17 สค 52
ตรวจสอบยางจักรยานของรถพับ สงสัยว่าลมมันรั่วออกไปได้อย่างไร ลองสูบเข้าไปใหม่ก็พบคำตอบ มันรั่วออกทางวาล์วลมครับ
วาล์วแบบของรถยนต์ จะมีลูกศรแบบทิศทางเดียวคอยกักลมเอาไว้ ผมกลัวเจ้าลูกศรตัวนี้มันจะหลวมหรือคลายตัวเสียจริง เมือก่อนผมมีตัวถอดลูกศรนี้ด้วย แต่ทุกวั้นนี้ไม่รู้มันไปอยู่ไหนแล้ว
รู้ปัญหาก็โอเคแล้วล่ะ ทีแรกคิดไปว่ามันจะรั่วออกทางรูเก่าที่เคยปะเสียอีก ผมไม่เคยเล่นกับยางในแบบ High Pressuer เสียด้วย สูบไปตั้ง 100 psi ไม่รู้ว่ากาวของยางปะหรือแผลที่ปะไว้มันจะทนได้นานแค่ไหน อย่างไร
กลับมาบ้านตอนบ่าย ถอดล้อออกมาดูวาล์วลม ทีแรกกะจะเอาไปร้านปะยางแถวบ้าน คือกลัวว่าหัวลูกศรมันจะหลวมไง หากไขแน่นคงจะหาย แต่พอถอดยางออกจากล้อมาก็พบปัญหาจริงๆ แล้วล่ะ
คอของวาล์วลมมันเสื่อมครับ รอบๆ ฐานของแกนวาล์วลมมีรอยเปื่อยยุ่ย ลองออกแรงดึงหน่อยก็ฉีกขาดเลย อาการแบบนี้ผมเคยเจอมาแล้วในรถ Giant Revive ครับ สันนิษฐานว่าเกิดจากยางในเก่า ไม่ก็เก็บรักษารถไม่ดี หรือหากไม่โทษใคร จะโยนความผิดให้รถมัน ก็ต้องบอกว่ายางในหมดอายุ
ยางมันไม่มีปาก มันไม่มาเถียงเราหรอก โทษมันได้เต็มที่ คนนี้ไม่เคยผิดเลย
พอรู้อาการที่แท้จริงก็สบายใจครับ รู้สึกโชคดีมากๆ ที่ยางมันมาเสียก่อนผมนำไปออกทริป แม้ผมจะมียางในสำรองไปด้วย แต่ไม่มีใครชอบนั่งเปลี่ยนยางข้างถนนกันหรอกครับ
ตอนเช้าผมเอารถพ่อไปเข้าศูนย์ ไม่ได้ตรวจเช็คอะไรหรอก ปัญหาติงต๊อง คือปิดฝาถังน้ำมันไม่ได้ เฮ้ย จริงๆ นะ ไม่ต้องมาขำผม พ่อกลับมาบ้านทำหน้าตาเหรอหรา เรียกผมมาจัดการ ผมเดินเข้าไปไข แต่มันไขไม่ได้ ลักษณะเหมือนกับเกลียวมันไม่เข้า คล้ายๆ กับปีนเกลียวนะ แต่ไม่ใช่ จนปัญญาเหมือนกัน ไม่อยากออกแรงงัด เพราะมันน่าจะผิดปกติในระบบกลไก แถมของแพงเสียด้วย ไม่อยากเสี่ยง
พอรถไปถึงศูนย์ ช่างมารับรถตั้งแต่ผมยังจอดไม่เข้าที่ดี พอบอกอาการ และเปิดฝาให้เขาดู เขาร้องอ๋อ บอกว่าเด็กปั๊มเขาบิดปิดฝาแรงเกินไป แรงจนมันเกินล็อค ตัวล็อคมันเลยตกร่อง
