1 พค 53
มีเรื่องระทึกใจแต่เช้า ขับรถไปทำงาน โดนรถแท๊กซี่เข้ามาเบียดคอสะพานเลนเดียว ปกติถ้าผมมาช้าก็จะยกคันเร่งให้ แต่วันนี้ไม่ใช่
รถผมขับมาเร็ว เขามาปาดแบบกระชั้นชิด ผมเบรกไปก็อาจหมุนขึ้นเกาะได้ ก็เลยกดคันเร่งส่ง พร้อมกดแตรยาว รถเขาและผมเข้ามาเบียดแทบจะชิดติดกัน แต่รถผมอยู่ในเลนตรง แต่ของเขามาเบียดแย่งเลน ลักษณะรถเลยเป๋ๆ กดเบรกแรงๆ รถก็เลยพุ่งขึ้นเกาะกลางไป
ปกติผมแซงผ่านใครมาแล้วก็จะไม่สนใจอีกเลย แต่วันนี้แซงผ่านมาแล้วเหลือบมองกระจกข้าง นึกสงสารเหมือนกันนะ นี่เขาจะคิดว่าผมไปแกล้งอะไรเขาหรือเปล่าก็ไม่รู้
ช่วงนี้ชีวิตผมเปลี่ยนไปเยอะ จากเดิมที่สบายๆ กลายเป็นต้องมาทำงานยกของ แบกของหนักๆ ส่งของทุกวัน
นี่ก็เป็นอีกวันที่ต้องทำเช่นนั้น ขนาดเล่าชีวิตัวเองผมยังเบื่อเลย ใครติดตามอ่านก็มาช่วยกันเบื่อกับผมอีกแรง
เช้าแดดแรงจัด แต่ฟ้ามาโปรดช่วงกลางวัน ฝนเทลงมาอย่างนักเกือบ 2 ชม ทำให้ตลอดบ่ายอากาศเย็นสบาย จะว่าเย็นก็ไม่เชิง แต่มันเย็นสำหรับผม คนที่โดนแดดเผามาทุกวัน
มีเวลาพักกลางวันกินข้าวเล็กน้อย ผมขี่จักรยานไปไหว้พระที่ศาลเจ้าเล็กๆ แถวบ้าน ชื่อศาลเจ้ากวนอู อยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ผมไปนั่งเล่นที่ศาลเจ้าแห่งนี้บ่อย ไม่ค่อยมีคนหรอกครับ ทางเข้าก็คับแคบ จึงกลายเป็นที่สงบสำหรับผม
ไหว้พระแล้วก็นั่งพักผ่อนให้ลมเย็นปะทะ ไม่ได้พักกายนะ ผมมาพักใจ ทอดสายตามองไปไกลๆ จนสุดสายน้ำ ทำได้ประเดี๋ยวเดียวก็ต้องกลับไปส่งของต่อ
แสนจะเพลียและเมื่อยล้า ก้มยกหยิบของนานเข้าก็เริ่มเจ็บหลัง ต้องค่อยๆ ย่อเข่าช่วย
กลับมาบ้านเอาเกือบจะ 4 ทุ่ม เข้าบ้านเห็นหน้าลูกก็รู้สึกดีขึ้นมาหน่อย
มิวยังไม่อาบน้ำหรือลูก
ให้พ่ออาบก่อน เชิญครับ เขาพูดตอบขณะสายตาจ้องทีวี ผายมือเชื้อเชิญให้ผมทำตามที่เขาบอก
อาบน้ำแล้วแถมนอนแช่ในอ่างน้ำต่อ ผมอยู่ในห้องน้ำราว 30 นาที ใจอยากนอนแช่อีกนานๆ และถ้าได้ห้องน้ำแบบ Open Air คงจะดีขึ้นอีกเยอะ
กลับเข้ามาในห้องนอนอีกที ลูกผมนอนหลับเสียแล้ว
เข้าไปหอมที่ศีรษะเขา แล้วผมก็ล้มตัวลงนอนทันที
นี่ถ้าวันรุ่งขึ้นมีงานขี่จักรยาน ผมคงไปร่วมไม่ไหวแน่ๆ โชคดีที่งานขี่ทำลายสถิติขบวนจักรยานยาวที่สุดในโลกเขาขี่กันไปเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว