Author Topic: กย 53 26 Car Free Day  (Read 21464 times)

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: กย 53
« Reply #15 on: September 24, 2010, 08:59:12 pm »
24 กย 53
   อึดอัดข้องใจเรื่องจักรยานแบบ Fixed Gear / Trick หลายเรื่อง เลยไปโพสไว้ในเวปจักรยาน จัดไป 1 ชุด หวังว่าคงจะมีคนตอบได้ตรงประเด็นที่ผมสงสัย เคยไปโพสถามในเวปวัยรุ่น มีแต่บอกว่าให้มาคุยกันที่สนาม แหม ทำยังกะผมว่าไปขี่ตอนดึกๆ ดื่นๆ อย่างพวกเขาได้อย่างงั้นแหละ ต่อให้มีเวลาไปได้ ผมก็ง่วงนอนก่อนแล้วล่ะครับ นี่ถ้าเขานัดกันแบบเช้าตรู่แบบพวกทริปทัวริ่งบ้างสิ แบบนี้มีลุ้น
   เช้านี้เอารถคัน KHS HT ออกขี่ นั้่งเบาะปุ๊บก็วางได้ลงตำแหน่งพอดีเป๊ะ เริ่มชินก้นแล้ว แต่มันก็ยังรู้สึกว่านั่งแล้วก้นไม่นิ่งเหมือนเบาะเก่าน่ะครับ เอา Sit Bone วางตรงกลางปีกเบาะ แต่จุดสัมผัสระหว่างก้นกับเบาะมันน้อยมากครับ เป็นเหตุให้นั่งแล้วไม่นิ่ง แต่ขี่ทางไกลหรือนั่งนานๆ จะดีไหม ต้องมาลองดูกันต่อไป
   
   เข้ามาบ้านตอนบ่าย รีบอ่านเวปจักรยานทันที ผมว่ากระทู้ที่ผมถามเกี่ยวกับจักรยานแบบ Fixed Gear อย่างละเอียดนั้น มีคนมาตอบ 2 คน ตอบได้ละเอียดถูกใจผมพอควรเลยครับ อาจเป็นเพราะว่าผมตั้งกระทู้ดึงดูดความสนใจด้วยกระมัง กระทู้ชื่อว่า “รวมคำถามที่ไม่เคยได้รับคำตอบของจักรยานแบบ Fixed Gear”
   ผมไม่รู้เรื่องจักรยานประเภทนี้มาก่อน หากคิดจะเล่น ก็ต้องศึกษาตั้งแต่พื้นฐาน นั่นคือเรื่องเฟรม จุดแรกที่ผมอยากรู้คือความต่างระหว่างเฟรมทั้งสองแบบ คือแบบ Trick และ Track ว่ามันมีจุดไหนแตกต่างกันอย่างไรบ้าง ศึกษาแล้วนำมาคิดวิเคราะห์เชิงเปรียบเทียบด้วยตนเอง คงต้องอีกสักพักถึงจะตัดสินใจได้ จุดที่ยังต้องหาข้อมูลเพิ่มก็คือเรื่องความกว้างของเฟรมครับ คือผมอยากได้เฟรมแบบกว้างๆ ที่ใส่ล้อหน้ากว้างเยอะๆ ได้ หากเอายางหน้าแคบๆ อย่างยางเสือหมอบมาให้ผมใช้รับรองครับ พังตั้งแต่ยังไม่ได้หัดเลยด้วยซ้ำ
   นี่ขนาดยังไม่มีรถ Fixed Gear สักคัน แถมอยู่ในช่วงศึกษาหาข้อมูล ผมยังอุตส่าห์แอบคิดมองรถแบบ Track ไว้ด้วยนะครับนี่ ไม่มีเหตุผลอะไรนอกจากแค่ความสวยงามและสีสันของมันอย่างเดียวเลยล่ะครับ เห็นรถคันหนึ่งของคนไทย แต่งสีโครเมียมสวยงามมากๆ ต่างจากพวกสีสันแสบๆ พวกนั้นได้แค่แปลกตาครับ มองไปนานๆ ก็เท่านั้น ในสายตาผมนะ ส่วนใครจะมองแล้วสวยก็เป็นทรรศนะของเขาครับ พื้นฐานคนเราไม่เหมือนกัน ย่อมมีมุมมองที่แตกต่างกัน
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: กย 53
« Reply #16 on: September 25, 2010, 05:39:35 pm »
25 กย 53
   ออกลองรถแต่เช้า พรุ่งนี้จะออกไปขี่ในงาน Car Free Day ยังเป็นห่วงตอนถึงลานคนเมืองน่ะครับ คงจะมีจักรยานมากันหลายพันคัน แล้วจะจอดรถกันอย่างไร มันจะมั่วขนาดไหน จะมีของหายไหม จะมีรถหายไหม แน่นอน ถ้ากลัวรถหายก็ต้องไปกับสายล็อค ถ้ากลัวของหายก็ต้องดูแลให้มิดชิด หรือถ้าจะให้ดีก็อย่าเอาของอะไรไป สองจิตสองใจนะ อยากได้ภาพดีๆ เก็บไว้นี่นา อยากเอากล้อง Ricoh ตัวเก่งของผมไป มันถ่ายภาพได้หลากหลายสไตล์ Ricoh เป็นกล้องที่มีสไตล์เป็นของตัวเองครับ มีลูกเล่นหลายอย่างที่กล้องชื่อดังๆ อย่าง Sony, Canon, Nikon ไม่มี แต่นั่่นมันไม่สำคัญเท่าไหร่ หากเป็นลูกเล่นที่เราไม่ค่อยได้ใช้