ปกติรถญี่ปุ่น รถกระบะทั่วๆ ไปจะใช้ฝาปิดถังแบบพอปิดสุดแล้วหมุนจะดังแกร๊กๆ ๆ ๆ แต่ไอ้รถคันนี้มันจะดังกรึ๊บเบาๆ แค่ทีเดียวแล้วก็จะหยุด ใช้มาตั้งหลายปีไม่เคยมีปัญหา มาเจอเจ้าเด็กปั๊มคนนี้มันคงบิดเสียเต็มแรง แล้วก็มาบอกพ่อผมว่าฝาปิดไม่ได้
เจ้าหน้าที่จัดการเขี่ยตัวล็อคใช้เวลาสัก 2 วินาที ผมยังไม่ทันเห็นว่าเขาทำอย่างไรก็เสร็จแล้ว กลายเป็นว่าผมขับรถฝ่ารถติดมา 30 นาที แค่ให้ช่างจัดการแค่ 2 วินาที
แม้รถพ่อคันนี้จะเป็นเกียร์อัตโนมัติ แต่ก็มีระบบหลอกเด็กแถมมาให้ด้วย นั่นคือมีการชิฟเกียร์ + หรือ ให้โยกเล่น แต่พอใช้งานจริงนะ เราไม่ได้ใช้ไอ้ระบบพวกนี้กันหรอกครับ แค่เข้าเกียร์ไว้ที่ D แล้วก็ขับไปเรื่อยตามปกตินี่แหละ
ที่ผมเรียกว่าระบบหลอกเด็กก็เพราะมันไม่มีประโยชน์ไงครับ มีไว้ให้เซลล์เอาไว้คุยหลอกเด็กซิ่ง เด็กเห่อ ทำยังกะว่าเป็นเกียร์ที่ชิฟได้แบบในรถ F1
ระยะหลังๆ นี้รถใช้งานตลาดล่างก็มีเกียร์หลอกเด็กแบบนี้มาด้วยนะ ที่เคยเห็นก็ใน Honda Jazz จากเดิมที่มีแค่เฉพาะในรถยุโรปแพงๆ รถของฝรั่งน่ะมีแค่ 5 เกียร์ แต่ของโทษ ของ Jazz มี 7 ครับท่าน
ไอ้เรื่องเกียร์เยอะนี้ก็เอามาคุยกันจังเลย ทำยังกะเกียร์เยอะแล้วมันจะดี โดยเฉพาะเกียร์แบบ CVT ที่อยู่ใน Honda City เกียร์แบบนี้เอาต้นแบบระบบเกียร์ของรถสกูตเตอร์โบราณมาประยุกต์ สกูตเตอร์เขาออกแบบมาให้บิดอย่างเดียว รถยนต์ก็เช่นกัน เข้าเกียร์ D แล้วก็กดกันอย่างเดียว อ๊ะๆ ยังไม่เท่ เดี๋ยวขายยาก ไปทำล็อคให้มันเป็นสเตปๆ ดีกว่า ล็อคมันไว้ซะ 7 ขั้น ก็จะออกมา 7 เกียร์ เอาไว้คุยได้ โม้ได้ เซลล์มีของไปขายแล้วโว๊ย
แหม อยากได้เกียร์เยอะก็ไม่บอก ทำไมพี่ไม่ล็อคไว้สัก 14 สเตปเลยล่ะครับ จะได้ไปคุยว่ารถพี่มี 14 เกียร์
อ้อ จะเอามากว่านี้ก็ได้นะ เล่นมันสัก 20 30 เกียร์ไปเลย แต่รถท่านจะวิ่งกระตุกๆ ๆ ๆ ไปตลอดทางตามจำนวนระดับเกียร์ ตามจังหวะมือที่ชิฟ
ก็โง่ไปล็อคมันไว้ทำไมล่ะครับ เกียร์ CVT ออกแบบมาให้มันลื่นไหลเปลี่ยนอัตราทดได้โดยไร้แรงกระตุกอยู่แล้ว ไปลองบิดสกูตเตอร์เก่าๆ ดูก็จะรู้ นั่นแหละเขาใช้ CVT
