แข็งๆ ถ้าได้แบบนุ่มหอม จะเลิศมาก
   ร้านคนแน่นมาก เกินครึ่งเป็นเด็กนักเรียนสวนกุหลาบกำลังนั่งกินอาหารกัน ผมนั่งร่วมโต๊ะกับอีกครอบครัวหนึ่ง
   กินเสร็จก็ไปต่อคิวช่วงบ่ายอีกครั้ง ผมเพิ่งรู้ว่าจะมีการเข้าค่ายด้วย เพิ่งรู้ตอนสายๆ ขณะต่อคิวนี่เอง เลยงงกับพิธีการของทางโรงเรียน คือจะมีงานอะไรไม่เห็นเขาบอกล่วงหน้าเลย เราจะได้วางแผนกาปฏิทินเอาไว้เลย แต่นี่ผมจะรู้ล่วงหน้าแค่ไม่กี่วันเอง อ้อ วันที่ 29 นี้ก็ต้องมาโรงเรียนอีกรอบด้วยนะ เป็นงานกิจกรรม “ท่องแดนสวน” คือรุ่นพี่จะพารุ่นน้องทัวร์รอบโรงเรียน ส่วนเข้าค่ายนั้นวันที่ 1-3 พค
   ช่วงบ่ายพิธีการไม่มาก แต่ก็รอนานปานกลาง จ่ายเงินค่าเข้าค่าย และค่าเสื้อกีฬาสี เสร็จแล้วก็กลับบ้านได้ พบกันอีกทีวันที่ 29 เวลา 0800 ใส่ชุดนักเรียนมา
   เดินข้ามสะพานพุทธกลับ มิวเห็นโรงเรียนพิเศษชื่อ 152 อยู่แถวปากคลองตลาด บอกว่าอยากเรียน เฮ้ยย พอแล้วๆ เรียนอะไรกันมากมาย แต่มิวบอกอยากเรียนจริง เลยไม่อยากขัด บอกให้เขาไปติดต่อขอทดลองเรียนก่อนก็แล้วกัน
   ถึงที่ทำงานมิวขอให้ผมไปซื้อชาดำเย็นใส่มะนาวมาให้ ร้านนี้มิวกินประจำ อร่อยมาก ชงสดๆ ใส่มะนาวเต็มๆ 1 ลูก ถ้าฤดูไหนมะนาวแพงก็จะคิดแพงตาม อย่างวันนี้เขาคิดถุงละ 23 บาท ดูดเข้าไปคำเดียวซึ้งถึงใจ สดชื่นมากๆ ดีกว่าชาลิปตั้นเยอะมากแบบคนละโลก
   สักพักก็กลับบ้านครับ ตอนแรกมิวจะไปเรียนพิเศษต่ออีกนะ แต่นี่มันบ่ายมากแล้ว เรียนได้แป๊บเดียว เลยกลับบ้านดีกว่า ตอนนั่งรถบ่นง่วง เพลีย อยากนอน แต่พอถึงบ้านก็ตาโต หยิบไอแพดมาเล่นอย่างเมามัน
Title: Re: เมษ 57
Post by: O'Pern on April 10, 2014, 05:25:26 pm
10 เมษ 57
   น้ำหนักลงมาอีกนิด ดีใจฉิบเป๋ง เพราะน้ำหนักลดลงมา 8 กก แล้ว หลังๆ นี่ยิ่งลงช้ามากๆ นี่ผมลดการกินถั่วทุกประเภท ก็เลยไม่มีไขมันมาเสริม เป้าใหม่ตอนนี้นอกจากจะต้องมีกล้ามท้องสวยๆ แล้ว ยังอยากลดน้ำหนักอีกสัก 2 กก
   วิ่งจัดเต็มไปอีก 1 ชม เหงื่อชุ่มโชกทั้งตัว ตอนออกวิ่งแรกๆ บางวันขี้เกียจนะ แต่พอวิ่งไปสักพักก็เริ่มสนุก หาจังหวะการหายใจไปเรื่อยๆ สูดลมเข้าไปเต็มปอดและค่อยๆ ปล่อยออก รู้สึกว่าเติมพลังให้ร่างกายได้ดีมาก
   เวลาเหลือเยอะก็เดิน Cool Down อีก 15 นาที ให้ร่างกายคลายความร้อนลงแล้วถึงจะกลับเข้าบ้าน แบบนี้กินข้าวอร่อยครับ เมื่อก่อนมีบางวันวิ่งแล้วพักน้อย กินข้าวเช้าทันทีจะรู้สึกไม่อร่อย กินไม่ลงอีกด้วย
   เช้านี้มีผัดผักบุ้งไฟแดง หอยจ้อ เออ ไอ้หอยจ้อนี่แปลกมาก ชื่อหอยแต่ไม่ได้ทำจากหอย มันทำจากเนื้อปูแต่ดันผสมมันหมูเป็นชิ้นเล็กๆ สับผสมลงไปด้วย กินแล้วนุ่มหอมจริง แต่มันก็อ้วนได้ง่ายนะ
   มิวขอตามออกไปด้วย บอกจะไปเรียนพิเศษ ไฟแรงโคตรๆ ไม่อยากขัดศรัทธา ไปส่งที่รถไฟฟ้า ปล่อยให้เด็กหยามเดินทางต่อเอง ผมเลยไปทำงานที่ร้านขายของ
   ตอนสายกินกล้วยหอมไป 2 ผล ปกติจะกินแต่กล้วยน้ำว้า มาวันนี้มีกล้วยหอมก็จัดไปครับ ไม่ได้กินกล้วยหอมมาเป็นปีเลย อิ่มไปถึงบ่าย
   กลางวันไปประชุมแถวสุขุมวิท เสร็จตอนบ่ายแก่ๆ ประหยัดมื้อกลางวันไปอีกหนึ่ง แต่ขากลับบ้านดันหิว ที่บ้านไม่มีอะไรกินเสียด้วย เลยแวะกินก๋วยเตี๋ยวต้มยำ 1 ชม กลับมาบ้านเจอเกาลัดใหม่ๆ สดๆ เลยกินไปอีก 1 กำ โอ้ๆ ๆๆๆ ไหนว่าจะงดถั่วไงพี่
   อากาศร้อนอบอ้าว ปีนี้ฤดูร้อนคงต้องอยู่ในขั้นโหดสัตว์ เออ บางคนชอบพิมพ์ “โหดสัส” คงชอบแสลงมั้ง เพราะคำว่าครับ ก็จะใช้ “ครัช” คำว่าคุณก็จะเป็น “ขุ่น” ส่วนเพื่อนก็จะเป็น “เพิ่น” อ่านแล้วประสาทเสียจริงๆ แต่มีให้เห็นในเฟซบุ๊คเป็นจำนวนมาก นี่ถ้าไม่รู้จักกัน อยากจะกด unfriend หรือ unfollow จริงๆ เพราะถ้าอ่านต่อไปนานๆ ผมจะต้องโง่ตามมันแน่ๆ
   นี่ยังดีนะที่ผมกดแค่สองปุ่มนี้ สมัยก่อนแรกๆ ที่เพิ่งหัดใช้เฟซบุ๊คผมทำอะไรไม่เป็น ไม่อยากอ่านที่คนไหนโพส ผมลบชีอแม่งออกไปเลย ฮ่าๆ
Title: Re: เมษ 57
Post by: O'Pern on April 16, 2014, 02:05:18 pm
11 เมษ 57
   ลืมตาตืนก็จิบน้ำอุ่นไป 1 แก้ว เข้าห้องน้ำ ล้างหน้า แปรงฟัน ซด AVC อีกแก้วเล็ก แล้วก็ออกวิ่งทันที ลดการวิ่งวอร์มจาก 2 กม เหลือแค่ 1 กม หลังจากนี้ก็ค่อยๆ เพิ่มความเร็วขึ้นทีละน้อยๆ
   เช้านี้เป็นอีกวันที่ซัดๆไป 1 ชม วิ่งบ่อยเข้านี่มันเหนื่อยแบบอยู่ตัวแล้ว ไม่น่าจะเหนื่อยไปกว่านี้แล้วล่ะ ขนาดวิ่งรวดเดียว 24 กม ก็ผ่านมาแล้วตั้งหลายครั้ง แรกๆ คิดว่าฟลุ๊ค เลยไปจัดใหม่ให้หายข้องใจอีก 2-3 รอบ
   ผู้คนเริ่มจะออกเที่ยวเทศกาลสงกรานต์แล้วนะ คืนวันศุกร์นี้คงจะทยอยออกกันอย่างเต็มตัว ใครว่างก็ไปก่อนล่วงหน้าแล้ว ถ้าออกหลังๆ ก็จะเจอรถติดแบบคาดไม่ถึง เอาเป็นว่า กทม – โคราช ใช้เวลา 7 ชม เป็นเรื่องปกติที่พบกันทุกปี
   เป็นอีกปีที่ผมอยู่ กทม ช่วงหลังมานี้ไม่ค่อยได้เดินทางไปไหนแล้วล่ะครับ เก็บเงินให้ลูกเรียนหนังสืออย่างเดียวเลย จะว่าเว่อร์ก็ยอม ลูกผมฝันใหญ่ ต้องใช้เงินอีกเยอะมาก ปกติผมไปต่างประเทศปีละ 2 หน แต่นี่ไม่ได้ไปไหนมาหลายปีแล้ว คิดไปไกลมากว่าตอนอายุมากกว่านี้เราอาจเจ็บป่วย ก็เลยเป็นแรงฮึดให้รีบเร่งลดน้ำหนักลง ดูแลสุขภาพมากขึ้นอย่างจริงจัง
   ตอนหนุ่มสาวทำงานมาได้เงินมากขึ้นเดือนละหมื่น แต่พอเจ็บป่วยนี่ใช้จ่ายให้หมอครั้งละเป็นหมื่นก็มีให้เห็นบ่อย แถมพอร่างกายเราถึงมือหมอแล้วมักจะออกมาไม่เหมือนเดิม หมอทำได้แค่ประคองให้เรามีแรงหายใจต่อไปได้เท่านั้น ทำให้ร่างกายเรากลับมาเหมือนเดิมไม่ได้ อันนี้สำคัญ ต้องจำข้อนี้ไว้
   คนป่วยหลอดเลือดตีบตัน ทำบอลลูน หรือผ่าตัด สุดท้ายก็ระวังตัวตลอดชีวิต อ้าว แล้วแบบนี้มาระวังกันก่อนที่หลอดเลือดจะตีบตันไม่ดีกว่าหรือครับ
   คนเป็นเบาหวาน ความดัน ก็ต้องกินยากันตลอด รู้แบบนี้ก็ป้องกันสิครับ ดูแลร่างกายอย่าให้เป็นเบาหวาน ความดัน ฯลฯ
   กลัวอะไร ก็คิดว่าเราต้องเจอแบบนั้น แล้วคิดต่อไปว่าเราจะรับสภาพนั้นได้ไหม กลัวมะเร็งใช่ไหม ก็ลองกินอาหารแบบผู้ป่วยโรคมะเร็งดู ลองมื้อเดียวเลิกเลย กินได้แค่ผักไม่กี่ชนิด เนื้อสัตว์ห้ามหมด ปลายังห้ามเลย
ถ้ารับได้ก็ปล่อยไปครับ ตัวใครตัวมัน แต่ผมไม่ชอบ ไม่เอา ผมอยากเป็นคนแก่ที่มีคุณภาพ ใช้ชีวิตเพื่อการทำประโยชน์ให้แก่สังคม ไม่อยากใช้ชีวิตบนเตียงนอน รถเข็น หรืออยู่แต่ในบ้าน
   น้ำหนักตัวอยู่ระดับทรงๆ เมื่อวานไปประชุมเจอลูกอมวางไว้แจกลูกค้า ขอเขามา 8 เม็ด เลือกแบบที่เราไม่เคยกิน อยากลองดู รถติดๆ ขับไปกินไป เพลินมาก แป๊บเดียวหมด 8 เม็ด หึหึ ยังดีที่น้ำหนักไม่ขึ้น
   เช้านี้กินอาหารประจำชาติไทยยุคใหม่ คือกระเพราไก่ ทำเป็นเล่นไป ทรงคุณค่านะครับ แถมฮิตมากๆ ในโตเกียว มันคืออาหารเทพของชาวญี่ปุ่นเลย ผมกินข้าวกล้องมาหลายปีนะ อ่านเจอเวปหนึ่งตกใจตาโต เขาบอกข้าวกล้องให้พลังงานมากกว่าข้าวขาว เฮ้ยยย ไม่เชื่อๆ ลองเสิร์ชหาข้อมูลเวปอื่นๆ ก็บอกตรงกันหมดว่าข้าวกล้องให้พลังงานน้อยกว่า
   ผมไม่รู้ว่าพอไปถึงโตเกียวแล้วกระเพราไก่ของเราจะมีไข่ดาวเคียงคู่อยู่ด้วยหรือไม่ แต่คิดว่าน่าจะมีนะ มันช่วยเพิ่มความแปลกใหม่เข้าไปในจาน อาหารญี่ปุ่นไม่เคยมีไข่ดาวปนอยู่ในเมนูเลย
   มิวไปเรียนพิเศษเช่นเคย ผมถามว่าชอบตรงไหน เขาบอกสนุกมาก เมื่อวานได้เป้สะพายหลังพร้อมลายเซ็นอวยพรจากครู “ซุปเค” ครูให้เพราะมิวสอบเข้าสวนกุหลาบได้ มิวดีใจมาก เพราะเป้ใบนี้ครูจะให้เฉพาะเด็กที่ทำสอบได้คะแนนดี แต่ที่เคยแจกไปนั้นคือเป้เปล่าๆ ครูไม่เคยเซ็นให้ใครเลย (เอาเท่าที่มิวรู้นะ)
   ก็พอจะเข้าใจความรู้สึกเด็กครับ ครูติวเตอร์สอนพิเศษสมัยนี้ก็เก่ง จิตวิทยาสูง ทำให้เด็กชอบการเรียนไปด้วย นี่ผมไม่เคยคิดมาก่อนว่ามิวจะเรียนกันบ้าคลั่งขนาดนี้ ไม่เคยตั้งเป้าให้เขาเก่งหรือเป็นเลิศเลยสักนิด เพียงแต่ฝันของมิวนั้นใหญ่มาก สูงมาก และต้องใช้การสอบแข่งขันจากนักเรียนเป็นจำนวนมาก ใครที่จะสอบผ่านได้ก็ต้องเก่งแบบไม่ธรรมดา เราคุยกันเรื่องนี้บ่อยนะ ถามย้ำอยู่หลายครั้งว่าฝันของลูกเป็นแบบเดิมอยู่ไหม เพราะถ้าไม่ได้อยากเป็นนักบิน มิวไม่ต้องมาเรียนพิเศษอะไรแบบนี้เลยสักนิด
   วันนี้อากาศครึ้มๆ เหมือนจะมีฝน เลยคลายความร้อนไปได้เยอะ ท้องฟ้ามีเมฆมาก เดินริมถนนตากแดดไม่ร้อนจัดเหมือนวันก่อนๆ สงกรานต์ปีนี้คงจะเล่นกันกลางฝนเหมือนเช่นเคย
   บ่ายแวะไปเสียภาษีแล้วก็กลับบ้านเลย หิวโซเลย กะว่าจะกินก๋วยเตี๋ยวก่อนเข้าบ้าน แต่หน้าร้านรถจอดรถเต็มทั้งแถว จอดไม่ได้ อดแดกเลย หึหึ
   เข้ามาบ้านแบบหิวจัด ซัดกล้วยน้ำว้าไปก่อน 1 ผล (แต่ช่วงเช้าตอนอยู่ที่ทำงานกินไปแล้ว 2 ผลนะ) ยังไม่หายหิว เดินไปเดินมาเจอถั่วอัลมอนด์ที่ภรรยาซื้อมา ตัดใจไม่อยากกิน กลัวอ้วน กินน้ำเต้าหู้ใส่ลูกเดือยแทนละกันวะ
   ยังไม่หายหิว จะว่าหิวก็ไม่เชิง เรียกว่าอยากเคี้ยวก็แล้วกัน แล้วไอ้อัลมอนด์กระป๋องนั้นก็เสร็จกู
   กินไป 2 กำมือแน่ะ ได้เคี้ยวสมใจละ พรุ่งนี้มึงก็ไปวิ่งรีดไขมันที่เติมเข้าไปในวันนี้ก็แล้วกันนะ ไหนบอกจะงดถั่วแล้วไง
   อยู่บ้านแล้วหิวบ่อยว่ะ เลยกินน้ำเต้าหู้ใส่ถั่วแดงไปอีกถุง นี่ถ้าหิวอีกก็มีกล้วยน้ำว้าอีก 2 ผล แต่ยิ่งตกเย็นมากเท่าไหร่กลับหิวอีกแล้ว เดินผ่านกระปุกอัลมอนด์ก็หยิบมากินทีละ 3-4 เม็ด เดินวนอยู่หลายรอบเสียด้วยสิ
   เอ้า พรุ่งนี้เช้าออกวิ่งลดพุงกันอีกรอบ
Title: Re: เมษ 57
Post by: O'Pern on April 16, 2014, 02:08:55 pm
12 เมษ 57
   ตื่นเองก่อนนาฬิกาปลุกมาได้สักพักแล้ว ร่างกายเราปรับตัวให้เข้ากับรูปแบบการใช้ชีวิตได้เสมอ แต่ถ้าวันไหนที่เข้านอนดึกๆ นี่ก็มีหลุดบ้างเหมือนกันนะ
    วิ่ง วิ่ง วิ่ง วิ่งไปก็คิดถึงอาหารที่กินเมื่อวานตลอดทั้งวัน ลองประเมินดูว่าสิ่งไหนทำให้เราอ้วนได้ง่ายบ้าง กินอะไรติงต๊องปัญญาอ่อนบ้าง แล้ววันนี้ก็อย่าทำมันอีก
   ตอนวิ่งนี่สมองจะปลอดโปร่งมาก หายใจตามจังหวะก้าวเท้าไปด้วยยิ่งดี สูดลมหายใจอัดเต็มปอดสุดๆ นี่แหละ การเพิ่มพลังให้แก่ร่างกายของจริง ยิ่งได้ซด ACV ก่อนออกวิ่งแล้วเหมือนมีพลังพิเศษ คงจะอารมณ์เดียวกับคนที่กินเครื่องดืมชูกำลังมั้ง เดานะ ผมไม่เคยกินของพวกนั้น ให้ฟรีก็ยังไม่กิน เคยหลงกินไปคำหนึ่งยังแทบคายทิ้ง
   ซัดไปอีก 1 ชม และเดิน Cool Down อีก 15 นาที อาหารเช้าวันนี้มีเนื้อปลาผัดแบบฉู่ฉี่ ไข่ต้ม กระเทียมสด กินกับข้าวกล้องเหมือนเดิม
   นี่เข้าเทศกาลสงกรานต์แล้วนะ วันหยุดยาวที่สุดของประเพณีไทย ผู้คนต่างกลับไปเยี่ยมถิ่นฐานบ้านเกิดกันหมด ส่วนคนกรุงเทพฯไม่รู้จะไปเยี่ยมใครก็ไปเที่ยวแทน ทุกสถานีขนส่งจะเต็มไปด้วยผู้คน เริ่มอย่างเป็นทางการก็เย็นวันศุกร์เมื่อวานนี้แหละครับ
   ออกจากบ้านวันนี้ถนนโล่งเลย และจะโล่งไปอีก 3 วัน จะเรียกว่านาทีทองก็ไม่ผิด ผมไปทำงานร้านขายของปกติ ส่วนมิวก็ขอไปเรียนพิเศษอีกเช่นเคย โห เอาจริงนะนี่
   ร้านขายของวันนี้ขายดีครับ โทรศัพท์เข้าตลอด รับสายกันไม่ทัน ยังดีที่รถไม่ติด จอดส่งของได้ง่าย เลยทำงานได้เร็วกว่าปกติ
   ช่วงเช้ามีฝนเทลงมาเล็กน้อย ทำงานไม่ติดขัดอะไร รูปแบบงานเหมือนเดิมเป๊ะทุกๆ วัน ถ้ามีคนมาส่งของในโกดัง ผมจะรับหน้าที่ไปตรวจเช็คสินค้า ถ้าว่างๆ ก็คอยรับโทรศัพท์จดรายการสินค้าที่ลูกค้าสั่ง ยกแบกสินค้าขึ้นรถให้คนที่มาซื้อหน้าร้าน
   แวะเข้า 7-11 ซื้อโยเกิตบัลแกเรียมากิน ปกติจะกินรสกลมกล่อม วันนี้ลองรสดั้งเดิม หึหึ แม่งไม่อร่อยเล้ยยยยย แต่ก็ฝืนใจกินจนหมดถ้วย
   บ่ายมิวโทรมาเรียกให้ไปรับ แปลกใจทำไมเลิกเร็ว มิวบอกโรงเรียนปิดแล้ว หยุดสงกรานต์กันหมด เลยนัดพบมิวในร้านหนังสือที่เดอะมอลล์ท่าพระ นัดกับมิวไว้ว่าเดี๋ยวจะกินก๋วยเตี๋ยวด้วยกัน
   แต่พอมาถึง มิวบอกขอกินร้านซานตาเฟ่สเต็คแทน ไม่เป็นไร จัดไป กินเสร็จผมชวนมิวเดินในซูปเปอร์มาเก็ต หาของมาตุนไว้เป็นเสบียงสักหน่อย เริ่มมาถูกทางแล้ว เน้นของขบเคี้ยวเป็นพวกที่ให้พลังงานน้อยๆ เช่นพวกที่ทำจากปลา จัดมาหลายอย่างเลย หอยลายกรอบก็มี ปลาเส้นก็ด้วย เห็นถั่วลดราคาอีกแล้ว ไม่อยากเอามาเล้ยยย แต่ชอบกินไง เลยให้รางวัลตัวเองนิดหน่อย มีข้อแม้ว่าอย่ากินเยอะ กินวันละนิดพอ จะทำได้หรือเปล่าก็ไม่รู้
   มิวบอกว่ารู้สึกตัวเองอารมณ์ดี ไม่เหมือนตอนก่อนสอบ ตอบเขาไปว่ามันเกิดจากจิตใจเราที่เคร่งเครียด ตอนนี้มันผ่านมาแล้ว เราก็เลยไม่ต้องไปพะวงอะไรกับมันอีก ใจเลยรู้สึกปลอดโปร่งโล่งสบาย
   กลับมาบ้านมิวชวนดู DVD เรื่อง The Hobbit นั่งดูด้วยกัน มิวชงชาลิปตั้นมากิน ส่วนผมตบะแตกหยิบเอาถั่วมากินทั้งๆ ที่ไม่ได้หิวเลยแม้แต่น้อย หึหึ กินตั้งสองถุงแน่ะ แววออกอีกแล้วมึง เช้าวันนี้น้ำหนักเพิ่งจะทำ New Low เองนะ ลดลงมาได้ 9 กก แล้ว อย่าชะล่าใจไปเสียล่ะ
   เย็นพ่อชวนกินมื้อเย็น ว่าจะไม่กินอะไรแล้วนะนี่ เห็นพ่อชวนเลยนั่งกินด้วยกัน 3 คน มีผม พ่อ และมิว กลางคืนต้องทำกายบริหารหลายท่า วันนี้กินนอกโควตาไปเยอะ แถมไม่ได้กินผลไม้สักอย่างอีกด้วย 
Title: Re: เมษ 57
Post by: O'Pern on April 16, 2014, 02:12:31 pm
13 เมษ 57
   วิ่งไม่หยุด ไม่หยุดวิ่ง เดี๋ยวเสียสถิติ ฮ่าๆ อยู่ว่างๆ ก็วิ่งมันไปซะ อยากรู้เหมือนกันว่าถ้าจะต้องการให้น้ำหนักลดลงไป 10 กก จะต้องใช้เวลาวิ่งนานเท่าไร แถมเมื่อวานอัดถั่วไปสองถุง แถมกินมื้อเย็นอีก เช้านี้ต้องวิ่งไถ่โทษ วิ่งไปก็คิดถึงสิ่งที่เรากินเมื่อวานไปด้วย อันไหนดีก็โอเคทำต่อไป อันไหนไม่ดีวันนี้ก็แก้ตัวใหม่ อย่าไปกินมันอีก อย่าตามใจปาก
   บอกแล้วไง ไม่ผอม ไม่เลิก วิ่งไปก็คิดถึงอนาคตของมิวไปด้วย ไอ้ฝันของผมที่อยากเป็นนักทดสอบรถยนต์อันดับหนึ่งน่ะ มันคงเป็นไปไม่ได้แล้วล่ะ ตอนนี้ก็หันมาฝันร่วมกับมิวแทน
ยุคผมคิดฝันเองลงมือทำเอง แถมครอบครัวต่อต้าน มันไปได้ไม่ไกล ไม่อยากให้เรื่องแบบนี้เกิดกับมิว ไม่ว่าลูกจะคิดฝันอะไร ผมจะช่วยผลักดันเขาอย่างเต็มที่ แม้จะแลกกับความฝั้นของผมก็ยอม
   ขณะวิ่งก็คิดหาวิธีไปสู่ฝันของมิวหลายๆ ด้าน ไอ้ที่ตรงและดีสุดก็คือการสอบเข้าเตรียมทหาร แต่ก็ต้องยอมรับว่ามันยากระดับโคตรๆ ยากกว่าเอนทรานซ์เข้าคณะดีๆ เสียอีก
   ถ้าสอบไม่ได้ ก็เรียน ม4 ที่สวนกุหลาบต่อ แล้วก็สอบซ้ำอีกที สามารถทำแบบนี้ได้จนถึง ม6 ฝันใหญ่ คิดการณ์ไกล ต้องเตรียมตัวให้พร้อมครับ ถึงตอนนั้นไม่รู้ว่ามิวจะยังคงฝันแบบเดิมอยู่ไหม แต่อย่างที่บอก ไม่ว่ามิวจะคิดฝันอะไร ผมจะยืนเคียงข้างเขาตลอดจนฝันของเขาสำเร็จ
   อย่าท้อเสียก่อนล่ะ ขอแค่นี้แหละลูก
   ชีวิตผมล้มเหลวมาเยอะ ไม่อยากให้ลูกเดินซ้ำรอยครับ ทำอะไรก็ไม่ประสพความสำเร็จสักอย่าง ช่วงแรกก็จะฮึดลุกขึ้นสู้ แต่โดนดองให้ทำงานยกแบกของ อยู่ไปนานเข้าเกิดอาการสมองฝ่อ คิดหนีออกจากบ้านเหมือนกัน ตอนนั้นไม่ต้องการอะไรในชีวิตอีกแล้ว แต่เป็นห่วงลูกอย่างเดียวนี่แหละ
   ก็เลยคิดบวก คิดว่าแม้จะต้องยกแบกของหนัก แต่ก็ได้ช่วยพ่อแม่ทำงาน นี่ไง เห็นไหม ได้ตอบแทนบุญคุณบ้างแล้ว แม้จะเป็นเพียงเล็กๆ น้อยๆ ก็ยังดีกว่าไม่ได้ทำเลย
   นี่แหละ คือสิ่งที่อยู่ในสมองของผมตอนวิ่งในทุกๆ เช้า ฟังดูเว่อร์ๆ แต่มันคือชีวิตจริงของผม เล่าแบบไม่อาย ผมไม่มีฟอร์ม เล่นจริง เจ็บจริง ไอ้เหล่านี้แหละคือประสบการณ์ชีวิต
   เช้าวันหยุด เลยวิ่งได้นานหน่อย จัดไป 1.30 ชม แถมเดินคลายเหนื่อยอีก 15 นาที สายหน่อยพาพ่อ แม่ ภรรยา และมิวไปตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง มิวไม่ได้มาที่นี่นานมากหลายเดือนเลย แต่ไปถึงก็กินร้านเดิมๆ นะ ร้านประจำของครอบครัวเราก็คือก๋วยเตี๋ยวต้มยำชื่อร้านเจี๊ยบ ก่อนถึงร้านก๋วยเตี๋ยวจะมีไข่นกกระทาทอดในเตาขนมครก มิวจัดไปอีกเช่นเคย คุณลุงเจ้าของร้านจำหน้ามิวได้ดี แถมให้ 1 ฟองเป็นประจำ
   ไข่นกกระทา ก๋วยเตี๋ยว ตบท้ายด้วยโกโก้เย็น ครบสูตรของมิว ผมซื้อสลัดแขกมาเก็บไว้กินตอนวันบ่าย กลับมาส่งพ่อ แม่ มิว ที่บ้าน ผมกับภรรยาไป Ikea ที่บางนาต่อ ขับรถต่อเนื่องกันนานๆ เริ่มมีง่วง เมื่อเช้าตื่น 0430 แถมวิ่งอีกจนเหนื่อยด้วยไง แต่ก็ดีใจนะ วันนี้ทำน้ำหนัก New Low ครั้งใหม่อีกแล้ว ใกล้จะลดครบ 10 กก แล้ว แต่ยังดีใจไม่ได้ บางทีมันลดเพราะร่างกายเราเสียน้ำ ต้องรอดูไปอีกสักพักใหญ่ว่าจะลดได้จริงไหม
   ถนนโล่งดีมาก ขับสบาย รถไม่ติด ไปซื้อตู้ใส่หนังสือมาให้มิว ไม่เคยใช้บริการที่นี่มาก่อน เพิ่งจะรู้ขั้นตอนการซื้อว่าเราต้องเป็นคนยกของหนักๆ ใส่รถเข็นเอง หนักโคตรๆ เลยด้วย ผมซื้อตู้ยกคนเดียวไม่ไหว ต้องให้ภรรยามาช่วยจับอีกด้านแล้วยกลงมาวางพาดบนรถเข็น ตู้ยาว 2 เมตรกว่า ยังไม่รวมหน้าบานที่เป็นกระจก หนักฉิบเป๋ง คนอายุมากๆ อย่างพ่อแม่ผมมาซื้อจะทำยังไงวะนี่
   ยังไม่พอนะ แบกเอง เข็นไปจ่ายเงิน ถ้าจะให้เขาไปส่ง เราก็ต้องเข็นต่อไปยังแผนกจัดส่งเองอีกด้วย คิดค่าส่ง 650 บาท (ถ้าของเยอะกว่านี้ขนาดสักตู้เย็นก็จะต้องคูณ 2 เท่า นั่นคือโดนค่าส่งไป 1300) ตู้มีบานพับเป็นกลไกพิเศษกดเด้ง ผมกลัวประกอบไม่ได้ระดับ เลยให้ช่างช่วยประกอบให้ โดนค่าประกอบไปอีก 7% ของราคาสินค้า
   ร้านนี้เขาเน้นให้ลูกค้าบริการตนเองทั้งหมด มีแรงก็โอเคครับ คนไม่มีแรงก็ไปหาซื้อเอาที่ Home Pro หรือ SB Furniture จะดีกว่า ที่นั่นมีเซลล์คอยดูแลลูกค้าอย่างใกล้ชิด
   รีบซื้อ รีบกลับบ้าน หิวสุดๆ โทรคุยกับมิว มิวบอกยังไม่ได้กินอะไรเหมือนกัน กลับบ้านมารับมิวไปกินร้าน Bar B Que Plaza อีกแล้ว ภรรยาและลูกชอบกิน ส่วนผมชอบส้มตำของที่นี่ รสชาติดี วันนี้กินยำเห็ดเข็มทองเพิ่มอีก ผมกำชับบอกมิวว่าอย่ากินเบคอนอีก ไขมันล้วนๆ เป็นแผงเลย ชอบกินเข้าไปได้ยังไงก็ไม่รู้ พอวันนี้สั่งอาหารมันก็มีเบคอนติดมาให้อยู่ในชุด เลยให้มิวฉีกเลาะมันทั้งแผงทิ้งเสียก่อน
   ตบด้วยของหวานต่อท้าย ทำไมต้องมีประเพณีแบบนี้ด้วยนะ พวกเราก็กินกันจนเป็นมาตรฐานไปเสียแล้วหรือนี่ ผมไม่เอาด้วยหรอก ภรรยาสั่งเจลลี่กาแฟ ลูกสั่งไอติมชาเขียวกับถั่วแดงบด
   กินเสร็จเข้าไปในซูปเปอร์มาเก็ตหาซื้อของใช้ มิวขอกินไอติมแม็กนั่มอีกแท่ง ผมบอกว่าพอแล้ว มิวทำท่าไม่พอใจ ชักสีหน้า พูดบ่น ผมโมโหฟิวขาด ตะโกนตวาดไปกลางห้าง หมดอารมณ์ซื้อของ ขับรถกลับบ้านเลย ขับแบบกวนตีน ขับเร็วๆ เปลี่ยนเลนไปมา ทำทุเรศๆ เหี้ยๆ เพื่อระบายอารมณ์
   พอถึงบ้านก็วงแตก แยกย้ายกันไปคนละมุมของบ้าน จิตใจผมบางทีก็เปราะบางนะ กูดูแลมึงมาตั้งแต่เด็ก พอโตขึ้นหน่อย ขัดใจหน่อย ไม่ให้กินไอติม มึงแม่งมาทำเป็นมีอาการ แสดงกริยาไม่เคารพ
   โมโหแล้วกิน หยิบถัวออกมากินเฉยเลย ทั้งๆ ที่เพิ่งกินส้มตำมา ไม่รู้สิ รู้สึกเสียใจว่ะ กูสละทุกอย่างในชีวิต แต่พอไม่ตามใจแค่หน่อยเดียว มึงแม่งเล่นซะกูเสียความรู้สึกเลย
   เสียใจว่ะ แต่ไม่เคียดแค้นลูกหรอกนะ ผมคิดเสียว่าเป็นกรรมตามสนอง ผมอาจเคยทำไม่ดีกับพ่อแม่ไว้ก่อน ก็เลยต้องมาโดนกระทำแบบนี้เข้าให้บ้าง
   มันเป็นความจริงที่ผมต้องยอมรับ
   ลูกไม่เคยผิด ถ้าเขาผิด มันก็คือผมเลี้ยงเขาไม่ดีเอง ไม่โทรคนรอบข้าง ไม่โทษใคร
Title: Re: เมษ 57
Post by: O'Pern on April 16, 2014, 02:18:42 pm
14 เมษ 57
   วันนี้ร้านหยุด ปีนี้ได้หยุด 3 วัน แต่ไม่มีใครบอกผมล่วงหน้า เลยไม่ได้เตรียมการเรื่องไปเที่ยว ไม่งั้นอาจพาครอบครัวไปเที่ยวเล่นที่เกาหลี ไม่ก็สิงคโปร์ ชอบประเทศที่ไปมาง่ายครับ ไม่ต้องขอวีซ่า
   วิ่งเพื่อชีวิต วันหยุดแบบนี้ยิ่งวิ่งได้ยาวนาน จัดเต็มไปเลยลูกพี่ เช้านี้ซัดไปอีก 1 ชม
   เช้าพาภรรยาและลูกไปกินที่ร้าน ถูกและดี ของ Foodland ไปสายหน่อยคนเยอะรอคิวนานมากเลย ก็นั่งคุยนั่งเล่นกันไป ระหว่างรอก็ไปดูแผนกเบเกอรี่ เห็นขนมปังสีดำๆ หน้าตาไม่คุ้นสไตล์ยุโรป เขาเรียกเบเกิ้ล รสชาติจืดเค็มเนื้อเหนียวแน่น โรยด้วย Pop Seed ลองจัดมา 1 ชิ้น เอามากินกับแยมสตอเบอรี่แบบหวานน้อย
   ขากลับแวะเดอะมอลล์ ซื้อของในซุปเปอร์เล็กน้อย กินสเต็คร้านซานตาเฟ่เอาในมิว เสร็จแล้วก็ไปหาซื้อซิมการ์ดให้มิว
   อืมม เศร้านะ ทำตามสัญญาที่มิวสอบเข้าโรงเรียนสวนกุหลาบได้ คือให้เขาใช้โทรศัพท์ IPhone
   คือผมต่อต้านสินค้าไอทีแนวนี้มาตลอด ตัวผมเองก็ใช้โทรศัพท์ห่วยๆ ธรรมดา ไม่อยากให้ลูกใช้ของแบบนี้ มันจะเป็นดาบสองคม แน่ล่ะ มันจะทำร้ายตัวเขาเอง เข้าถึงข้อมูลได้ง่าย ก็จะรับรู้และพบเห็นในสิ่งที่ไม่เหมาะกับวัยเขาได้ง่ายเช่นกัน มันไม่เกิดประโยชน์ใดๆ ต่อตัวเขาเลยแม้แต่น้อย
   ปีที่แล้วก็มีคนเอา Mini IPad มาให้มิว ผมโคตรโมโหเลย ทำนายไว้ล่วงหน้าว่ามันจะทำลายชีวิตมิว แล้วผลการเรียน ป6 ของมิวก็ตกต่ำอย่างเห็นได้ชัด
   พอมาปีนี้เอา IPhone 5 มาให้อีกแล้ว เฮ้ยย ทำไปถึงไปสัญญาอะไรกับลูกแบบนั้น ถ้าลูกมันขอ Ferrari จะต้องซื้อให้มันด้วยไหมวะ
   เป็นอีกวันที่โคตรโมโหเลย ต้องข่มอารมณ์ไว้ในใจ ทุกครั้งที่ลูกหยิบ IPhone ขึ้นมาเล่น ความฝันของลูกก็จะยิ่งห่างไกลออกไปทุกที และทุกครั้งที่เล่นโทรศัพท์ มันคือการเพิ่มความห่างระหว่างเราออกไปเรื่อยๆ
   จากคนใกล้ชิดก็จะเริ่มห่างกัน และหากมีการไม่เข้าใจกันเกิดขึ้น มันก็จะก่อตัวกลายเป็นปัญหา ลูกก็จะไปอยู่กับโทรศัพท์มากยิ่งขึ้น ทำให้ความสัมพันธุ์ของพวกเราก็เป็นไปแบบแกนๆ นั่นมันไม่ใช่ครอบครัวที่ผมสร้างมากับมือเลย
   ผมนึกเกลียดสตีฟจ็อบที่คิดสร้างของเหล่านี้ออกมา จะว่าพาลก็ใช่ ผมโง่เองที่ยอมให้ลูกใช้ผลิตภัณฑ์แบบนี้ มองในแง่ของโลกไอทีก็มีมุมมองของเขา แต่มันคือโลกของคนทำธุรกิจไง เขาก็มองแต่ในแง่สร้างสรรค์ แต่ผมต้องการสร้างครอบครัวให้มีความสุข ต้องการทำให้ลูกไปสู่ความฝันของเขาให้ได้ ผมไม่ต้องการใช้ผลิตภัณฑ์แนวนี้
   ใช้โทรศัพท์ก็แค่เพื่อการสื่อสาร ใช้อินเทอร์เนทในการหาข้อมูล ลูกไม่ต้องรู้ทุกอย่างในอินเทอร์เนทก็ได้ และก็ไม่มีใครสามารถรับรู้ทุกอย่างอีกด้วย
   กลับมาถึงบ้านก็เป็นไปตามคาด มิวให้ช่วยเซ็ทโทรศัพท์ให้เขาหน่อย ช่วยลงทะเบียน ฯลฯ กดไปก็คิดไปว่า นี่ถ้ามิวไปไม่ถึงฝัน ก็ไม่ต้องโทษอะไรใครแล้วล่ะนะ    คนรอบข้างที่ใกล้ชิดทั้งหลายล้วนมีส่วนร่วมทั้งนั้น