   อาการยางหลังซึมที่มีมาปีกว่าๆ ยังคงอยู่นะครับ แรกๆ ว่าจะเปลี่ยนทิ้ง แต่อีกใจอยากลองของ ซึ่งเราจะได้มีข้อมูลมากยิ่งขึ้น เลยใช้มันต่อไปครับ จะดูอาการของมันต่อไป เล่าอีกรอบกันลืมคือ ยางหลังของผมใช้ยางนอกแบบสลิค (Slick ของผมคือเกลี้ยง 100% เลยนะ ถ้ามีเส้นๆ บ้างผมจะเรียกว่ายาง Road) ผมเอาไปลุยแบบ Off Road มา ผลคือมีแผลคล้ายรอยกรีดของคัทเตอร์บางๆ เต็มหน้ายางไปหมด แต่ยางไม่รั่วเลย พอกลับมาบ้านก็เริ่มเจออาการลมหาย ลองถอดมาแช่น้ำเพื่อจะปะก็หารอยรั่วไม่เจอ งงเต็ก เลยสันนิษฐานเอาเองว่ามันซึมออกจากผิวยางของตัวมันเองนั่นแหละ ซึ่งอาการอย่างนี้มันจะเกิดขึ้นเป็นปกติของยางนะครับ จอดทิ้งไว้สัก 1 สัปดาห์แล้วลมหายไปบ้างถือว่าธรรมดา เพียงแต่ยางของผมมันซึมออกเร็วกว่าของชาวบ้านเขา มันยังซึมออกแบบไม่ถึงขั้นน่ารำคาญน่ะครับ เลยยังพอคบหากันได้อยู่ 
   
   เข้าเวปจักรยานเจอกระทู้น่าหงุดหงิดใจ ไม่ได้หงุดหงิดคนถามหรอกนะ แต่หงุดหงิดคนตอบในบาง Reply เกี่ยวกับสถานที่บางแห่งที่ห้ามนำจักรยานเข้า กระทั่งจูงก็ยังห้าม ผมอ่านแล้วก็รับรู้ว่าสถานที่นั้นๆ เขาห้าม แต่บางท่านไม่รู้มาอารมณ์ไหน จะว่าเด็กก็ไม่ใช่แล้วล่ะ ทำยังกับว่าขี่จักรยานแล้วจะเป็นเทพฯ สามารถไปได้ในทุกแห่งหน สถานที่ใดที่เขาไม่อนุญาติก็จะต้องพากันตำหนิ บ้างก็ด่าด้วยภาษาแรงๆ
   ลองคิดด้วยใจเป็นกลางเถิดครับพี่น้อง กฏมีไว้เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยของคนหมู่มาก ผมตอบกระทู้โดยการยกตัวอย่างสมมุติว่าตัวผมขี่มอเตอร์ไซค์ แล้วไม่พอใจที่เขาห้ามขึ้นสะพานลอยข้ามแยก ผมก็มองในมุมของมอเตอร์ไซค์บ้างสิ ก็แหม ถนนก็ออกโล่ง รถผมก็คันเล็กนิดเดียว ขี่แป๊บเดียวก็ผ่านไปแล้ว รถยนต์สิตัวทำให้รถติดขัด จะขับ จะจอด ก็ไม่มีระเบียบ
   เห็นไหมครับ มันอยู่ทีว่าคุณจะมองมุมไหนอย่างไร สำคัญสุดคือ คุณมองแบบเห็นแก่ตัวหรือไม่ ร้ายยิ่งกว่านั้น หลายท่านเห็นแก่ตัวแต่ดันไม่รู้ตัวว่าตัวเองเป็น ไอ้นี่ร้ายที่สุดเลย

   ยู สาวเกาหลีที่เคยเล่าว่าชวนผมไปเกาหลี เธอมาถามย้ำว่าไม่ไปแน่นะ โถ เกือบจะใจอ่อนเหมือนกันนะครับนี่ ไม่ใช่ว่าอยากไปกับสาว แต่บ้านของยูเธออยู่ใกล้กับพระราชวังเคียงบกคุง มันอยู่ในตัวเมืองของโซลเลยครับ ทำเลดีสุดยอด แต่อยากไปก็ไปไม่ได้แล้วล่ะ ผมโดนเรียกตัวเข้าไปร่วมงานสัมนาขององค์กรหนึ่งที่เขาใหญ่ในช่วงเวลาใกล้เคียงกันมาก เอางานของไทยก่อนครับ ภาระกิจหน้าที่หลักต้องมาก่อน เรื่องเที่ยวไว้ทีหลัง
   ยังไม่พอครับ พองานจะมา มันมาพร้อมๆ กัน เดือนพฤศจิกายนผมต้องไปประชุมที่ฮ่องกงอีกงาน ยังไม่กำหนดวัน แค่เปรยมาคร่าวๆ ให้ผมทำตัวให้ว่างเข้าไว้

   เข้ามาบ้านตอนเย็น รีบจัดเตรียมชุดจักรยานก่อนเพื่อน จัดเรียงเสื้อผ้าที่จะใช้ เตรียมรองเท้า ถุงมือ แว่นตา จากนั้่นก็มาเตรียมอุปกรณ์รถ เริ่มจากสูบลมยางให้เต็มสเปค ยางหลังผมเป็นสลิค มีรอยปริแตกมาปีกว่าๆ แล้ว สูบลมเต็มที่รอยปริก็จะเห็นชัดขึ้น หมั่นคอยวัดรอยปริ มันก็ไม่เห็นจะเพิ่มขึ้นมาเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ประมาทนะ ซื้อยางนอกเส้นใหม่มาเตรียมไว้นานแล้วล่ะ ก็เป็นยางแบบเดิมนั่นแหละครับ ใช้สลิคแล้วชอบมาก เนื้อยางมันหนาดีครับ ที่ขาดไม่ได้สองอย่างคู่กับจักรยานทัวริ่งก็คือชุดปะยางและกระติกน้ำ ผมเตรียมกระติกไป 2 ใบ เหมือนเช่นเคย ส่วนชุดปะของผมได้ของดีมาใช้ เป็นแผ่นปะแบบสติกเกอร์ครับ ใช้แล้วชอบ ถูกใจมาก แต่แพงหน่อยนะ เฉลี่ยชิ้นละ 10 บาท แลกกับการที่เราไม่ต้องพกกาว

