23 กย 55
ตื่นตีสี่ครึ่ง ลุกขึ้นมาหาข้อมูลทีวี แม่ให้จัดมาอย่างด่วน เพราะวันนี้พ่อจะเข้าโรงพยาบาลไปผ่าตัดอะไรสักอย่างเกี่ยวกับปอด
พ่อผมสูบบุหรี่จัดตั้งแต่หนุ่ม มาหยุดได้กว่า 20 ปีแล้ว แต่ก็ยังคงมีของเสียจากบุหรี่สะสม มีอาการหอบ หายใจไม่สะดวก ไอ มีเสมหะ ไปหาหมอมานาน ตรวจสุขภาพมาหลายครั้ง จนหมอบอกว่าผ่าดีกว่า
แม่เลยจัดบ้านใหม่ ปรับโฉมบูรณะห้องรับแขกที่ปกติแทบไม่มีใครมาบ้าน ตอนนี้ต้องรองรับแขกอีกวันละเป็นสิบคนที่จะมาเยี่ยมพ่อหลังกลับมาพักพื้นที่บ้าน
ให้ผมจัดหา TV ใหม่มาติดตั้ง พร้อมเก้าอี้ Lazy Boy อีก 1 ตัว ไอ้สองชิ้นนี้ถ้าเราเล่นเกรดสูงๆ นี่รวมกันแล้วก็เกือบแสนบาทเลยนะ ผมไม่เคยตัดสินใจจ่ายเงินซื้อของในระยะเวลากระชั้นแบบนี้เลย รู้สึกถูกกดดัน คือเรารู้ว่าหากให้เวลาเรามากกว่านี้หน่อย ก็จะหาได้ของดี และถูกกว่านี้เยอะ
จะว่าขี้เหนียวก็ไม่เถียง ผมเป็นคนละเอียดมาก คิดแล้วคิดอีกก่อนจะจ่าย แต่ถ้าสิ่งใดเลือกซื้อแล้ว ตัดสินใจซื้อแล้ว ก็ไม่เคยรู้สึกผิดหวังกับมัน ก็ขนาด ipad ที่มีมาสองสัปดาห์กว่า กับอีกแค่ซิมไม่กี่สิบบาท และแพ็คเก็จอีกหลักไม่กี่ร้อย ยังคิดอยู่นานฉิบเป๋ง จนวันนี้ภรรยารู้สึกรำคาญแทน เลยจัดซิมของค่าย AIS มาให้เรียบร้อยแล้ว เย้ๆ ๆ
หาข้อมูลเสร็จเอาตอนรุ่งสาง ก็ยังคงเป็นข้อมูลเดิมๆ คือ หากเน้นดูฟรีทีวี ก็แนะนำให้เล่นพลาสม่า ถ้าดูหนังบ่อย ก็เล่น LCD/LED ว่าแล้วก็ไปจัด Plasma ของ Panasonic มา ยังไม่ไว้ใจแบรนด์เกาหลีครับ LG ผมพอได้ แต่กับ Sumsung แล้วเข็ดๆ ๆ ๆ ขอเล่าซ้ำอีกทีนะ ก็เพราะเผลอลองของใหม่ เล่นแอร์ Sumsung ใช้ได้แค่ปีกว่า ซื้อตั้งแต่ลูกเกิด มันยังเดินไม่ได้เลย แอร์แม่งคอมฯพังแล้ว เฮ้ยย เร็วไปๆ ๆ ๆรับไม่ได้ เทียบกับ Mitsubishi ที่ใช้มาเป็นสิบปีแล้ว เปิดวันละ 8 ชม ทุกวันนี้ยังเย็นเฉียบ
เช้าพาพ่อแม่ไปโรงพยาบาลธนบุรี หมอนัดเจาะเลือด ให้พ่อรีบกินอาหารให้เสร็จก่อน 0900 จากนั้นให้งดน้ำ งดอาหารทุกอย่าง ต้องการให้กระเพาะว่างสนิท จะมีการผ่าตัดตอนบ่ายสามโมง
แม่บอกนอนไม่หลับมาทั้งคืน ส่วนพ่อบอกหลับสบายมาก มาถึงก็ไหว้ศาลเอาฤกษ์เอาชัย ซื้อธูปเทียนส่วนตัวมา กำลังไว้อยู่ มีสาวคนหนึ่งเดินมาไหว้บ้าง หยิบเอาธูปที่แม่เพิ่งเปิดซองมาจุดไฟหน้าตาเฉย ผมสะกิดให้ภรรยาดูแล้วแอบอมยิ้ม ไม่ได้หวงธูปหรอก มันไม่กี่บาท แต่ขำไง เขาคงคิดว่ามันเป็นของฟรีที่ทางโรงพยาบาลจัดให้