   เย็นพากันไปว่ายน้ำที่คอนโด ว่ายได้แค่ 30 นาทีก็ขึ้น สระไม่ค่อยสะอาด มือมิวเปื่อยซีดอีกด้วย นั่งเล่นบนห้องสักพักก็ไปกิน MK กัน สั่งชุดเห็ดมาจานใหญ่เลย กินไม่หมด มากันสารพัดเห็ด ก็น่าจะดีต่อสุขภาพหรอกนะ แต่มันอิ่มจริงๆ
   พอถึงบ้านมิวอาบน้ำแล้วอีกพักเดียวก็นอนหลับปุ๋ยเลย
Title: Re: เมษ 57
Post by: O'Pern on April 16, 2014, 02:25:55 pm
15 เมษ 57
   ฝนตกปรอยๆ ตื่นเช้ามาก็ยังไม่หาย ลงเม็ดบางๆ ภรรยาอยากไปวิ่งที่สวนรถไฟ แต่ผมไม่ชอบ ต้องขับรถไกล เสียเวลา เลยไปวิ่งแถวบ้าน ภรรยาขอตามไปด้วย แต่วิ่งไปได้แค่ 45 นาทีก็ต้องกลับ ภรรยาบอกปวดท้อง
   เช้านี้ไปกินกันที่ตลาดน้ำบางน้ำผึ้งอีกรอบ แต่วันนี้คนน้อยกว่าวันอาทิตย์มากเลย จอดรถสบาย ขนาดกินเสร็จแล้วเดินออกมาลานจอดรถยั้งว่างโล่ง
ช่าง Ikea มาตามเวลานัด ประกอบตู้ใส่หนังสือใบใหญ่แป๊บเดียวเสร็จ มีตัวช่วยคือไขควงไฟฟ้า ขาตู้กับแนวบัวที่ขอบผนังมันสบกันไม่พอดี ผมใช้ช่างช่วยเจียร์แต่งปาดออกนิดหน่อยราว 1 ซม ช่างคิดค่าใช้จ่ายเพิ่ม 300 บาท
   วางตู้แล้วแนบผนังไม่สนิท ตู้แกว่งๆ ตอนเปิดปิด ช่างแนะนำให้ยึดกับผนังด้วยเหล็กฉากที่มีมาให้ในชุด ผมบอกโอเค จัดไปได้เลย ช่างคิดค่าเจาะยึดอีก 200 บาท
   เงิน 500 บาทนี้มันต้องไม่ได้เข้าบริษัทแน่ๆ มันเหมือนเป็นเงินค่าออปชั่นให้กับช่างติดตั้ง
   ช่างกลับไปแล้วก็ตามด้วยงานของเราต่อล่ะ คือเก็บข้าวของหนังสือที่กองเต็มบ้านจัดเรียงเข้าตู้ ซื้อตู้มาสองใบใหญ่ๆ แต่เอาเข้าจริงพบว่ามันไม่พอใส่ครับ งงโคตร หนังสือเยอะเว่อร์จริงๆ อีกหน่อยคงต้องไปจัดหามาอีก 2 ตู้ แล้วก็คงต้องโดนชาร์จอีก 500 บาท ค่าเจียร์แต่งขาตู้ และค่าเจาะยึดผนัง
   บ่ายพาภรรยาและลูกไปกินส้มตำร้านเจ๊เล้งแถวบ้าน พอไปถึงร้านปิด เปลี่ยนไปกินบะหมี่ร้านโซโหแทน ทุกทีกินอร่อยดีนะ แต่วันนี้รสชาติแม่งโคตรเค็มเลย ไม่อร่อยแล้ว กินแล้วเลิกเลย
   กลับมาบ้านก็จัดห้องต่อ ยิ่งรื้อก็ยิ่งรกครับ หนังสือของมิวซุกไว้หลายมุมของบ้านเต็มไปหมด ต้องแบ่งออกเป็นหนังสือเรียน และหนังสืออ่านเล่น แต่ก็ต้องเพิ่มอีกกลุ่มคือหนังสือการ์ตูนความรู้
   กว่าห้องจะเรียบร้อยได้ก็ปาไปหัวค่ำ แต่มองดูแล้วเจริญตาดีครับ หลับสบายดีกว่าเดิม
Title: Re: เมษ 57
Post by: O'Pern on April 20, 2014, 03:10:05 pm
16 เมษ 57
   นอนหัวค่ำ เลยตื่นเร็วตั้งแต่ 0400 พลิกตัวไปมาจะนอนต่อก็ไม่หลับแล้ว ตื่นมาวิ่งมันซะเลยก็แล้วกัน เช้านี้ซดน้ำเต้าหู้สำเร็จรูปที่ซื้อมาจาก 7-11 อยากลองกินดูว่ารสชาติเป็นอย่างไรบ้าง เผื่อตอนขี่จักรยานแล้วหิวๆ จะได้ซื้อกิน สาเหตุที่ต้องทดลองกินก่อนก็เพราะตอนขี่จักรยานนั้นผมมักจะอยู่ไกลบ้าน เกิดเจอของไม่อร่อยขึ้นมา หรือกินแล้วปวดท้อง จะได้ไม่เกิดปัญหา
   รสชาติก็พอได้ครับ แต่ถ้าให้เลือกก็ขอซื้อตามตลาดที่เขาทำสดๆ ใหม่ๆ วันต่อวันดีกว่า
   จิบน้ำอุ่นแก้วใหญ่ ล้างหน้า แปรงฟัน กินน้ำเต้าหู้ต่ออีก 2 ถุง ถุงละแค่ 200 cc เช้านี้เวลาเหลือเพียบ ขับรถไปวิ่งที่ศูนย์เยาวชนเฉลิมพระเกียรติบางมด มาถึงตั้งแต่ 0500 ทำโทษตัวเองที่ตลอด 3 วันที่ผ่านมากินเยอะจัด จนน้ำหนักตีขึ้น เช้านี้จัดไป 2 ชมครับ วิ่งจนเสื้อผ้าไม่มีส่วนที่แห้งเลย ขนาดรองเท้าวิ่งยังเปียกแฉะชุ่ม วันนี้โหดมาก อากาศร้อนด้วยน่ะ เหงื่อเลยออกเยอะ
   วิ่งเสร็จก็ไปเล่นกายบริหารตามสถานีต่างๆ อีก 20 นาที หมุนบิดเอวบ้าง เหยียดยืดขาบ้าง เสร็จแล้วก็นั่งพัก รอให้ร่างกายคลายความร้อน เหงื่อแห้งลงหน่อยแล้วถึงจะขับรถกลับ
   มีผู้ชายมากับเด็กสองคน คนโตน่าจะอ่อนกว่ามิวนิดหน่อย ราว ป5 ส่วนคนเล็กนี่ระดับอนุบาล พ่อกำลังดุว่าลูกคนโตเสียงดัง มีไล่เตะด้วย ลูกวิ่งหนี พ่อตะโกนด่าทอเสียงดัง บอกว่ามึงไปไกลๆ เลย ไปไหนก็ไป ไปให้พ้น ไม่ต้องกลับบ้าน ฯลฯ
   โห ได้ยินแล้วตกใจว่ะ มันทำให้ผมนึกถึงตัวเองตอนโมโหฟิวส์ขาดแล้วดุด่าว่ามิวเสียงดังๆ แม่งคงจะเหมือนกันเปี๊ยบเลย
   รู้สึกไม่ดีเลยว่ะ เห็นแล้วเหมือนดูกระจกเงาส่องตัวเอง ตั้งใจว่าต่อไปนี้จะไม่ดุว่ามิวเสียงดังๆ อีกแล้ว
   อยากเข้าไปคุยกับตัวพ่อนะ แต่กลัวโดนถีบออกมา หน้าอย่างดุ เลยหาจังหวะไปคุยกับลูกที่ถูกดุแทน บอกว่าเดี๋ยวหนูไปกราบพ่อแล้วบอกว่าหนูขอโทษนะ พ่อจะได้หายโกรธ
   เปลี่ยนชุดเปียกออก ใส่ชุดแห้งแทน เบาะรถจะได้ไม่เปียกเหงื่อ กลัวรถเหม็น แวะซื้อต้มเลือดหมูไปกินที่บ้านเป็นอาหารเช้า วันนี้กินคนเดียวครับ ภรรยาพามิวไปเรียนพิเศษ มิวขอไปเรียน บอกว่าอยู่บ้านเบื่อ ไม่มีอะไรทำ
   อยู่บ้านเฉยๆ มา 3 วัน อาทิตย์ จันทร์ อังคาร พาภรรยาและลูกไปกินอาหารครบทุกมื้อ เล่นเอาน้ำหนักขึ้นมาหน่อยหนึง นี่ขนาดว่าวิ่งทุกเช้าแล้วนะ กินก็ไม่ได้เยอะอะไรมากมายเลย แค่นี้ยังมีอาการโยโย่เอฟเฟคกับเขาเลย ก็เลยเริ่มมีทรรศนคติต่อคำว่าโยโย่ในทิศทางที่เปลี่ยนไป
   คิดมาเสมอว่าโยโย่มันจะเกิดกับคนที่ใช้ยาลดความอ้วน แต่ในความเป็นจริง มันเกิดได้ตลอดเวลา เกิดได้กับทุกคน ถ้าเราเผลอ คุมอาหารไม่เข้มงวด หรือออกกำลังกายน้อยกว่าที่กินเข้าไป รับรองเสร็จ
   ยอมรับเลยครับว่าชล่าใจไปหน่อย เมื่อวานก็กินขนมไปหลายอย่าง (ปกติที่ผ่านมาช่วงลดน้ำหนักนี่กินขนมก็แค่คำสองคำ) กินนางเล็ดชิ้นโตๆ ไป 2 ชิ้น กินถั่วไปหลายขนาน ไอ้ถั่วนี่ตัดกันไม่ขาดจริงๆ เว้นได้แป๊บเดียวก็ไปหามาอีกซะแล้ว
   อยู่บ้านเฉยๆ เพิ่งจะว่างเปิดคอมฯพิมพ์ไดอารี่ชีวิต กลางวันหิวก็กินน้ำเต้าหู้และถั่วไป แต่บ่ายแม่เข้ามาบ้านซื้อหมูสะเต๊ะมาฝาก ปิดท้ายด้วยข้าวเหนียวมะม่วง โอ้โห ไอ้นี่ตัวเพาะพุงอย่างดีเลย จัดหนักมา 3 วันก่อน วันนี้คิดว่าจะต้องลดอย่างจริงจัง กลายเป็นว่าซ้ำต่อเป็นวันที่ 4
   เย็นไปคอนโด ไปเอาเก้าอี้นั่งมาให้มิวใช้ เหตุเกิดเพราะเมื่อคืนมิวนั่งเก้าอี้แล้วขามันหักพังโครมลงมา สันนิษฐานว่าเกิดจากน้ำหนักเกิน เปล่าหรอก ล้อเล่น มันคงจะเก่ามาก และมิวไปนั่งตรงขอบ ไม่ได้นั่งลงไปเต็มก้น
   เอารถกระบะไปขน เลยได้โอกาสเอาเก้าอี้นั่งทำงานของผมกลับมาซ่อมบุหุ้มหนังใหม่ด้วยเสียเลย ไอ้เก้าอี้ตัวนี้น่าโมโหอยู่สองเรื่อง
1 คือมันเก็บไว้ในห้องเฉยๆ คงจะวางไว้นานจนหนังเปื่อยหลุดร่อนออกมา
2 ผมโทรไปเรียกร้านที่ซื้อมาช่วยนำไปซ่อมให้ เขาบอกไม่รับซ่อม ด้วยเหตุผลที่ว่าเป็นเก้าอี้นำเข้า เขาไม่มีแบบ
   โมโหข้อ 2 มากกว่า ข้อ 1 นะ จำฝังใจเลย สินค้าของร้าน Mono ขายเครื่องใช้ในสำนักงานราคาถูก อยู่ตามห้างพวกเดอะมอลล์ เซ็นทรัล จะว่าไปเก้าอี้ก็ราคาไม่แพงมาก แต่ก็หุ้มซ่อมให้หน่อยไม่ได้หรือไง ไม่ได้จะขอซ่อมฟรีสักหน่อย คิดเท่าไหร่ก็ว่ามา
   ข่าวต่างประเทศ เมื่อเวลา 0700 ในประเทศไทย เรือข้ามฟากไปเกาะเชจูที่เกาหลีใต้ล่ม เป็นข่าวใหญ่โตเลย เกาะนี้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่โด่งดังอีกแห่งหนึ่งของเกาหลีเลย สอบถามผู้รอดชีวิตในเรือให้สัมภาษณ์ว่าได้ยินเสียงเรือชนอะไรสักอย่างเสียงดังมาก จากนั้นก็พลิกตะแคงอย่างรวดเร็ว รายงานล่าสุดคือตาย 2 เจ็บ 14 จากจำนวน 472 คน โอ้โห เรือใหญ่มากนะนี่
   สมาคมแฮคเกอร์ประกาศออกข่าวว่าสามารถเจาะเข้า Samsung S5 ได้เรียบร้อยแล้ว หลังจากวางตลาดโลกได้แค่ 4 วัน ขนาดเครื่องนี้ใช้ Finger Print Scan นะนี่ เออ ว่าแต่ มีสมาคมชาวแฮกเกอร์ด้วยหรือวะนี่
Title: Re: เมษ 57
Post by: O'Pern on April 20, 2014, 03:12:13 pm
17 เมษ 57
   วิ่งเพื่อชีวิต เอาน้ำหนักให้ลงมาให้ได้เท่า New Low เมื่อสามวันก่อนเร็วที่สุด อย่าปล่อยค้างไว้นาน เดี๋ยวมันจะค้าง อุตส่าห์ลดลงมาได้ 10 กก แล้ว แต่มันลงเพราะร่างกายสูญเสียน้ำจากการเพิ่งวิ่งเสร็จ เติมน้ำเข้าไประหว่างวันมันก็ตีขึ้นมาหน่อย
   เช้านี้วิ่งแบบช้ามากๆ ไปอ่านเวปพวกออกกำลังกายก็เลยเตือนสติเราได้อีกรอบว่าอย่าวิ่งเร็วเกินไป เหมือนที่ผมชอบว่าพวกนักจักรยานว่าขี่กันเร็วเกินไปจนร่างกายเก็บกักไขมันเอาไว้ เผาแต่คาร์โบฯ ขี่แบบนี้ ทั้งปีก็ไม่ผอม
   การวิ่งก็เช่นกันครับ หลายครั้งผมเผลอวิ่งเร็วไป นานไป ร่างกายก็จะเผาคาร์โบฯ และเก็บกักไขมันไว้ เช้านี้เลยวิ่งแบบเบามากๆ น่าจะวิ่งช้าสุดเท่าที่ผมวิ่งมา จัดไป 1 ชม อีกเช่นเคย
   วันทำงานแรกหลังวันหยุดยาว รถติดสิครับ แต่รู้สึกว่ารถยังไม่มากเหมือนที่คิด มิวก็เข้าตารางการใช้ชีวิตแบบเดิม คือไปเรียนพิเศษ น่าจะเป็นเด็กบ้าเรียนพิเศษมากที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมา ผมไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วในใจเขาคิดอะไร แต่เราก็คุยกันเรื่องความฝันและเป้าหมายในชีวิตของเขาเสมอ
   มิวยังคงคิดฝันที่จะเป็นนักบิน และเข้าโรงเรียนเตรียมทหาร ตอนวิ่งไปในหัวผมก็คิดวนเวียนอยู่แต่กับเรื่องพวกนี้ ถ้าเขาทำฝันได้สำเร็จจริงมันคงเป็นความรู้สึกที่สุดยอดมากๆ
   มิวตั้งเป้าไว้ตั้งแต่ตอน ป2 ว่าอยากเป็นนักบิน แรกๆ ก็ไม่ได้สนใจอะไร นึกว่าเขาคิดฝันแบบเด็กๆ เพราะก่อนหน้านั้นเขาอยากเป็นนักดำน้ำ รบเร้าให้พาไปเรียนดำน้ำแบบสกูบ้า แต่พอตอนนี้ตัวโตแล้ว เรียนได้แล้ว มิวบอกไม่เอาแล้ว
   มิวเคร่งกับการเรียนเสริมก่อนเปิดเทอม ผมก็เคร่งกับการลดน้ำหนัก และสร้างกล้ามท้อง ต่างคนต่างมีภารกิจที่ต้องทำด้วยตัวเอง ก็ดีครับ สู้ไปด้วยกันนะลูก เราจะไปให้ถึงฝันด้วยกัน
   วันนี้ตื่นเช้ามากเลย 0400 ก็ตื่นแล้ว เหตุมาจากพามิวเข้านอนตั้งแต่ 0800 แต่กว่าจะหลับก็ราว 0900 สอนให้ลูกนอนเร็ว ตั้วเราเองก็ต้องเข้านอนเร็วด้วย ลูกจะทำตามเลียนแบบพ่อแม่ พ่อแม่ชอบเล่นโทรศัพท์ลูกก็จะเป็นไปตามนั้น พ่อแม่พูดคำหยาบลูกก็ไม่รอดหยาบไปด้วย
   ผมเล่น Uke ร้องเพลงในบ้านบ่อยๆ ไม่เห็นมิวจะชอบดนตรีสักที เล่นบ่อยเลยนะ บางวันเล่นเป็นชั่วโมงๆ เจอเพลงคุ้นๆ มิวก็ช่วยร้องด้วยก็มี ผมว่ามันน่าจะต้องซึมเข้าสมองเข้าบ้างล่ะน่า
   ฝึกดนตรีเพื่อพัฒนาอารมณ์
   ฝึกกีฬาเพื่อพัฒนาร่างกาย
   ฝึกธรรมมะเพื่อพัฒนาจิตใจ
   ถ้าใครได้ฝึกครบสามอย่างนี้รับรอง เรียกว่า “เด็กเทพ” ได้อย่างเต็มปาก
   ผมเรียนรู้เองหมดทุกอย่าง เหตุเกิดเพราะอยู่คนเดียวบ่อยๆ นานเข้ามันก็รู้ผิดชอบชั่วดีได้ด้วยตัวเอง ลองผิดลองถูกเอง จนได้ผลออกมาอย่างที่เห็น ว่างๆ ก็นั่งหาคำตอบของชีวิตเช่น คนเราเกิดมาเพื่ออะไร อะไรคือสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต ฯลฯ แนวแบบจะเข้านิพพานแล้ว
   เช้านี้กินผัดผักคะน้าน้ำมันหอยใส่หมูกรอบ แต่ผมเลือกเลาะกินเฉพาะเนื้อหมู มันไม่กิน หนังไม่กิน ผักก็กินเน้นใบ มีไข่ต้มอีกฟอง กินกับข้าวกล้อง
   เปิดงานวันแรก คนงานขาดงานเพียบ เหนื่อยเราเองครับ ยกแบกของเองตลอดช่วงเช้า เหนื่อยดี คิดบวกว่าได้ออกกำลังกาย แถมได้ช่วยงานด้วย สายหน่อยเข้าก็หิว หาอะไรกินก็ไม่มี กินขนมปังกรอบมันซะเลย หึหึ กินไปก็ทำใจไปว่าพรุ่งนี้เช้าเหนื่ออีกแน่
   บ่ายเข้ามาบ้านกินผลไม้ชดเชย จัดแตงโม ชมพู่ ลดน้ำหนักสไตล์ผมก็คือต้องกินผักและผลไม้ทุกวัน กินหลากหลายยิ่งดี แต่ละสีของผักผลไม้ก็จะให้ประโยชน์ต่อร่างกายที่แตกต่างกันออกไป
   เย็นมิวมีนัดทำฟัน นัดเจอกันที่สถานีรถไฟฟ้า พามิวเข้าไปจัดฟันครับ หมอบอกต้องถอน 4 ซี่ มิวต้องเจ็บฟันแน่ๆ อย่างน้อยถอนฟันไปแล้วเหงือกจะเป็นรูโบ๋ เคี้ยวกินอะไรไม่ถนัด เลยพาไปกินร้านสีฟ้าก่อนเข้าไปทำฟัน
   ผมไปถึงก่อนเวลาพักใหญ่ เลยเดินร้านขายชุดกีฬาแถวธนิยะ ดูรองเท้าวิ่ง ตาถึงจริงๆ ไปหยิบมาคู่หนึ่ง หน้าตาถูกใจมาก สีดำล้วน ผมชอบแบบเรียบๆ สีสันฉูดฉาดไม่เอา พลิกดูเจอราคา 7500 ตาแทบถลน เป็นของยี่ห้อ asics
   ข้าวของละลานตาดี แต่ราคาถูกสุดน่าจะราว 2500 ก็เลยได้แต่ดูครับ สักพักมิวโทรมาหา เลยบอกว่าให้มาหาในร้านรองเท้านี้ มิวเขาไม่เคยนังรถมาลงสถานนีศาลาแดงนี้มาก่อนเลย จึงประหม่าหน่อย แต่ก็ถือว่าเป็นการฝึกเขาไปในตัว
   ชวนกันกินร้านสีฟ้าก่อนเลย เดี๋ยวถอนฟันแล้วจะกินอะไรไม่ลง เสร็จแล้วก็ขึ้นไปทำฟันที่ตึกชาญอิสสระ มิวกินข้าวผัดอเมริกัน ขนมเบื้องญวน ผมกินยำวุ้นเส้น เสร็จแล้วก็ขึ้นไปทำฟันเลย
   หมอทำการถอนฟันที่กำหนดไว้ ผมนังในห้องเป็นเพื่อนมิวแต่มองดูหมอแป๊บเดียวก็ไม่กล้าดูอีกเลย น่าตกใจมากครับ ดึงฟันสวยๆ ทั้งซี่ออกมาจากกรามเลย น่ากลัวมากๆ ผมขอหมอเอาฟันกลับมาบ้านด้วย เพราะเก็บฟันมิวเอาไว้ทุกซี่ เก็บแม้กระทั่งสายสะดือที่หลุดตอนอายุไม่ถึง 7 วัน มีชื่อติดไว้เสียด้วย
   หมอให้กัดผ้าก็อซห้ามเลือด มิวทำตามอย่างเคร่งครัด หมอให้พูดน้อยๆ อยากให้เลือดหยุดเร็วๆ ตอนอยู่ในรถเลยได้แต่มองหน้ากัน สงสารมิวมากๆ พอถึงบ้านมิวร้องไห้ ผมเข้าไปกอดให้กำลังใจเขา บอกว่าเราทำเพื่อความจำเป็น มิวฟันเกหลายซี่ จะดูแลรักษาฟันยาก ปล่อยทิ้งไว้นาน ถ้าแปรงฟันไม่ดี ฟันก็จะผุง่าย เราถอนออกก็เพื่อจัดฟันให้เป็นระเบียบ ฟันจะเรียงสวย แปรงฟันง่าย ดูแลง่าย และหน้าตาจะดูดีขึ้น คางจะเรียวสวย
   อธิบายเหตุผล เขาก็รับฟังและเข้าใจดี พามิวเข้านอน นอนกอดกัน จับมือกันไว้ ให้กำลังใจเขา มิวเขาไม่คุ้นเคยกับสถานการณ์แบบนี้ เกิดมาไม่เคยฟันผุ ไม่เคยฉีดยาชาจนปาก ลิ้น รู้สึกหนาๆ ก่อนนอนให้เขาจิบน้ำโดยใช้หลอด สักพักใหญ่ก็หลับไป
   อดทนหน่อยนะลูก เพื่ออนาคตที่ดี แต่มิวยังคงไม่รู้ว่าอาทิตย์หน้าต้องไปถอนออกอีก 2 ซี่ ผมยังไม่กล้าบอกเขาเลย
Title: Re: เมษ 57
Post by: O'Pern on April 20, 2014, 03:16:24 pm
18 เมษ 56
   วิ่งแบบช้าๆ นี่ถ้ามี Heart Rate Monitor ก็คงจะง่ายกว่านี้ แต่ผมไม่ชอบพวกเทคโนโลยีไง ออกแนวขวางโลก เลยใช้วิ่งแล้วร้องเพลงออกเสียงไปด้วย เพื่อเช็คว่าเราไม่ได้วิ่งเร็วเกินไป
   จะลองวิ่งแบบช้าๆ นี้ดูสักพัก แต่มีความรู้สึกว่าร่างกายเราไม่ค่อยได้ออกแรงมากเท่าไหร่เลย วิ่งไป 1 ชม ก็ไม่เห็นจะเหนื่อยตรงไหน อ่านจากเวปเขาว่าวิ่งแบบนี้แหละร่างกายจะเผาผลาญไขมันได้ดีกว่าวิ่งเร็ว แบบนั้นจะเผาคาร์โบฯเสียมากกว่า รู้ทั้งรู้นะ แต่บางทีวิ่งๆ ไปมันเผลอเพิ่มความเร็วอยู่เรื่อยเลย
   ทำแกงจืดเต้าหู้ให้มิว แต่มิวไม่กิน บอกเจ็บปาก อยากกินโจ๊ก ขี่จักรยานไปซื้อให้ลูกชายสุดที่รัก และติดมือมาฝากภรรยาด้วย
   เป็นวันแรกที่มิวบอกขออยู่บ้าน ไม่ไปเรียนพิเศษ ไม่เป็นไรครับ สบายๆ แต่กลัวว่าอยู่บ้านจะเล่นแต่ IPhone นี่แหละ มันจะมาเหนื่อยผมที่ต้องหาวิธีเลี้ยงดูลูกในยุคไอที
   ขับรถไปร้านขายของคนเดียว ปกติจะมีมิวนั่งไปด้วย ไปลงที่สถานีรถไฟฟ้า วันนี้ขับไปคนเดียวเลยเอารถ Nissan 180SX ไปใช้ แต่พอถึงที่ทำงานแล้วเพิ่งนึกออก เฮ้ยย ทำไมเราไม่ขี่จักรยานมาวะ
   บ่ายกลับเข้ามาบ้าน เป็นห่วงมิว ไม่รู้ยังเจ็บฟันอยู่ไหม พอเจอหน้ามิวคุยจ้อเลย แสดงว่าหายเจ็บแล้ว เล่นโทรศัพท์อย่างเมามันดังคาด
   หิวจัด กินถั่วเขียวต้มไป 2 ชามใหญ่ ยังไม่อิ่ม อยากกินติดพัน หยิบขนมปังกรอบกินไปหลายชิ้นเลย พอชักอิ่มก็เริ่มสำนึกผิด นึกถึงตอนเช้าพรุ่งนี้ที่ต้องออกไปวิ่งอีกแล้ว และขณะวิ่ง ผมก็คงจะคิดถึงตอนขณะหยิบขนมปังกรอบนี้กิน คิดแบบวนกลับไปกลับมา
   เย็นล้างรถ Nissan 180SX ในรอบหลายเดือน จอดนิ่งๆ มานานจนผึ้งมาทำรังในท่อไอเสีย เวรกรรมจริงๆ วันนี้เอาไปวิ่งแล้วรู้สึกวิ่งดีอยู่ แบตฯลูกใหม่แบบแห้งไฟแรงดีมากๆ จอดไว้หลายวันไม่ได้สตาร์ทยังโอเค
   มีหิมะถล่มบนยอดเขาเอเวอร์เรสท์ ตายไป 12 สูญหายอีกกลุ่ม ยอดเขาแห่งนี่สูง 8850 เมตร มันท้าทายนักเดินทางเสียจริงๆ
   เรือเฟอรี่ที่เกาหลีล่มน่ากลัวกว่าที่คิด กลายเป็นว่ามีผู้สูญหายเป็นร้อยเลย ตายเพียบ ส่วนใหญ่เป็นเด็กนักเรียนไปทัศนศึกษาที่เกาะแห่งนั้น ในเรือก็ใหญ่มากชนิดที่บรรทุกรถยนต์ได้เป็นร้อยคัน น่าเห็นใจจริงๆ ครับ เหตุเกิดในน้ำเย็นเฉียบ 12C อุณหภูมิแบบนี้อยู่ได้ไม่เกิน 2 ชม ครับ
   ขอให้มีปาฏิหาริย์ด้วยเถิด สักชีวิตก็ยังดี
Title: Re: เมษ 57
Post by: O'Pern on April 20, 2014, 03:18:59 pm
19 เมษ 57
   ตั้งใจว่าจะลองวิ่งแบบช้าๆ ดูสัก 7 วัน ถ้าน้ำหนักลดได้เร็วกว่าเดิมแสดงว่าเริ่มมาถูกทาง เช้านี้จัดไป 50 นาที วิ่งได้ไม่เต็มชั่วโมง เสียเวลาร้อยเชือกรองเท้า เพราะนำไปซัก ซื้อมา 3 เดือนกว่า วิ่งทุกวัน เพิ่งจะซักนี่แหละครับ พลิกหงายมาดูพื้นเห็นรอยสึกแหว่งบริเวณส้นเท้าแล้วน่าตกใจ มันแหว่งไปเยอะมาก พื้นเป็นโฟมนุ่มๆ ก็เลยสึกง่าย แต่ข้อดีคือเป็นรองเท้าวิ่งที่น้ำหนักเบาที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมา (ไม่นับรองเท้าแข่งนะ) แถมราคาราว 1000 บาท เดี๋ยวช่วงบ่ายไปห้าง จะลองเข้าไปดูอีก ถ้ายังมีอยู่อาจซื้อมาเก็บสำรองไว้ใช้ ของดี ราคาถูก หายากมาก
   มิวกลับมาร่าเริงเหมือนเดิม เช้านี่ขอติดรถไปเรียนพิเศษด้วย จัดไปครับ มุ่งมั่นเข้าไว้เพื่อความฝันของเรานะลูก เราคิดฝันใหญ่ไม่เหมือนคนอื่นเขา เส้นทางชีวิตของมิวกับเพื่อนก็เลยแตกต่างกัน มันสำคัญมากที่ลูกรู้ความฝันของตัวเองตั้งแต่ ป2 อายุราว 9 ปีเองมั้ง มันสุดยอดจริงๆ เลย ขนาดพ่อชอบรถยนต์มาตั้งแต่เด็ก ยังมารู้ความฝันของตัวเองตอนอายุ 22 โน่น
   ฝันไกล ฝันใหญ่ ก็ต้องเริ่มตั้งแต่เด็กครับ ลูกมาถูกทางแล้ว ไม่ว่าลูกจะคิดฝันอะไรก็ตาม จงอย่าละทิ้งความฝันนั้นเด็ดขาด
   อยู่ร้านขายของจนถึงบ่ายก็ไปทำธุระที่ธนาคาร และคอยจนมิวเลิกเรียน รับกลับบ้าน แต่พอไปถึงห้างธนาคารปิดปรับปรุง เลยมีเวลาเหลือเพียบ เจอเขาจัดมุมเซลล์เสื้อผ้า ซื้อเสื้อยืดคอกลมผ้านุ่มๆ มาตัวหนึ่ง ราคา 180 บาท พอรับได้ แพงกว่านี้ไม่ค่อยกล้าซื้อใส่ เสียดายเงิน เก็บไว้ให้มิวเรียนดีกว่า
   สักพักมิวมาตามนัด เลยชวนกันกินก๋วยเตี๋ยวคนละชาม กำชับให้มิวบ้วนปากนานๆ ทุกครั้งหลังอาหาร เพราะตอนนี้เหงือกเป็นรูโบ๋ เศษอาหารจะตกลงไปบ่อยๆ ต้องรักษาความสะอาด อย่าให้ปากมีกลิ่น เสียบุคลิก
   มิวขึ้นไปเรียนคุมอง ผมเดินในซุปเปอร์ ฮ่าๆ ซื้อถั่วมาอีกแล้ว แต่เอามาไม่เยอะแค่ 3-4 ซอง กะกินครั้งละซองพอ ติดใจขนมปังฝรั่งเศสแบบทรงกลม เอามากินกับแยมสตอเบอรี่แบบหวานน้อย ไอ้นี่ก็อ้วนนะ แต่ไม่มากเท่าถั่ว
   นี่ผมกินของอ้วนๆ จนรู้แล้วนะว่าอันไหนกินแล้วอ้วน อันไหนกินแล้วให้พลังงาน อันไหนกินแล้วอารมณ์ดีมีความสุข
   กินแล้วอ้วนก็คือพวกของทอด อยากกินจริงๆ ก็กินได้ แต่อย่ากินเยอะ เอาแค่พอหายอยาก
กินแล้วให้พลังงาน กินแล้วมีพลัง คือพวกแป้ง กินแล้ววิ่งทุกเช้าแบบที่ผ่านมาโอเคเลย ไม่สะสม ถ้าเลือกประเภทของแป้งเป็นด้วยก็จะดีมาก
กินแล้วอารมณ์ดีคือพวกถั่ว ช็อคโกแลต แต่ยังไม่กล้ากินช็อคโกแลตนะ กลัวเพลินกินติดลม เดี๋ยวจะงานเข้า
   เดินซูปเปอร์ฯนี่สนุกนะครับ ผมชอบดูของแปลกใหม่ สร้างจิตนาการดี ซื้อเต้าหู้ผัดกระเพราตราลูกสาวที่ชมพู่โฆษณา พออ่านฉลากก็รู้แล้วว่าโกหก เพราะบอกว่าให้พลังงานแค่ 120 แครอลี่ ขาดไป 1000 เท่า หน่วยของพลังงานก็คือ กิโลแครอลี่ต่างหาก แต่ก็ลองจัดมากินดู ถ้าอร่อยก็จะไดบันทึกเอาไว้เป็นอาหารที่เราพอกินได้ยามออกเดินทางไกล
   ซื้อโยเกิตบัลแกเรียมา 4 กล่อง แถมกระเป๋าหิ้วเล็กๆ แบบเก็บความเย็นด้วย จัดไปครับ ไอ้นี่ก็ชอบกิน อร่อยดี มีประโยชน์ แต่อ่านหนังสือตำราพวกยาไทยโบราณเขาบอกโยเกิตไม่ดี นมไม่ดี คืออะไรที่ทำมาจากสัตว์จะไม่ดีทั้งนั้น
   หยิบเอาเฉาก๊วยมา 1 กระปุก วันก่อนดูสารคดีการทำเฉาก๊วยน่าสนใจดี จัดมากินดับร้อนจากภายในด้วยสมุนไพรจีนแท้ๆ ไม่ต้องไปหาอิชิตันมาแดกให้เพิ่มพุง
   พอน้ำหนักเริ่มลดนี่ค่อยกล้าซื้อหน่อย เอาลูกเดือยอบกรอบมากินเล่นด้วยนะ ตามมาด้วยปลาหมึกเต่าทองอีก 2 ซอง ไอ้นี่กินได้ ไม่อ้วนเท่าไรนัก
   นัดพบมิวในร้านหนังสือ ไปรอก่อนเวลาเล็กน้อย ผมว่าอ่านหนังสือนี่มันยังไงก็สนุกและสบายกว่าอ่านจากหน้าจอเยอะมาก ไหนใครวะบอก E Book / E Mag จะมาฆ่าตลาดหนังสือกระดาษ หึหึ บอกเลยครับ “ไม่มีทาง”
   มันก็อาจเป็นไปได้สำหรับหนังสือที่เนื้อหาโหลยโท่ย หรือพวกอ่านเล่น ไม่มีแก่นสารอะไร ของหลอกเด็ก แต่ถ้าเป็นหนังสือดีๆ ล่ะก็ ไม่มีทางที่จะฆ่าเขาได้เลย
   มิวขอซื้อการ์ตูนโดเรมอน 1 เล่ม จัดไปอีกขำขำ มีตู้หนังสือขนาดใหญ่แล้ว มีที่เก็บแล้ว แต่ไม่น่าเชื่อนะว่าจะต้องซื้อไอ้ตู้แบบที่เพิ่งจัดมาจาก Ikea นี้อีก 1 ชุด ดูแววแล้วมันไม่พอเก็บแน่ๆ นี่ขนาดยังไม่มีหนังสือเรียนของสวนกุหลาบมานะ
   เย็นเอารถพ่อมาล้าง ได้ออกแรงช่วงเย็นหน่อยรู้สึกร่างกายโอเคดีมาก ดีกว่านั่งหน้าจอ รู้สึกอยากอาหารน้อยลง
Title: Re: เมษ 57
Post by: O'Pern on April 20, 2014, 05:58:53 pm
20 เมษ 57
   ลังเลตั้งแต่เมื่อคืนว่าจะไปวิ่งที่ไหนดี ไปสนามกีฬา หรือจะวิ่งแถวบ้านเหมือนเดิม อีกใจก็อยากขี่จักรยานบ้าง
   จักรยานยางแบน ยังไม่ได้ปะ จะเอารถคันอื่นออกก็ไม่คุ้นกับเบาะ ตอนนี้ก้นไฮโซไปแล้ว ติดเบาะ Brooks เสียแล้ว
   เป็นอันว่าวิ่งแถวบ้านเหมือนเดิมครับ เช้านี้จัดไป 1.30 ชม วิ่งช้าๆ ซ้ำอีกวัน เหงื่อเปียกโชก ยังดีที่รองเท้าไม่เปียก ถุงเท้าอย่างดีช่วยรับน้ำเอาไว้
   ผมใส่เสื้อผ้าอะไรก็ได้นะ แต่ถ้าเป็นถุงเท้ากับกางเกงในนี่จะขอเลือกอย่างดีที่สุดเท่าที่จะหาได้
   เช้านี้วิ่งจนน้ำหนักลดลงมาอีกนิด ตอนมันลดเราก็มีกำลังใจ แต่พอเข้ามาบ้านนี่สิ เจอของกินเพียบ เด็ดสุดคือสารพัดถั่วคั่วกับปาปริก้ามาจากจอร์แดน ไม่ใช่ถั่วลิสงนะ เป็นพวกถั่วแพงๆ อย่างเฮเซล ฟิสตาชิโอ มีอัลมอนด์ และมะม่วงหิมพานต์แซมปนบ้าง
   ยังมีมะม่วงกวนอย่างดีอีกกล่องใหญ่ วางรอให้หยิบกินได้อีกนานแสนนาน (เพราะมันแช่ตู้เย็นเก็บไว้ได้เป็นปี)
   อารมณ์ดีนั่งเล่น Uke พอสายหน่อยพ่อแม่กลับเข้ามาบ้าน บอกไปสวนหลวง ร9 มา ซื้อข้าวของกินมาเพียบ ผมยังไม่ได้กินอะไร เลยกินข้าวหมูทอดแกงกะหรี่ ชุดละ 70 บาท รสชาติกลางๆ ครับ พอกินได้ แต่ไม่ติดใจ
   สายไปธุระที่ธนาคาร และไปต่อทะเบียนรถที่ Big C กลับมาบ้านหิวจัด แม่ชวนกินข้าวเหนียวมะม่วง หึหึ จัดไปอีกจาน แปลกนะ กินก็เยอะแล้วยังอยากกินโน่นนี่อีก เลยกินขนมปังฝรั่งเศษทาแยมสตอเบอรี่ไปอีกชิ้น แถมยังหยิบถั่วกินอีกกำ โหห ลูกพี่ จัดเต็มจริงๆ