   คืนนี้จะเข้านอนแต่หัวค่ำ พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า ต้องออกจากบ้านราว 0530 ถึงจุดนัดพบตอน 0600 ใช้เวลาลงทะเบียนนิดหน่อย ยืดเส้นยืดสาย คุยกับเพื่อนๆ (ถ้ามี) ออกเดินทางกับกลุ่มตอน 0630 และจะมาถึงเสาชิงช้าช่วงใกล้ 0800
   มันคืองาน Car Free Day ที่มีไอเดียของผมเข้าไปในบางส่วนครับ จะไปดูว่าออกมาดีไหม อย่างไร จุดใดที่ควรปรับปรุงเพิ่มอีกบ้าง
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: กย 53
« Reply #17 on: September 26, 2010, 08:23:28 pm »
26 กย 53
   ก่อนนอนผมกำหนดจิตว่าจะต้องตื่นกี่โมง ตื่นแล้วต้องทำอะไรบ้าง ต้องออกจากบ้านเวลาใด และจะถึงจุดนัดพบเวลาใด นึกเรื่องพวกนี้ให้เห็นภาพอย่างชัดเจนก่อนนอน แล้วเราก็จะตื่นและทำทุกอย่างได้ตามที่เราคิดเอาไว้เป๊ะ ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ทีไร ผมมักจะตื่นก่อนนาฬิกาประมาณ 5 นาที ทั้งๆ ที่ไม่ใช่เวลาตื่นปกติด้วยนะ ราวตี 3 ตี 4 ก็สามารถตื่นเองได้ แปลกดีเหมือนกัน
   อุปกรณ์อีกชิ้นที่ไม่เกี่ยวกับจักรยาน แต่ผมมักจะพกไปด้วยเสมอนั้นคือครีมกันแดดครับ เอาไว้ทาตอนกลางวันนี่แหละ คนส่วนใหญ่จะละเลยตอนเติมครับ คือมักแค่ทากันตอนเช้าทีเดียวจบ เมื่อก่อนผมก็เป็นแบบนั้น หลังๆ ไม่เอาแล้ว เติมตอนกลางวันอีกหน่อยจะดีกว่า แดดช่วงบ่ายมันแรงกว่าตอนเช้าเยอะครับ
   ตัังนาฬิกาปลุก 0500 ตื่นเองตอน 0455 แจ๋วจริงๆ เลย ออกจากบ้านตามกำหนดเวลาเป๊ะคือ 0530 และถึงจุดนัดพบตอน 0600 รีบหาโต๊ะลงทะเบียน แต่พี่ๆ แถวนั้นบอกว่าเอกสารยังไม่มา ให้กินน้ำเต้าหู้และปาท่องโก๋ไปก่อน โอเค ผมซัดไปสองถุง แรกๆ ไม่อยากกินปาท่องโก๋เพราะมี Trans Fat เพียบ แต่จู่ๆ ก็เปลี่ยนใจ กลัวหิวแล้วหมดแรง กินไป 2 ตัว แหม อร่อยจัง ไม่ได้กินปาท่องโก๋มาหลายปีแล้ว เลยแถมเพิ่มไปอีก 2 ชิ้น
   ผมกินมื้อเช้าเยอะครับ กลางวันกินปานกลาง ส่วนเย็นกินน้อยๆ กินพวกผลไม้ และชิงเข้านอนตั้งแต่หัวค่ำ ถ้าอยู่ดึกๆ มันจะหิวครับ และถ้าเผลอกินบางทีจะกินแบบฟิวส์ขาด
   เปิดลงทะเบียน 0615 ครับ ผมดูรายชื่อตัวเองมาล่วงหน้า จำหมายเลขไว้อย่างดี พอเขาเปิดโต๊ะ ผมแค่พูดบอกเบอร์ หาง่ายมากๆ ครับ ใช่เลย ผมลงทะเบียนคนแรก ได้เสื้อยืดสีขาว และแถบรัดขากางเกงสะท้อนแสงสีเขียว ได้มาก็รีบใส่ทันทีครับ จัดเตรียมตัวเองให้เรียบร้อย กำหนดการบอกว่าจะออกเดินทาง 0630 แต่ก็รออยู่นานจนกว่าล้อจะหมุนก็ตอน 0645 แต่ก็แค่หมุนไปตั้งขบวนครับ ถ้าเคลื่อนขบวนจริงๆ ก็เกือบจะ 0700
   เอ แล้วเราจะไปถึงลานคนเมืองทันกลุ่มอื่นเขาหรือวะนี่ ลำพังถ้าขี่เองคนเดียวน่ะถึงก่อนชัวร์ แต่นี่เรามากันกว่า 200 คัน (เฉพาะที่ลงทะเบียน) และยังมีผู้มาลงทะเบียนหน้างานเพิ่มอีกเยอะด้วย