ส่งพ่อขึ้นห้องพัก แล้วแม่ไล่ให้รีบไปหาซื้อทีวี ไปเดอะมอลล์ท่าพระอีกแล้ว โคตรเบื่อเลย ขับรถพ่อคันใหม่ไปด้วย ยิ่งจอดไม่ถนัด กลัวคนอื่นจะมาเฉี่ยวชน กลัวรถข้างๆ จะเปิดประตูกระแทก กลัวรถเข็นมาครูด กลัวขนาดนี้น่าจะไปจอดไกลๆ ซึ่งถ้าผมมาคนเดียวน่ะ จะหนีไปจอดชั้นบนสุดแน่ แต่นี่ภรรยาบอกจะซื้อของในซูเปอร์ด้วย เลยยอมจอดแบบเสี่ยงๆ
จอดแบบเจ็บข้างเดียวสิพ่อ มิวเขาจำได้ดี ผมเรียกการจอดชิดเสาว่าเจ็บข้างเดียว คือถ้าจะโดน ก็น่าจะโดนด้านที่ไม่แนบเสา ไม่ได้คิดเองหรอก ผมก๊อปมาจาก พี่บอย วรพล สิงห์เขียวพงษ์ ปัจจุบันเป็น บก.บห ของนิตยสาร Option และ ThaiDriver
สักพักใหญ่ก็ได้ทีวีกลับมาสมใจ รถคันนี้พับเบาะหลังราบได้ดีมากๆ เลย แต่พับแล้วมิวนังหลังไม่ได้ ต้องมานั่งเบาะหน้าเบียดกับภรรยา นึกถึงรถโบราณเลยนะ ที่เบาะหน้าเป็นแบบแถวยาวน่ะ นั่งแบบนี้จะใกล้ชิดกันได้ดีมาก
กลับมาบ้านปุ๊บฝนตกพอดี เย้ๆ รถไม่เปียก
วันนี้ประเทศไทยจัดงานกิจกรรม Car Free Day ชื่อก็บอกกันตรงตัวอยู่แล้วว่าลดการใช้รถยนต์ แก่นของมันก็คือต้องการให้เราตระหนักถึงภาวะโลกร้อน ปีนี้กรุงเทพฯ จัดกิจกรรมใหญ่รวมตัวกันได้ราว 12,000 คัน ไม่น่าเชื่อ ผมเคยเห็นแค่ 4000 คันก็ยืนกันแน่นลานพระรูปทรงมาแล้ว นี่มากันถึง 1.2 หมื่น จะเอาที่ไหนมายืน
คอนเสปเขาดีนะ แจกเสื้อแดง ขาว น้ำเงิน แล้วจัดให้ขี่เรียงกันเป็นแถวยาว มองดูก็จะเป็นสีธงชาติตลอดขบวน นี่ถ้าปิดถนนขี่ หรือขี่กันบนทางยกระดับ ภาพออกมาจะสวยสุดๆ
แต่ในโลกแห่งความเป็นจริงนั้นมันไม่ใช่ครับ เขาขี่กันบนถนนนี่แหละ นึกภาพดูนะ 1.2 หมื่นคันมันจะวุ่นขนาดไหน อย่างที่บอกแหละครับ แค่ผมเจอมา 4000 คัน หัวแถวออกจากพระบรมรูปทรงม้าไปถึงอนุเสาวรีย์ประชาธิปไตย ท้ายแถวยังยืนตากแดดอยู่ที่จุดสตาร์ทเลย ต้องรอให้ถึงสนามหลวงโน่นแหละ ท้ายแถวถึงจะได้เริ่มออกขี่
ขบวนมันยาวมากๆ ๆ ๆ แล้วปีนี้มีถึง 1.2 หมื่นคัน !!! ขบวนมันจะยาวขนาดไหน ความวุ่นวาย โกลาหล ยิ่งขี่เข้าตัวเมืองชั้นในจะยิ่งวุ่น เจอแยกใหญ่ เจอซอย มีรถยนต์เลี้ยวเข้าออก การตัดขบวนจักรยานแต่ละครั้งคือปัญหา ๆ ๆ
นี่เป็นปีแรกที่ผมไม่ได้ไปร่วมงานครับ