   พออิ่มแล้วเริ่มรู้สึกผิด แบบชล่าใจมั้ง คิดว่าตัวเองวิ่งทุกวัน และของที่กินเข้าไปไม่ได้เป็นของทอดหรือของหวานจัด ก็เลยพอจะรีดออกได้บ้าง แถมคาร์โบฯที่กินเข้าไปตอนนี้จะกลายเป็นไกลโคเจนอยู่ในกล้ามเนื้อ เตรียมพร้อมสำหรับวิ่งในวันพรุ่งนี้
   อ้อ ระยะหลังมานี้ไม่เคยเจ็บปวดข้อหรือกล้ามเนื้อเลยนะ ทั้งๆ ที่ผมไม่เคย Stretch เลยแม้แต่ครั้งเดียว เป็นไปได้ว่า ATP ในกล้ามเนื้อทรงพลังมาก
   กินไปเยอะ อัดเข้าไปแยะ เล่นหลายขนาน ช่วงเย็นต้องหาอะไรทำให้ออกแรงหน่อย จะได้ไม่อยากอาหาร
   บ่ายมิวกลับเข้ามาบ้านแล้ว ตกใจเลย ปกติวันอาทิตย์จะกลับเย็นค่ำมืด ไม่ต้องคิดมาก IPhone เปลี่ยนชีวิตมิวไปครับ ผมก็ไม่อยากตึงมาก เขามีของเล่นในมือ เขาก็ย่อมอยากเล่น มันจะมาเดือดร้อนผมที่ต้องคิดหากลยุทธมาต่อสู้กับไอ้ผลิตภัณฑ์จากสตีฟจ็อบนี่แหละ
   เหนื่อยนะครับ ไม่ใช่ง่ายๆ นะ บางทีทำอะไรมันไม่ได้ คิดอะไรไม่ออก ก็กอดแม่งเลย กอดทั้งๆ ที่ขณะเขากำลังเล่นเกมนี่แหละ ก็ไม่รู้จะหาอะไรมาสู้ เอาความรักนี่แหละวะไปสู้กับเทคโนโลยี
   พยายามให้เขาเล่นเกมเกี่ยวกับเครื่องบิน จะมีฝึกการลงจอด การลดระดับ เปิดแฟลบ กางฐานล้อ ฯลฯ ก่อนหน้านั้นก็จะมีการดูทิศทางของสนามบิน เลือกว่าจะบินจากไหนไปไหน
   มิวฝึกบินจากเครื่องฝึกหลายลำ ทำได้คล่องแคล่วดีมาก จนเขาอยากได้โปรแกรมฝึกบินของเครื่องบินโดยสารของจริง พร้อมคันโยกเครื่องบิน โหห เริ่มเล่นของแพง
   ว่าจะไม่โมโห กินถั่วดับอารมณ์จนพุงออก เห็นมิววุ่นวายอยู่แต่กับโทรศัพท์ IPhone แล้วมันน่าโมโหจริงๆ สุดท้ายใช้กลยุทธเดินหนีแทน คือไม่อยากเห็นภาพนั้น แม้จะเป็นการหนีปัญหาก็ตาม
   โกรธนะโว๊ยย อยู่ดีๆ ก็เอา IPad มาให้เด็กเล่นจนการเรียนตก มาตอนนี้เอา IPhone มาให้มันอีกเครื่อง ก่อนหน้านั้นก็มี IPod ไปแล้วตั้งแต่ ป4

   ตกเย็นหาอะไรทำออกแรง ไปปะยางจักรยานที่มันซึม แต่ตรวจดูแล้วมองไม่เห็นรอยรั่ว เอาแล้วสิมึง ทำไงดี ช่างมัน ปล่อยมันไว้ ขี้เกียจรื้อ กลัวเหนื่อยฟรีแบบคราวก่อนโน้นที่รื้อออกมาแล้วไม่เห็นแผล จับแช่น้ำยังไม่เจอ พอประกอบกลับก็เก็บลมได้ปกติ งงจริงๆ
Title: Re: เมษ 57
Post by: O'Pern on April 22, 2014, 06:18:23 pm
21 เมษ 57
   วิ่งไม่เลิกรา ยิ่งเมื่อวานกินเยอะ เช้านี้ยิ่งต้องมาวิ่งรีดออก ต้องคอยย้ำตัวเองบ่อยๆ ว่าอย่าวิ่งให้เร็วมาก เอาแค่พอร้องเพลงได้ นึกเพลงอะไรไม่ออกก็ร้องเพลงในหลวงของแผ่นดิน นี่ผมหาคอร์ด Uke ในอินเทอร์เนทมานานแล้วหาไม่เจอสักที อยากเล่นเพลงนี้ได้จริงๆ ไพเราะเหลือเกิน 
   วิ่งไป 1.15 ชม (วันนี้ตื่น 0430 เลยมีเวลามากหน่อย) รู้สึกร่างกายเหงื่อออกแล้วสบายตัวมาก อยากถอดเสื้อวิ่งเหมือนกันนะ แต่พอให้ไขมันที่พุงน้อยกว่านี้อีกหน่อย แบบวิ่งแล้วพุงไม่กระเพื่อมเป็นใช้ได้ ส่วนกล้ามท้องนั้นยังคงต้องไขว่คว้ากันต่อไป ไขมันที่หน้าท้องเป็นจุดแรกที่ร่างกายสะสม และจะเป็นจุดสุดท้ายที่ร่างกายกำจัดออก แต่ผมไม่ละความพยายามหรอก
   วิ่งไปก็นึกถึงขยะที่เมื่อวานยัดเข้าไปในปาก เช้ามาก็มีข้าวแกงกะหรี่หมูทอดแบบญี่ปุ่น กลางวันเป็นข้าวเหนียวมะม่วง ระหว่างกันก็กินสารพัดถั่วอบรสพริกจากจอร์แดน มีขนมปังฝรั่งเศสทาแยมสตอเบอรี่ มะม่วงกวน มีของดีอย่างเดียวคือแตงโม 1 กล่อง นอกนั้นเรียกขยะก็ไม่ผิด
   คิดแล้วสำนึกผิดว่ะ (แต่พอหิวแม่งไม่เห็นจะสำนึกเลยนะ) วิ่งไปร้องเพลงในหลวงของแผ่นดินไป ร้องแล้วอินมาก นึกถึงพวกเสื้อแดงที่พูดจาให้ร้ายองค์ท่านแล้วน่าโมโห ถ้าเป็นคนเลือดร้อนนี่คงตั้งทีมล่าหัวกันแล้ว แต่ไทยเราเมืองพุทธไง สอนแต่เรื่องการให้อภัย ไม่มีคิดแค้นเคืองต่อกัน มันก็เลยได้ใจ ด่าเล่นกันสนุกปาก ไอ้พวกนี้จะต้องเจอกับคำว่า “นรกกินกบาล”
   อาหารเช้าวันนี้สุดยอดอีกแล้ว เป็นเนื้อปลากะพงผัดกระเพรา กินกับไข่ต้ม กระเทียมสด ข้าวกล้อง ไข่ต้มกับกระเพราไม่ค่อยเข้ากันเท่าไหร่ แต่อยากลดพุงไง เลยไม่อยากทำไข่ดาว มันให้พลังงานมากกว่า
   เช้านี้มิวตามผมออกไปเรียนพิเศษอีกเช่นเคย บอกว่าวันนี้เรียนคอร์สสอนสดให้รีบไปหน่อย แต่มันเป็นเช้าวันจันทร์หลังวันหยุดยาว รถติดแบบโคตรๆ ยังดีเผื่อเวลาไว้เยอะ มิวไปเรียนทันแน่ แต่จะได้นั่งหน้าสุดแบบที่เขาชอบหรือเปล่าก็ไม่รู้
   อยู่ที่ทำงานไม่มีอะไรกิน หิวๆ ก็กินกล้วยน้ำว้า เช้าถึงเที่ยงกินไป 2 ผล พอแก้หิวได้ดี
   บ่ายเอารถพ่อคันเก่าไปเข้าศูนย์ ภรรยาขับบนทางด่วนเร็วๆ แล้วบอกว่ามีเสียงดังมาจากช่วงล่างด้านหน้า ผมลองขับในเมืองกดยังไงก็ไม่ถึง 100 เลยไม่ได้ยินเสียง ฝากให้ศูนย์ช่วยดูแลก็แล้วกัน เอารถ Neobike 16 ติดท้ายรถไปด้วย จะได้ขี่ขับบ้าน ประหยัดเงินค่าแท็กซี่ เอาเงินจำนวนนี้ไปซื้อก๋วยเตี๋ยวกินกลางทางเสียยังดีกว่า
   ถึงร้านก๋วยเตี๋ยวนี่อย่างร้อนเลย เหงื่อไหลพรากๆ นั่งกินแบบไม่มีความสุข อยู่ใต้กันสาดสังกะสี แม้จะสูงพอควร แต่ก็ยังร้อนไอแดด กินไปซับเหงื่อไป แต่พอกินเสร็จออกขี่จักรยานกลางแดดกลับรู้สึกเย็นสบายกว่าตอนนั่งในที่ร่มอีก แปลกดีว่ะ
   กลับมาบ้านรีบอาบน้ำเลย แต่มันเหมือนนาทีทองนะ คือช่วงนี้การประปานครหลวงเปิดระบบน้ำอุ่นออโต้ไว้ ผมมีเวลาแค่ 20 วิ ที่จะได้น้ำเย็นฉ่ำ หลังจากนั้น มันจะร้อนและลวกถึงระดับไข่สุก
   รีบเปิดน้ำราดๆ รดทั่วตัว ไม่ได้ถูสบู่กลัวล้างออกไม่ทัน เอาแค่ล้างเหงื่อออกก็พอแล้ว แค่นี้ก็สุขสุดๆ แล้ว
   กลับมาบ้านดันหิวโฮกอีก หยิบถั่วคั่วพริกจากจอร์แดนมากินเยอะเลย ผมว่าน้ำหนักไม่ลงก็เพราะไอ้ถั่วนี่แหละ เล่นเฮเซลเสียด้วย ของพวกนี้ให้พลังงานเยอะ ไขมันเยอะ แถมเคี้ยวแล้วเพลิน กินเม็ดเดียวไม่ได้ ต้องมีต่อๆๆๆๆ แบบไม่รู้จบ
Title: Re: เมษ 57
Post by: O'Pern on April 22, 2014, 06:20:34 pm
22 เมษ 57
   น้ำหนักที่ตีขึ้นมาตอนสงกรานต์ทำท่าจะลงยาก เช้านี้เลยวิ่งไป 1.15 ชม เหงื่อเพียบกว่าเมื่อวาน เพราะร้อนอบอ้าวตั้งแต่เช้า วิ่งเสร็จเดินผ่อนคลายอีก 10 นาที
   อาหารเช้าเป็นเนื้อไก่ผัดขิงใส่เห็ดหูหนูดำ ไข่ต้ม กระเทียมสด ข้าวกล้อง ใครว่าอะไรดี กินไม่ยาก ก็ลองกินๆ มันเข้าไป เวิร์คก็ทำต่อ ไม่เวิร์คก็หยุด
   เช้านี้เอารถ Nissan 180SX ออก เดือนก่อนยังบ่นๆ ว่าเครื่องรวน วิ่งแล้วไม่มีแรง แต่วันนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว กดนิดเดียวพุ่งปรี๊ดเลย เฮ้ย ปาฏิหาริย์ ขับโคตรมันส์เลย กลัวจะเบรกไม่อยู่เอาน่ะสิ
   กดเป็นพุ่ง ติดตีน แต่เบรกไม่ดี ยางห่วย ช็อคฯแย่ อาการรถเก่าแต่ยังไม่อยากเปลี่ยน ขับต้องระมัดระวังอย่างมาก โดยเฉพาะตอนฝนตกนี่ไม่กล้าไปแรงเลย
   ข้อเสียของไอ้คันนี้คือไม่ได้ติดฟิล์มครับ กระจกใสแจ๋วเลย ก็ดูสวยดี แต่ขับแล้วร้อนฉิบเป๋ง ขนาดสเปกเดิมของกระจกเป็นแบบกรองแสงแล้วนะนี่
   กลางวันไปซื้อของที่แมคโคร บรรทุกมาเต็มกระบะ ขากลับต้องนั่งเบียดด้านหน้ารถกันมา 3 คน แถวจรัลสนิทวงศ์รถติดมากครับ ทำรถไฟฟ้าตลอดสายเลย ไม่ค่อยได้มาแถวนี้ ไม่คุ้นจริงๆ ก็ต้องทนติดๆ กันไป
   กว่าจะเสร็จงานทุกอย่างก็ราว 0300 กลับมาถึงบ้านก็แกะห่อเปาะเปี๊ยะสดที่ซื้อมาระหว่างทางนั่งกิน เติมต้นหอมอีก 10 ต้น ใบสะระแหน่อีกหน่อย กินผักสดเข้าไปเยอะๆ แหละดี ปลูกเองได้ยิ่งดี นี่ถ้าทำบ้านใหม่อีกหลัง ผมอยากได้มุมสวนพืชผักสวนครัว
   อยู่บ้านนั่งอ่านหนังสือ เขียนหนังสือ เล่น Uke เดินไปเดินมา ออกกำลังกายบ้าง ตอนเราออกแรงนี่รู้สึกว่าจะลดความอยากอาหารไปได้ดีมาก แต่ถ้าอยู่เฉยๆ หรือนั่งหน้าคอมฯนานๆ นะ รับรอง อยากกินจุบจิบ
   วันนี้เป็นวันซ้อมของงาน Hua Hin Regatta 2014 ปีนี้มิวไม่ได้ไปร่วมแข่งครับ ผมให้เขาตัดสินใจเอง เขาบอกอยากอยู่เรียนพิเศษมากกว่า ส่วนเพื่อนๆ มิวแก๊งเรือใบก็ยกเลิกเช่นกัน แต่ละคนต้องเรียนเสริมพร้อมรับโรงเรียนใหม่ในชั้น ม1
   น่าเสียดายเหมือนกันนะ ผมเองก็วางแผนไว้นานแล้ว ยังไงๆ คิดว่าปีนี้ต้องได้ไปอีกแน่ แถมปีนี้ทางผู้จัดเลื่อนมาเร็วกว่าปีก่อนหลายเดือน และจัดคอร์สแข่งหน้าพระตำหนักไกลกังวล ให้ในหลวงท่านทอดพระเนตรได้อย่างใกล้ชิดอีกด้วย
   คืนนี้มี Party เปิดงานแข่งในตัวเมืองหัวหินเหมือนเดิม ส่งใจไปครับ เห็นเด็กๆ ลากเรือแข่งเรือแล้วดูมีความสุขจริงๆ
Title: Re: เมษ 57
Post by: O'Pern on April 24, 2014, 02:22:58 pm
23 เมษ 57
   วิ่งเข้าไป วิ่งเข้าไป น้ำหนักที่ตีขึ้นมานี่มันเอาลงยากจริงๆ แต่ยังไม่ก็สู้ครับ ไม่ยอมแพ้หรอก อุตส่าห์ทำ New Low มาได้แล้ว แต่ก็แปลกนะ แม้จะน้ำหนักขึ้น แต่รอบเอวกลับไม่เห็นขึ้นเลย ใส่กางเกงแล้วก็ยังหลวมๆ เหมือนเดิม
   เอ๊ะ หรือว่าที่น้ำหนักขึ้นมันจะเป็นเพราะร่างกายเรามีกล้ามเนื้อมากขึ้น ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงก็ดีสินะ เช้านี้วิ่งไป 1.20 ชม เพิ่มเวลาหน่อยเพราะตื่นแต่เช้า
   แต่มองดูพุงแล้วมันยังห่างไกลกับคำว่า Six Packs อยู่เลย ก็ต้องสู้กันต่อไปครับ
   อาหารเช้าวันนี้คือเต้าหู้ราดพริก ไข่ต้ม มีแครอท บร็อคโคลี่ลวก กระเทียมสด ข้าวกล้อง
   วันนี้ใช้รถ 180SX อีกวัน เจอทางโล่งๆ ลองกดดู โหห พุ่งกระชากแรงดี สะใจมาก ขับสนุกครับ ไปถึงที่ทำงานเร็วกว่าเดิมหน่อย เจ้าของร้านให้ไปขูดเลขตัวถังเวสป้า ผมงง ไม่เคยจับเวสป้ามาก่อน ไม่รู้เลยเครื่องอยู่ตรงไหน แต่สุดท้ายก็หาเจอ แต่ลอกเลขแล้วดันไม่ครบหลัก เลยไม่ตรงกับในเล่ม งงสิ ทำไงดี ในเมื่อที่ตัวรถมันมีเลขแค่นี้เอง สุดท้ายก็ลอกเท่าที่ลอกได้ ส่งให้เจ้าหน้าที่ไปจัดการต่อทะเบียน
   ดูข่าวเรือเกาหลีล่มแล้วน่าหดหู่ ยังคงกู้ศพขี้นมาเรื่อยๆ ตาย 150 สูญหาย 150 ไอ้สูญหายนี่ก็คือตายนั่นแหละ แต่ยังหาศพไม่เจอ เศร้าจริงๆ
   เจอข้อมูลเส้นทางการเป็นนักบินของนักเรียนสวนกุหลาบหลายคนส่งเข้ามาทางเฟซบุ๊ค ผมรีบแชร์เก็บไว้ให้ลูกอ่าน เก็บมา 3 ตอนแล้ว บางเรื่องนี่คิดไม่ถึงจริงๆ ว่ามาทางนี้จะสามารถเป็นนักบินได้ สุดยอดมาก
   มิวยังคงเรียนพิเศษตลอดวัน เช้าจรดเย็น วันนี้ไม่รู้เขาจะกินอะไรตอนกลางวัน เมื่อวานบอกกินเบอร์เกอร์ เพราะมีเวลาพักแค่ 30 นาที น่าเห็นใจจริงๆ ไปเรียนนอกบ้านนีมีแต่อ้วนขึ้นๆ เรื่อยๆ
   วัดประยูรวงศ์ศาวาส ได้รับรางวัลอันดับ 1 ในการอนุรักษ์ จาก Unesco ข่าวลงแค่นี้ แต่ไม่มีใครบอกว่าเจดีย์ใหญ่ของที่นี่เป็นเจดีย์โครงไม้อันเดียวในประเทศไทย และวันที่ 23-26 เมษ นี้จะมีงานนิทรรศการ กะดีจีน ตั้งแต่ห้าโมงเย็นจนถึงค่ำๆ ชมฟรีตลอดรายการ
   วันนี้ Hua Hin Regatta Day 1 แข่งจริงเริ่มตอนบ่าย ซัดกันจนถึงเย็น ปีนี้เขาเลื่อนจากจัดเดือนสิงหาคมมาเป็นเดือนเมษายน เพราะช่วงสิงหาปีก่อนลมน้อยมาก ครั้นพอลมจะมาก็ซัดเป็นพายุเลย เรือล่ม เรือแตกพังไปหลายลำ
   หลังจากงานแข่งแต่ละครั้ง ผมจะเก็บของที่ระลึกกลับมาด้วยนะ อย่างงานแรกที่มิวเรียนแล้วแล่นเรือไปเกาะพระ เกาะที่ฝึกหน่วยซีล ผมเก็บเปลือกหอยมา 2 ชิ้น
   ส่วนงานแข่ง Top of the gulf regatta 2013 ที่พัทยา ผมเก็บเปลือกหอยทรงกลมมาอีก 2 ชิ้น
   ล่าสุดงาน Hua Hin Regatta 2013 มิวเรือล่มในวันสุดท้าย แข่งไม่จบ ผมเก็บชิ้นส่วนหางเสือเรือที่แตกกระจายหักลอยเกลื่อนทะเลกลับมา 1 ชิ้น
   มิวอาจไม่ได้คิดอะไร แต่สำหรับผม ทุกสิ่งที่ผ่านเข้ามาในชีวิตมันคือประสบการณ์ คือความทรงจำดีๆ ผมอยากจะจดจำภาพเหล่านั้นเอาไว้ให้นานตลอดไป 
Title: Re: เมษ 57
Post by: O'Pern on April 29, 2014, 04:04:29 pm
24 เมษ 57
   นี่ผมตื่น 0430 ได้เองอัตโนมัติมาสักพักใหญ่แล้วนะนี่ แรกๆ ก็ต้องอาศัยนาฬิกาปลุก แต่ตั้งเสียงดังไม่ได้ เกรงใจภรรยาและลูก เลยเปิดเสียงกรุ๊งกริ๊งเบาๆ แต่ช่วงหลังมานี้ตื่นก่อนนาฬิกาจะปลุกเสียอีก ร่างกายเราเริ่มปรับตัวได้เองอัตโนมัติแล้วมั้ง
   เช้านี้วิ่งไปอีก 1.15 ชม ตื่นเช้ามาก็จะวิ่งได้เยอะ นอนเพลินเผลอตื่นสายก็วิ่งได้น้อย รูปแบบชีวิตยังคงเดิมๆ นะ เช้าไปทำงาน บ่ายเย็นกลับเข้ามาบ้าน แต่มิวนี่สิยังคงเน้นเรียนพิเศษอย่างขมักเขม้นจนผมกลัวเขาจะสายตาเสีย เพราะต้องจ้องมองหน้าจอคอมฯ บ่อยๆ นานๆ
   เย็นมิวนัดทำฟันอีกแล้ว วันนี้ต้องถอนอีก 2 ซี่ พฤหัสที่แล้วถอนด้านซ้าย วันนี้ถอนด้านขวา ทนหน่อยนะลูก ถอนคราวนี้ก็จบกันแล้ว ต่อไปก็แค่ใส่เหล็กดัดฟัน สักปีกว่าๆ ฟันลูกจะเรียงกันสวยงาม ไม่มีฟันเก แปรงฟันง่าย รักษาความสะอาดง่าย ขากรรไกรก็จะมนเรียว หน้าดูเพรียวขึ้น
   มิวเลิกเรียนพิเศษ 0400 เลยนัดมิวที่ร้านขายรองเท้าที่ศาลาแดงเหมือนเดิม รีบพามิวไปกินอาหารร้านสีฟ้าอีกแล้ว ต้องกินตอนนี้ เดี๋ยวถอนฟันแล้วจะกินอะไรไม่ได้จนถึงพรุ่งนี้เช้า มิวไม่คุ้นกับยาชาที่ฉีดแล้วปาก ลิ้น ชาไปหมด ต้องระวังการกัดโดนกระพุ้งแก้มให้มาก ตอนนี้มันไม่เจ็บ แต่ถ้ายาชาหมดฤทธิ์ก็จะเป็นแผล และเจ็บไปอีกหลายวั้น
   นั่งในห้องหมอให้กำลังใจมิว แต่ไม่กล้ามองที่หมอถอนฟันเลยครับ น่ากลัวว่ะ ฟันสวยๆ โดนดึงออกมา รากฟันยาวมาก ผมเก็บฟันมิวไว้ทุกซี่ แต่เทียบกับฟันตอนนี้แล้วมันคนละเรื่อง ที่เก็บไว้มันคือฟันน้ำนม ไม่มีรากฟัน
   ขากลับมิวเงียบสนิทเช่นเคย นั่งกัดผ้าก็อซเหมือนพฤหัสที่แล้วเป๊ะ กลับถึงบ้านก็อาบน้ำนอนทันที ผมหอมเขาทีหน้าผาก พูดให้กำลังใจ ให้อดทนเพื่ออนาคต ให้เขาเข้าใจว่าทำไมต้องดัดฟัน
   วันนี่ Hua Hin Regatta จะหยุดพักแข่ง 1 วัน เขาถือว่าเป็นวันสำรอง คือถ้าวันที่ผ่านมาเก็บคะแนนได้โดยไม่มีปัญหา วันนี้ก็จะหยุดพัก แต่ถ้าเก็บคะแนนไม่ได้ตามเป้า วันนี้ก็จะทำการแข่งต่อ
   ประเพณีของการแข่งเรือใบก็สนุกดีครับ สื่อสารกันด้วยสัญญาณธงล้วนๆ มีแตรนิดหน่อย ไม่มีประกาศออกเสียงดังโหวกเหวก ผู้ดีจริงๆ
Title: Re: เมษ 57
Post by: O'Pern on April 29, 2014, 04:06:36 pm
25 เมษ 57
   น้ำหนักลงยาก เลยเพิ่มเวลาวิ่งเป็น 1.15 ชม ได้เหงื่อมากกว่าเดิมหน่อย จะผอมลงเร็วหรือไม่ก็ไม่รู้นะ แต่วิ่งมานานๆ แล้วมันทำให้คิดถึงเพื่อนๆ ในเฟซบุ๊คที่ยังคงชอบกินมื้อดึก กินอาหารแบบเด็กๆ ยังคงเที่ยวกลางคืนกินเหล้า ฯลฯ สไตล์ใครสไตล์มันก็จริงครับ แต่อีกสักพักความเสื่อมของร่างกายจะเริ่มแสดงออกมาให้เห็น
   วันนี้มิวขอหยุดเรียน 1 วัน บอกเจ็บปาก กินอะไรไม่ค่อยได้ วิ่งเสร็จเลยไปซื้อโจ๊กมาให้เขาเก็บไว้กิน ก็น่าเห็นใจนะ ตอนนี้เหงือกด้านในโบ๋เป็นรู 4 รูแล้ว ต้องรอให้เหงือกมาประสานปิดแผลเองนั่นแหละครับ
   บ่ายเข้าไปคอนโด เอาเอกสารมอบอำนาจไปฝากให้พี่เมี๊ยวช่วยดำเนินการ วันอาทิตย์ที่ 27 นี้เขามีประชุมใหญ่ ผมไม่ได้เป็นกรรมการแล้ว ไม่เอาแล้ว งานหลายอย่างผมไม่ถนัดเอาเสียเลย ส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับตัวเลขและการอนุมัติโครงการต่างๆ
   อากาศร้อนอบอ้าวมากนะ แต่แปลกที่ในห้องคอนโดผมกลับไม่รู้สึกว่าร้อนมากนัก ลมพัดแรงด้วยมั้ง และเราอยู่สูงเหนือพื้นดิน เลยไม่ได้รับไอร้อนจากพื้นดิน อืมม นับว่าเป็นอีก 1 ข้อดีที่เพิ่งรู้
   วันนี้ไม่ล้างระเบียงครับ มาแป๊บเดียวก็เปิดแอร์มันทั้ง 2 เครื่อง กลัวที่สุดคือกลัวแอร์พังนี่แหละครับ ของไม่ค่อยได้ใช้ พอทิ้งไว้นานจะมาใช้จริง ถ้ามันเสียนี่งานเข้าจริงๆ
   กลับเข้ามาบ้านเจอมิวกำลังเพลินอยู่กับอวัยวะชิ้นใหม่ของร่างกาย IPhone ครับ เห็นแล้วก็ท้อใจ จนบางทีต้องทำเป็นไม่สนใจ เดินหนี ไอ้นี่มันเปลี่ยนชีวิตคนจริงๆ นะ ใช้แง่ดีก็มีประโยชน์ แต่ผลของด้านลบมันมากเสียยิ่งกว่าด้านดีน่ะสิ
   ผมสอนมิวนะ บอกว่าให้นึกเสมอว่าทุกครั้งที่ลูกหยิบจับโทรศัพท์ นั้นคือลูกกำลังเดินห่างออกจากความฝันของตัวเองไปเรื่อยๆ
   ข้อเสียที่เกิดกับมิวก็คือ
   1 เสียสายตา มองใกล้ แสงน้อย จ้อง เพ่ง
   2 เสียสุขภาพกาย นั่งในท่าไม่เหมาะสม ก้มคอ ก้มหน้า หลังโค้งงอ นั่งนิ่งๆ ร่างกายไม่เคลื่อนไหว อ้วน
   3 เสียสุขภาพจิต เช่นเกมรุนแรง หรือรับข่าวสารที่ไม่เหมาะสมกับวัยเด็ก ภาพโป๊ ฯลฯ
   4 พฤติกรรมไม่เหมาะสม จำคำพูดในอินเทอร์เนทมาพูดต่อ
   5 การใช้ภาษาแย่ลง เจอภาษาไทยแบบผิดๆ แกล้งพิมพ์ผิดแบบจงใจ เช่น เพิ่ล ขุ่น มะด้าย มะอาว คัฟ ครัช ค้า จุงเบย ฯลฯ
   ผมรู้เหตุผลที่สตีฟจ็อบตายแล้วล่ะครับ คิดแบบแนวกฎแห่งกรรนะ ผลิตของแบบนี้ออกมาทำลายเด็ก ตัวเองก็เลยมีอายุไม่ยืนยาว
   วันนี้มิวอยู่กับ IPhone มากว่า 12 ชั่วโมง ไม่น่าเชื่อ แต่มันเป็นไปแล้ว !!!
   มีทหารกลุ่มหนึ่งวิ่งจากที่ตั้งไปช่วยเด็กจมน้ำ ปั๊มหัวใจ เป่าปาก จนสุดท้ายเด็กพื้นขึ้นมาได้ สุดยอดทหารของพระราชาจริงๆ ครับ
Title: Re: เมษ 57
Post by: O'Pern on April 29, 2014, 04:09:36 pm
26 เมษ 57
   จัดไปอีก 1.20 ชม ขำขำ ตื่นเช้ามากก็วิ่งได้นานหน่อย วิ่งไปร้องเพลงไป เช็คว่าตัวเองไม่ได้วิ่งเร็วเกินไป วิ่งมา 3 เดือนกว่าใกล้จะ 4 เดือนแล้ว ตอกย้ำชัดๆ ว่า อายุยิ่งเยอะ ยิ่งลดน้ำหนักยากครับ ฉะนั้น ใครจะลดก็เริ่มลงมือได้เลย ไม่ต้องรอฤกษ์ใดๆ
   มิวได้หยุดวันหนึ่งก็ดีขึ้น ตอนเช้าไปเรียนพิเศษ ส่วนผมก็ไปเฝ้าร้านขายของเหมือนเดิม
บ่ายไปธนาคาร และนัดเจอมิวในห้าง กินก๋วยเตี๋ยวกันคนละชามในฟู๊ดเซนเตอร์ คนเยอะครับ มาคนเดียวมีโอกาสได้นั่งกินยาก ระหว่างกินกับมิวก็เห็นคนเดินถือถาดอาหารสอดส่ายสายตามองหาที่นั่ง ผมเลยชวนให้เขามานั่งด้วยกัน โต๊ะข้างๆ เห็นและได้ยินคงรู้สึกตัว ก็เลยลุกสละโต๊ะให้คนนั่งกินอาหาร
   ที่เห็นคนแน่นๆ นั้น มีคนนั่งกินอยู่จริงราวครึ่งเดียวนะครับ ที่เหลือก็กดมือถือเล่น นั่งอ่านหนังสือ นั่งพักผ่อน ถ้าเป็นคนแก่แม่งหลับเลย นอนผึ่งอ้าปากหวอก็มี ผมไปคนเดียวก็หมดสิทธิ์กินครับ ต้องรอให้มิวมาด้วยแล้วนั่งจองโต๊ะไว้คนหนึ่งก่อน
   ก็เป็นการสอนลูกไปด้วยในตัว บอกเขาว่าถ้าไปร้านที่คนแน่นๆ เราก็ต้องแบ่งกันนั่ง ที่ฮ่องกง สิงคโปร์ การนั่งกินรวมกันถือเป็นเรื่องปกติ
   มิวไปเรียนคุมอง ผมใช้เวลานี้เดินเล่น แต่เดินบ่อยๆ มันก็เบือ ดูข้าวของเครื่องใช้ก็ไม่กล้าซื้อ มันแพง ตอนนี้อยากได้รองเท้ามากๆ เจอที่ถูกหน่อยก็ต้องมี 2500 เอาแบบพอใช้วิ่งได้ดีด้วยนะ ยังไม่กล้าซื้อครับ เสียดายเงิน กับตัวเองนี่ผมถึงขั้นงกเลยนะ งกแบบเว่อร์ๆ ด้วย แต่พอกับลูกกับคนใกล้ชิดนี่ผมจะรู้สึกเฉยๆ จ่ายให้ได้ก็จ่ายไป
   ก่อนกลับบ้านมิวขอซื้อหนังสืออีกเกือบพันบาท ให้มิวคิดให้ดีก่อนซื้อ เพราะที่ผ่านมาพบว่าชอบซื้อหนังสือ แต่บางเล่มกลับไม่ค่อยหยิบอ่าน สุดท้ายมิวบอกจะอ่านจริงๆ ก็จัดไปครับ
   เห็นโฆษณากาแฟของเนเจอร์กิฟแล้วขำปนสมเพช สมัยก่อนยี่ห้อนี้หลอกผู้หญิงว่าเป็นกาแฟลดความอ้วน มาตอนนี้เอาผู้ชายหุ่นเท่ๆ กล้ามท้องสวยๆ มาโฆษณาต่อ ตลกตรงมีผู้หญิงมากมายตามกรี๊ดแบบบ้าคลั่งดารา ดูแล้วยิ่งไม่เชื่อเข้าไปใหญ่
พี่ครับ พี่อยากได้กล้าม พี่ต้องออกกำลังกายเท่านั้นครับ พี่แดกกาแฟน่ะมีแต่อ้วนเพราะนมกับน้ำตาล โตๆ กันแล้ว อย่าทำเป็นโง่ให้คนอื่นเขาหลอกแดกอยู่เลยครับ จำไว้นะครับ
แดกกาแฟ ไม่มีทางผอมลงได้
แดกกาแฟ ไม่มีทางหุ่นดีได้
แดกกาแฟ ไม่มีทางสุขภาพดีได้
   อยากผอม อยากสุขภาพดี อยากหุ่นดี ต้องออกำลังกายให้ถูกต้อง กินอาหารเหมาะสม พักผ่อนพอเพียง สุขภาพจิตดี คิดดี ทำดี เรื่องง่ายๆ ที่ใครๆ ก็รู้ แต่เสือกแกล้งลืมกันเฉยเลย
Title: Re: เมษ 57
Post by: O'Pern on April 29, 2014, 04:21:41 pm
27 เมษ 57
   ตื่นตั้งแต่ 0400 เช้าเว่อร์ เลยนอนต่ออีกนิด มาลุกอย่างเป็นทางการ 0430 เช้านี้ขี่จักรยานครับ ไม่ได้ขี่มาเป็นเดือนเลย ใส่ชุดจักรยานแล้วหลวมๆ สบายตัวดี แต่กางเกงนี่รู้สึกเหมือนยางยืดจะเริ่มเสียชีวิต ออกจากบ้านตอน 0500 มืดสนิทเลย มีไฟหน้าดวงเล็กๆ แบตฯก็แสนอ่อน ส่วนไฟท้ายนี่พอได้ สว่างกว่าไฟหน้าเยอะ
   ก่อนออกจากบ้านกินกล้วยน้ำว้า 1 ผล ไฟไม่สว่าง ก็ต้องขี่แบบเจียมตัวครับ ที่เจอประจำก็คือกองขยะ ถุงดำ วางไว้อยู่ริมขอบทางเท้า วางไว้เหมือนกับรอรถขยะมาเก็บน่ะครับ เราดันมาขี่ตอนเช้ามืดเองก็ต้องระวังตัวเอาเอง
   กลางทางเกือบชนกับรถกระบะที่พุ่งออกมาจากซอย จะว่าเขาก็ไม่ถูกต้องเสียทีเดียว ไฟหน้าผมอาจไม่สว่างพอ หรือเขาเองติดฟิล์มรถมืดจนมองไม่เห็นผม จะอะไรก็แล้วแต่นะ ผมเบรกจนล้อหน้าห่างจากประตูเขาไม่ถึงเมตร เกือบไปแล้ว เกือบไปจริงๆ
   ขี่มาถึงชายทะเลบางขุนเทียนตอน 0600 ฟ้าสว่างแล้ว เก็บไฟหน้าไฟท้าย แต่แล้วก็ตกใจ อ้าว ไฟท้ายกูดับไปตั้งแต่เมื่อไหร่วะนี่ อันตรายโคตรๆ เลย (ไฟท้ายคลองถม ดวงละ 40 บาท ใช้มาหลายปีแล้ว)
จอดกินนมถั่วเหลืองไป 1 กล่อง เลี้ยวขวาและขี่ไปจนถึงศาลกรมหลวงชุมพร ปากอ่าวไทย ริมน้ำแม่กลองตอน 0700 ถอดเสื้อนังพัก พกเอาลูกเดือยอบกรอบ และพวกธัญพืชอบกรอบมากิน พักสักครู่แล้วจึงเปลี่ยนเป็นเสื้อสีดำแขนยาว ตอนขามาใส่เสื้อยืดคอกลมสีขาว ตอนขี่มาไม่รู้สึกเหนื่อยเลยนะ แต่พอถอดออกมานี่แหละ ด้านหลังเปียกชุ่มโชกเลย
   จากบ้านมาถึงตรงนี้ระยะทางประมาณ 50 กม ไปกลับได้ระยะทางราว 100 กม เส้นทางนี้เอาไว้เช็คประสิทธิภาพร่างกายได้เป็นอย่างดี ขามาลมแรงมาก โต้ลมจนได้ยินเสียงลมดัง พึบๆ ๆ ๆ ที่ใบหู
   ขากลับย้อนแสงแถมวันนี้แดดแรงจัดไม่แพ้วันก่อนๆ เลย กลางทางเจอคนหนึ่งจูงรถแบบยกล้อหลังลอย ก็เลยเปลี่ยนเลนเข้าไปให้ความช่วยเหลือ
   “รถเป็นอะไรหรือครับ”
   “ล้อมันมาเบียดเฟรมครับ” เจ้าของรถพูดพร้อมกับชี้ให้ดู ล้อหลังมาเบียดเสียดสีที่ Chain Stay
   “ล้มมาหรือเปล่าครับ” ผมสอบถาม
   “เปล่าครับ ขี่ๆ อยู่มันก็เป็นเอง”
   อ้อ แบบนี้ง่ายเลย สาเหตุคือใส่ล้อไม่ตรงแค่นั้นเอง ปลดล้อแล้วแค่ใส่ใหม่ให้ตรงก็เสร็จแล้ว
   เจ้าของรถยกมือไหว้ขอบคุณ เพราะกลางทางตอนเช้าแทบไม่มีใครขี่จักรยานมาเลย เขาคงต้องเข็นไปอีกพักใหญ่กว่าจะเจอใคร
   แดดร้อนทำให้เริ่มไม่สนุกแล้วว่ะ เริ่มเจ็บๆ ก้นด้วย แปลกมากนะ น้ำหนักลดลงมาเกือบ 10 กก มันน่าจะเจ็บก้นน้อยลงสิ หรือเพราะเราอ่อนซ้อมมากจนก้นไม่คุ้นชินกับการโดนกดทับเสียแล้ว ไม่น่าใช่นะ เพราะขี่มานาน 20 ปีแล้ว ปีนี้รถผมอายุครบ 20 ปีพอดีอีกด้วย
