5 มิย 53
วันนี้สัมนากันเต็มวันครับ ดูจากตารางเวลาแล้วก็เหมือนสัมนาทั่วๆ ไป คือมีเบรกตอนสาย แล้วก็พักเที่ยง เข้าประชุมตอนบ่าย มีเบรกตอนบ่าย 3 แล้วก็ปิดประชุมตอนเย็น สุดท้ายคือมีเลี้ยงมื้อเย็นกัน ช่างเป็นรูปแบบงานสัมนาที่เฟอร์เฟคจริงๆ ไม่ว่าที่ไหนๆ จัดก็จะต้องออกมาแนวนี้กันทั้งนั้น
แม้เนื้อหาในงานสัมนาจะค่อนข้างห่างไกลกับชีวิตของผม แต่เราก็ต้องพยายามฟังและหาแง่คิดมาบำรุงสมองเราให้ได้ นี่แหละครับ มันสนุกตรงนี้ นั่งฟังอย่างตั้งใจ ประโยคไหนเด็ด โดนใจ หรือเติมไฟในกายให้เราได้ต้องรีบจดไว้
นี่เป็นโรงแรมแรกที่พักเบรกแล้วมีอาหารว่างที่มีผักเยอะ คือเขามีเปาะเปี๊ยะญวนครับ แจ๋วมากๆ ผักเพียบ ที่ผ่านมาทุกงานมีแต่พวกคุ๊กกี้ เค๊ก พาย ขนมปัง ฯลฯ เจอผักเยอะๆ แบบนี้ดีต่อสุขภาพครับ เลยจัดไปหลายชิ้นหน่อย รสชาติดีอีกด้วย
มื้อกลางวันค่อนข้างจะวุ่นหน่อยครับ เพราะมีเวลาให้ 1 ชม แต่ใช้เวลาเดินขึ้นลงจากห้องประชุมถึงห้องอาหารก็หมดไป 15 นาที กลายเป็นเหลือเวลาแค่ 45 นาทีสำหรับทานอาหาร งานนี้ตักแบบไม่ต้องคิดอะไรมากครับ ถือจานตักข้าวแล้วต่อคิวตักกับอย่างละนิดละหน่อยได้เลย แต่ยังคงต้องเน้นผักเหมือนเดิมนะ
เสร็จแล้วก็เข้าประชุมกันต่อครับ ช่วงบ่ายนี้มีนักธุรกิจหนุ่มที่ประสพความสำเร็จในการสืบทอดธุรกิจมาเป็นวิทยากร ก็นั้งฟังไปแบบเพลินๆ ดี นั่งฟังปัญหาของคนรวยๆ เขา ที่เรามักจะคิดกันไม่ค่อยถึง คือถ้ายังไม่เจอปัญหาเหล่านี้ คือคุณยังไม่รวยจริง ดูแล้วมันไกลตัวผมมากๆ แต่ก็ยังคงจดบันทึกเอาไว้
ช่วงเย็นมีรุ่นน้องมานั่งคุยกับผมเรื่องธุรกิจ คุยขอคำแนะนำว่าเขาควรทำอะไรดี เจอแบบนี้ผมตอบไม่ถูก แต่ก็ให้เข็มทิศเขาไปอันหนึ่ง ให้เขาเขียนวงกลม 3 วง
วงที่ 1 เขียนสิ่งที่ตัวเองถนัด สิ่งที่ตัวเองทำได้ดี
วงที่ 2 เขียนสิ่งที่ตลาดต้องการว่ามีอะไรบ้าง
วงที่ 3 เขียนสิ่งที่เราฝันอยากจะทำ
ไม่ต้องรีบเขียน ค่อยๆ คิดไปเรื่อยๆ ใช้เวลาไปนานๆ เขียนหลายๆ ข้อ แล้วนำวงกลม 3 วงมาวางซ้อนกันเหมือนโลโก้ช่อง 7
สิ่งที่อยู่ตรงกลางนั่นแหละ คือคำตอบของปัญหานี้
ผมให้คนอื่นเขียนกันออกมาหลายๆ ข้อ แต่สำหรับตัวผม มันมีคำตอบเพียงแค่ข้อเดียวเท่านั้น คือวงกลมที่ 1, 2 และ 3 ก็จะคือคำตอบข้อเดียวกัน
นั่นคือสิ่งที่ผมถนัด สิ่งที่ตลาดต้องการ และสิ่งที่ผมใฝ่ฝัน มันคือสิ่งเดียวกัน
รู้ว่ามันคืออะไร แต่ใจกลับยั้งไม่ค่อยมีไฟในการลงมือทำ ต่างจากตอนทำ Racing Club ลิบลับที่ตอนนั้นไฟโครตจะแรง
หรือว่าผมออกส่งของยกของบ่อยๆ จนร่างกายกรอบเพลียไม่มีจิตใจจะมาคิดก็ไม่รู้สินะ
6 มิย 53
วันนี้ตื่นสายหน่อย 0530 เมื่อคืนนอนดึก แต่ก็ไม่ได้ลุกไปไหนหรอก นั่งชมวิวถนนจากบนห้องพัก วิวดีปานกลางครับ นั่งมองได้อยู่นานจนพระอาทิตย์ขึ้น แดดเริ่มแรงจนต้องปิดม่านกันแสงอีกครั้ง
ลงมาทานอาหารเช้าคนเดียว มองหาพวกเด็กๆ ก็ไม่เห็นมี ไม่เป็นไร เราบินเดี่ยวประจำอยู่แล้ว แต่พอผมตักเข้าปากได้ไม่กี่คำก็มีคนทะยอยกันมานั้งรอบกายผม ดูๆ เหมือนกับตัวเองเป็นควายเซ็นเตอร์
มีรุ่นน้องชื่อบอยขอกลับกับผมด้วย บ้านเราอยู่ใกล้กัน ยินดีครับ ชอบเสียอีกที่มีเพื่อนนั่งไปด้วย อย่างน้อยก็ไม่ได้ขับรถคนเดียว ได้ช่วยพาคนไปส่ง แถมเขายังประหยัดเงินค่าแท๊กซี่อีกเป็นร้อย
บอยนั่งคุยกับผมเรื่องชีวิต เขายังไม่ได้แต่งงาน เคยมีแฟน และเลิกกันไปสัก 2 ปีแล้ว ทุกวันนี้ทำแต่ธุรกิจของที่บ้านจนไม่ได้ออกไปไหน ไม่มีโอกาสพบปะผู้คน โดยเฉพาะผู้หญิงดีๆ
เออว่ะ ผมไม่เคยคิดถึงแง่มุมพวกนี้มาก่อนเลย ที่ผ่านมาการพบผู้หญิงที่เป็นแฟนก็มักจะรู้จักกันแบบธรรมชาติมากๆ คือเป็นเพื่อนของเพื่อน บ้างก็พบกันในงาน ถ้าย้อนไปสมัยเด็กก็จะพบกันในสโมสรเรือใบ คือไลฟ์สไตล์เราเป็นอย่างไร เราก็จะพบคนอย่างนั้น
นึกขึ้นได้ก็แนะนำบอยไปแบบที่ผมคิด ถ้าบอยออกไปเที่ยวกลางคืน ก็จะเจอผู้หญิงชอบเที่ยว ชอบเฮฮา ถ้าไปเดินร้านหนังสือก็จะเจอคนที่ชอบอ่านหนังสือ แนะนำเขาแค่นี้ แล้วก็หันไปยิ้ม สักพักก็จอดให้บอยลงที่ห้างเซ็นทรัล
ตอนอยู่บนรถลูกผมโทรมาหา บอกให้พ่อกลับบ้านเร็วๆ เขาคิดถึง ผมตอบไปว่าจะรีบกลับ ผมก็คิดถึงเขาเหมือนกัน
กลับมาบ้านดูข่าวเรื่องการขยายถนนที่เขาใหญ่ ได้ข่าวว่าระงับแล้ว ก็ดีใจด้วย มีข่าวว่าจะทำเป็นทางจักรยานแทน แว๊บแรกผมดีใจนะ แต่อีกสักพักก็คิดกลับกัน ผมอยากให้เขาปลูกต้นไม้ใหญ่ทดแทนจะดีกว่าครับ แม้จะยังไม่โตเท่าเก่า จะไม่ใหญ่เท่าของเดิม แต่มันยังได้ความเขียวครึ้มร่มเย็น ปลูกทิ้งๆ ไว้อีกหน่อยมันก็ใหญ่โตได้เองแหละครับ แต่ถ้าเอามาทำทางจักรยาน มันก็จะรกร้างอย่างนั้นแหละ คนขี่จักรยานน้อยครับ และอย่างเก่งก็แค่วันอาทิตย์และวันหยุด
วันอาทิตย์ตอนบ่ายสามโมง ผมมีรายการทีวีที่ดีจะแนะนำครับ รายการฉันรักเมืองไทย ช่อง 9 ดูแล้วคุณจะรักเมืองไทยขึ้นอีกเยอะ (ถ้าคิดตามและต่อยอดได้นะ)
ภรรยาและลูกเข้าบ้านมาพร้อมกับอาหารเย็นเป็นส้มตำและผักสด กินกันแบบเรียบง่าย กินเสร็จผมนั่งเล่นคีย์บอร์ด (เครื่องดนตรี) เล่นอยู่ราวหนึ่งชั่วโมง หันไปอีกทีเห็นภรรยานั่งฟังจนหลับอยู่บนโซฟาเสียแล้ว