   แล้วก็เป็นไปตามคาดครับ ขบวนแตกออกเป็นหลายกลุ่มตามกำลังขา และตามจังหวะสัญญาณไฟ จากเส้นทางเดิมที่จะขี่บนถนนพระราม 3 เกือบจะทั้งเส้น ก็ตัดเหลือแค่ช่วงสะพานแขวน ลัดเส้นทางไปเยอะหน่อย แต่ก็ยังคุมขบวนได้ยากครับ ผ่านหลายแยกไฟแดงเหลือเกิน จนสตาฟเสื้อเขียวต้องคอยปิดกั้นถนนเป็นช่วงๆ จนมาถึงลานคนเมือง เสาชิงช้าตอน 0810 ฮ่าๆ มาสายไป 10 นาทีครับ เขาเคารพธาชาติและทำพิธีเปิดกันไปแล้ว เป็นความผิดพลาดของกลุ่มผู้นำทริปที่คุมเวลาไม่อยู่ครับ ติเพื่อก่อนะครับ หากเป็นทริปสำคัญ งานใหญ่ๆ แล้วเกิดคุมเวลาไม่อยู่อีกจะยิ่งแย่เข้าไปใหญ่
   ถึงลานคนเมืองก็งงเต็กครับ เหมือนผึ้งแตกรังกระเด็นไปคนละทิศละทาง ผมตรงไปที่ลานกว้างและเก็บภาพมานิดหน่อย แดดร้อนแรงจัดครับ ยืนมองหาคนคุ้นหน้าก็ไม่มีสักคน โทรหาพี่เจี๊ยบก็ไม่เปิดเครื่อง หรือจะอยู่มุมใดของงานแล้วอับสัญญาณก็ไม่รู้ เอาวะ หาที่จอดรถสวยๆ แล้วล็อค จะได้เดินชมงานอย่างสบายใจ
   เดินดูตามบูธขายของที่มาออกงานก็ไม่ค่อยมีอะไรถูกใจนัก มาสะดุดตากับจักรยานแบบ Fixed Gear กลุ่มใหญ่ รถสวยดีครับ แต่พอเห็นเจ้าของขี่แล้วรู้สึกแปลกๆ ไอ้แค่แต่งตัววัยรุ่นน่ะมันไม่เท่าไหร่ แต่มันออกแนวเกย์กันเสียเยอะครับ งงสิ ทำไมมันถึงเป็นอย่างนี้ แล้วถ้าผมเกิดขี่ Fixed Gear แล้วไปเข้ากลุ่มกับเขาล่ะ งานเข้าจริงๆ นะนี่
   แต่รถเขาสวยแปลกตาดีครับ คนมองกันเยอะเหมือนกัน คงเป็นเพราะมีสาวๆ มาร่วมขี่ด้วย แต่งตัวกันแบบวัยรุ่น ก็ดูน่ารักดีครับ
   ช่วงสายๆ เริ่มเบื่อแล้ว เลยยืนดูที่ลานตรงกลาง มีพวกจักรยาน BMX มาขี่ผาดโผนโชว์ ดูไปก็คุ้นหน้ากันหมดครับ ศิษย์เก่าหัวหมาก ผมเองก็เล่นสเกตบอร์ดกับพวกเขามาก่อน อายุไมต้องพูดถึง มันเกินกว่า 20 ปีมาแล้วครับ
   แดดร้อนก็ตระเวณหลบไปเรื่อย จนมาเจอเจ้าตุ๊ก รุ่นน้องที่ไม่ได้เจอกันนานมากๆ เพราะผมไม่ค่อยได้ออกทริปขี่จักรยาน ก็เลยเพิ่งจะได้หย่อนก้นนั่งตรงนี้เป็นครั้งแรก พอนั่งแล้วก็เจอเพื่อนๆ อีกเป็นกลุ่มใหญ่เลยล่ะครับ ได้พบพี่เชอรี่ เทพแห่งแสงไฟอีกด้วย
สิ่งหนึ่งที่ผมทำเป็นประจำนั่นคือการพบเพื่อนใหม่ ผมมักจะไปไหนมาไหนคนเดียว ก็มีอิสระในการพูดคุยกับนักจักรยานท่านอื่น วันนี้ผมรู้จักเพื่อนใหม่ 4คน

คนแรกเป็นหญิง ขี่ Dahon Speed P8 มาคนเดียว อยู่แถวสาทร
คนที่สองเป็นชาย ขี่รถ Fixed Gear ของ Create ผมขอยืมรถเขาขี่อีกด้วย
คนที่สามเป็นฝรั่ง ชื่อ Bill เป็นนักบิน ขี่รถ Dahon Mu Single Speed + Coaster Brake บินไปทั่วโลก แวะเมืองไหนก็เอาจักรยานออกขี่ทุกเมือง
คนที่สี่เป็นฝรั่ง ชื่อ George ขี่รถ Giant Halfway ตะลอนๆ ไปรอบโลก

   อ้อ อาหารในงานอร่อยมากๆ ครับ ช่วงแรกที่เขาแจกผมเห็นคิวยาวมากๆ เลยไม่ได้ไปต่อแถว พอสักสายๆ ท้ายแถวหายหมด คงจะกินแล้วทะยอยกลับบ้านกันไปแล้ว ตอนนี้เป็นคิวของผม ทอดมันปลากรายอร่อยมาก กินไป 2 กระทง ข้าวหมกไก่เพิ่งมาเปิดบูธ ข้าวร้อนๆ เลยครับ มากับไก่ชิ้นเล็กหน่อย โอเค รสชาติดีมาก ตามมาด้วยก๋วยเตี๋ยวลุยสวน แต่ร้านนี้เขาใช้แป้งแหนมเนืองมาห่อ รสชาติอร่อยถูกปากดีมากๆ นี่ถ้าเอากล่องพลาสติคใส่อาหารมาด้วยจะไม่เกรงใจที่จะขอเอากลับบ้านเลยล่ะครับ
   เหลือบไปเห็นข้าวเหนียวเนื้อแดดเดียวเหลือเพียบบบ คนส่วนใหญ่เขาไม่กินเนื้อกัน ว้า เสียดายของ เอากลับบ้านมาหน่อยดีกว่า ผมกินเนื้อได้

   อยู่ในงานจนถึงช่วงใกล้เที่ยง ผู้คนทะยอยกลับกันเยอะแล้วครับ ผมขี่ไปโฉบที่ถนนข้าวสารหนึ่งรอบแล้วถึงขี่กลับบ้านที่พระราม 2 ขากลับแดดร้อนแรงจัด แต่พอใกล้บ้านฟ้ามืดครึ้ม