   ผมไม่ค่อยได้ใส่กางเกงจักรยานที่บุก้นนุ่มๆ นะ ใส่แค่กางเกงขายาวธรรมดา เมื่อก่อนก็ใส่แบบนี้มานานมาก ไม่เห็นเจ็บก้นเท่าไหร่เลย ยิ่งใช้เบาะ Brooks แล้วนี่จบเลย ไม่เจ็บเลยสักนิด แต่วันนี้ผิดปกติอย่างมาก ไม่รู้เกิดอะไรขึ้น ขี่ไปก็คิดไป แต่หาคำตอบไม่ได้
   แวะพักร้านกาแฟที่เปิดใหม่หัวมุมถนน เจ้าของร้านค้าใจดีมากๆ เอาน้ำดื่มมาบริการให้จนเกรงใจ คือผมแค่ขอนั่งพักไง ไม่ได้ใช้บริการซื้อเครื่องดื่มเขา ไม่กล้ากินครับ เครือ่งดื่มหวานๆ ชงด้วยนมข้น ให้พลังงานสูงโคตร บางคนเพิ่มวิปครีม เพิ่มช็อคโกแลตชิฟ ไอ้นี่ไปกันใหญ่เลย แก้วเดียวให้พลังงานกว่า 600 กิโลแครอลี่
   ก็สงสัยนะ เฮ้ย เรามาออกกำลังกาย ลดไขมัน ลดความอ้วน แต่ทำไมมีอีกหลายคนมากๆ ที่ยังคงกินกาแฟเย็น ช็อคโกแลต ฯลฯ แถมบางคนมาสายแล้ว ขี่ไปได้หน่อยเดียวก็กลับมากินน้ำหวาน กาแฟเย็นเสียแล้ว เฮ้ย พี่ครับ ยังใช้พลังงานไปไม่เท่าไหร่เลย มาเติมอีกแล้วหรอ
   ได้แต่คิด พูดไม่ได้ เดี๋ยวโดนตีน โอเค น้ำหวาน กาแฟเย็น กินแล้วชื่นใจ คนขายของเขาก็ทำธุรกิจของเขา นี่ถ้าเป็นผมนะ ผมอยากจะเปิดร้านอาหารเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ทำเป็นรถเคลื่อนที่ยิ่งสนุก วันอาทิตย์ก็มาจอดขายกันแถวนี้ หามุมเหมาะๆ ได้ร่มเงาไม้จะสุดยอดมาก
   ขี่ไปก็คิดไป สนุกดีนะ ทำเป็นรถกระบะก็ได้ ขายน้ำผลไม้คั้นปั่นสด และชุดอาหารเช้า แต่ไอ้อาหารเช้าของผมนี่ไม่ใช่ทอดไข่ดาว ไส้กรอก ขนมปัง นะ ของผมจะทำเป็นแบบหยิบกินง่าย ถือง่าย แนวเบอร์เกอร์ และฮอทด็อก
   ใช้เนื้อหมู เนื้อไก่คุณภาพดี ขนมปังอย่างดีเท่ๆ พวกเบเกิ้ล มัฟฟิน หรือขนมปังฝรั่งเศษ และราดซ้อสที่ทำเอง ขายของอะไรมันก็ต้องมีเอกลักษณ์ ให้คนกินแล้วติดใจ กินแล้วจำได้ มาคราวหน้าเขาก็จะมากินซ้ำอีก และบอกต่อกันแบบปากต่อปาก ขายราวชิ้นละ 50 บาท แบบทอนเงินกันง่ายๆ ผมว่าคนกินรับได้นะ
   ตอนขี่จักรยานนี่หัวสมองจะแล่นเร็วมาก คือเราพบเห็นอะไรรอบตัวเยอะไง นำสิ่งที่เห็นมาผูกโยงเป็นเรื่อง เป็นธุรกิจได้ไม่ยาก
   ขากลับจากจุดนี้ชักจะไม่อยากขี่แล้วล่ะ แม่งร้อนว่ะ เห็นคนที่ขับรถมาแล้วเอาจักรยานใส่ท้ายรถมาขี่แถวนี้แล้วชักอิจฉา ก็อิจฉาเฉพาะขากลับนี่แหละครับ เจอแดดแล้วอาการเจ็บสะบักหลังเริ่มจะมีตึงๆ ตัวนิดๆ
   อดทนขี่กลับบ้านครับ ทนไปอีก 25 กม ไอ้ขามานี่ซัดตัวปลิวเลย ใช้เวลาแค่ 1 ชม แต่ขากลับนี่สิ ต้องบวกเวลาเข้าไปอีกราว 30 นาที แดดแรง รถเยอะ คนขี่ก็หมดแรง
   ขามาขี่อย่างสนุกสนาน ขากลับตรงข้ามสิ้นเชิง ขนาดแค่ 0930 เองนะ แล้วพวกที่ลากยาวกันตลอดวันนี่เขาต้องแกร่งอึดกันขนาดไหนหนอ
   กลางทางเจอคนหนึ่งเข็นรถอยู่ เลยจอดให้ความช่วยเหลือเหมือนเดิม
   “รถเป็นอะไรหรือครับ” ผมเอ่ยปากทัก
   “ยางแบนครับ ผมปะแล้ว แต่ไม่มีสูบ”
   “ผมมีครับ” ทราบปัญหาแล้วก็พารถจอดเข้าข้างทาง ยื่นสูบมือของ Zefal อายุ 20 ปีเท่ากับรถให้เขายืม สอนวิธีใช้เล็กน้อย เพราะมันเป็นระบบโบราณ ต้องกดหัวสูบเข้าไปให้สุด แล้วง้างสลักล็อค กลไกเป็นแบบ double action สูบแล้วประหยัดแรง เทคโนโลยียุคบุกเบิกเลย
   ผมจับรถให้นิ่งๆ เขาง้างหัวล็อคทีเดียวตัวล็อคหักกระเด็น ยังไม่ทันจะลงมือสูบเลย สูบกูพกมา 20 ปี วันนี้กลับบ้านเสียแล้ว
   ตาค้าง อ้าปากหวอ เอิ่มๆ ๆ ๆ
   “ขอโทษด้วยครับ เดี๋ยวผมชดใช้ให้นะ” เขาแสดงความรับผิดชอบ
   “ไม่เป็นไรหรอกครับ มันเก่าแก่มากแล้ว คงจะเสื่อมตามอายุของมัน”
   ลองให้เขาสูบดูสักพัก เป็นอันว่าใช้งานไม่ได้ พี่เข็นต่อไป ส่วนผมก็เซ็งกลับไป อยู่ดี ๆสูบพัง ผมชอบของใช้ตรงยุคของรถด้วยไงครับ อยากให้มันอยู่ด้วยกันครบชุด เป็นอันว่าเดี๋ยวต้องเดินหาสูบหน้าตาเก่าๆ มาพกติดรถไว้อีกอัน
   ขี่แบบทรมานไปเรื่อยๆ ผ่านใกล้ร้านก๋วยเตี๋ยวที่เคยชอบ แต่วันนี้เกิดหมดอารมณ์กิน แดดร้อนจัดมากไง อยากกลับบ้านเร็วๆ อยากอาบน้ำนอนแช่แผ่ ผมว่าขี่กลางแดดแม่งทรมานมากกว่าวิ่ง 20 กม ตอนเช้าอีกนะ
   สุดท้ายก็มาถึงบ้านแบบหิวโฮก รู้ตัวเลยครับว่าเดี๋ยวกูจะต้องกินแบบเป็นปอบแน่ๆ เลยรีบอาบน้ำนานๆ ขัดสีฉวีวรรณเสร็จแล้วรีบชั่งน้ำหนักทันที อยากรู้ว่าจะลดไปเท่าไหร่ ถึงแม้ว่าจะลดเพราะเสียเหงื่อก็ยังดี ได้เห็นตัวเลขบนตาชั่งลดลงได้หน่อยก็รู้สึกมีความสุข
   อ้าว เหนื่อยโคตรๆ ร้อนเหี้ยๆ ลงมาแค่โลเดียวเอง
   แม่งเท่ากับที่ผมวิ่งอยู่ทุกเช้าเลย วิ่งแค่ 1 ชม ผมก็เอาลงมาได้ 1 กม แล้ว แต่นี่ทนไปขี่ตั้งแต่ 0500 – 1000 เสียไป 5 ชม (ขี่จริงคงสัก 4 ชม อีก 1 คือตอนพัก และจอดช่วยเหลือคน)
   เปิดตู้เย็นกินน้ำมะเขือเทศตัดกำลังไปก่อน 500 cc นึกว่าจะอิ่ม แต่เปล่าเลย แม่งหิวเหมือนเดิมดิ๊ก !!!
   โหห อัดเข้าไปครึ่งลิตรนี่ไม่ได้ช่วยอะไรเลยหรอ  เลยหยิบข้าวกล้องอบกรอบมากินต่ออีก จากนั้นก็เมดเล่ย์เลยครับ หยิบกินโน่นนิดนี่หน่อย ที่บ้านทำข้าวตูไว้ด้วย ลองชิมแล้วอร่อยดีครับ หอมมะพร้าวมากๆ มีมะม่วงกวนแบบชาวบ้านทำเองอีกกล่อง เดินหยิบกินทีละชิ้นสองชิ้น
   เปิดคอมฯทำงานในรอบ 3 วัน ไม่ได้บันทึกไดอารี่ชีวิตเลย รู้สึกไม่ค่อยชอบพิมพ์ย้อนหลังเท่าไหร่ เพราะพอมาย้อนอ่านดูภายหลัง พบว่ามันมักจะตกหล่นเรื่องอะไรไปเยอะ
   ไอ้จังหวะนั่งหน้าคอมฯ นี่ก็ตัวดี มันเป็นอารมณ์เพลินๆ ที่ทำให้เราหยิบโน่นนี่มานั่งกินได้อย่างอิสระ ที่บ้านของกินเยอะอยู่แล้วด้วย ไปกันใหญ่เลย
   กลางวันแม่ไปกินข้าวข้างนอก ซื้อก๋วยเตี๋ยวราดหน้าร้านดังแถวซอยรางน้ำมาฝาก ชื่อร้าน จ๊ากกี่ คนรุ่นใหม่อาจไม่รู้จัก แค่คนรุ่นก่อนรู้จักดีกันทุกคน
   ผมชอบหมี่กรอบของร้านนี้ เขาใช้เส้นหมี่แห้งๆ ลงไปทอดเลย เส้นจะออกแข็งๆ ไม่ฟู ไม่อมน้ำมัน แปลกๆ ดี ไม่ค่อยเห็นใครทำแบบนี้ แต่วันนี้หมี่กรอบหมด แม่เลยเอาบะหมี่กรอบมาแทน
   ตักชิมคำแรกแล้วแทบน้ำตาไหล เส้นแม่งโคตรห่วยเลย เป็นเส้นบะหมี่ทอดแบบแห้งๆ ไม่กรอบฟู แต่ว่ามันนิ่ม มันเหมือนทำไว้นานหลายวันแล้ว รสชาติแย่ กลิ่นคล้ายกับเอาเส้นมาม่ามาให้เรากิน
   ทนกินไปจนหมด เพราะร้านนี้เด่นเรื่องผักมาก หอม กรอบ หวาน แต่ที่ต้องตกใจมากกว่านั้นคือแม่บอกว่า ไอ้นี่น่ะ ห่อละ 120 บาท แถมซื้อห่อกลับบ้านห่อเดียวเขาไม่ขาย ต้องอย่างต่ำ 2 ห่อ
   เอิ่มๆ เข้าใจว่าเก่าแก่นะ แต่ถ้ารสชาติแบบนี้ ราคาแบบนี้ มั้นก็น่าจะเป็นครั้งสุดท้ายของผมกับจ๊ากกี่แล้วล่ะ
   กินของไม่อร่อยแล้วหงุดหงิด กลายเป็นเดินหยิบโน่นนี่กินในบ้านไม่หยุดหย่อน เฮ้ยยย ผิดปกติ นี่กูเป็นอะไรไปวะ กินมั่วเลย
   พยากรณ์อากาศบอกว่าวันนี้จะเป็นวันที่ร้อนที่สุด เพราะดวงอาทิตย์ตั้งฉากกับกรุงเทพฯตอน 12.16 แต่เอาเข้าจริงกับมีเมฆมาบัง เลยไม่ร้อนเท่าวันก่อนๆ
   ปิดฉากงานแข่ง Hua Hin Regatta 2014 ทีมเรือใหญ่ทั้ง 2 ประเภทของสังกัดกองเรือยุทธการกวาดรางวัลไปทั้งคู่ นี่เป็นสโมสรที่มิวสังกัดเช่นกัน น่าเสียดาย ไม่ได้ไปร่วมยินดีกับครูของเขา
   เมียนมาร์ร้อนจัด อุณหภูมิ 42-44 C คนตายไป 6 คน ภายในวันเดียว โห ช่างน่ากลัว
   นายกรัฐมนตรีเกาหลีใต้แสดงความรับผิดชอบลาออกจากตำแหน่ง เพราะโดนตำหนิเรื่องความล่าช้าในภารกิจกู้เรือเซวอล
   แมนโคตรๆ ครับ
Title: Re: เมษ 57 27 100 กม
Post by: O'Pern on April 29, 2014, 04:29:11 pm
28 เมษ 57
   สมน้ำหน้ามึง เมื่อวานแดกเป็นปอบเลย เช้านี้มาวิ่งใช้กรรมต่อ วิ่งไปก็คิดถึงของที่กินเข้าไปด้วย จะได้สำนึก ไล่ไปทีละอย่างเลยว่ายัดอะไรเข้าไปในปากบ้างตั้งแต่เช้าจรดเย็น และลองคำนวณดูว่ามันให้พลังงานแค่ไหน แล้วตัวเราเองใช้พลังไปเท่าไร่ ถ้าใช้พลังเยอะกว่ากิน มันก็จะผอมลง แต่ถ้าไม่ มันก็ตรงกันข้าม
   วิ่งสนุกกว่าจักรยานครับ สนุกเพราะผมวิ่งตอนเช้า มันไม่ร้อนแดด เวลา 1 ชม รีดเหงื่อทำให้น้ำหนักลดลงได้ 1 กก ถ้ายิ่งวิ่งเร็ว จะยิ่งทำให้เหงื่อออกได้มากขึ้น แต่.. จุดนี้ละเอียดอ่อนมาก เพราะถ้าหัวใจเต้นแรงมากเกิน ร่างกายจะเข้าสู่โหมดเผาผลาญคาร์โบฯแทนไขมัน ผมถึงได้ต้องวิ่งไป ร้องเพลงไปด้วย คอยเช็คตัวเองเป็นระยะ
   เช้านี้จัดไป 1.15 ชม เสียเหงื่อมากกว่าขี่จักรยานเมื่อวาน 5 ชม เสียอีก นี่ถ้ามีทางจักรยานร่มรื่นแดดไม่แรงก็ดีสินะ อยู่ไทยคงยาก เลยนึกถึงพวกต่างประเทศที่เราเคยไปเห็นมา ทั้งเกาหลี ญี่ปุ่น สิงคโปร์ และที่สุดยอดก็คือในย่านสแกนดิเนเวีย
   เมื่อก่อนผมเดินทางปีละ 2 ครั้ง แต่ตอนนี้ไม่ไปไหนแล้ว เก็บเงินให้ลูกเรียนอย่างเดียว รถยนต์ รถแข่งดริฟท์ไม่ต้องพูดถึง ไอ้นี่เลิกก่อนเพื่อนเลย ตัวถลุงเงิน
   แต่ช่วงที่ผมขับดริฟท์นี่ผมได้สปอนเซอร์นะ ทำรถเอง เงินตัวเอง จ่ายไม่ไหวแน่ๆ ยุคนั้นผมได้ยาง Vee Rubber บูชยูรีเทนของ Super Pro อู่ซ่อมรถแถวบ้านชื่อ บางมด เรซซิ่ง ได้ยางนี่ถือว่าเทพสุดๆ แล้วครับ ในยุคนั้น เพราะมันคือตัวพลาญเงินโดยตรง
   นิสัยคนแก่ออกอีกแล้ว ชอบเล่าเรื่องอดีต
   วันนี้ที่ร้านงานเยอะเลย เช้าวันจันทร์ก็วุ่นๆ หน่อย กว่าจะเบาลงได้ก็ตอนบ่ายๆ เข้ามาบ้านเอาตอน 0300 กลับมาบ้านก็หิวโซเหมือนเดิม เปิดตู้เย็นกินโยเกิตตัดกำลังก่อน ระหว่างอยู่ในรถก็กินกล้วยน้ำว้าไปแล้ว
   ปัญหากินจุบจิบของผมเกิดขึ้นที่บ้านทั้งสิ้น และตัวเองชอบอยู่บ้านอีกด้วย เกิดตอนว่างๆ ตอนทำงานหน้าคอมฯ แถมที่บ้านมักจะมีของกินเต็มไปหมดอีกด้วย ยิ่งเข้าใกล้เทศกาลต่างๆ ยิ่งแล้วใหญ่ มากันแบบไม่ขาดสาย ปีใหม่นี่มีเค๊กมาสารพัดแบบเลย ไม่ว่าเทศกาลอะไรก็จะมีของประจำฤดูกาลนั้นกิน ขนาดช่วงกินเจก็ยังมีพวกขนมเจเรียงแถวมากันเยอะแยะ ขนมเข่ง ขนมเทียน ขนมเปี๊ยะ บัวลอย ไหว้พระจันทร์ มึงขนมากันเถอะ จะเอาเทศกาลไหนบ้านกูมีหมด (ไม่นับเทศกาลของนอกนะ เช่น ฮาโลวีน อีสเตอร์ ชมซากุระ ฯลฯ)
   เช้านี้มีฝนแต่ตกทางฝั่งทางเหนือของกรุงเทพฯ ฝั่งธนเงียบสนิทเลย ได้แต่มีเมฆครึ้มๆ ตรงกันข้ามกับทางแจ้งวัฒนะนี่เล่นซะท่วมขังเลย
   เย็นมิวเข้ามาบ้านพร้อมกับผมทรงนักเรียนหัวเกรียน ตัดเตรียมไว้ พรุ่งนี้จะมีงานที่โรงเรียน ตัดครั้งแรกๆ เขาบ่น แต่ตอนนี้บอกว่ารู้สึกสบายหัวดี แถมชอบเกาหัวแล้วเอามาดม
   อ้าว เฮ้ยย
Title: Re: เมษ 57 27 100 กม
Post by: O'Pern on April 29, 2014, 06:24:34 pm
29 เมษ 57
   วิ่งไปอีก 1 ชม เดินพักต่ออีก 5 นาทีก็รีบเข้ามาบ้าน เช้านี้ต้องรีบออก มิวมีงานที่โรงเรียน
   เห็นมิวแต่งชุดนักเรียนแล้วนึกถึงตัวเองครับ ใส่ชุดนักเรียนถูกระเบียบแล้วมันดูเท่เหมือนกันนะนี่ กางเกงยาวเกือบถึงเข่า ผมสั้นเกรียนคล้ายทหาร
   ออกจากบ้านเช้ากว่าปกติ มิวมีกิจกรรมแรกที่โรงเรียนสวนกุหลาบ ชื่องาน “ชมสวน” รุ่นพี่จะพารุ่นน้อง ม1 ทำความรู้จักทุกๆ จุดในโรงเรียน มีด้วยกัน 6 สถานี ก็หมุนเวียนกันไป ช่วงเช้า 3 จุด แล้วก็พักกลางวัน บ่ายอีก 3 จุดแล้วก็เสร็จงาน ช่วงเย็นนำใบเอกสารไปรับเสื้อกีฬาสีและหมวกแก็ป ที่จะต้องใช้ในวันที่ 1-3 พค
   เดินไปโรงเรียนเป็นเพื่อนมิว ที่จริงก็ชอบนะ ได้ไปโรงเรียนเก่าของเราเอง นั่งดูลูกรวมตัวเข้าแถว นั่งดูไกลๆ ไม่อยากรบกวนเขา ไม่อยากให้เขาดูเป็นเด็กที่ต้องมีพ่อแม่มาคอยเฝ้า ที่จริงไม่ได้ตั้งใจมาเฝ้ามิว ผมมาดื่มด่ำกับโรงเรียนที่ผมเคยเรียนต่างหาก มากี่ทีก็รู้สึกดีทุกครั้ง
   โรงเรียนนัด 0800 ผมไปถึง 0740 กะว่าเหลือเฟือ สบายๆ ที่ไหนได้ ในโถงเห็นเด็กๆ นั่งตั้งแถวกันเกือบหมดแล้ว มาทันเวลาก็จริง แต่ก็มาถึงเป็นคนท้ายๆ โหหห ไม่น่าเชื่อว่าสปิริทของนักเรียนใหม่มันแรงขนาดนี้ ถ้าเป็นโรงเรียนเก่าของมิวนะ คนส่วนใหญ่จะมากันแบบใกล้เวลานัดกันทั้งนั้นเลย
   เขาจัดให้เด็กนั่งเรียงตามสีของกลุ่ม มิวอยู่สีแสด มาถึงทีหลังก็นั่งต่อด้านท้าย เห็นเด็ก ม1 ตัวโตๆ กันเยอะมาก ตัวสูงใหญ่กว่าผมก็ยังมี ส่วนไอ้ที่ตัวเล็กมันก็เล็กจิ๋วเดียวเหมือนพวก ป 3 ป 4 เอามายืนเทียบกัน ไอ้ตัวเล็กนี่สูงเท่ารักแร้ของเด็กตัวโต
   ช่วงเช้ามีกายบริหาร เด็กปฏิบัติตามรุ่นพี่ พอ 0900 ก็จะเข้าสถานีทั้ง 6 ฐาน พ่อแม่หลายคนยืนเฝ้าดูลูกตลอดวันเลยก็มี ส่วนผมไม่ว่างขนาดนั้น ยืนดูสักพักก็กลับไปทำงานต่อที่ร้านขายของ
   ท้องฟ้าเริ่มมืดครึ้ม มีละอองฝนโปรยลงมาบางๆ พอเดินได้ ไม่ได้เปียกแฉะมากนัก รีบเดินจ้ำๆ เท้า จะได้ออกแรงเยอะๆ หน่อย เป็นการลดพุงไปในตัว พอมาถึงร้านฝนก็ลงหนากว่าเดิมหน่อย
   เอาจักรยานออกขี่ไปซื้อน้ำเต้าหู้ ลุยฝ่าฝนไป แม้จะไม่เปียกมาก แต่ขี่นานๆ มันก็ทำให้เสื้อเปียกแฉะได้เหมือนกัน ข้ามถนนจะเข้าร้าน จูงจักรยานลงเข็นตรงทางม้าลาย กะจังหวะให้รถทิ้งช่วงก็วิ่งเข็นข้ามไป แต่ไปเจอรถเก๋งไม่ยอมยกคันเร่งให้ กดแตรไล่เราขณะกำลังข้ามทางม้าลาย โมโห ของขึ้น เลยแจกนิ้วไปกลางถนน
   ผมถือว่ามารยาททรามมากนะ ถ้าเป็นบริเวณอื่นจะไม่ว่า ผมข้ามผิดที่ผิดทางเอง แต่นี่ทางม้าลาย ผมยืนจูงจักรยานลงเข็น แถมฝนตกอีกด้วย แม่งสุดๆ ว่ะ
   ตอนสายกินน้ำเต้าหู้แก้วใหญ่ ใส่ลูกเดือยและถั่วแดง อิ่มไปได้แค่ 1 ชม หิวอีกแล้ว เลยซัดกล้วยน้ำว้าไป 2 ผล
   วันนี้มืดครึ้มตลอดวัน เข้ามาบ้านตอนบ่ายคิดอยากจะลองของเอาจักรยานออกไปขี่ดูอีกทีว่าจะเจ็บก้นอยู่ไหม แต่ก็เปลี่ยนใจ ไว้ขี่วันอาทิตย์เช้าๆ น่าจะดีกว่า แต่จะวางแผนใหม่ เอาจักรยานใส่ท้ายรถกระบะไปจอดไว้แถวๆ ร้านกาแฟแล้วค่อยขี่ ขากลับจะได้ไม่ร้อนมาก ยังไม่เคยลองทำแบบนี้นะ ทุกทีก็ขี่ไปจากบ้านนี่แหละ ขากลับก็สาหัสทุกครั้งไป
   บ่ายรุ่นน้องที่เล่นรถชื่อ เอก Invade (เรียกยังกะนักร้อง) ส่งกติกาดริฟท์อย่างละเอียดของปี 2014 มาให้ อ่านแล้วต้องคุยกันอีกหลายรอบ เพราะมีการวัดความเร็วของรถแข่งด้วย ตรงนี้ผมไม่เข้าใจว่าใครเป็นคนวัด และวัดอย่างไร คือผมห่างหายวงการดริฟท์ไปนานมาก ตั้งแต่ยุคนิยมเครื่องแรงทรงพลังเข้ามาก็เป็นช่วงที่ผมหลุดวงโคจรไปพอดี มาวันนี้เจ้าเอกมาเชิญไปให้ช่วยเป็นกรรมการของปีนี้ให้หน่อย ก็จัดไปครับ ว่างพอดี ลูกเข้า ม1 ได้แล้วก็ไม่ต้องห่วงอะไรอีกแล้ว
   สนาม 1 และ 2 ของปีนี้ 17-18 พค ที่พัทยาครับ เชื่อไหมว่าเขาแข่งกันตรงไหนของพัทยาผมยังไม่รู้เลย สนามพีระหรอ อืมม ไม่รู้สิ
   อยู่บ้านนี่กินเป็นยัดนุ่นอีกแล้ว วันนี้มีกุยช่ายทอด 4 ชิ้น กลัวอ้วนนะ ทอดในกระทะเทฟลอนน้ำมันน้อยๆ แถมใช้น้ำมันมะกอก มีแครอทลวก 2 กำมือเป็นเครื่องเคียง ไม่อยากกินกุยช่ายทอดอย่างเดียว คิดเอาเองว่าแครอทน่าจะมีส่วนเข้าไปช่วยยับยั้งร่างกายดูดไขมัน แต่ไม่น่าเชื่อว่าจะตามใจปากอีกแล้ว เพราะซัดกุยช่ายเสร็จก็ไปเปิดห่อขนมปังกรอบกินต่อซะงั้น ถุงนี้ 300 Kcal เชียวนะนั่น
   หน่วยของพลังงาน คือกิโลแครอลี่ บางค่ายทำเท่เรียกหน่วยใหม่ว่ากิโลจูล งงโคตร เหมือนวัดแรงบิดมั้งที่มีทั้งฟุต/ปอนด์ และนิวตัน/เมตร
   ไอ้ที่มาจากฝรั่งนั้นผมเข้าใจ แต่เจอพวกชาวอินเทอร์เนทที่อยากเท่ เรียกหน่วยเงินว่าเป็น K กับเขาด้วย โคตรตลกเลย แต่ไม่กล้าแซวดัง คนรอบตัวมีใช้แบบนี้กันเยอะ เช่น ของชิ้นนี้ราคา 50K หรือผมมีงบ 50K
   อ้าวพี่ ห้าหมื่นบาท ก็บอกไปสิครับ ทำไมหรอ เรียกภาษาไทยแล้วพี่จะมีอันเป็นไปหรอ
   หรือว่าเรียกหน่วยเป็น K แล้วมันทำให้พี่ดูดี ดูภูมิฐานขึ้น ดูมีฐานะขึ้น ฯลฯ
   เย็นว่างจัด รื้อลังเสื้อผ้าเก่าๆ ที่คัดเก็บไว้สิบกว่าปีมาแล้ว เอามาลองใส่ดู โอ้โห ใส่ได้หมดทุกตัวเลย มีของดีๆ ยี่ห้อแพงๆ เยอะเลย ไม่น่าเชื่อว่าสมัยก่อนเราซื้อของอย่างพวก DKNY / Levi’s 501 / Emporio Armarni / Next
   กลายเป็นเดือดร้อนตู้เสื้อผ้าที่ใช้อยู่น่ะสิ เอามายัดไว้รวมกันมันก็แน่นเต็มไปหมด เอาไงดีวะ คิดไม่ออก ก็เก็บใส่ลังไว้เหมือนเดิมก่อนก็แล้วกัน คัดเฉพาะตัวเจ๋งๆ เอามาใส่บ้าง
   ไอ้ที่บอกว่าเจ๋งนี้ไม่ใช่ของแพงเลยนะ มันเป็นพวกตัวเก่าๆ ขาดๆ ปะแล้วปะอีก ใส่แล้วกวนตีนดี ส่วนยี่ห้อแพงๆ ก็จะมาเห็นผลตอนเก่าเก็บนี่แหละครับ คือผ้ายังนุ่มดูดีกระดุมเงินเงาแวววาว ถ้าเป็นพวกของโนเนมนี่มีสนิมขึ้นเขรอะ เนื้อผ้าแข็งหยาบกระด้าง ต่างกันเยอะมากครับทั้งๆ ที่เก็บใส่ในลังเดียวกัน นานสิบกว่าปีเท่ากัน
Title: Re: เมษ 57 27 100 กม
Post by: O'Pern on April 30, 2014, 06:14:46 pm
30 เมษ 57
   เป็นอีกคืนที่นอนไม่เต็มอิ่ม มิวไม่สบาย ลุกขึ้นมาเข้าห้องน้ำทุกๆ ชั่วโมง เขาบอกปวดท้อง ท้องเสีย ไม่รู้เกิดจากอะไร แต่เมื่อวานตอนเย็นหลังเสร็จงานที่โรงเรียนสวนกุหลาบ มิวเดินกลับมาร้านขายของแล้วซื้อของกินใน 7-11 หลายขนาน ก่อนกลับบ้านก็แวะกินฟูจิอีก
   ตื่นครั้งแรกตอนตี 1 จากนั้นก็นอนหลับๆ ตื่นๆ มาตลอด จนถึงตี 4 โอ้ ไม่นะ ได้นอนไปนิดเดียวเอง ยังดีที่พามิวเข้านอนตั้งแต่สามทุ่มกว่า
   0430 ตัดสินใจลุก เตรียมตัวออกวิ่งเหมือนดังเช่นทุกวัน จะอู้นอนต่อก็ได้นะแล้วอ้างว่านอนไม่พอ แต่ไม่เอา ไม่อยากเสียสถิติ วิ่งมาทุกวันใกล้จะครบ 4 เดือนแล้ว ไอ้เดือนสุดท้ายนี่ทำน้ำหนักลดลงไม่ได้เลยสักนิด
   วิ่งไป 1.15 ชม น้ำหนักค่อยๆ ลงมาแบบช้ามากๆ ทำได้เท่ากับตอนก่อนสงกรานต์แล้วล่ะ ดูซิ ใช้เวลาแค่ 4 วันในการทำให้ขึ้น แต่ให้เวลาราว 2 สัปดาห์ในการเอามันลง
   กินข้าว อาบน้ำ เตรียมตัวออกจากบ้าน มิวยังนอนสลบไสล ลืมตามานิดพูดว่า
“พ่อ ไปซื้อยาให้มิวหน่อย” เสียงแบบอ่อยมาก
“ยาอะไรหรือลูก”
“เอายาธาตุน้ำขาวตรากระต่ายบิน มิวปวดท้อง” ได้ยินแล้วนึกขำ แต่ไม่กล้าหัวเราะ เดี๋ยวมันงอน
งงดิ แล้วลูกรู้ได้ยังไงว่าต้องกินยาตัวนี้ คงจะต้องได้ยินในโฆษณาแน่ๆ เลย
ผมต้องรีบออกไปทำงานที่ร้าน เลยถามแม่บ้านชื่อดีว่ามียาแก้ปวดท้องไหม โชคดีมีเหลืออยู่ เลยฝากให้มิวกินหน่อยนะ
เป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือนที่ขับรถตอนเช้าคนเดียว ทุกทีจะมีมิวนั่งไปด้วย ไม่ว่าจะไปเรียนปกติ หรือเรียนพิเศษ เขาก็จะออกจากบ้านกับผม ช่วงอยู่ในรถนี่เราจะคุยกันสารพัดเรื่อง สาระบ้าง ชีวิตบ้าง อนาคต ความฝันบ้าง เรื่องตลกปล่อยมุขกันบ้าบอก็เยอะ
ช่วงมัธยมต้นนี่มิวยังคงอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ เหลือเวลาที่เขาอยากจะอยู่ใกล้ชิดพ่อแม่อีกไม่นานมากนักแล้ว นี่คือนาทีทองของผม เรื่องพื้นฐานในชีวิตมิวรู้ดีหมดแล้ว เช่นคนเราเกิดมาเพื่ออะไร สิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตคืออะไร ผมคุยกับลูกเหมือนกับว่าเขาเป็นผู้ใหญ่แล้วนะ คุยแล้วก็ถามความคิดเห็นเขา อาจมีตอบกวนๆ อะไรไปบ้าง ก็ต้องอย่าไปดุว่าหรือสวนกลับ ให้เขาแสดงความคิดเห็นเต็มที่ อยากให้ลูกฟังเรา เราก็ต้องฟังลูกเหมือนกัน
เคยบอกมิวไว้นานมากแล้วว่าสิ่งที่เราคุยกันมันคือความเห็น คือคำแนะนำ จะเชื่อหรือไม่ จะทำหรือไม่ มันแล้วแต่การตัดสินใจของลูก ถ้าไม่เชื่อ ไม่ฟัง ก็ไม่เป็นไร แต่ลูกต้องยอมรับผลของมันที่ตามมาด้วย
เช้านี้ไปทำธุระที่เขตพระนคร น่าตกใจมาก เข้าไปถึงไม่มีคนเลย ปกติคนจะแน่นโคตรๆ ใช้เวลาแค่ 10 นาทีก็เสร็จ กลับมาเฝ้าร้านขายของต่อ บ่ายไปทำธุระที่เขตคลองสาน คนก็น้อยอีกเช่นกัน แปลกมากๆ เลย ไม่รู้เกิดอะไรขึ้น หรือว่าเป็นวันเงินเดือนออกก็ไม่รู้นะ
เข้ามาบ้าน 0200 อ้าว มิวไม่อยู่ ดีบอกว่ามิวกินยาเม็ดเดียวก็บอกหายแล้ว จะไปเรียนพิเศษ ออกไปกับอากงแล้ว
โหห ไฟแรงสัตว์ เมื่อคืนก็ทีหนึ่งแล้ว ตอนลุกมาเข้าห้องน้ำกลางดึก มิวบอกนอนไม่หลับ เลยลงมานั่งอ่านหนังสือเรียน คัดลอกแบบฝึกหัด
หิวโฮก เอาข้าวกล้องมาอุ่น กินกับอาหารกระป๋อง อาหารสำเร็จรูป ไม่ชอบกินหรอกครับ แต่เอามากินแบบทดลองดู เผื่อตอนออกทริปทางไกลอาจได้ใช้บริการบ้าน วันนี้ลองอาหารกระป๋อง เต้าหู้ขาวไข่ผัดกระเพราตราลูกสาว ของชมพู่อารยา ตักคำแรกอึ้ง โหห ไม่อร่อยเลย เนื้อเต้าหู้นี่ยังต้องปรับปรุง แต่ทำความคุ้นเคยสักพักก็กินได้จนหมดนะ ดูในภาพโฆษณาเนื้อแม่งอย่างนุ่มเลย แต่ของจริงด้านๆ แข็งๆ
อีกอันเป็นเนื่อปลาสลิดผัดเขียวหวาน อันนี้อร่อยมากครับ รสชาติดีเลย กินง่าย ไม่เลอะเทอะ กินไม่หมดก็ม้วนห่อเก็บได้ พกง่าย น้ำหนักเบาอีกด้วย
ไม่ได้กินอะไรหนักๆ ตอนกลางวันมานานเลย อิ่มแล้วเริ่มง่วง ฮ่าๆ หนังท้องตึง แหม ก็เมื่อคืนนี้แทบไม่ได้นอนเลยนี่นา
   
   ด้วยความสงสัยว่างานดริฟท์ที่พัทยาเขาแข่งที่ไหนกัน เลยเมลล์กลับไปถามผู้จัด เจ้าเอก Invade ตอบเมลล์กลับมาว่าสนามแรกจัดที่สนามกีฬาในร่มเมืองพัทยา ร่วมกับ Air Sea Land !!!
   เหี้ยย กูงงกว่าเดิม ไม่ได้ไปพัทยาเป็นสิบปีแล้ว เมื่อก่อนมีคอนโดอยู่บนเขาพระตำหนัก เจอรถติดหนักเว่อร์โมโห ไม่อยากไป ขายแม่งทิ้งเลย ลองคิดดู ลงจากเขามาพัทยาใต้ ระยะทางแค่ 2 กม เองมั้ง ใช้เวลา 3 ชม ขับรถไปกินข้าวร้านไหนๆ ก็เต็ม หนำซ้ำเจอบางร้านบอก “ข้าวหมด”
   วันหยุด เทศกาล รถแม่งติดตลอด วิ่งกันไม่เป็นระเบียบ ย้อนศรกันสนุกสนาน ตำรวจไม่สนใจอยู่แล้ว นี่มันคือเมืองมาเฟีย
   เป็นอันว่าจะต้องไปเยือนพัทยาในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้แล้ว คิดบวกครับ เป็นการเปิดหูเปิดตา เราอยู่บ้านมานานมาก ไม่ได้ออกไปดูโลกภายนอกกับใครเขาเลย เด็กรุ่นใหม่เขาไม่รู้จักผมกันแล้ว นั่นไม่ใช่ปัญหาหรอก ผมไม่ได้อยากดัง แต่พวกเขาอาจสงสัยว่าไอ้กรรมการคนนี้มันเป็นใครกันหรอ มันฝีมือระดับไหนถึงจะมาเป็นกรรมการตัดสินดริฟท์ที่พวกเขาขับได้
   เย็นโทรบอกภรรยาให้ช่วยจัดหาอาหารเช้ากินง่าย กินเร็ว สะดวก เอาไว้ให้มิวกินพรุ่งนี้เช้า ต้องออกจากบ้านตั้งแต่ 0530 โรงเรียนนัด 0600 ให้รายงานตัวกันแล้ว
   กลางคืนจัดกระเป๋าเตรียมตัวไปเข้าค่าย จัดง่ายมาก มีชุดแค่ไม่กี่ชุด แถมเป็นชุดบังคับอีกด้วย คือชุดพละ ชุดนักเรียน เสื้อและหมวกของกีฬาสี มีชุดลำลองแค่ชุดเดียวก็พอ ชุดนอนอีกชุด ที่เหลือก็เป็นของใช้ส่วนตัว สบู่ ยาสีฟัน แปรง ผ้าเช็ดตัว ขัน รองเท้าแตะ และถุงนอน
   นอนกลางป่าแม้จะในค่ายผมก็ให้ติดยาฉีดกันยุงที่ผิวไปด้วยทุกครั้งนะ แต่แคมป์นี้เป็นของพวกเด็กๆ ฉะนั้นพี่เลี้ยงและครูต้องดูแลกันใกล้ชิดอยู่แล้ว เผลอๆ มีแจกพวกผ้าเย็นกันยุงให้เอามาเช็ดถูแขนขาตอนเล่นแคมไฟ