ถ้าไม่ไพเราะจริงๆ ก็คงเป็นเพราะว่าเธอต้องง่วงมากเป็นแน่
7 มิย 53
คิดถึงจักรยานมากๆ เช้านี้เอาออกขี่เล่นแถวบ้าน ไปไม่ได้ไกลแล้วครับ ผมปรับเวลาไปส่งลูกใหม่ ออกเช้ากว่าเดิม เลยขี่ได้แค่ 15 นาที ใช้รถ KHS HT เหมือนเดิมครับ เจ้าคันนี้จอดไว้นอกสุด หยิบง่าย เก็บง่าย
แอบไปทำตัวกินนอนในโรงแรมหรูมา 3 วัน มาวันนี้ออกส่งของอีกแล้ว วันก่อนยังกินอาหารดีๆ อยู่เลย วันนี้กลับมาเล่นข้างถนนเหมือนเดิม ยกของหนักจนปวดเมื่อยตัว กว่าจะเสร็จงานก็เล่นเอาค่ำมืด
กลางวันผมไม่ได้กินข้าว ตกบ่ายรู้สึกหิว ช่วงไหนที่จอดรถส่งของหน้าร้านอาหารแล้วจะรู้สึกอยากกินมาก ผมเกาะรั้วลูกกรงรถกระบะมองตาละห้อย โถ ชีวิต
ขึ้นรถเตรียมจะขับกลับบ้าน มีรุ่นน้องโทรมาปรึกษาปัญหาเรื่องรถดริฟท์ ทั้งๆ ที่เขาก็รู้ว่าผมห่างร้างรามานานหลายปีมาก แต่คนนี้ก็ยังคงหารือผมอยู่เป็นประจำ เขาบอกว่าชอบในแนวทางการเล่นรถของผม ก็ตั้งแต่เล่นรถมาเป็นสิบปี มีไม่กี่คนหรอกครับที่จะมาเล่นในแนวทางเดียวกับผม คือผมจะอัปเกรดเฉพาะจุดที่จำเป็นจริงๆ เท่านั้น และหลีกเลี่ยงอุปกรณ์หลอกเด็ก ไอ้พวก แสง สี เสียง เมฆ หมอก ควัน พวกนี้ไม่เอาเลย
ติดนิสัยนี้มาใช้กับการเล่นจักรยานด้วยครับ คือจะไม่สนใจพวกของแต่งอะไรเลยแม้แต่น้อย แต่จะมาใส่ใจกับอุปกรณ์พื้นฐานเสียมากกว่า เรียกว่าเซ็ทติ้งให้มันสมบูรณ์เสียก่อน
ขากลับบ้านนี่ขับรถแบบซักกะตาย รถติดก็ต่อท้ายเขาไปโดยไม่คิดจะเปลี่ยนเลนอะไรเลย เหมือนสมองมันทำงานไม่เต็มที่ยังไงก็ไม่รู้ เป็นการขับรถที่ไม่มีความสุขเลย เมื่อยแขน เมื่อยไหล่มากๆ
ลูกโทรมาหาบอกว่าจะขอสั่ง KFC มากินที่บ้านได้ไหม เขากลับมาบ้านแล้ว แต่ที่บ้านไม่มีอะไรกิน ผมอนุญาติให้เขากินได้ เขาตอบขอบคุณครับ เขาโทรมาถามก่อนเพราะกลัวผมจะโกรธ
ผมแวะตลาดนัดข้างทางก่อนเข้าบ้าน หาซื้อของกิน แต่ไม่มีสิ่งใดถูกใจเลย มีแต่ของทอด ของปิ้งย่างอ้วนๆ ทั้งนั้น พวกข้าวโพดต้ม ถั่วต้ม เขาเก็บร้านกันหมดแล้ว ร้านสลัดก็ปิดแล้ว เลยซื้อผักบุ้งมากำใหญ่ เอาไว้ผัดกินพรุ่งนี้เช้าแทน เดินหาของกินร้านข้างทาง แล้วจู่ๆ ฝนก็เริ่มลงเม็ดปรอยๆ เลยรีบเดินกลับขึ้นรถทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ของกินเลยสักอย่าง
เข้าบ้านมาเจอลูกกำลังจะกิน KFC แหม เล่นสั่งมาเสียชุดใหญ่เชียว มีไก่หลายชิ้น ผมเลยขอร่วมวงด้วยคน