   ถึงบ้านก็ Strecth แบบชุดเล็ก เพราะร้อนและเหนื่อยมาก อยากอาบน้ำ เปิดฝักบัวฉีดใส่ตัวแรงๆ สะใจดีเหลือเกิน ตอนแรกเพลียๆ อยากจะหลับ เปิดตู้เย็นเจอมะม่วงเขียวเสวยสุกปอกเสร็จแล้วนอนรออยู่ในตู้เย็น หยิบกินแบบไม่รีรอ
   พอได้ผลไม้ที่มีวิตามินเยอะๆ ร่างกายฟื้นทันทีเลยครับ อาการเบื่อๆ ง่วงๆ หายไปเลย สดชื่นทันที แม้จะยังไม่ค่อยมีแรงก็ตาม
   เย็นฝนตกครับ แต่เทลงมาแป๊บเดียว ก็ดีครับ ฝนคลายร้อนแบบนี้ไม่มีใครบ่นว่าอะไร นอกเสียจากคนที่เพิ่งจะออกมาจากร้านล้างรถ
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: กย 53
« Reply #18 on: September 27, 2010, 08:27:38 pm »
27 กย 53
   มีเรื่องตื่นเต้นแต่เช้า งูเหลือมตัวเบ้อเริ่มเข้าบ้านครับ คงจะหนีน้ำมา เพราะเมื่อคืนฝนตกหนัก แม่บ้านตกใจ ทำอะไรไม่ถูก ผมเดินไปเรียกคนงานที่พักอยู่ใกล้ๆ ในซอยเดียวกันให้มาช่วยจับงูไปซะ แต่พอคนงานมาถึง เจ้างูเลี้อยหนีลงท่อระบายน้ำไปแล้ว ก็ดีเหมือนกันครับ ขอให้มันไปอยู่ในที่ๆ ไม่มีใครรบกวน และมันก็ไม่ไปรบกวนใครก็แล้วกัน
   ท่าทางผมจะเอาจริงกับจักรยาน Fixed Gear แล้วนะ เพราะวันนี้นังออกแบบอุปกรณ์และจัดโทนสีของจักรยาน ตอนแรกคิดไว้ว่าน่าจะเป็นรถสีขาวทั้งคันไม่เว้นกระทั่งยางและโซ่ แต่ผมคิดว่าเสน่ห์ของจักรยานแนวนี้มันน่าจะต้องมีชิ้นส่วนที่เป็นเอกลักษณ์ส่วนตัวครับ มันควรจะเป็นของที่ทำขึ้นเอง ทำเพื่อเราคนเดียวเท่านั้น
   น่าแปลกและสงสัยหนึ่งเรื่องครับ เห็นกลุ่มจักรยาน Fixed Gear กลุ่มใหญ่ในงาน Car Free Day ผมมองรถอยู่นาน แต่ไม่รู้เจ้าของรถคือใคร จนเขาเดินมาจับรถขึ้นขี่นี่แหละ ผมถึงได้ตะลึง
   แม่ง เกย์ทั้งแก๊งเลยครับ ถ้าไม่เกย์ ก็ต้องเป็นผัวเกย์ก็แล้วกันวะ ทั้งการแต่งตัว ทรงผม บางคนออกตุ้งติ้ง บางคนเก็บอาการ (ภาษาวัยรุ่นเรียก กทม – กระเทย เก๊ก แมน) สงสัยมากๆ ว่าทำไมชาวเกย์ถึงได้มาสนใจจักรยานแนวนี้ รถแบบ Fixed Gear มันมีอะไรไปโดนใจเกย์หรืออย่างไร
   ผมเจอใครคนไหน ถ้าอยากคุย ผมก็จะเข้าไปคุยได้สบายมาก เจอจักรยานทัวริ่งนี่คุยกันเพลินไปเลย กลุ่มรถพับก็สบายมาก ผมเข้ากลุ่มได้สบาย มาวันวานนี้แหละครับที่ผมตะขิดตะขวงใจ ไปเจอเกย์ทั้งแก๊ง ไม่กล้าไปไปเฉียดเลยล่ะครับ ได้แต่แอบมองรถของเขา บางคนแต่งสวยดี แต่ก็มีอีกมากที่ออกแนวเลอะเทอะ แต่ทุกคนมีเอกลักษณ์อย่างหนึ่งคือสีสันสดใส
   หาข้อมูลรถแบบ Trick จนคัดกรองแล้วเหลือยี่ห้อ RH+O ที่เข้าตาครับ รถปีนี้คือรุ่น K2 ส่วนรถของปีหน้าชื่อ K3 จะออกในเดือนตุลาคม ก็ไม่รีบร้อนครับ แต่จากเดิมที่คิดไว้ว่ารถจะเป็นสีขาวอาจต้องเปลี่ยนแผน เพราะ K3 มันเป็นรถ Nude คือไม่มีสี เป็นสีโลหะดิบๆ เลยครับ บ๊ะ ถูกใจชมัด พลางคิดต่อไปว่าชิ้นส่วนอื่นจะมีแบบ Nude ให้ผมเลือกใช้อีกด้วยไหม
   เออ เล่าเรื่องอื่นๆ เสียเพลิน ลืมประเด็นเรื่องงานวัน Car Free Day ที่ผมขอวิจารณ์รูปแบบงานสักหน่อย ไม่ได้วิจารณ์ไอเดียคนอื่นเขาหรอก ผมกำลังคุยถึงไอเดียของตัวเองต่างหาก
   เท้าความ ผมคุยกับแกนนำคนหนึ่งในการจัดงานวัน Car Free Day และให้ไอเดียว่า งานวันนี้ไม่ควรจัดในสถานที่ปิด เพราะคนภายนอกเขาไม่รับรู้อะไรกับเราด้วยเลย และในวันนี้ผมอยากเห็นชาวจักรยานขี่กันทั่วเมือง โจทย์ของผมมีอยู่แค่นี้แหละ