นานๆ ได้ขับรถพ่อสักที ขอซิ่งหน่อยครับ รถคันนี้แรงดี ผมชอบมาก ผมไม่ได้ขับซิ่งแบบเด็กวัยรุ่นมุดไปมาปาดซ้ายขวาล่ะ ซิ่งของผมก็คือขับเข้าโค้งแรงๆ ทางตรงน่ะไม่ค่อยขับเร็วนักหรอก แต่ถ้าข้างหน้าเป็นโค้งล่ะก็ มักจะส่งอัดเข้าไปแรงๆ ผมชอบ สงสัยจะซาดิสม์
หากเป็นรถเกียร์ธรรมดา การเข้าโค้งก็จะทำการลดเกียร์ลง และปรับวัดรอบให้สัมพันธ์กันกับรอบแรงม้าสูงสุดของเกียร์ที่เราใช้ วิธีแบบนี้ภาษารถยนต์เขาเรียก Rev Match Down Shift แต่ถ้าทำตอนอยู่ในสนามแข่งรถที่ทุกอย่างแข่งกับเวลา ก็มักจะใช้ปลายเท้าขวาเหยียบเบรก และส้นเท้าขวากดคันเร่งเลี้ยงรอบเครื่องไว้ ส่วนเท้าซ้ายนั้นใช้เหยียบคลัตช์เพื่อเปลี่ยนเกียร์ เทคนิคนี้จะง่ายมากหากคุณมี 3 ขาครับ
แต่กับรถพ่อคันนี้เป็นรถเกียร์ออโต วิธีขับก็ต้องต่างกัน มันง่ายกว่าเพราะมีแป้นเหยียบแค่ 2 อัน เรามี 2 ขา เย้ๆ เท่ากันพอดีเลย ใช้เท้าซ้ายเหยียบเบรก เท้าขวาเหยียบคันเร่งซะ ส่วนมือซ้ายก็ชิฟเกียร์ลง บ๊ะ ง่ายฉิบเป๋ง
วิธีทำภาคทฤษฎีน่ะง่ายครับ แต่ถ้าขับให้มันเร็วแล้วจะรู้ว่ามันไม่ง่ายเท่าไหร่เลย เราต้องรู้ตอบเครื่องยนต์ ต้องรู้รอบแรงบิดสูงสุด รอบแรงม้าสูงสุด ฯลฯ
ทำให้ถูกที่ถูกเวลาก็จะเร็ว แต่ถ้าทำผิดจังหวะ ผิดที่ ผิดเวลา ผลคือช้า รถพัง เกียร์เสียหาย สึกหรอ แถมถ้ามืออ่อนอีกด้วยก็จะนำพาไปสู่อุบัติเหตุได้ง่าย
จักรยานก็เช่นกันนะครับ ผมปั่นจักรยานแล้วเข้าโค้งหรือเบรกนี่ยังต้องเลี้ยงรอบไว้เลย เพราะตอนเราต้องการเร่งส่งต่อ เราออกแรงกดบันไดแล้วรถมันจะพุ่งออกไปได้เร็วกว่า
ตอนจะลดเกียร์ลงเพื่อเข้าโค้งผมก็จะปรับรอบให้มันพอดีกับเกียร์นั้นๆ แต่ก็ทำได้ยังไม่ถูกต้องเสียทีเดียวนักหรอกนะ ยังคงต้องฝึกต่อไป แถมยังไม่รู้อีกด้วยว่าไอ้เทคนิคแบบนี้มันจะเหมาะกับจักรยานหรือไม่ เอาเป็นว่าหากทำแล้วมันเร็วก็โอเคแล้วล่ะ
วิธีของผมอาจจะยังไม่ค่อยถูกต้องเท่าไหร่นะครับ แค่เล่าให้อ่านกันเฉยๆ ผมลองเอง ฝึกเอง แบบเดียวกับที่เล่นรถยนต์นี่แหละ ได้เทคนิค วิธีการ และลูกเล่นต่างๆ มาอีกเยอะ
ดริฟท์ที่ผมขับก็มาจากแบบนี่แหละครับ เล่นก่อน และเลิกแล้ว ฮ่าๆ