   จึงมีความคิดที่จะจัดกลุ่มรอบชานเมือง 22 จุด ตั้้งขบวนแล้วขี่เข้ามารวมตัวกันที่ลานคนเมือง ก็ถือว่าเป็นความคิดที่ดีมากครับ แต่จุดนัดพบของผมใต้สะพานแขวน ได้แกนนำขบวนที่ยังไม่แข็งแกร่ง เริ่มจากมาถึงงานช้ากว่าผู้ร่วมงาน ทำให้ลงทะเบียนช้า แถมขบวนใหญ่เกินกว่า 200 คน ทำให้ขบวนแตก ติดไฟแดงทีหนึ่งก็แตกเป็นกลุ่มหนึ่ง กลุ่มหน้านำไปได้สักพักก็ต้องจอดรอ ผลก็คือมาถึงลานคนเมืองสายเกินเวลานัดหมายไปราว 30 นาที ทั้งๆ ที่ขี่ลัดเส้นทางจนสั้นกว่าเดิมไปมากแล้วด้วยซ้ำ
   ส่วนจุดที่ผมต้องชมเชยก็คือ มีการจัดกลุ่มแล้วขี่กันไปในจุดต่างๆ อันนีตรงกับคอนเสปของผมที่ต้องการให้คนทั่วไปเห็นว่าจักรยานไม่ใช่เรื่องไกลตัว ใครๆ ก็ขี่เล่นได้ ผู้ที่สื่อเจตนาของผมอันนี่้ได้ชัดที่สุดคือกลุ่มจักรยาน Fixed Gear ครับ เพราะพวกเขาใส่ชุดวัยรุ่นธรรมดาๆ ไม่สวมหมวกนิรภัย ใส่รองเท้าผ้าใบธรรมดาๆ มันตรงกับวิถีของคนทั่วไปอยู่แล้ว แถมรถยังมีสีสันสดใสดึงดูดคนได้ดีครับ ขี่ไปไหนคนก็มองกันใหญ่
   จุดที่ติเล็กน้อยคือบริเวณลานคนเมืองไม่มีป้ายบอกคนผ่านไปมาว่าเรากำลังทำกิจกรรมอะไรกันอยู่ เขาเห็นแต่จักรยานเยอะแยะ อาจคิดว่าเป็นงาน Bike Expo ก็เป็นได้ ใครจะไปรู้
   โดยรวมผมถึงว่าทำได้ดีมากครับ แต่ยังไม่ดีเลิศ งานปีหน้าขอแนวๆ นี้อีก ไปลากร้านค้าให้มาออกบูธเยอะๆ แล้วจัดให้มีจักรยานหลากหลายแบบมาขี่โชว์แสดงความสามารถ อันนี้ดูแก้เบื่อได้ดีมากเลยนะ อย่าทำเป็นเล่นไป ถ่วงเวลาคนไม่ให้กลับบ้านได้ง่ายมากๆ ให้เด็กๆ มาแสดงความสามารถตรงนี้ เขาจะได้ภูมิใจ คนดูก็สนุกไปด้วย ผู้จัดงานก็สบายไปด้วย เรียกว่า win win win ครับ
   คำว่า win win win เป็นคำที่ผมบัญญัติเองในการสัมนาธุรกิจยุคใหม่ ผมพูดให้นักธุรกิจรุ่นใหม่ฟังว่า ลำพังแค่ win win เหมือนที่ผ่านมานั้นมันไม่เพียงพอเสียแล้ว แต่หลายคน โดยเฉพาะคนรุ่นเก่า เขายังไม่เข้าใจว่า win win win นั้นมันคืออะไร แล้วใครจะมา win กับเราอีกอันหนึ่ง เราเคยมีแต่ win win คือระหว่่าง พ่อค้ากับลูกค้า
   เพราะโลกมันเปลี่ยนไปแล้วครับ
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: กย 53 26 Car Free Day
« Reply #19 on: September 29, 2010, 07:47:41 pm »
28 กย 53
   ไม่ได้ขี่จักรยานมานาน ขี่ไปงาน Car Free Day แค่ 50 กม กลับมาบ้านเจ็บก้นฉิบเป๋งเลยครับ ไอ้เบาะ Velo แบบมีร่องกลางทำให้ผมเจ็บก้นช่วง Sit Bone แทน ส่วนเบาะเก่าของ Bontrager นั้นเจ็บแบบทั่วทั้งก้น แต่มีสิ่งที่เบาะทั้่งสองเป็นแถมผมเบื่อและรำคาญมาก แถมเป็นเรื่องที่ไม่เคยมีใครพูดถึงทั้งในเวปไทยและต่างประเทศนั่นคือเรื่องของความร้อนครับ
   ลองนั่งยองๆ แล้วจับ Sit Bone ของตัวเองดูด้วยมือทั้งสองข้าง จากนั้นลองกดและเลื่อนมือหน้าหลังอย่างเร็ว นั่นคือสิ่งที่ก้นคุณโดนกระทำขณะขี่จักรยาน แต่แรงกดของจริงนั้นมากกว่าแรงมืดกดเยอะมาก เพราะเราทิ้งน้ำหนักราว 50% ที่เบาะ ผลจากการที่ Sit Bone ขยับไปมาจะเกิดความร้อน ผมไม่แน่ใจว่าความร้อนที่เกิดนี้มันเกิดในกล้ามเนื้อเราเอง หรือเกิดที่ตัวเบาะกันแน่ ถ้าเกิดในกล้ามเนื้อเราเองนี่คงทำอะไรกับมันไม่ได้ แต่ถ้าเกิดที่ตัวเบาะล่ะก็ … ผมเริ่มหันไปมองเบาะที่ตัวเองไม่เคยคิดจะใช้มาก่อน นั้นคือเบาะของ Brooks ครับ เบาะที่ผมเคยแสดงความคิดเห็นในด้านที่ตัวผมเองไม่ชอบไว้สองเรือง คือ เรื่องการที่ต้องคอยทาไขปลาวาฬอย่างสม่ำเสมอ อีกเรื่องคือการโดนน้ำ และสุดท้ายคือเรื่องน้ำหนักที่มหาศาลของมัน
   ทั้งนี้เพราะคุณสมบัติของแผ่นหนังที่ขึงอย่างนั้นมันน่าจะคายความร้อนได้เร็วมาก ผมเดานะ แค่ดูจากโหวงเฮ้งของมัน
   อยากลองของหน่่อยครับ นี่ถ้านั่งแล้วมันไม่เจ็บ ไม่ร้อนจนแสบก้นล่ะก็ ผมจะถือว่ามันเป็นเบาะที่ดีสุดยอดอันหนึ่งเลยล่ะ ถึงแม้จะเคยอ่านรีวิวเจ้าเบาะ Brooks มามากมาย แต่ประเด็นเรื่องความร้อนที่เกิดขึ้นขณะปั่นจักรยานนี้ไม่เคยมีใครพูดถึงมาก่อนเลยครับ
   แต่จะเบื่อก็เรื่องต้องมาคอยทาไขปลาวาฬนี่แหละครับ ทาแล้วเมื่อไหร่แห้งก็ไม่รู้ ต้องทิ้งไว้นานแค่ไหน อย่างไร สีมันจะตกใส่กางเกงหรือเปล่า ฯลฯ และที่แน่ๆ คือ เบาะหนังสไตล์นี้มันกลัวน้ำครับ อย่าคิดแค่ว่าจะเป็นแค่น้ำฝนเท่านั้น มันอาจเป็นน้ำที่กระเด็นมาจากพื้นถนนด้วยก็เป็นได้ และน้ำสาดโดนด้านใต้เบาะนี่เช็ดไม่ถนัดเอาเสียเลยล่ะครับ
   
   เข้าเวปจักรยานไปอ่านคำตอบที่ผมทิ้งไว้เรื่องจักยาน Fixed Gear / Trick มีท่านหนึ่งตอบผมว่าไม่ควรขี่จักรยานลงฟุตบาท มันไม่ได้ออกแบบมาเพื่อทำอย่างนั้น แหม อ่านแล้วอยากจะโพสเถียง แต่ไม่กล้าครับ เขาแค่มาแสดงทรรศนะของเขา ถ้าไม่ตรงกับใจเราคิด ก็แค่มองข้ามไป แต่จะบอกให้ว่าไอ้จักรยาน Fix Trick นี่แหละครับตัวแกร่งเลย มันสามารถโดดหมุน 360 องศาได้เป็นเรื่องง่ายๆ ไอ้แค่ขี่ลงฟุตบาทน่ะมันเรื่องเล็กน้อยมากๆ รถ KHS MTB HT ปี 94 ของผมยังโดดขึ้นโดดลงแทบทุกครั้งที่ขี่ออกถนนเลยครับ ยืนยันว่าทำได้แบบไร้ปัญหา แต่ถ้าเป็นรถเก่าๆ โทรมๆ ก็อาจออกอาการได้ที่พวกชุดถ้วยคอหน่อย แน่นอนครับ มันย่อมพังเร็วกว่ารถที่ขี่ติ๋มๆ แน่ล่ะ เหมือนเอารองเท้ากีฬามาใส่เดินกับใส่วิ่ง ใส่วิ่งมันก็ย่อมต้องสึกหรอเร็วกว่าแบบใส่เดินแหงล่ะครับ 

29 กย 53
   ผมแค่บ่นๆ คุยๆ เรื่องจักรยานแบบ Fixed Gear ไปเรื่อยๆ ตามความคิดล่ะนะ ไม่ได้เร่งรีบร้อนในการอยากได้อะไรนักหรอก ผมยังมีจักรยานอีกหลายคัน แถมมีบางคันที่แทบจะไม่ได้ขี่เลย เป็นรถที่ผมไม่ค่อยได้เล่าถึง นั้นคือ Giant Revive DX และ GT MTB รถ Giant ผมซื้อมาให้พ่อ ส่วน GT ซื้อมาให้แม่ แต่ด้วยความเขลาของผม ซื้อรถ GT ขนาดใหญ่เกินไป ทำให้ขี่ไม่ถนัด แถมซื้อมาราคาแพงมาก ยุคปี 95 นั้น หา MTB ได้ยากมากครับ จะขายต่อก็ราคาตกวูบเหลือแค่หลักพัน รถผมซื้อใหม่มือหนึ่งแท้ๆ ราคายังถูกกว่ารถปีใหม่ๆ จากเชียงกงเสียอีก ส่่วน Giant Revive ยังพอได้ขี่บ้าง เป็นรถแบบ Semi Recumbent นั่่งขี่ได้สบายมากๆ ครับ แต่ขนย้ายลำบาก มันหนัก มันคันใหญ่
   ชีวิตช่วงเช้าของผมเปลียนไปแล้วครับ จากเดิมที่เคยออกกำลังกายได้เป็นชั่วโมงก็หดเหลือ 30 นาที จนทุกวันนี้ไม่เหลือสักนาทีแล้ว เฮ้ยย ผมไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลยนะ
   จักรยานที่เคยขี่่เป็นประจำ กลายเป็นได้แต่ยืนมองลูบๆ คลำๆ แล้วก็ต้องรีบอาบน้ำแต่งตัวไปส่งลูก ออกไปร้านขายของแต่เช้า ไปจดออเดอร์ลูกค้าที่อยู่ละแวกบ้าน ยังดีที่พอจะได้ขี่รถคัน JZ88 บ้าง แต่ก็เบื่อตรงทีมันว่อกแว่กง่าย เกือบล้มอยู่หลายครั้งหลายครา คิดอยากหารถ Fixed Gear มาลองดูบ้าง แต่ติดเรื่องอันตรายครับ รถมันไม่มีเบรก และผมขี่รถออกถนนใหญ่เป็นประจำ แล้วก็เกิดปิ๊งไอเดียที่จะใส่เบรกเข้ากับรถ Fixed Gear แต่ไม่ใช่เบรกแบบทั่วๆ ไปนะ เป็นระบบเบรกเหมือน BMX ที่มี Rotor สามารถหมุนคอได้อย่างอิสระ แต่ก็กลัวว่าคนอื่นจะมองผมติงต๊อง ผมไม่เคยเห็นรถ Fixed Gear คันไหนทำแบบนี้มาก่อนเลย
   “อ๊ะ เอ็งน่ะ นำแฟชั่นต่างหาก ทำไมต้องกลัวใครมาว่าเรา” ในใจอีกด้านผมตอบแบบนั้น
   “อ้าว ก็จุดประสงค์การใช้งานมันต่างกัน คนอื่นเขาขี่กันในสนามปิด แต่เราขี่บนถนนใหญ่ ไม่มีเบรกก็เหมือนขี่ออกไปฆ่าตัวตาย” ความคิดด้านตรรกให้คำตอบผม
   จากเดิมที่มองรถ Trick แบบ Complete (เพราะเลือกอะไหล่ไม่เป็น) กลายมาเป็นว่าอยากได้เฉพาะเฟรมครับ หรือถ้ามีตะเกียบติดมาด้วยก็ขอเป็นตะเกียบตรง (ภาษา Fix เขาเรียกตะเกียบทริค) สิ่งที่ผมต้องขวนขวายหาก็คือคอแฮนด์แบบของ BMX ที่มีรูร้อยสายเบรกหน้าลงไปในท่อคอ และชุดเบรกหน้าของ BMX ส่วนเบรกหลังยังสองจิตสองใจว่าจะใส่ดีไหม เพราะมันจะแปรผันกับดุมหลัง ซึ่งยังไม่รู้ว่าจะเลือกแบบ Fix/Fix หรือแบบ Fix/Free ดี ถ้าเลือกดุมแบบ Fix/Fix ผมก็คงไม่เอาเบรกหลัง แต่ถ้าเลือกแบบ Fix/Free ก็อาจจะมองเบรกหลังบ้าง แต่ก็อีกล่ะนะ มันเป็นแค่จิตนาการไปวันๆ
   เออ ผมเห็นคนขายนวมหุ้มตัวถังด้วยครับ สมัย BMX ผมซื้ออันละ 50 บาท มาวันนี้ในเวปเขาขายอันละหลายร้อยบาทเลย คุ้นๆ ว่าราว 500 บาท น่าตกใจมากจริงๆ เพราะมันเป็นแค่โฟมสีดำๆ แล้วมีผ้าหุ้มทับ ต้นทุนดูแล้วไม่ถึงร้อยบาทชัวร์ๆ แต่ถ้าเป็นของนำเข้า ของแบรนด์เนม ชอบโดนฟันก็อีกเรื่องหนึ่งนะ ไม่ว่ากัน คนแบบนี้มีเยอะ โดยเฉพาะโลกของจักรยาน Fixed Gear
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re: กย 53 26 Car Free Day
« Reply #20 on: September 30, 2010, 08:57:57 pm »
0 กย 53
   เล่าเรื่องจักรยาน Fixed Gear เสียยืดยาว จะได้ขี่จริงหรือเปล่าก็ยังไม่รู้ เวลาส่วนตัวจะมาขี่จักรยานก็หายากขึ้นทุกวัน ภาระกิจที่ไม่ได้คาดฝันรัดตัวขึ้นทุกวัน จากปีก่อนๆ ที่ผมไปต่างประเทศบ่อยๆ มาปีนี้แทบจะไม่ได้ไปไหนเลย คนงานที่ร้านขาดไปหลายคน ผมรับเละจริงๆ หน้าที่อะไรที่ใครทำไม่ได้ก็มักจะตกเป็นของผมไปหมด
   ความสุขของผมคือการที่เห็นคนอื่นเขามีความสุขครับ ก็ช่วยทำกันไป แต่ถ้าช่วยมากเข้าจนงานเราเสียก็มีเซ็งเหมือนกัน บ่นอะไรมากไม่ได้นักครับ ได้แต่เก็บไว้ในใจ บอกใครไปก็เท่านั้น จนบางครั้งที่ผมออนไลน์ ผมพูดคุยสนิทสนมกับเพื่อนๆ ที่ออนไลน์มากกว่าเพื่อนในโลกแห่งความจริงเสียอีก
   เช้านี้ออกขี่จักรยานไป 30 นาที ต้องตั้งใจตื่นเช้าๆ ถึงจะพอมีเวลาครับ ขี่รถคัน KHS HT ที่ยังคงใช้เบาะ Velo แบบมีร่องกลาง นั่งแค่แป๊บๆ ก็รู้สึกดีเหมือนกันครับ ขี่แค่ 30 นาที ยังไม่เจ็บก้นสักนิด
   ไปส่งลูกแล้วก็เลยไปที่ทำงาน เจอบรรยากาศเดิมๆ นี่น่าเบื่อดีเหมือนกันครับ ช่วงนี้สินค้าหลายตัวขึ้นราคา พอบอกลูกค้าก็จะโดนด่าสวนกลับมา ทำได้แค่รับฟังครับ เขาอาจไม่ได้ด่าอะไรผมก็ได้ แค่แสดงความคิดเห็นด้วยน้ำเสียงรุนแรงหน่อยเท่านั้นเอง แหม แค่นี้ก็ทนไม่ได้แล้วหรือ
   ก็ทนจนไม่อยากทนแล้วล่ะครับ สารพันเรื่องราวที่เราไม่สามารถควบคุมได้เลย วันนี้เป็นอีกวันที่ผมเบื่อแบบสุดยอดจริงๆ อยากหนีไปให้ไกลๆ ไปไหนก็ได้
   ไปกับจักรยานได้ยิ่งดี
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride