racing-club.net

Bike Forum => my bike diary / my life diary => Topic started by: O'Pern on July 02, 2010, 02:01:06 pm

Title: กรก 53
Post by: O'Pern on July 02, 2010, 02:01:06 pm
1 กรก 53
   คุยเรื่องเบาะ Brooks แล้วมี pm มาถามผมทำนองว่า เบาะ Brooks ไม่ดีหรือ
   ก็ตอบไปตามทรรศนะน่ะครับ ผมอาจผิดก็เป็นได้ ผมอาจมีรสนิยมไม่เหมือนคุณก็เป็นได้ ขณะพิมพ์ตอบก็นึกถึงข้อดีอีกข้อที่ไม่เคยเห็นใครบอกเลย ทั้งๆ ที่นี่คือจุดแข็งของเบาะ Brooks นั่นคือการลดความร้อนสะสมครับ
   ขณะที่ก้นเราอยู่บนเบาะ มันไม่ได้วางแหมะไว้เฉยๆ นะครับ ทุกครั้งที่ขาขยับก้นเราจะเลื่อนหน้าหลังเล็กน้อย และจะเป็นเช่นนี้ตลอดเวลาที่ขาเรายังคงหมุน
   เคยขี่นานๆ จนก้นร้อนจี๋หรือไหม้ไหมล่ะครับ นั่นแหละ ใช่เลย เบาะหนังน่าจะถ่ายเทความร้อนได้ดีกว่า และผลจากการที่มันยืดหยุ่นได้ เลยทำให้จังหวะที่ก้นเราขยับเคลื่อนที่นั้นมีน้อยลง
   คาดเดานะครับ ผมเองยังไม่เคยใช้ แต่แค่หาข้อมูลมาเยอะ และตามสไตล์ครับ เป็นข้อมูลที่ผมคิดวิเคราะห์เอง ไม่ชอบจำขี้ปากฝรั่งมาเล่าต่อ ไม่นิยมสไตล์แอบเจ๋งครับ

   “คุณเปิ้ล วันนี้ว่างไหม ช่วยเข้ามาดูที่คอนโดฯหน่อย ช่างจะเจาะยึดหมุดที่คุณเปิ้ลออกแบบสั่งทำ เขากลัวเจาะยึดแล้วไม่ถูกใจ”
   ทำงานที่บ้านมานานจนลืมห้องผมไปเลย ไม่ได้เข้าไปดูเลยแม้แต่น้อย
   เข้าไปถึงห้องก็รีบจัดการเล็งมุม ผู้รับเหมาบอกว่าเจ้านายเขาสั่งให้ยึดจุดตามนี้โอเคไหม พูดพร้อมกับมาร์คจุดให้ผมดู
   แต่ดูแล้วผมไม่ชอบครับ เล็งไปเล็งมาอีกสักพักผมก็กำหนดจุดให้เขาใหม่ ผลออกมาดีกว่าเดิมเยอะเลย ดีนะที่เชื่อในสัมผัสของตัวเอง
   ไอ้หมุดนี้เป็นงานดีไซน์เมื่อสิบกว่าปีก่อนของผมเองครับ ออกแบบให้กับร้านขายเสื้อผ้าร้านหนึ่งสมัยอยู่ต่างประเทศ มาวันนี้เลยขอยืมมาใช้กับห้องตัวเองสักหน่อย แต่ผมไม่เคยเอาดีไซน์แบบนี้ไปขายใครนะ ผมทำงานให้ใครก็จะเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละคน ไม่น่าจะมีใครชอบงานที่ซ้ำๆ เหมือนๆ กันกับคนอื่น
   ไว้จะเอาห้องมาอวดครับ ไม่ได้ควบคุมอย่างละเอียด เพราะดันไปเจอกับช่วงที่ผมต้องทำงานยกของส่งของพอดี เซ็งจริงๆ ครับ เลยมีบางจุดหลุดการควบคุมของผมไป แต่โดยรวมยังอยู่ในคอนเสปที่เน้นความเรียบง่าย
Title: Re: กรก 53
Post by: O'Pern on July 02, 2010, 09:33:19 pm
2 กรก 53
   ฝนตกอย่างหนักตั้งแต่เมื่อคืน เช้ามาก็ยังไม่หาย ลงหนักสลับเบาไปเรื่อยจนถึงเที่ยงวันถึงจะหยุด
   รถติดสิครับ ติดเพียบบบบ ยังต้องส่งลูกไปโรงเรียนครับ คิดว่าปีหน้าอยากจะให้เริ่มฝึกขึ้นรถเมล์ไปเองแล้ว ปีหน้าเขาจะ ป4 ครับ ผมขึ้นรถเมล์เองครั้งแรกก็ ป4 นี่แหละ และพอ ป5 ก็ฝีมืแก่กล้า มีการขึ้นรถหลายต่อ มีต่อเรือข้ามฟากอีกด้วย
   “พ่อน้องมิวคะ คุณพ่อปล่อยให้มิวเขาเดินเข้ามาเองหรือคะ”
   ผมเจอคำถามทำนองนี้ประจำ ผมฝึกให้ลูกผมลองหัดเดินเข้ามาเองทีละน้อยครับ เริ่มตั้งแต่หน้าประตูโรงเรียน ค่อยๆ เขยิบมาถึงหน้าปากซอยโรงเรียน (เดินตรงอย่างเดียวราว 300 เมตร เดินง่ายมาก เพราะสองข้างทางก็เป็นพื้นที่ของโรงเรียน เป็นที่จอดรถยนต์) ระยะหลังมานี้ ผมปล่อยเขาตั้งแต่ถนนใหญ่ ซึ่งเขาต้องข้ามถนนซอยเล็กๆ 3 ซอย เดินผ่านป้ายรถเมล์ขนาดใหญ่ที่คนเยอะมาก ข้างทางก็มีของกินขายเต็มไปหมด ระยะทางจากจุดที่ผมปล่อยให้เขาลงเดินจนถึงโรงเรียนระยะทางประมาณ 500 เมตรครับ
   การที่ผมส่งลูกก่อนถึงโรงเรียนให้เขาลงเดินเองนอกจากจะเป็นการฝึกลูกวิธีหนึ่งแล้ว ผลพลอยได้ของผมโดยตรงก็คือ ผมสามารถกลับรถได้เร็วกว่าเดิม ประหยัดระยะทางไปราว 10 กม ประหยัดเวลาไปราว 20 นาที แน่นอน ประหยัดน้ำมันอีกเยอะ
   ผมชมเชยลูกเสมอที่เขาลงเดินเอง บอกเขาตรงๆ ว่าช่วยพ่อประหยัดน้ำมันได้เยอะเลย และสอนให้เขาช่วยดูแลเด็กๆ น้องๆ ที่เขาอาจเจอระหว่างทางด้วย เราพูดคุยกันเรื่องทำความดีบ่อยๆ ทำความดีไม่ต้องมีพิธีอะไรมากครับ ทำสิ่งรอบๆ ตัวเรานี่แหละ หากขับรถก็แค่ยกคันเร่งหรือหยุดให้คนข้ามม้าลาย มีน้ำใจกับคนรอบข้าง ขับรถไม่เอาเปรียบคนอื่น
   “ลูกเป็นนักเรียนก็ทำความดีได้นะ เช่นช่วยครูถือของ ช่วยทำความสะอาดห้อง ช่วยเหลือเพื่อนๆ ในห้อง ฯลฯ”
   เด็กๆ มักจะเขินอายในสิ่งที่เขาไม่เคยทำ หากปล่อยไว้นานเข้าจะกลายเป็นคนไม่มั่นใจ หากคิดว่าไม่ผิด และเป็นสิ่งดี ผมว่าล้วนเป็นสิ่งที่ควรทำครับ เดินตามหลังเห็นใครทำของหล่น ก็ตะโกนบอกซะ ถ้าเขาไม่ได้ยินก็ก้มลงเก็บแล้วเอาไปให้เขา
   มีครั่งหนึ่งที่ห้างเซ็นทรัล เด็กวัยรุ่นมัวแต่ใส่หูฟังๆ เพลง พอจะลุกจากไป กระเป๋าเงินที่วางบนตักก็หล่น ผู้ชายนั่งข้างๆ ก็มองกระเป๋า แล้วหันไปมองเด็ก แต่เด็กเธอไม่รู้เรื่อง เดินจากไป ผมอยู่ห่างออกมาหน่อย แต่พอเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด เลยตะโกนเสียงดัง
   “คุณครับๆ ทำของตกครับ”
   พอผมตะโกนเสียงดัง ชายคนที่นั่งใกล้ๆ ก็ถึงจะเริ่มตื่นตัว และช่วยตะโกนเรียก ทั้งๆ ที่ตอนแรกราว 3 วินาที เขานั่งมองเฉยๆ
   ไม่ได้อยากใจร้ายคิดว่าเขาจะเก็บกระเป๋าเงินของเด็กไว้หรอกนะ แต่แค่แปลกใจว่าทำไมไม่สะกิดเรียกตั้งแต่แรก
   ยิ่งตอนขี่จักรยานนี่ยิ่งเป็นโอกาสที่ผมได้ทำความดีเยอะมากๆ ทริปหนึงของ TCHA ขี่ไปปลูกป่าชายเลนปีก่อนโน้น เราต้องขี่บนทางไม้ที่กว้างราว 1 เมตร ไอ้พวกนักขี่จักรยานน่ะไม่ต้องห่วง ผมห่วงผู้หญิง เด็ก และมือใหม่
   ขาเข้าไปโอเคดีครับ แต่ขาออกมีผู้หญิงท่านหนึ่งตกตูมลงไปในน้ำ ด้านล่างนี้เป็นโคลนเลนอย่างเละครับ ผมรีบวางรถตัวเองแล้วนอนคว่ำลงกับพื้นดึงเธอขึ้นมา แปลกอีกแล้วที่คนรอบข้างไม่เห็นช่วย
   ไม่ใช่ไม่มีน้ำใจหรอก เขาตกใจต่างหาก ก็เลยทำอะไรกันไม่ถูก บางคนตะโกน คนตกน้ำๆ ๆ แต่ไม่มีใครช่วยหรอกนอกจากพวกเราด้วยกันเอง งานนั้นผมพลอยเนื้อตัวเลอะเทอะไปกับเขาด้วย แต่เป็นการเลอะที่ผมเต็มใจ
   ทริปหลังๆ ก็ยังเจอกับหญิงท่านนั้นอีก เธอชื่อ “อ้อย” ขี่ Dahon Speed P8 สีแดงสด และยังเจอตอนทริปไปสระบุรีปีที่แล้วอีกด้วย

   เย็นนี้ลูกผมเรียนมวยไทยไชยาอีกแล้ว ทุกวันศุกร์จะเรียนกับครูแปรง คนนี้ผมว่าเขาเจ๋งจริง เห็นลูกเรียนแล้วผมยังอยากเรียนด้วยเลย ผมชอบท่ามวยที่เป็นพวกแม่ไม้โบราณ แบบเหยียบขาคู่ต่อสู้แล้วเตะก้านคอ หรือสับศอก ตอนแรกผมคิดว่ามันคือท่าสำหรับโชว์ (แบบพวกรำโขน) แต่มันคือของจริงครับ อีกหนึ่งใน Amazing Thailand ที่ควรอนุรักษ์
Title: Re: กรก 53
Post by: O'Pern on July 04, 2010, 11:01:26 am
3 กรก 53
   มีรุ่นน้องในเวป Racing Club นี่แหละ โทรมาหารือกับผม เขามีความคิดที่จะทำหนังสือรถยนต์สักเล่ม ฮ่าๆ เอาแล้วไง คุยแล้วนึกผมภาพผมในอดีตลางๆ ขึ้นมาเชียว
   คุยเรื่องหนังสือ ผมจะคุยถึง 2 ประเด็นหลักก่อนเพื่อน คือ 1 คอนเสปของหนังสือ และ 2 เรื่องสปอนเซอร์
   หนังสือที่ดีต้องมีคอนเสปของตัวเอง โดดเด่น แปลก แตกต่าง หรืออะไรก็ได้ที่เป็นจุดดึงดูด และเรื่องสำคัญมากๆ ที่ตามมาก็คือเรื่องโฆษณา เพราะหนังสือในไทยเราขายกันถูกกว่าความเป็นจริงเยอะมาก รายได้หลักของหนังสือก็คือการขายหน้าโฆษณาครับ และระยะหลังมานี้ชักจะมีโฆษณาแฝงมาในเนื้อหาของหนังสืออีกด้วย ซึ่งผมว่ามันไม่ค่อยจะแมนเท่าไหร่
   หนังสือจะห่วยปานใดก็ตาม มันก็ยังคงอยู่ได้ ถ้าเขาขายหน้าโฆษณาได้ ในทางกลับกัน หนังสือดีโคตร ทุกคนว่าเจ๋ง แต่ถ้ามันขายหน้าโฆษณาไม่ได้ มันก็ทำอยู่ได้ไม่นานเท่าไหร่ ยกเว้นแต่พวกทุนหนา และอีกพวกคือทำเอามัน (สนุก)

   กลางวันพาลูกไปเขาดินครับ ไม่ได้ไปเป็นปีเลย มาวันนี้ดันไปเจองานรับปริญญาที่สวนอัมพรเข้าอีก รถเลยติดเข้าไปใหญ่ ด้านในเขาดินก็พลอยรถแน่นไปด้วย จอดรถยากมากครับ
   ซื้อตั๋วพร้อมกับให้ลูกขอแผนผังสวนสัตว์มาด้วย ผมให้เขาเป็นคนถือ และเป็นคนกำหนดเส้นทางเดินเอง ให้เขาเดินดูอย่างอิสระ อย่างที่เคยบอกแหละครับ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เข้ามาในชีวิต ล้วนคือการเรียนรู้ ผมกำลังสอนให้เขาดูแผนที่ และวางแผนการเดินทาง แม้จะเป็นเพียงช่วงสั้นๆ ก็ยังดี
   เดินได้แป๊บเดียว ร้องอยากกินไอติมเสียแล้ว เลยจัดไปคนละแท่ง เพราะผมก็อยากกินด้วยเหมือนกัน เดินไล่ดูไปเรื่อย บางจุดก็ดูแสนจะโทรม แต่ก็มีหลายจุดกำลังปรับพัฒนาขึ้นใหม่ กำลังสร้างทางเดินแบบลอยฟ้าอีกด้วย (ช่วงสั้นๆ )
   ผมดูสัตว์ที่ผมชอบมากที่สุด (เพราะหาดูยากทั้งในโลกแห่งความเป็นจริง และทั้งในทีวี) นั่นคือ สมเสร็จครับ ที่จริงผมมีชอบอีกอย่างคือ ตัวกินมด ชอบเพราะมันแปลก สำคัญคือหาดูได้ยากมากๆ สารคดีของฝรั่งเองก็ยังแสนยากเย็น จะมีก็แค่ช่วงสั้นๆ แต่ในเขาดินไม่มีตัวกินมดนะ
   มีใครรู้บ้างไหมครับว่าในเขาดินเรานี้มีงูอนาคอนดาด้วย ไม่ได้มีตัวเดียว มีหลายตัว แถมมีอีกหลายสายพันธุ์อีกด้วย ผมดูจากสารคดีฝรั่ง เขาบอกเป็นงูที่ใหญ่สุดในโลก แต่คุยกับเจ้าหน้าที่ของไทย เขาว่างูเหลือมไทยเรานี่แหละครับ ที่ใหญ่สุดในโลก ไอ้อนาคอนดาที่เขาว่าใหญ่น่ะ ที่จริงคือมันหนักต่างหาก แต่ถ้ายาวใหญ่ล่ะก็ เขาบอกแพ้งูเหลือมที่โตเต็มวัยครับ
   เห็นไหมครับ ต้องฟังหูไว้หู ฝรั่งทีทำสารคดีก็อาจไม่เคยเจอไอ้เหลือม ไอ้หลามแบบตัวพ่อก็เป็นได้
   แต่คิดอีกแง่ว่า อนาคอนดามันก็อาจมีตัวพ่อที่มันใหญ่กว่านี้อีกก็เป็นได้
   
   มีการแสดงสัตว์แสนรู้ ตอนแรกผมคิดว่าจะแสดงห่วยๆ แต่ที่ไหนได้ เขาจัดได้ดีพอควร แม้ไม่ดีเจ๋งแบบของฝรั่ง แต่ก็ดีกว่าเดิมยุคโบราณเยอะมาก ต้องเสียเงินเพิ่มอีกคนละ 30 บาทครับ วันเสาร์เขาแสดงตอน 0330 ใช้เวลา 30 นาที และไม่ให้เข้าชมขณะทำการแสดงแล้ว ตรงนี้ดีมากๆ ครับ
   สิ่งที่ผมรู้สึกแปลกใจและไม่ชอบก็คือการเปิดเพลงเรียกลูกค้าของไอศกรีมวอลล์ครับ เพลงคลาสสิคของเขาแหละ อม แล้ว ดูด อะไรทำนองนี้ คือเขาเปิดดังมาก และเปิดวนเวียนมันอยู่อย่างนั้นแหละ แสนจะสงสารสัตว์ที่ต้องทนฟังครับ แบบนี้ไม่ดีเลย เน้นแต่จะขายของท่าเดียว ควรปรับปรุงโดยด่วนครับ

   ขากลับชวนกันแวะกินโรตีที่ท่าพระอาทิตย์ แต่ไม่มีที่จอดรถ เลยอด พากันไปกินที่ฟู๊ดแลนด์แทน กลับบ้านแป๊บเดียวหลับ
Title: Re: กรก 53
Post by: O'Pern on July 04, 2010, 05:25:47 pm
4 กรก 53
   พี่คากิจัดทริปรถพับไปบางแสน ผมสองจิตสองใจมานาน ที่ไม่ได้ไปก็แค่เพราะไม่ชอบปั่นบนบางนา แต่วันนี้ท่าทางผมจะคิดผิด เพราะฝนตกซ้ำมาหลายวันต่อเนื่อง เช้านี้เลยแทบไม่มีแดดเลย คิดจะไปก็ไม่ทันแล้วล่ะครับ เขามีการโอนเงินค่าทริปกันล่วงหน้ามาเป็นเดือนแล้ว ผมมัวแต่ลังเลๆ เลยอดซะ สมน้ำหน้า
   ไม่ได้ไปกับเขา ก็ขี่เองแถวบ้านก็ได้ครับ ไม่ชอบซ้ำซากจำเจ ผมเลยเปิดหาเส้นทางใหม่ วันนี้เล่นแบบเลาะริมลำคลองครับ เห็นวิถีชาวบ้านแท้ๆ แต่ทำปลาตากแห้ง และวิธีจับปลาแบบชาวบ้าน เช่นใช้ยอ แห เบ็ด ฯลฯ
   เส้นทางริมคลองนี้เป็นทางปูนแคบๆ ครับ ช่วงกว้างหน่อยก็เมตรกว่าๆ แต่ถ้าช่วงแคบๆ นี้จะเหลือแค่ 1 เมตร ผมขี่ไปแล้วเจอมอเตอร์ไซค์ชาวบ้านจอดขวางแบบเต็มลำ ก็เลยต้องยกล้อหน้าแล้วเข็นผ่านไป
   ทางแบบนี้ขี่ไม่เร็วหรอกครับ เน้นแค่การทรงตัวเป็นหลัก บางช่วงเป็นสะพานข้ามคลองก็จะเหมือนเป็นการฝึการใช้เกียร์ไปในตัว เพราะต้องปรับเกียร์มาให้พร้อมพอดีกับกำลังขา ความเร็วของรถ และความชันของสะพาน สนุกดีครับ แต่ไม่กล้าพาใครมาปั่น กลัวพาเขาตกคลอง เพราะมันแคบมากๆ

   วันนี้อ่านกระทู้ในเวปจักรยานแล้วงงมาก เขาถามว่า หากขี่จักรยานมาเหนื่อยๆ จะซื้อของใจเซเว่นฯ จะทำอย่างไรดี คำตอบที่ได้ก็แสนจะแปลกครับ มาในทำนองว่า
-   พับแล้วเข็นเข้าไปในร้านเลย
-    จูงรถทั่งคันเข้าไปในร้านเลย (เดาว่าเป็นรถใหญ่ พับไม่ได้)
-   ปรับเกียร์ไว้ที่ 1-1 คือ จานหน้าเล็กสุด เฟืองหลังใหญ่สุด (คงจะกะว่าให้ขี่ออกตัวได้ยากหน่อย)
-   บางคนไม่ต้องคิดมาก ไม่จอดแม่งเลย ฮ่าๆ
-   อีกท่านใช้ฝากแม่ค้าที่อยู่หน้าร้าน (อันนี้พอใช้ได้)
-   อีกคนบอกไม่จอด ใช้ซื้อตามร้านโชห่วยแทน
-   คนหนึ่งเป็นหญิง บอกจอดตรงที่กล้องวงจรปิดถ่ายไว้ และถ้าไปกันหลายคนก็ให้ผลัดกันไปซื้อ
ชักสงสัยครับว่าผมมันมีความคิดผิดปกติหรืออย่างไร ปัญหานี้ถ้ามาถามผม ก็ตอบไปง่ายๆ แหละครับว่า “ก็ล็อครถก่อนเข้าไปซื้อของสิครับ”

มีอีกกระทู้เขาถามว่าขี่จักรยานแล้วมือชา ใส่ถุงมือจะแก้ได้ไหม คนส่วนใหญ่ก็แนะนำให้ใส่ แต่ผมไม่เห็นด้วย (เฉพาะในประเด็นจะแก้อาการมือชา) เลยตอบไปตามทรรศนะ ดังนี้

ด้วยความเคารพทุกท่านนะครับ

ทรรศนะส่วนตัวล้วนๆ

ผมคิดว่าถุงมือไม่ได้มีส่วนช่วยลดอาการมือชาเลยครับ
- ถุงมือแบบนุ่มนิ่มก็จะช่วยลดอาการสะท้านมือสำหรับรถไม่มีช้อคฯ
- ถุงมือแบบบางก็จะช่วยซับเหงื่อไม่ให้ปลอกแฮนด์ลื่น
- ถุงมือแบบหนาก็จะมีไว้ป้องกันล้ม บางยี่ห้อปกป้องกระทั่งด้านหลังมืออีกด้วย โดยเฉพาะภารกิจ Down Hill

วิธีแก้อาการมือชา
- ปรับเซ็ทติ้งให้ถูกต้องทั้่งระดับความสูงของแฮนด์ เบาะนั่ง อย่าละเลยช่วงเอื้อม (ความห่างระหว่างเบาะกับแฮนด์)
- เปลี่ยนตำแหน่งที่วางมือบ่อยๆ แฮนด์ตรงธรรมดา จะมีจุดจับแค่เพียง 1 ตำแหน่ง แต่ถ้าใช้คู่กับ Bar End ก็จะเพิ่มจุดวางมือเพิ่มได้อีก 2 ตำแหน่ง / แฮนด์ที่มีจุดจับเยอะเกิน 3 ตำแหน่งคือ แฮนด์หมอบ และแฮนด์แบบผีเสื้อ

เพิ่มเติม
- ถ้าชานิ้วโป้ง นิ้วกลาง นิ้วชี้ คือมุมของข้อมือผิดตำแหน่ง หรืออาจทิ้งน้ำหนักลงมากเกินไป (ตำแหน่งแฮนด์ก้มเกินไป)
- ถ้าชานิ้วนาง นิ้วก้อย คือมุมของศอกผิดตำแหน่ง
- ถ้าชาทั้งฝ่ามือ คือคุณจับแฮนด์ตำแหน่งเดิมนานเกินไปจนเส้นเลือดถูกกดทับ

ก็แสดงทรรศนะไปตามความคิดของผมนั่นแหละครับ แต่ต้องใช้ภาษานุ่มนวล และไม่ไปกระทบคนอื่นที่เขาคิดเห็นแตกต่างจากเรา เรื่องนี้ละเอียดอ่อนครับ ถ้าไปเจอพวกเด็กเกรียนนี่เราอาจโดนสวนกลับมาได้ง่ายๆ ผมเองก็เคยโดนครับ โดนใจเวป racing club ตัวเองนี่แหละ วิธีตอบโต้ของผมก็คือนิ่งเฉย แต่เข้าไปโพสต่อทำนองให้เขารู้ว่าผมมารับทราบแล้ว มาอ่านที่เขาด่าผมกลับเรียบร้อยแล้ว ที่เหลือผมก็ทิ้งไว้ให้คนอื่นที่เข้ามาคลิกอ่านนั่นแหละครับที่จะเป็นผู้ตัดสินตัดสิน
การแสดงทรรศนะที่แตกต่างสำหรับผมแล้วเป็นเรื่องธรรมดาเอามากๆ ครับ ครเราต่างคนต่างความคิด เกิดมาต่างกัน เลี้ยงดูต่างกัน สังคมต่างกัน ความรู้ต่างกัน และอีกสารพันความต่าง ถ้าคิดเห็นเหมือนกันหมดทุกคนสิครับ จะเป็นเรื่องแปลก
ถ้าผมคิดเห็นแตกต่าง และสิ่งนั้นเกิดประโยชน์ต่อผู้ถามและส่วนรวม ผมจะไม่ลังเลที่จะโพสตอบลงไปครับ
Title: Re: กรก 53
Post by: O'Pern on July 05, 2010, 07:48:18 pm
5 กรก 53
   เมื่อคืนลูกผมไม่สบายอีกแล้ว อาเจียนตอนกลางคืน เละกลางที่นอนผมเลย อาเจียนออกมาเป็นอาหารเช้า นั้นคืออาหารเช้ายังไม่ได้ย่อยเลยหรือนี่ สอบถามได้ใจความว่าภรรยาพาลูกผมไปกินที่แมคโดนัล ภรรยาบอกว่าลูกอยากกินก็เลยตามใจ ผมเลยสอนเขาทั้งสองคนว่าร้านแบบนั้นเป็นอาหารที่ไม่ดี ไม่มีคุณประโยชน์ ถ้าจะกินก็ขอให้กินเป็นขนม นั่นคือเรากินข้าวเรียบร้อยแล้วจะกินแมคโดนัลเล่นๆ ก็ไม่เป็นไร แต่ไม่ควรทำบ่อย อาหารแบบนั้นไขมันสูงมาก โซเดียมยิ่งสูง
   ภรรยาไม่ค่อยได้ดูแลลูกใกล้ชิดเท่าผม เขาเจอลูกตื้อ ลูกอ้อน ก็มักจะใจอ่อน ส่วนผมถ้าเขาตื้อไปกินร้านที่ไม่ดีก็จะมีทางออก มีทางเลี่ยง พบกันครึ่งทาง ฯลฯ แต่ก็มีบ้างที่ตามใจเขา แต่ก็นานๆ ที
   ภรรยาพาลูกไปหาหมอ ส่วนผมมีความคิดที่แตกต่างออกไป คือถ้าหากไม่สบายแบบหยุมหยิม เช่น ตัวร้อน อาเจียนนิดหน่อย มีไข้ ไอ้เรื่องพื้นๆ แบบนี้ผมให้เขาแค่พักผ่อน ดื่มน้ำมากๆ ส่วนใหญ่จะหายได้เอง แต่ในความคิดภรรยาเขาจะพึ่งพาหมออย่างมาก ก็ว่ากันไปครับ ต่างคนต่างความคิด แต่จุดมุ่งหมายเดียวกัน
   ตื่นเช้ามาลูกหายดีแล้ว ผมว่าเขาหายดีตั้งแต่เขาได้อาเจียนเอาอาหารพิษออกมานั่นแหละครับ ดูสีหน้า หน้าตาเขาสดใสขึ้นมาทันที ก็เลยสอนเขาให้ล้วงคออ๊วก คือถ้าอยากจะอ๊วกแล้วอ๊วกไม่ออกก็ให้ล้วงเข้าไปในคอซะ จะได้สบายตัว ไม่ต้องทนผะอืดผะอม
   เช้าขี่จักรยานไปซื้อโจ๊กให้ลูก ส่วนผมกินสลัดเปล่าๆ เมื่อวานแม่ผมไปบ้านที่สระบุรีมา ซื้อผักปลอดสารพิษมาเพียบ ผมเอามาหั่นแล้วราดน้ำสลัด ผมว่ากินเปล่าๆ มันไม่ค่อยอร่อยเท่าไหร่นะ น่าจะมีเนื้อสัตว์มาแกล้มบ้างคงจะกินผักสดได้เยอะกว่านี้
   วันนี้คนงานมากันครบถ้วนหน้า เพราะมาตรการของที่ร้านผมที่เพิ่มเงินเบี้ยขยันให้กับพนักงานที่มาทำงานทุกวัน ไม่ขาด ไม่ลา ก็ต้องรอดูกันต่อไปครับว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป
   บ่ายผมไป Home Pro ไปดูทีวีที่จะเอาเข้าไปไว้ในคอนโดฯ ก็ดูทีวียอดฮิตจอใหญ่ๆ แบนๆ บางๆ ผมเล็งทีวีแบบพลาสม่าของ Panasonic ไว้ แต่แล้วจู่ๆ ก็มาสะดุดตาทีวีสี 14 นิ้วหน้าตาเชยๆ แนว Retro ของ LG ครับ เครื่องละแค่ 3000 กว่าบาท สีส้มตัดสีขาว ที่เด็ดสุดคือขาตั้งแบบสีเงิน พร้อมเสาอากาศแบบหนวดกุ้งเหมือนของโบราณเป๊ะ ผมว่าจะไปซื้อมาเก็บไว้เครื่องหนึ่ง ทั้งๆ ที่ยังไม่รู้ว่าจะเอาไปวางไว้ตรงไหนของบ้านเหมือนกัน แค่ชอบหน้าตาของมันอย่างมาก เห็นปุ๊บ ถูกใจปั๊บ
   คอนเสปแนว Retro นี้อยู่คู่กับผมมานานตั้งแต่ปี 90 แล้วล่ะครับ ผมจุดพลุเปิดตัวงานแนว Retro ด้วยงานชิ้นยักษ์ใหญ่ ออกมาแรกๆ โลกยังคงงง ไม่รู้ว่างงเพราะตะลึงในความแปลก หรือตะลึงในแนวคิด
   ไม่น่าเชื่อว่าทุกวันนี้สไตล์ Retro มันแพร่ขยายไปในทุกวงการเสียแล้ว
   เย็นไปรับลูก เห็นเขาวิ่งเล่นอย่างสนุกสนาน แปลว่าเขาหายดีแล้ว ผมก็พลอยดีใจไปด้วย เขากลับมาบ้านก็ทำอาหารกินเอง เป็นสเต็คไก่ เป็นแบบสำเร็จรูปนะครับ คือแค่แกะห่อออกมาแล้วทอดอย่างเดียว ซื้อจาก Food Land ครับ รสชาติอร่อยดีมาก หมักซ้อสได้ลงตัว ห่อละแค่ 25 บาท (ขายตามน้ำหนัก)
Title: Re: กรก 53
Post by: O'Pern on July 06, 2010, 09:31:42 pm
6 กรก 53
   ผมขี่จักรยานเล่นตอนเช้า ที่หน้าปากซอยมีเด็กนักเรียนยืนรอรถเมล์ ตัวเขาโตกว่าลูกผมหน่อยเดียว สักพักมีรถเมล์มา เขายื่นมือโบก แต่แปลก ที่รถเมล์เร่งเครื่องส่ง ไม่ยอมจอดป้ายรับเด็กนักเรียนคนนี้ หรือว่าเป็นเด็กได้ขึ้นรถเมล์ฟรี เขาไม่ได้เงินค่าโดยสาร ก็เลยไม่รับซะงั้น
   สักพักฝนตกครับ ตกหนักเสียด้วย ทุกวันนี้ผมส่งลูกที่จุดกลับรถ เพื่อผมจะได้กลับรถได้ทันที ส่วนลูกต้องเดินต่อไปราว 500 เมตร แต่ถ้าฝนตกผมก็จะไปส่งเขาถึงโรงเรียน
   มาวันนี้ผมฝึกให้เขาถือร่มกางเดินไปเรียนเอง ซึงเขาต้องดูแลร่มของผม มันเป็นร่มพับแบบ 3 ท่อน พับยากที่สุดในบรรดาร่มพับในท้องตลาด แลกกับความเล็กกระทัดรัดของมัน
   บ่ายผมเข้าไปคอนโดฯ ไปเลือกวอลเปเปอร์ นั่งเล็งอยู่นานเป็นชั่วโมง เย้ๆ ห้องใกล้เสร็จแล้วโว๊ยย
   ตกเย็นไปรับลูก ก็นั่งรอเขาเล่นกับเพื่อนจนหนำใจ ระหว่างนั้นผมก็เล่นกับเด็กๆ ที่คุ้นหน้า เพื่อนลูกบ้าง รุ่นน้องบ้าง รุ่นพี่บ้าง มีคนหนึ่งเป็นรุ่นพี่ เจ้านี่ตัวใหญ่ แรงเยอะ ชอบเล่นรุนแรง เขาเล่นชกมวยกับผมครับ หึหึ ชกมวยกับเด็กนี่มีแต่เสียเปรียบ โดนเขาต่อยได้ แต่กลับห้ามต่อยเขา ได้แต่ปิดป้องปัด ก็ใช้ทักษะของมวยไชยานี่แหละครับเป็นการป้องกันตัว โดยที่ผมนั่งกับพื้น ส่วนเขายืนเตะผมอย่างเมามัน
   แรกๆ เตะเล่นๆ แต่แกคงเห็นผมปิดได้หมด เลยชักจะแรง เตะโดนแขนผมดังเพี๊ยะๆ บางทีกันถูกมุมคนเตะก็จะเป็นฝ่ายเจ็บเสียเอง จนผมต้องบอกให้เขาระวังในการเตะ เพราะมีบางจังหวะผมปัดขาเขาแล้วเสียหลักจนก้นคะมำ กลัวหัวเขาจะฟาดพื้น
   ลูกให้พาไปห้างเซ็นทรัลฯ เขาอยากได้การ์ด Ben 10 ผมไม่เข้าใจว่าเขาเล่นกันอย่างไร แต่เป็นแค่นำเอาการ์ดที่มีตัวเลขมากๆ มาสู้กัน นึกไม่ออกจริงๆ ครับว่ามันสนุกตรงไหน อย่างไร
   นี้เป็นของเล่นชิ้นแรกที่ลูกผมเก็บเงินซื้อเอง ก็อยากฝึกเขาเยอะๆ น่ะครับ หวังว่าออกเงินซื้อเองแล้วจะรักษาข้าวของบ้าง และสักวันถ้าเบื่อของเล่นแล้วคงจะนึกเสียดายเงินบ้าง
Title: Re: กรก 53
Post by: O'Pern on July 07, 2010, 09:13:47 pm
7 กรก 53
   วันนี้ฝนไม่ตก แดดเลยออกแรงจ้า ผมเดินอยู่นอกบ้านกลางแดดหน่อยเดียว พอเข้าที่ร่มก็มีการจามพร้อมด้วยมีน้ำมูกใสๆ ไหลหยดตลอดวัน แก้ด้วยการดื่มน้ำมากๆ แต่ก็ยังไม่หาย จนบ่ายๆ เย็นๆ ผมถึงได้ออกไปซื้อยาลดน้ำมูก ยาแก้แพ้อากาศ คนขายถามผมกลับว่าจะเอาแบบกินแล้วง่วงหรือไม่ง่วง เฮ้ยย เพิ่งรู้ว่ามีแบบไม่ง่วงด้วย คิดมาตลอดว่ายาพวกนี้กินแล้วต้อง่วงเท่านั้น
   มีให้เลือก ผมก็เอาแบบไม่ง่วงสิครับ
   ตอนบ่ายผมว่าง เลยขี่จักรยานไปร้านจักรยานแบบ Fixed Gear ชื่อ Big Brother แถววงเวียนใหญ่ ร้านนี้จอดรถยากมากครับ อยู่ติดถนนใหญ่เลย จอดรถยนต์ไม่ได้ชัวร์
   ร้านเป็นห้องแถวห้องเดียวครับ ติดแอร์ แต่จัดร้านยังไม่ค่อยลงตัว ออกแนวรกๆ หน่อย เน้นอุปกรณ์ของรถ Fixed Gear เป็นหลัก ผมเข้าไปเพื่อพูดคุยสอบถามข้อมูล แต่ยังหาจังหวะคุยไม่ได้ เขาติดลูกค้าอยู่ ใจจริงอยากของลองขี่รถด้วยซ้ำ
   เลยได้แต่ดูของแต่งเล่นๆ ผมติดใจแฮนด์แบบรูปตัว M (บางตำราเรียกรูปหนวด) อยากลองแฮนด์แบบนี้ดูบ้าง แต่มันคงจะใส่มือเบรกแบบธรรมดาของ MTB ไม่ได้ เพราะแฮนด์มันโค้ง หรือมันอาจไม่ใช่แฮนด์ของพวกทัวริ่งก็เป็นได้นะ ร้านนี้เขา Fixed อย่างเดียวนี่นา
   ในร้านมีลูกค้าหนึ่งคน แต่งตัวแนวมาก สักพักมีอีกคนเดินเข้ามา ท่านนี้ก็แนวพอกัน ผมทรงสกินเฮด ใส่แว่นดำ ใช้กระเป๋าเงินแบบมีโซ่คล้อง เอ หรือว่านี่จะเป็นแนวของพวกขี่รถ Fixed ก็อาจเป็นได้
   อีกสักพักผมก็ขอตัวกลับ รู้สึกเฉยๆ มากกับร้านนี้ ร้านไม่สวย บรรยากาศไม่ดี ข้าวของไม่ถูกใจ (ไม่ถูกใจผม แต่อาจถูกใจคนอื่น) คงไม่ได้มาซ้ำอีกแล้วล่ะ
   วันนี้ผมกลับมาบ้านเอาตอนเย็น สอนลูกทำการบ้านเสร็จ ลูกก็ชวนเล่นการ์ด Ben 10 เอาตัวเลขแสดงพลังในการ์ดมาแข่งกัน โหห บอกตามตรงครับว่าเล่นยังไงก็ไม่เห็นจะสนุกสักนิด แต่ก็เล่นเป็นเพื่อนเขาอยู่สักพัก สนุกหรือไม่มันไม่ใช่ประเด็นครับ สาระมันอยู่ที่การใช้เวลาเล่นด้วยกันต่างหาก นี่คือการเลี้ยงลูกแบบเอาใจใส่ มิใช่แค่เลี้ยงให้แบบมีชีวิตรอดไปวันๆ
   ผมสังเกตว่าช่วงนี้ลูกผมเริ่มมีพัฒนาการด้านต่างๆ อย่างเห็นได้ชัด เช่นด้านความคิดที่มีเหตุมีผล และคิดขัดแย้ง ด้านร่างกายที่มีความแข็งแกร่งขึ้น
   ก็เป็นหน้าที่ผมที่ต้องปรับบทเรียนชีวิตใหม่ให้เขาเรียนรู้ครับ ผมบอกกับเขาเสมอว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ล้วนเป็นการเรียนรู้ของเขาทั้งสิ้น 
Title: Re: กรก 53
Post by: O'Pern on July 09, 2010, 01:40:05 pm
8 กรก 53
   ไอ้ยาแก้แพ้อากาศเมื่อวานที่มันบอกว่ากินแล้วไม่ง่วงน่ะ มันโกหก เมื่อคืนผมกินแล้วนอนเลยไม่รู้สึกอะไร ตื่นเช้ามายังไม่หายดี หลังอาหารเช้าเลยกินไปอีกเม็ด และอีกราว 1 ชม ถัดมาก็งานเข้าครับ ง่วงฉิบเป๋งเลย แถมร่างกายเฉื่อยชา ขี้เกียจกระทั่งขยับเขยื้อนตัว มันเกิดจากยาแก้แพ้อากาศแน่ๆ ปกติผมจะไม่เคยง่วงเหงาหาวนอนเลย จะมีบ้างก็ตอนบ่ายแต่ก็เป็นเฉพาะในวันที่มื้อเที่ยงกินพวกคาร์โบไฮเดรตมากๆ และมักจะง่วงแค่แป๊บเดียว พอได้ออกกำลังออกแรงสักหน่อยก็หายละ
   ตอนบ่ายผมเข้าไปคอนโดฯอีกแล้ว แต่วั้นนี้ผมเอาจักรยานไปด้วย เป็นรถคันเล็กกระทัดรัด JZ88 (แต่ของผมมันคือ Neo Bike 14) เอาจักรยานไปลองวางลองแขวนกับกำแพงที่ผมออกแบบไว้ บ๊ะ พอดีเป๊ะครับ แถมใส่ได้หลายมุม จัดวางได้หลากหลาย ทั่งพับ ทั้งไม่พับ จับขึ้นแขวนกำแพงอเนกประสงค์นี้ได้ทุกรูปแบบ แขวนได้เป็นสิบตำแหน่งเลยล่ะครับ แจ๋วสุดยอด
   ไอ้กำแพงแบบนี้ผมออกแบบมาสิบกว่าปีแล้วล่ะครับ ที่แรกออกแบบให้กับห้องเสื้อในยุโรป มาวันนี้ขอยืมมาทำกับห้องตัวเองบ้าง
   
   ตกเย็นไปรับลูกแล้วเรียนมวยไทยไชยาต่อ ฤทธิ์ยาที่ผมกินมันยังไม่หมด นี่กินตั้งแต่เช้า แต่มันเล่นเอาง่วงจนถึงเย็น รอลูกไปก็นั่งหลับตาแบบพักสายตา แต่พักนานไปหน่อย เลยออกอาการคล้ายสัปปะหงก
   รู้สึกง่วงผมก็เลยเอาจักรยานที่พกติดอยู่ท้ายรถออกขี่เล่น สักพักวนกลับมานั่งรอลูกเหมือนเดิม ลงนั่งแป๊บเดียวก็ง่วงอีกแล้ว ยาเม็ดเล็กๆ นี่มันแรงสุดยอดจริงๆ ถ้ากกินขณะออกทริปจักรยาน คงไม่มีแรงขี่เป็นแน่
   ขับรถกลับบ้านนี่ยิ่งง่วงเข้าไปใหญ่ อาบน้ำแล้วคิดว่าจะสดชื่นก็แค่เพียงเล็กน้อย อาบเสร็จก็ยังคงง่วง ขณะพิมพ์เล่าเรื่องอยู่นี้ก็แสนจะง่วง
   ไปนอนดีกว่า
Title: Re: กรก 53
Post by: O'Pern on July 11, 2010, 10:07:11 am
9 กรก 53
   ร่างกายผมมันเป็นอะไรก็ไม่รู้ว่ะ ไม่สบายเนื้อ ไม่สบายตัว แต่ก็ไม่ได้เป็นอะไรนักหนา เอ๊ะ หรือว่านี้คือโรคขี้เกียจ คือสบายไง ไม่ได้ออกแรงมาหลายวัน ช่วงนี้คนงานมาทำงานกันอย่างแข็งขัน รับคนงานใหม่เพิ่มมาด้วยน่ะ
   ตอนบ่ายเจ้าหน้าที่จากร้านช่างดำ (รับซ่อมกล้อง) โทรมาแจ้งบอกว่าเครื่องเล่นเทป DV ของผมไม่ได้มีอาการเสียอะไร แค่หัวเทปสกปรก เขาเลยล้างให้ สามารถนำใบรับเครื่องมารับได้เลย ไม่มีค่าใช้จ่าย !
   เป็นไงล่ะครับพี่น้อง บริการแบบนี้ได้ใจกันไปเลยนะนี่
   ก่อนหน้านี้ผมเอาสเปรย์ Contact Cleaner ฉีดเข้าไป กะว่าจะล้างหัวเทป แต่ฉีดไปแล้วแม่งพังเลยครับ ไม่มีภาพแสดงเลย และทิ้งไว้นานอีกเดือนกว่า กะจะให้น้ำยาที่ฉีดมันแห้งไปเอง ลุ้นว่าเปิดใหม่คงจะมีภาพ แต่ก็สิ้นหวัง สุดท้ายก็ต้องซ่อม ผมมีสองทางเลือกคือเข้าศูนย์ JVC และซ่อมอู่นอก
   ศูนย์ใหญ่ของ JVC อยู่ไกลจากผมมากครับ อยู่ที่แยกอโศกเลย จอดรถยาก ถ้าไปละแวกนี้ผมก็จะขี่จักรยานไปเสมอ แต่งานนี้ผมเลือกซ่อมอู่นอก หาข้อมูลเจอร้านช่างดำนี่แหละ ที่เก่าแก่ และถือว่าเก๋าในวงการ ร้านเขาก็ตั้งอยู่ในทำเลคลาสสิคคือแถวโรงหนังเฉลิมกรุงที่ปัจจุบันเป็นที่แสดงโขน
   เจ้าหน้าที่รับของร้านช่างดำชื่อคุณฝน พูดคุยอัธยาศัยดีมาก ยิ่งเธอรู้ว่าผมเอาทเทป DV นี้บันทึกรายการสารคดีต่างๆ ในทีวีเก็บไว้ให้ลูกดู เธอก็ยิ่งชวนคุยเรื่องลูก คงจะเป็นคนเลี้ยงลูกเองเหมือนผมแน่ๆ
   
   กลับมาบ้านตอนบ่ายรีบเตรียมใบเสร็จ พรุ่งนี้อาจขี่จักรยานไปรับของ นี่ถ้าลูกรู้ว่าได้กล้องมาแล้วคงจะดีใจมาก มีสารคดีเกี่ยวกับเครื่องบินอยู่เต็มไปหมดเลย เขาชอบเครื่องบินมากๆ ครับ
   เย็นนี้ลูกไปเรียนมวยไชยาอีกแล้ว ฟ้าฝนก็ทำท่าจะตก รอดพ้นมาหลายวัน แต่วันนี้สงสัยจะไม่รอดครับ เพราะครึ้มสุดยอดจริงๆ
   บ๊ะ แต่เอาเข้าจริงกลับลงแค่ปรอยบางๆ เป็นห่วงเด็กก็หนึ่งล่ะ แต่ผมก็ต้องห่วงตัวเองด้วย เพราะอาการไม่ค่อยสบายยังไม่หายดีเท่าไหร่เลย แปลกว่ะ ผมว่าอาการมันเหมือน Over Train ยังไงก็ไม่รู้ เอ๊ะ หรือว่าผมขี่จักรยานตอนเช้าแบบอัดแรงไปหน่อย หรือจะเพราะว่าวอร์มไม่ดีก็ไม่รู้ และเป็นไปได้สูงว่าจะถูกทั้งข้อ ก และ ข
   ครูสอนมวยเด็กๆ ผมก็แอบจดจำท่าไปด้วย วันนี้มีท่าหนึ่งถูกใจผม เป็นท่ายกศอกมาปิดป้อง ได้ยินครูเรียกว่าท่าทัดมาลา แต่ก็สามารถประยุกต์เป็นการตีศอกได้ด้วย ผมชอบมวยศอกครับ เหมาะแก่การทำร้ายคู่ต่อสู้ขณะประชิดตัวมากๆ และไอ้ศอกนี้พอมันมานี่มันจะมาแบบเราไม่รู้ตัว ไม่รู้ทิศทาง ปิดป้องได้ยาก เรียกว่าอย่าเผลอละกัน โดนนิดเดียวเลือดโชก
Title: Re: กรก 53
Post by: O'Pern on July 11, 2010, 06:19:00 pm
10 กรก 53
   เสาร์นี้ผมไม่ได้พาลูกไปเที่ยวไหน ผมต้องอยู่เฝ้าร้านขายของ ยังดีหน่อยที่ไม่ต้องออกไปติดรถส่งของ ทำงานอยู่แต่ในออฟฟิซ
   กลางวันขี่จักรยานไปรับกล้องวีดีโอที่ร้านช่างดำ สาขาเฉลิมกรุง เจ้าหน้าที่ส่งมอบของให้ผมอย่างดี ห่อแยกเก็บใส่ไว้ในถุงพลาสติคใส บริการเป็นมืออาชีพดีมาก ผมเกรงใจที่เขาไม่คิดค่าบริการ เลยกะว่าจะส่งกล้องเก่าๆ ที่บ้านมาให้ซ่อม
   “พี่ครับ กล้องของ Rolei ซ่อมได้ไหมครับ”
   พี่ฝน เจ้าหน้าที่ทำตาโต รีบออกปากว่า “น้องอย่าเอามาดีกว่าค่ะ”
   ทีนี้ถึงตาผมทำหน้างงบ้าง อ้าว ก็ไหนว่ารับซ่อมกล้องไง
   “คือกล้องมันเก่ามาก อะไหล่หลายชิ้นจะหายากมาก บางชิ้นถึงกับหาไม่ได้”
   อ้อ มันเป็นเช่นนี้เอง สักพักผมขอตัวกลับ รถติดมากๆ ครับ ดีที่ผมขี่จักรยานไป เลยไม่ต้องทนกับอาการหงุดหงิดเลย แต่ขี่จักรยานมันก็มีข้อเสียครับ คือมันต้องดมฝุ่นควันนี่แหละ ไอ้เรื่องร้อน เรื่องเหงื่อไหล อันนี้ผมเฉยๆ แต่ฝุ่นควันมันทำให้เสียสุขภาพครับ คิดพลางไปว่า น่าจะมีเมือง หรือชุมชนใดสักแห่งหนึ่งที่เป็นเมืองของจักรยานและยานพาหนะไร้มลพิษอย่างแท้จริง
   หัวค่ำผมขี่จักรยานไปเก็บเงินลูกค้า ผมไม่ค่อยได้ขี่จักรยานกลางคืนครับ แถมรถคันนี้ก็ไม่มีไฟส่องสว่าง อีกทั้งถนนที่ผมขี่ก็ยังไม่มีไฟอีกด้วย สักพักเดียว งานเข้า
   ขี่เร็วเต็มแรง แล้วไปเจอคันกั้นรถ ผมชนไปแบบไม่ได้เบรก ตัวลอยจากเบาะแล้วลงมานั่งที่เดิม ล้อหลังลอยสูงราวคืบเศษ มือหลุดจากแฮนด์ ขาหลุดจากบันได แต่โชคดีที่ไม่ล้ม พอก้นกดลงมาบนเบาะน้ำหนักก็กลับมาบาลานซ์ดังเดิม ปลายเท้าซ้ายจิ้มลงพื้น รู้สึกเจ็บนิ้วเท้าอย่างมาก และเกือบจะไปชนกับรถเก๋งที่จอดอยู่ข้างทางด้านซ้าย
   โดนแล้วเข็ดเลยครับ ขี่ช้าลงอย่างมาก ระมัดระวั้งมากขึ้น ผมเกือบล้มๆ มาหลายทีแล้ว แต่ก็รอดมาได้ตลอด ไม่ใช่โชค ไม่ได้เก่ง แต่คงฟลุ๊ค
   คืนนี้ผมกลับดึกครับ ถึงบ้านเอาห้าทุ่มกว่า จะเข้านอนได้ก็เกือบเที่ยงคืน แถมตอนตี 2 ลูกตื่นขึ้นมา บอกว่าอยากเล่นของเล่นโมเดลที่เขาเล่นค้างอยู่ตั้งแต่กลางวัน
   โถ ลูก ขอพ่อนอนสักหน่อยเถิดนะ
Title: Re: กรก 53
Post by: O'Pern on July 13, 2010, 01:38:47 pm
11 กรก 53
แผนที่วางไว้ว่าจะออกไปขี่จักรยานตอนเช้าต้องยกเลิก เพราะตื่นไม่ไหวครับ ตั้งใจว่าจะลุกขึ้นตื่นสักตี 5 เพื่อจะได้ขี่รถนานหน่อย เอาเข้าจริงมาลืมตาเอาตอน 0600 เสียนี่ ท้องฟ้าสว่างโร่เลย
   เลยไปขี่แถวบ้านแทนครับ วันนี้เข้าไปตลาดสินทวี เป็นตลาดยามเช้าที่ใหญ่และใกล้บ้านผมมากที่สุด คนเบียดเสียดยัดเยียดแน่นมากๆ แปลกใจตรงที่ผู้คนส่วนใหญ่จะขี่มอเตอร์ไซค์กันครับ ชาย หญิง เด็ก ผู้ใหญ่ ต่างขี่มอเตอร์ไซค์กันหมด มีจักรยานมาแซมบ้างเป็นจำนวนน้อยมากครับ
   รถก็ติด ถนนก็แสนจะแคบ ขี่มอเตอร์ไซค์ก็ไปไม่ได้เร็วกว่าคนเดิน แถมยังต้องมาดมควันของรถคันที่อยู่ข้างหน้าเราอีกด้วย สุขภาพไม่ดี อายุไม่ยืน โรคภัยถามหาเร็ว ก็ไม่ต้องไปดูอะไรที่ไหนไกลหรอกรับ พวกเราทำลายสุขภาพของเรากันเองทีละน้อยๆ
   ผมชักจะคิดถึงเรื่องเมืองจักรยานมากขึ้น ว่างๆ ก็ลองออกแบบสาธารณูปโภคสำหรับเมืองจักรยาน เช่น ที่จอดจักรยาน จุดดื่มน้ำ จุดแวะพักรถ จุดขอความช่วยเหลือ ฯลฯ เราต้องทำสิ่งเหล่านี้ให้พร้อมครับ แล้วมันถึงจะเป็นเมืองอย่างสมบูรณ์แบบ ทำได้จริงนะครับ อยู่ที่ภาครัฐจะเอาจริงกับผมหรือเปล่า ขอเป็นเมืองต้นแบบเล็กๆ สักอัน จุดพลุให้ชาวโลกเขารู้ว่าไทยเราจะเอาจริงแล้วนะ (ทั้งๆ ที่ผมรู้ว่าพวกคุณมันไม่เอาจริงนานนักหรอก)       
   
   ตอนกลางวันเปิดตู้เย็นมาตกใจมาก เห็นไก่ KFC นอนเรียงรายในตู้เย็นหลายชิ้น บางชิ้นโดนกัดแหว่ง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นฝีมือของมิวลูกผมแน่ๆ เมื่อวานอยู่บ้านคนเดียว เขาคงจะโทรสั่งให้มาส่งแหงเลย ชัวร์ 100%

   เข้าเวปจักรยานของ TCHA เพิ่งเห็นกระทู้ว่าวันนี้เขามีทริปขี่จักรยานกันด้วย ไปวัดเล่งเน่ยยี่ 2 แถวบางบัวทองโน่น วัดสวยมาก ผมเคยไปครั้งหนึ่งแล้ว ไปกับกลุ่มจักยานนี่แหละ เพิ่งมาเห็นกระทู้เอาเดี๋ยวนี้เอง นี่ถ้ารู้ล่วงหน้าวันนี้คงได้ออกไปปั่นกับพวกพี่ๆ เขาอีกเป็นแน่



12 กรก 53
   เช้ามาคนงานก็ขาดงานพร้อมกันถึง 4 คน ก็เป็นธรรมดาครับที่ผมจะต้องไปรับผิดชอบงานแทนพวกเขา วันนี้ผมจึงต้องทั่งขับรถกระบะ และเป็นเด็กยกของพร้อมๆ กัน
   ช่วงบ่ายผมไปส่งของที่ร้านค้าแห่งหนึง ขณะรอลูกค้าจ่ายเงิน ผมเดินออกมาหน้าร้าน ติดกันนั้นเป็นโชว์รูมรถ Toyota ผมมองเจ้า Alphard อย่างพินิจ ใจคิดว่าหากเราซื้อรถแบบนี้ให้พ่อแม่นั่ง คงจะน่าสบายดีนะ คันใหญ่เบ้อเริ่ม แถมยังใส่จักรยานได้อีกด้วย
   รถเขาติดฟิล์ม ผมมองไม่ชัด เลยต้องเอาหน้าไปใกล้กระจกและเอาสองมือป้องแสงด้านข้างถึงพอจะมองเห็นข้างใน ผมไม่เคยนั่งรถแบบนี้มาก่อนเลยนะ แต่เห็นบนท้องถนนเยอะมาก
   ยืนเล็ง ยืนส่องอยู่นาน จนพนักงานในร้านเริ่มมีการเคลื่อนไหว ผมหันไปมองหน้าพวกเขาแล้วยิ้มๆ พร้อมกับเดินเลี่ยงไปทางอื่น
   “หรือเป็นเพราะว่าผมใส่ชุดสกปรกโทรมๆ”
   “หรือผมแต่งตัวมอมแมม”
   สารพัดคำถามผุดขึ้นในใจ และมีภาพเมื่อสักสิบกว่าปีก่อนตอนที่ผมทำงานทดสอบรถยนต์ ที่ไปงานแต่ละครั้งจะมีพนักงานของ Toyota คอยเอาอกเอาใจ จะยืมรถมาทดสอบก็ไม่เคยมีปัญหา จะกินอะไรก็คอยจัดหามาให้ จะเทียวไหนก็คอยไปรับไปส่ง (ในงานทดสอบรถยนต์) บริการราวกับว่าเราเป็นเทพฯ เชียวล่ะ
   ภาพในวันวาน กับภาพในวันนี้มันฉายขึ้นมาในสมองพร้อมๆ กัน มันทำให้ผมคิดอะไรต่อได้อีกหลายอย่าง
   วันนี้ผมส่งของตั้งแต่ 0900 เช้า จนถึง 0900 กลางคืน ขากลับผมแวะไปคอนโดฯ เพื่อตรวจเช็คระบบไฟ ที่ไปกลางคืนก็เพราะผมอยากเห็นแสงไฟตอนกลางคืนว่าเปิดแล้วจะสวยงามเพียงใด หากเห่ยหรือเน่าจะได้รีบแก้ไข เพราะมันเป็นไอเดียของผมเองที่จะไปโทษใครไม่ได้
   ผลออกมาดีเกินคาดครับ ผมชอบไฟส่องสว่างแบบมองไม่เห็นหลอดไฟ จึงให้ช่างเขาซ่อนไฟเสียมิดชิด และผลจากการใช้ผนังห้องสีขาว เลยยิ่งทำให้แสงไฟสดมากขึ้นไปใหญ่
   กลับมาบ้านเอาตอน 1000 ลูกนอนหลับเรียบร้อยแล้ว เปิดไฟทุกดวงในบ้านเสียสว่างจ้า เปิดทีวีทิ้งไว้อีกด้วย
   ผมปิดไฟจนหมด รีบอาบน้ำ ก่อนนอนผมเข้าไปหอมที่หน้าผากเขาหนึ่งครั้ง เขาคงไม่รู้ตัวหรอก
Title: Re: กรก 53
Post by: O'Pern on July 13, 2010, 08:48:35 pm
13 กรก 53
   ผมเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานหน้าโชว์รูม Toyota ให้ภรรยาฟัง เขาได้ยินแล้วหัวเราะลั่น แหม หัวเราะแบบสะใจเชียวนะ ผมสิยิ้มเจื่อนๆ ไม่ได้อาย ไม่ได้เสียหน้าอะไร แต่ถ้าเราเป็นคนคิดมากหน่อย อาจเกิดอคติกับเจ้าของร้านเขาก็เป็นได้ ที่จริงเขาออกมามองเราก็เพราะอาจอยากบริการ อยากให้ข้อมูล เจ้าของร้านที่ไหนจะมาไล่ลูกค้า จริงไหมเล่า
   ระยะนี้หากหัวสมองว่างเมื่อไร ผมเป็นต้องคิดถึงเรื่องธุรกิจทุกที ล่าสุดที่คิดอยากทำคือ Guest House ครับ แน่นอน ผมจะทำอะไรสักอย่าง ผมทำไม่เหมือนชาวบ้านเขาหรอกครับ มีของเด็ดๆ แบบคาดไม่ถึงซ่อนอยู่ในธุรกิจ และตามสไตล์ของผมคือ หากจะทำอะไรให้ใคร ก็ต้องทำให้มากเกินกว่าที่เขาคาดหวังครับ
   ธุรกิจนิตยสารก็คิด แต่จากเดิมที่เป็นแนวรถยนต์ มาวันนี้เริ่มอยากทำแนวจักรยานดูบ้าง เห็นช่องว่างแจ้งเกิดในท้องตลาดเพียบเลยครับ แต่ก็มาตัดตรงปัญหาเดิมของผมคือ ไม่มีเวลาวิ่งขายโฆษณา เฮ้อออ
   ก็ได้แต่บ่มเพาะความคิดไปเรื่อยๆ ครับ รอจังหวะและโอกาส ถ้ามันมาถึงผมเมื่อไหร่ จะไม่รีรอที่หยิบฉวยเหมือนที่ผ่านมาแน่
   ทั้งนี้เพราะตอนผมหยุดพักการผลิตนิตยสาร Racing Club ไปได้สักพัก ก็มีหลายคนติดต่อมาให้ผมช่วยดูแลนิตยสารให้เขาหน่อย คือจะจ้างผมมาบริหารทั้งทีมของเขาเลย ลองเข้าไปพูดคุยพบว่าเขาใช้ศักยภาพของบุคลากรได้น้อยมากๆ เช่น มีงานเปิดตัวรถยนต์ เขาส่งไปกันถึง 2 -3 คน คนหนึ่งเป็นช่างภาพ ที่เหลือคือบรรณาธิการ ส่วน Racing Club ของผมไปคนเดียวครับ คือผมเอง ทำทั้งเป็นช่างภาพ และบรรณาธิการ แถมด้วยตำแหน่งผู้สื่อข่าว รวมไปถึงฝ่ายโฆษณาประชาสัมพันธ์ คือไปคนเดียว แต่ทำมันครบทุกหน้าที่ ตอนว่างๆ ก็คุยกับผู้ใหญ่ คุยกับฝ่าย PR ตอนแถลงข่าวก็แว๊บมาถ่ายภาพ เก็บภาพ คนไหนสนิทหน่อย ดูเขาพอจะสนใจหนังสือเราบ้างก็หยอดขายโฆษณาซะ และพอกลับก็มานั่งเขียนหนังสือ จบเบ็ดเสร็จในคนๆ เดียวครับ
   ยังมีธุรกิจที่เกี่ยวกับจักรยานอีกด้วยนะครับ คิดมันไปเรื่อย ว่างๆ ก็ลองต่อยอดดู คิดถึงจุดอ่อนจุดแข็ง กลายเป็นว่าผมเห็นช่องว่างในการทำธุรกิจเต็มไปหมดเลยครับ นี่ถ้าแบ่งภาคร่างกายได้คงจะดี จะได้ทำอะไรหลายๆ อย่างที่อยากทำ
   
   เข้าเวปของคอนโดที่ผมซื้อไว้ พบว่าเขามีจัดมีทติ้งกันด้วยนะ เออ แปลกดีวุ้ย ผมเองยังไม่ได้เข้าพักอาศัย ยังไม่ได้รู้จักใครสักคน แต่อยากไปเหมือนกันนะ อย่างน้อยตอนเดินเจอกันในฟิตเนสก็น่าจะพอคุยกันรู้เรื่องบ้าง ทำนองว่าอาจสนิทสนมกันได้ง่ายกว่าเดิม
Title: Re: กรก 53
Post by: O'Pern on July 14, 2010, 08:50:19 pm
14 กรก 53
   ขี่จักรยานตอนเช้าทุกวัน วันละนิดละหน่อย มีลื่นไถลบ้าง เกือบล้มบ้าง แต่เช้านี้ไม่รอดครับ ผมล้ม โชคดีที่ไม่แรง ตัวไม่เป็นไร รถไม่ถลอก ฟลุ๊ค
   เหตุเพราะไปทิ้งโค้งแล้วล้อหน้าตกลงไปในรอยต่อของถนนที่มีน้ำขังอยู่ พอล้อหน้าไต่ขึ้นมันเลยโดนขอบร่องและลื่นไถล
   ก็จำไว้เป็นประสพการณ์ครับ คิดบวกเข้าไว้คือล้มแถวบ้าน ล้มที่ความเร็วต่ำ ดีกว่าไปล้มเอาบนถนนใหญ่ เจอแบบนี้ก็จำไม่ลืมแล้วล่ะครับ
   กลางวันผมเอารถยนต์เข้าไปตรวจเช็คระบบแก๊ส เอารถทิ้งไว้ให้เขาจัดการครับ แล้วผมก็ขี่จักรยานกลับบ้าน ช่างและลูกค้าหลายคนมองกันใหญ่ ทั้งนี้ก็เพราะว่าท้างรถผมเล็กมากๆ แถมยังมีถังแก๊สอีกใบ ยังอุตส่าห์ใส่จักรยานได้อีกคันเชียว ผมนึกรักเจ้า JZ88 (Neo Bike 14) ก็เพราะเหตุผลนี้แหละครับ
   กลับมารอที่บ้านได้สักพัก มีโทรศัพท์เข้ามา
   “สวัสดีครับ รถพี่เซนเซอร์วัดอุณหภูมิที่หม้อต้มเสียครับ”
   “มันเกี่ยวกับอาการวิ่งแก๊สแล้วน้ำมันหายไหมครับ” ผมสอบถามเข้าตรงประเด็น
   “ก็เกี่ยวกับ”
   “เปลี่ยนตัวนี้แล้ว อาการวิ่งแก๊สแล้วน้ำมันหาย จะหายไปไหมครับ” ผมย้ำ
   “แหมพี่ มันก็ต้องมีน้ำมันหายบ้างล่ะครับ ตอนสตาร์ทมันต้องวอร์มด้วยน้ำมันก่อน”
   “ตรงนั้นผมเข้าใจครับ แต่ตอนผมวิ่งจากพัทยากลับกรุงเทพฯ รถมันอยู่ในโหมดแก๊สตลอดเวลาแล้ว ผมขับไปก็ดูเข็มน้ำมันลดลงไปเรื่อยๆ ตลอดทาง ขณะที่รถวิ่งแก๊สอยู่น่ะครับ”
   “รถพี่น้ำมันหายสักแค่ไหนครับ”
   “ผมเติมแก๊ส 500 บาท เติมน้ำมัน 300 บาท วิ่งได้ 300 กม ครับ” (นั่นคือเสียเงินไป 800 บาท วิ่งได้แค่ 300 กม)
   “โห พี่วิ่งได้ตั้ง 300 โล รถผมสิ วิ่งได้แค่ 80 กม”
   เสียดายที่เจ้าหน้าที่คนอื่นมาพูดสายต่อ ผมอยากเห็นหน้าตารถเขาจริงๆ ไอ้คันที่บอกว่าเติมแล้ววิ่งได้ 80 กม น่ะ เขาใช้รถอะไร
   “ถ้าของมันเสีย และจำเป็นก็เปลี่ยนไปเถอะครับ ผมแค่อยากให้ช่างตรวจสอบอาการที่มันวิ่งแก๊สแล้วน้ำมันหายอย่างละเอียดถี่ถ้วนให้ด้วย เพราะมันเป็นมานานมากแล้ว ก่อนหน้านี้ก็เคยมารับบริการครั้งหนึ่งแล้วก็ยังไม่หาย”
   วางสายไปแบบไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ว่าเขาจะทำให้รถผมหายผิดปกติได้ ก็ต้องรอดูกันไปครับ ช่วงเย็นๆ รถคงจะเสร็จ ผมก็ขี่จักรยานไปรับรถยนต์ และขับไปรับลูกที่โรงเรียนต่อ
   รถผมเสร็จเอาตอน 0430 ขี่จักรยานไปรับรถยนต์ ผมถามหาช่างคนที่ทำรถผม เจ้าหน้าที่บอกว่าชื่อช่างเอก ตอนนี้ไม่อยู่ ออกไปลองรถ แหม เลยไม่ได้เห็นรถที่เขาใช้เองเลย อยากเห็นจริงๆ เลย รถอะไรหนอที่มันช่างกินน้ำมันขณะวิ่งแก๊สดุกว่ารถผมเสียอีก แถมเป็นรถช่างอีกด้วย
   ไปซ่อมรถที่ไหน ซ่อมอะไร ต้องเอาอะไหล่เก่าเรากลับทุกครั้งด้วยนะครับ ป้องกันช่างทุจริต ไอ้มุขหลอกเด็กแบบนี้มีเพียบครับ ไว้ทะยอยเล่าให้อ่านกัน
   “ขออะไหล่เก่าที่เปลี่ยนของผมคืนด้วยครับ” ผมถามพนักงานตอนจ่ายเงิน
   เขาทำหน้างง แล้วก็หันไปหยิบของในเก๊ะ เป็นตัวเซนเซอร์เล็กๆ ใหม่เอี่ยมเลย เอามายื่นให้ผม
   ผมแบมือรับ ตอบขอบคุณครับ แล้วก็เดินจากไป
   แต่พอเข้าไปในรถ ผมเจอเซนเซอร์ตัวเก่าโทรมๆ เน่าๆ วางอยู่ในกล่องเก็บของ
   อาการของรถจะหายไหมก็ไม่รู้ ต้องดูกันต่อไปอีกหลายๆ วัน
Title: Re: กรก 53
Post by: O'Pern on July 15, 2010, 08:58:59 pm
15 กรก 53
   นั่งคิด วิเคราะห์อาการของรถผมที่วิ่งแก๊สแล้วน้ำมันหาย หากระบบแก๊สถูกต้องหมดแล้ว ปัญหาน่าจะอยู่ที่ตัวหัวฉีดเองที่ปิดไม่สนิท คือมันอาจมีคราบเขม่าเกาะ หรืออาจปิดไม่มิดเองก็เป็นได้ (เก่า โทรม) ผลจากการที่มันแง้ม ก็เลยถูกแรงดูดในห้องเผาไหม้ดูดเอาน้ำมันให้ไหลออกมาจากรางน้ำมัน
   หากอยากรู้ ก็ต้องถอดมาดูครับว่ามันปิดสนิทไหม และไหนๆ ก็จะถอดมาแล้ว ก็น่าจะล้างเสียเลย จะได้ตรวจสภาพกันอย่างละเอียด และถ้าถึงกับล้างหัวฉีดแล้ว ก็จับพวกมอเตอร์เดินเบา ลิ้นปีกผีเสื้อ เรียกว่าอะไร จุดไหนที่น้ำมันไหลผ่าน จับมันล้างเสียให้หมดสิ้น
   ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็จะทำเองครับ ไม่มีใครทำรถได้ถูกใจเท่าตัวเราเอง แต่พอโตทำงานมากเข้าก็ไม่ค่อยจะมีเวลาว่าง เวลาล้างรถยังแทบไม่มีเลยล่ะครับ อุทิศให้แก่การเลี้ยงดูลูกเป็นหลัก
   ได้ทีเลยโทรนัดช่างประจำให้ช่วยจัดการ แต่เขาเผอิญติดงานวางเครื่องรถอยู่ถึง 2 คัน คิวของผมเลยเป็นต้นสัปดาห์หน้า
   เย็นไปรับลูก แล้วเลยไปเรียนมวยไทยไชยาต่อ แต่พอไปถึงบ้านเพื่อน (สถานที่เรียน) ครูโทรมาบอกว่าขอยกเลิกการสอน เพราะติดฝนตกหนักจนน้ำท่วม ส่วนทางนี้แห้งสนิทเลยครับ แต่ฟ้าก็ครึ้มๆ ตลอดวันนะ เรียกว่ารอดมาได้แบบฟลุ๊คๆ
Title: Re: กรก 53
Post by: O'Pern on July 16, 2010, 10:41:00 pm
16 กรก 53
   เมื่อวานเย็นกลับมาบ้านพบ CD แผ่นหนึ่ง มีคนส่งให้มาจากเวปจักรยาน เขาบอกจะแจกฟรี ผมไปลงชื่อไว้ ไม่น่าเชื่อ ได้รับแจกกับเขาด้วยโว๊ยยย รู้สึกขอบคุณคนแจกขึ้นมาจับใจ ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้เปิดดูอะไรสักนิด

   “เปิ้ล เสาร์นี้ไปขี่ที่อยุธยากันไหม เอาจักรยานใส่รถไป กลุ่มพวกเราไปกันหมดเลย” พี่นัทเปิดฉากโจมตี ผมตั้งตัวไม่ทัน ไม่รู้ว่าเป็นใครที่ไหนโทรมา
   พี่นัท เป็นพี่สาวใจดีจากกลุ่ม TCHA เจอกันหลายทริปแล้ว พี่นัทมักจะชวนน้องๆ ที่ทำงานมาขี่ด้วยกันเสมอ แรกๆ รู้จักพี่นัทคนเดียว แต่พอไปด้วยกันบ่อย ก็เลยรู้จักกันทั้งกลุ่ม
   แต่แหม ไปขนาดนี้แล้วผมว่าน่าจะหาเรื่องค้างคืนกั้นเลยนะครับ อยุธยาเป็นเมืองสวยงามมาก มีโบราณสถานกลางแจ้งเต็มไปหมด ใครเห็นก็ทึ่งครับ แต่ที่น่าทึ่งกว่านั้นคือดันมีเพิงขายไก่ย่างข้าวเหนียว ขึงแบนเนอร์เป๊บซี่ มีผ้าใบกันแดดกันฝนสารพัดสีและรูปแบบ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ Unesco ยังอึ้ง เพราะร้านค้าเขาขายของกันติดกับเจดีย์เลย นี่คืออีกหนึ่ง Amazing Thailand (ภาคประชดประชัน)
   เมืองไทยเรามีเรื่องอะเมซิ่งทำนองนี้เยอะมากครับ ทำธุรกิจกันแบบมักง่าย ไม่ต้องคิดอะไรกันเยอะมาก ทำเอาแค่พอให้ผ่านไปวันๆ พอมีหน่วยงานมาจัดระเบียบ ก็มาร้องว่ารังเแกคนจน เอาครับ เอาครับพ่อมหาจำเริญ
   คนบ้านเรายังไม่รู้สิทธิหน้าที่ของตัวเองกันอีกมากครับ มีนิสัยคิดเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวกันจนสืบถึงรุ่นลูกหลาน เรียกว่าอยู่ในสายเลือดเลยก็่ว่า ความเห็นแก่ตั้ว เห็นแก่ได้กระจายไปทุกหย่อมหญ้า ขนาดให้ลูกไปยืนต่อคิวซื้อไก่ KFC พอถึงคิวลูก ผู้ใหญ่ที่อยู่ด้านหลังเขาสั่งของข้ามหัวลูกซะ พนักงานก็แสนใจดี ไปรับออเดอร์เขาอีก ไม่ได้โกรธที่ลูกโดนแซงคิว แต่แปลกใจที่ทำไมเขาถึงทำแบบนั้นได้ ใจเขาคิดอะไรอยู่หรือ หรือว่าไม่ได้คิดอะไรเลย กูทำของกูแบบนี้เป็นปกตินั่นแหละ
   
   เย็นนี้ลูกเรียนมวยไชยาครับ มีท่าเด็ดคือท่าตีศอก แต่เป็นตีศอกแบบพื้นฐาน ไม่ค่อยถูกใจผมเท่าไหร่ ผมชอบแบบศอกกลับ ศอกบิน พวกที่มีท่าผาดโผนหน่อยน่ะชอบมาก ดูมันแอคชั่นได้ ตอนฝึกก็ได้ออกกำลังกายไปด้วย
Title: Re: กรก 53
Post by: O'Pern on July 17, 2010, 08:35:13 pm
17 กรก 53
   วันนี้อากาศขมุกขมัว ถ้าฝนไม่ตกชาวจักรยานจะชอบใจอย่างมาก กลุ่มของพี่นัทที่ไปอยุธยาป่านนี้คงถึงอยุธยาเรียบร้อยแล้ว เขาออกจากสมาคมฯ ตั้งแต่ตอน 0530
กลางวันลูกโทรมาหา บอกให้พาไปกินพิซซ่าหน่อย เขาอยากกิน สงสัยคงต้องไปเปิดดูตามหน้าโฆษณาในหนังสือแน่ๆ ผมตั้งใจจะไปที่ Crystal Design Center ก็เลยยกเลิกกระทันหัน พาลูกไปกินพิซซ่าแทน
   ผมพาเขาไปกินพิซซ่าแบบแป้งบางกรอบ ผมชอบแบบนี้มากกว่าแบบหนา ชอบแบบของโบราณดั้งเดิม และอย่างน้อยมันก็มีแป้งน้อยกว่าล่ะน่า เออ แปลกนะ ไอ้พิซซ่าแบบที่ผมชอบน่ะ เขาไม่เห็นจะจัดโปรโมชั่นอะไรออกมาเลย แถมจะกินแบบถาดเล็กก็ไม่ได้นะ เขาไม่ทำ ต้องสั่งถาดขนาดกลางและใหญ่เท่านั้น
   “มิว ลูกรู้ไหมว่าทำไมพ่อถึงพาลูกมากิน”
   “เพราะมิวไม่ได้กินพิซซ่านานแล้ว”
   “ไม่ใช่แค่นั้นหรอกลูก ยังมีมากกว่านั้น”
   ลูกเงยหน้ามามองถามหาคำตอบที่ว่า
   “เพราะตอนเด็กๆ พ่อก็เคยอยากกิน แต่พ่อไม่เคยได้กิน คุณปู่คุณย่าไม่มีเงินมาซื้อของพวกนี้ให้พ่อ บ้านเราไม่มีเงินมากินอาหารแพงๆ กันหรอก”
   ผมเลี้ยงลูกแบบเดินสายกลางครับ แม้พิซซ่าจะเป็นฟาสฟู๊ดที่ไม่ดีในอันดับต้นๆ แต่ผมก็ให้ลูกได้ลองกินบ้าง แต่มีสิ่งหนึ่งที่เข้มงวดมากกว่านั้นคือเรื่องของน้ำอัดลมครับ ผมยกให้เป็นเครื่องดื่มรกโลกเลยก็ว่าได้ มันแย่ยิ่งกว่าน้ำหวานอีกนะ เพราะน้ำหวานก็มีน้ำตาลก็แค่อ้วน แต่ไอ้น้ำอัดลมมันอัดแก๊ส กินมากๆ แล้วเลือดเป็นกรด ร่างกายเราก็ต้องสลายแคลเซี่ยมในกระดูกมาปรับสภาพเลือดให้เป็นกลาง ยิ่งกินเท่าไหร่ ร่างกายก็จะสูญเสียแคลเซี่ยมมากขึ้นเท่านั้น ก็ไม่แปลกหรอกครับที่จะเห็นเด็กฟันผุ และคนแก่กระดูกพรุน ตราบใดที่พวกเขาเหล่านั้นยังคงกินน้ำอัดลมอยู่
   กระทรวงสาธารณสุขน่าจะมีคำเตือนออกมาบ้างนะ อย่ามาบอกว่าไม่รู้เลย ไม่เชื่อหรอก ไม่สนใจกันมากกว่า
   กินเสร็จก็เดินเล่นกันนิดหน่อย ลูกชอบร้านหนังสือ ผมก็ชอบ สองคนเลยแยกกันอยู่คนละมุม ดูร้านนี้จนเบื่อก็ไปดูอีกร้านหนึ่ง ผมว่าร้านหนังสือเป็นร้านที่มีผู้คนมาชุมนุมกันมากที่สุดในห้าง
   ลานกว้างหน้าห้างมีขายของลดราคา ผมไม่รอช้า ปรี่เข้าไปดูว่ามีสิ่งใดโดนใจบ้างไหม มาสะดุดตากับเสื้อผ้าของ Adidas เพราะเขาเอาสินค้ารุ่นท๊อปมาเซลล สินค้ารุ่นท๊อบมันมีราคาแพงมากๆ ครับ เสื้อออกกำลังกายหน้าตาเชยๆ แต่ผ้าไฮเทคตัวละสามพันกว่าบาท กางเกงแบบแนบเนื้อดูก็ธรรมดาๆ ราคาปาเข้าไปเกือบจะห้าพันบาท เห็นราคาตอนแรกคิดไปว่าเขาพิมพ์ผิดหรือเปล่า
   คุ้ยๆ กระบะจนผมได้กางเกงขาสามส่วนมาตัวหนึ่ง ปกติผมไม่ชอบกางเกงทรงนี้เลย ยิ่งพวกที่ใส่แบบลำลองและมีกระเป๋าเยอะๆ ด้านข้างยิ่งไม่เอาใหญ่เลย ใส่แล้วเหมือนพวกพ่อค้าตามตลาดนัด
   แต่ขาสามส่วนที่ผมเลือกมานี้เป็นเนื้อผ้าพิเศษ สีเทาไทเทเนียม มันช่างเข้าชุดกันกับเสื้อแขนยาวของผมที่มีอยู่เสียจริงๆ พรุ่งนี้เช้าจะเอามาใส่คู่กันแล้วออกปั่น คงจะหล่อมิใช่น้อย อิอิ
   เดินต่อมาอีกเจอรองเท้าแตะเซลล์อีกแล้ว จัดมาทีเดียว 2 คู่เลยครับ เป็นของมียี่ห้อเสียด้วย ชื่อ K Swiss ชอบตรงหน้าตามันแบนๆ ดี ห่อใส่กระเป๋าเดินทางได้ง่าย เลือกแบบหน้าตาเหมือนกัน แต่คนละสี เผื่อเอาไว้ใช้ที่คอนโดฯ ด้วยน่ะ
   เย็นมีพี่แถวบ้านมาหา ชื่อพี่จั๊ว บ้านอยู่ตรงข้ามฝั่งถนนกับผมนี่แหละ รู้จักกันเป็นสิบปีแล้วสมัยเล่นวิทยุสื่อสารแบบ VR พี่จั๊วมายืม DVD ซ้อมขี่จักรยานบนเทรนเนอร์ ผมได้รับแจกมาจากพี่ในเวปอีกต่อหนึ่ง เป็นการแจกฟรี ไม่น่าเชื่อว่าจะได้จริง
   หัวค่ำผมเตรียมสูบลมยางจักรยานคัน KHS HT ไว้อย่างดี กะว่าพรุ่งนี้จะออกปั่นแต่เช้า สายๆ จะได้รีบกลับ เพราะแดดจะแรงมาก (ถ้าไม่มีเมฆ)
Title: Re: กรก 53
Post by: O'Pern on July 18, 2010, 09:31:23 pm
18 กรก 53
   อนาคตเป็นสิ่งที่คาดเดาได้ยาก เมื่อวานวางแผนจะออกปั่นจักรยานอย่างดี แถมวางโปรแกรมไว้เบ็ดเสร็จตลอดวัน คือ ช่วงเช้าขี่ไปบางขุนเทียนชายทะเล พอสายหน่อยสัก 7 โมงก็ขี่ออกมา ผ่านตลาดกลางทางแวะซื้อของกินมานั่งกินที่บ้าน พอสัก 0900 ก็จะไปดูงานโชว์รถโบราณที่ฟิวเจอร์ปาร์ครังสิต เที่ยงก็จะไปที่ Crystal Design Center เลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา แถวนี้เป็นบ้านพี่สาวผม อาจไปขลุกอยู่ที่นั่นต่อจนถึงมืดค่ำ
   เอาเข้าจริงไม่ได้ไปไหนสักที่เลยครับ ผมตื่น 0430 ไปส่งพ่อแม่ไปเที่ยวทัวร์ไหว้พระ ส่งเสร็จฟ้ายังไม่สว่างดีก็ไปที่คอนโดฯ ต่อ ไปดูบรรยากาศยามเช้าว่ามีแสงส่องเข้ามามุมไหนอย่างไรกันบ้าง แต่มันเพลินครับ นั่งเล่นรับลมริมแม่น้ำเช้าๆ แสนจะสบาย เห็นลานสนามหญ้าแล้วน่ากางเต้นท์นอนจริงๆ
   ขึ้นไปชั้นบนสุดสูดอากาศยามเช้าก็แสนจะสดชื่น มีลมเย็นพัดโชยมาตลอด แม้จะอากาศดีไม่เท่าชาวต่างจังหวัด แต่ก็ดีกว่าที่ผมสูดดมอยู่ทุกวันเยอะมาก ยืนมองทอดสายตาอยู่นาน สักพักก็มีชาวต่างชาติ (ฝรั่ง) เข้ามานั่งเล่นพักผ่อนบ้าง ผมไม่รู้คุยอะไรก็เลยแค่ส่งยิ้มไป
   สายๆ หน่อยถึงได้เข้ามาบ้าน ภรรยาซื้อโจ๊กมาฝากผมด้วย ก็เลยนั่งกินด้วยกัน
   “พ่อๆ ตอนบ่ายไปงานสัปดาห์หนังสือกันไหม” ลูกผมชวน
   มีหรือผมจะปฏิเสธ ไปก็ไปกันครับ งานของลูกของคนใกล้ชิดสำคัญกว่างานของผมเสมอ หลายครั้งที่ไม่ได้ตามใจตัวเอง แต่ก็มีความสุขไม่แพ้กัน บางทีมากเสียยิ่งกว่าด้วยซ้ำไป    
   ตอนสายผมโทรไปสั่งซื้อ TV ให้มาส่ง แปลกนะ ผมตระเวณหาของในร้านใกล้บ้านก็เจอแต่ราคาโหดๆ สุดท้ายก็ต้องพึ่งบริการร้านประจำที่อยู่แถวแยกเกษตร แค่โทรสั่งเขาก็มาส่งให้แล้วล่ะครับ ให้เขาตรวจเช็ค Bad / Dead Pixel ให้ด้วยก่อนส่งมอบ ก็เลยให้เขาเอาขายึดผนังติดมาด้วย มีกี่แบบเอามาให้หมด ผมจะเลือกเอา 1 อัน
   
   ไม่ได้ไปเดินดูของที่ Crystal Design Center ก็เลยไปดูของที่ Home Pro แทนครับ มันคนละคลาสแบบเทียบกันไม่ได้ก็จริง แต่พอแก้อยากได้บ้างเล็กน้อย สายตาไปถูกใจเอาพรมผืนหนึ่งเข้า ชอบที่เขาเอาวัสดุเหมือนเศษผ้ามาทำ ผมต้องการพรมมาปูรองบริเวณโซฟา ตอนวางเท้าจะได้นุ่มๆ หน่อย ประโยชน์อีกอย่างคือหากทำรีโมทตกหล่นมันก็จะไม่กระแทกพื้นแรงมาก
   
   บ่ายหน่อยๆ ลูกโทรมาเรียก บอกว่าเขาเรียนพิเศษกลับมาแล้ว ให้ผมรีบกลับบ้าน แม่จะพาไปกินข้าวด้วยกัน แต่ก็ไม่ได้ไปไหนไกลหรอกครับ กินกันที่ร้านครัวเจ๊ง้อ ร้านอาหารจีนแนวครอบครัว ราคาแพงครับ นานๆ กินที ถ้าให้ผมมากินเองคนเดียวก็ไม่เอาหรอก ต้องถูกล็อตเตอรี่รางวัลที่ 1 สองงวดติดกันถึงจะมากินได้
   กินกันเสร็จก็พาลูกไปงานสัปดาห์หนังสือเด็กที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิตติ์ ตอนแรกหวั่นๆ ว่าจะจอดรถยาก ปกติผมจะจอดรถที่สวนลุมไนท์บาซาร์แล้วนั่งรถไฟใต้ดินไป แต่ทุกวันนี้สวนลุมไนท์ฯ เขาเหมือนกับจะไม่ให้จอดรถแล้วล่ะครับ เขามีการก่อสร้าง มีทุบตึกที่จุดใกล้ทางเข้าออกรถไฟฟ้า เลยทำให้ไม่มีที่จอดรถยนต์ จะจอดจริงๆ ก็ได้ล่ะนะ แต่เดินไกลมากๆ
   เลยตัดสินใจขับรถยนต์ไปครับ ปกติยิ่งใกล้รถก็จะยิ่งติด แต่วันนี้แปลกมาก รถโล่งสุดๆ จนถึงหน้าทางเข้า บ๊ะ แจ๋วว่ะ เข้าไปก็เจอที่จอดรถเลย ดูเหมือนเขาจะเว้นไว้ให้เจ้าหน้าที่ แต่เห็นแถบหนึ่งไม่มีรั้วกันก็เลยรีบเสียบซะ ไล่ภรรยาและลูกรีบลง กลัวยามจะมาไล่ไม่ให้จอด ฮ่าๆ
   ภายในอาคารมีบูธหนังสือน้อยครับ ไม่เหมือนงานของสัปดาห์หนังสือทั่วๆ ไป งานนี้เน้นเฉพาะหนังสือเด็ก ผมไม่ได้อะไรติดมือมาสักเล่ม ลูกได้โมเดลกระดาษเป็นรูปหอไอเฟล และหนังสือการ์ตูนอีก 2 เล่ม

   กลับมาถึงบ้านเอาตอน 0500 ไม่เห็นวี่แววว่าทีวีจะมาส่งเลย ตอนโทรสั่งเขาบอกมาถึงช่วงเย็น ไม่รู้ว่าจะเย็นเจี๊ยบเลยไหม
   รอจนถึงสองทุ่มกว่าครับ ช่างถึงได้โทรมา ผมรีบบึ่งรถไปที่คอนโด หยิบเอาเครื่องออกมาเปิดทดสอบ ช่างกับผมก็มองหน้ากันแล้วยิ้ม มองไปที่ปลั๊กสายอากาศ
   “พี่มีสายอากาศไหมครับ”
   “แฮ่ๆ ไม่มีครับ”
   ช่างอีกคนหยิบเอาไขควงมาเสียบคาไว้ บ๊ะ ภาพชัดแจ๋วไปเลย นี่ขนาดแค่ใช้ไขควงนะนี่
   เลยกลายเป็นว่าได้แค่รับเครื่องไว้ ยังไม่ได้ปรับจูนอะไรเลยแม้แต่น้อย
   “ไม่เป็นไรครับพี่ ไว้ผมมาจูนให้ใหม่ ผมมาส่งของที่คอนโดนี้ 4-5 ครั้งแล้วครับ แถวนี้ผมก็ผ่านบ่อยๆ เกือบทุกวัน”
   เล่นเอาผมอึ้งไปเลย นี่ร้านเขาขายได้ดีขนาดนี้เชียวหรือนี่ ร้านเขาอยู่ถึงสามแยกเกษตรเชียวนะ
Title: Re: กรก 53
Post by: O'Pern on July 19, 2010, 10:19:01 pm
19 กรก 53
   วันนี้รถยนต์ BMW เปิดตัว 5 Series ใหม่ เอามาชนกับ Mercedes Benz E Class คู่นี้ฟัดกันทีไร คนที่ชนะตลอดก็คือ Mercedes Benz แต่แปลกที่ว่า เหล่าบรรดานักทดสอบต่างพากันเทใจให้ BMW กันเกือบหมด
   ก็เพราะรถที่ขายดี ไม่จำเป็นต้องเป็นรถที่ดีไงครับ นี่คือลักษณะของผู้ซื้อชาวไทยที่มีเอกลักษณ์ในตัวเอง คือจะพิจารณาจากราคาขายต่อเป็นสำคัญ จะซื้อรถวันนี้ แต่คิดเผื่อไปถึงอีก 5 ปีข้างหน้าไว้เรียบร้อยแล้ว เรียกว่าเตรียมการไกลมากๆ จึงทำให้รถที่แทบขายไม่ออกในตลาดโลก กลับขายดีเป็นอันดับหนึ่งในประเทศไทย นั่นคือรถกระบะ Isuzu บริษัท General Motors งงเต็ก ฉีกทฤษฎีทุกกฏในตำรา
   ตลอดวันนี้ยังคงมืดครึ้มมีฝนโปรยบ้างบางช่วง ตกช่วงสั้นๆ แล้วก็หยุด อากาศแบบนี้ชาวจักรยานชอบมากๆ ครับ
   วันนี้ไม่มีอะไรน่าสนใจมากนัก ตกเย็นไปรับลูก และหัวค่ำพี่จั๊วมานั่งคุยที่บ้าน แต่คุยกันเพลินจนถึงดึก เขากลับไปแค่แป๊บเดียว ฝนก็เทลงมาอย่างหนัก สงสัยไม่น่ารอด
Title: Re: กรก 53
Post by: O'Pern on July 20, 2010, 07:49:54 pm
20 กรก 53
   ติดตามเรื่องสภาพอากาศ การพยากรณ์บอกว่าจะมีฝนต่อไปอีกจนถึงวันศุกร์ เพราะมีพายุลูกใหม่เข้าจีนตอนใต้ เอ๊ะ ลูกที่แล้วที่เพิ่งหมดไปก็เข้าจีนตอนใต้นี่นา โดนอีกแล้วหรือนี่
    เช้านี้ไม่ได้ขี่จักรยาน หอบเอาเครื่องเสียงชุดที่ซื้อเตรียมไว้นานแล้วเอามาใส่รถ กลางวันจะได้เอาไปไว้ที่คอนโด มันเป็นเครื่องเสียงชุดเล็กๆ แบบยึดติดตั้งกับกำแพง ห้องในคอนโดมันเล็กครับ ผมจึงจัดการเอาของทุกอย่างยึดติดเข้ากับกำแพงเสียให้หมด ไม่ว่าจะเป็นทีวี เครื่องเสียง หรือกระทั่งจักรยาน
   ห้องยังไม่เสร็จดีครับ เหลือเก็บรายละเอียดนิดๆ หน่อยๆ เป็นงานจุกจิกที่ต้องเอาใจใส่อย่างมาก ความเนี๊ยบของห้องมันจะมาอยู่ตรงนี้แหละครับ
   ตอนเย็นไปรับลูกเหมือนเดิม กลับมาบ้านผมกินข้าวผัด ไข่ดาว ทอดในน้ำมันมะกอก แกล้มกับกระเทียมสดอีกสิบกว่าชิ้น
   วันนี้ผ่านไปแบบเนือยๆ ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นมาเล่าเลย
Title: Re: กรก 53
Post by: O'Pern on July 21, 2010, 08:22:17 pm
21 กรก 53
   ผมตัดสินใจไปทริปหัวหิน 200 กม ที่จะจัดขึ้นต้นปีหน้าครับ ขี่ออกจากแถวบ้านผมนี่แหละ ไปถึงแล้วก็คงกลับกันเลยเพราะมันน่าจะเป็นบ่ายแก่ๆ จนถึงเย็น แต่ถ้าเลือกได้ผมอยากนอนค้างสักคืน หรือถ้าได้สองคืนจะดีเยี่ยม
   ผมมีเวลาอีก 4 เดือน กับการลดน้ำหนักลงอีกสัก 5 กก เป็นอย่างน้อย ผมว่าน่าจะทำได้นะ แต่ต้องมีวินัยการกินมากกว่านี้ ทุกวันนี้ที่ลดลงยากเพราะผมยังติดกินกลางคืนครับ ไม่ได้กินข้าวเป็นจานนะ แต่มักจะเป็นของว่างพวกผลไม้ ถั่ว 
   อยากจะลดจริงผมต้องออกกำลังกายมากกว่านี้ คิดเอาง่ายๆ คือออกกำลังให้มากกว่ากินเข้าไป มั้นก็มีอยู่แค่นี้แหละ น้ำหนักผมขึ้นง่ายแต่ก็เอาลงได้ง่ายเช่นกัน แลกกับการออกกำลังกายอย่างหนักนะครับ ไม่ได้อยู่เฉยๆ แล้วมันจะลงเองได้นะ
   เช้านี้กินยำกุนเชียง ใส่เห็ดหูหนู และหอมใหญ่เยอะๆ กินกับไข่ดาวทอดในน้ำมันมะกอก และข้าวกล้อง
   กลางวันเป็นยำเส้นเซียงไฮ้ ใส่ปลาหมึกและหมูสับ
   วันนี้ช่วงเย็นผมมีนัดกับครูประจำชั้นของลูก โรงเรียนนี้เขาจะมีวันที่ครูนัดคุยกับผู้ปกครองแบบส่วนตัวเทอมละ 1 หน นับเฉพาะอย่างเป็นทางการนะครับ ถ้าแบบไม่เป็นทางการแล้วล่ะก็ ผู้ปกครองสามารถมาพบครูได้ทุกวันตอนเย็นครับ
   ครูจะเล่ารายงานพฤติกรรมของลูกว่าคนไหนเป็นอย่างไรกันบ้าง อย่างเช่นลูกผมจะมีอยู่ปัญหาเดียวก็คือติดพูดคุย ติดเล่น ที่เหลือไม่มีปัญหาด้านการเรียนแต่อย่างใด ถ้าตั้งใจฟังครูสอน เขาก็จะรู้เรื่องดี ก็ต้องคอยว่ากล่าวตักเตือนกันไปครับ
   กลับมาบ้านตอนเย็นเห็นอาหารเย็นของลูกน่ากินมาก เป็นข้าวต้มกระดูกหมู ใส่กระดูกหมูเข้าไปเคี่ยวด้วยนะ ไม่ใช่แบบตามร้านที่เขาใช้หมูสับธรรมดา ทำแบบนี้จะได้แคลเซี่ยมจากกระดูกในน้ำซุปอีกด้วย มิวเขากินเสียจนหมดเกลี้ยงชาม
   ส่วนผมมีฝรั่งให้กินแก้หิวเล็กน้อย
Title: Re: กรก 53
Post by: O'Pern on July 22, 2010, 08:57:57 pm
22 กรก 53

   กลางวันเข้าไปที่คอนโด ไปควบคุมช่างทำงานที่ละเอียดอ่อนมากที่สุด นั่นคือกำหนดตำแหน่งจุดวางทีวีที่ต้องยึดติดกับกำแพง พร้อมกับเจาะวางเครื่องเสียงชุดเล็กๆ ที่เป็นแบบ sound bar ยึดเข้ากับกำแพงแนวเดียวกันกับทีวี มีไฮไลท์อีกอันคือเจาะยึดทีวีแขวนไว้ในห้องน้ำด้วย
   ห้องใกล้เสร็จเข้าไปทุกทีแล้วครับ รู้สึกดีใจจริงๆ จะได้เข้าไปพักผ่อนบ้างเสียที อุตส่าห์ตกแต่งมานานหลายเดือน
   ไม่น่าเชื่อว่าแค่เจาะยึดทีวีและชุดเครื่องเสียงจะใช้เวลาถึง 2 ชั่วโมง มันมายากเอาตอนผมต้องการให้ซ่อนสายไฟทั้งหมดน่ะครับ ยากอีกทีตรงที่ชุดเครื่องเสียงและทีวีมันต้องมีสายสัญญาณเชื่อมต่อถึงกันด้วย เช่นสาย HDMI และ RCA
   ยังไม่ทันเสร็จดี ผมก็ต้องปลีกตัวออกมาก่อน วันนี้นัดหมอฟันไว้ เป็นหมอฟันที่ผมทำมาตั้งแต่เด็ก ทำดีมากๆ แต่ก็แพงฉิบเป๋งเหมือนกัน
   ไปขอข้อมูลการศึกษาต่อที่ประเทศสิงคโปร์ อยู่ในตึกเดียวกับที่ผมทำฟันนั่นแหละ สะดวกหน่อย หาข้อมูลเอาไว้ก่อน เตรียมตัวไว้ เผื่อลูกจะสนใจ แล้วก็ไปทำฟันต่อ เสร็จออกมาตอน 0600 ฝนตกอย่างหนัก รถติดโครตๆ ทั้งๆ ที่ปกติจะติดแบบหยุมหยิม
   มาถึงบานเอาตอนทุ่มกว่าเลยครับ จากเดิมที่รถติดธรรมดาจะใช้เวลาแค่ 30 นาที
   ดูข่าวตอนหัวค่ำเกี่ยวกับเรื่องช้างเข้ามาบุกรุกกินพืชผลของชาวบ้าน เนื่องมากจากป่ากับพื้นที่ของชาวบ้านอยู่ชิดติดกันเกินไป ทางการคิดจะแก้ไขโดยการทำรั้วไฟฟ้า
   ฟังแล้วขำปนเศร้า นี่หรือคือวิธีคิดของชาวไทย ตัวเองไปบุกรุกถางป่า รุกล้ำที่ป่าแท้ๆ เผา ไถ จนมันเป็นป่าเสื่อมโทรม แล้วก็ปลูกพืชทางการเกษตร สวมสิทธิ์ชาวบ้านเพื่อออกฉโนด
   พอป่ามันเล็ก อาหารของช้างก็น้อยลง มันก็เลยต้องออกอาหารข้างนอก มันก็แค่นั้น
   ไอ้เรื่องรั้วไฟฟ้าน่ะ ถ้าคิดจะทำเพื่อป้องกันช้างนะ ผมว่าปัญญาอ่อนมากครับ น่าจะออกแบบรั้วไฟฟ้าเพื่อป้องกันคนบุกรุกป่าจะดีกว่า
Title: Re: กรก 53
Post by: O'Pern on July 25, 2010, 03:22:32 pm
24 กรก 53
   กลางวันผมไปเซ็นทรัลปิ่นเกล้า ไปดูเฟอร์นิเจอร์ของร้าน SB ไปสาขานี้เพราะว่าเขาเป็น Design Square แห่งเดียวในย่านฝั่งธน จะมีของเยอะกว่าสาขาอื่น ไปถูกใจเก้าอี้ตัวหนึ่ง กะเอาไว้ใช้ที่โต๊ะแต่งตัวในห้องน้ำ ภรรยาน่าจะชอบ ขากลับมาถูกใจเอาถังขยะอีกใบ ดีไซน์สวยแบบใช่เลย ราคาตั้ง 550 บาทแน่ะ ทำจากพลาสติคล้วนๆ แพงมาก
   ผมไม่ค่อยได้ไปไหนวันเสาร์บ่อยนัก พบว่ารถติดฉิบเป๋งเลยครับ กว่าจะหาที่จอดรถได้ (แบบไม่ซ้อนคัน) ก็ต้องวนอยู่หลายรอบ
   ปกติผมจะมาเซ็นทรัลสาขานี้วันธรรมดาครับ นี่เป็นครั้งแรกที่มาวันเสาร์ โหห เข็ดจริงๆ ด้านภายในห้างก็คนแน่นครับ ภาพไม่คุ้นตาเอาเสียเลย ผมเดินแต่แบบคนโล่งๆ มาเจอแบบนี้มึน
   บ่ายๆ กลับมาบ้าน และอยู่เล่นกับลูก ตกเย็นต้องไปธนาคารอีกแล้ว สาขาปกติเขาปิดทำการ ก็เลยต้องไปใช้บริการในห้างเดอะมอลล์ท่าพระ
   ลูกผมเห็นร้านหนังสือเป็นไมได้ ต้องขอแวะ และมักไม่ได้เดินออกมามือเปล่า ผมเองไปสนใจเอาหนังสือเพลง และ CD รวมแพ็คของค่าย IS Song Book เป็นแบบรวมเพลงหาฟังยาก 6 แผ่น 6 สไตล์ เขาเขียนว่า เสียดาย ถ้าตายก่อนได้ฟัง หน้ากล่องเขียนว่า บันทึกเพลงโก๋หลังวัง อ่านแล้วเข้าใจได้ว่าน่าจะเป็นเพลงเก่า ฮิต อมตะ คลาสสิค อะไรทำนองนี้
   กลับมาบ้านรีบเปิดกล่อง อยากฟังมากครับ แต่..มันไม่มี CD อยู่ด้านในเลยแม้แต่แผ่นเดียว ร่องกระดาษที่เอาไว้เสียบ CD ก็ยังไม่มีร่องรอยการเปิดใช้ ตอนแรกผมคิดว่าแอบโดนถอด CD ไปนั้นคงไม่ใช่ มันไม่ได้ใส่มาตั้งแต่แรก เฮ้อ เซ็ง ต้องกลับไปเปลี่ยนอีกรอบ ผมซื้อจากร้าน Se Ed ครับ
Title: Re: กรก 53
Post by: O'Pern on July 25, 2010, 08:36:10 pm
25 กรก 53
   ตื่นเช้าเอาจักรยานออกปั่นแบบเร่งรีบ ตื่นสายครับ มาลุกเอาตอน 0530 กว่าจะออกจากบ้านได้ก็ราว 0600 ปั่นแบบสิ้นคิดไปยังบางขุนเทียนชายทะเลเช่นเคยครับ ไม่รู้จะไปไหน ก็จะมาแถวนี้แหละ ถนนโล่ง เส้นทางสวย
   เอารถออกขี่โดยลืมอบอุ่นร่างกายครับ มานึกขึ้นได้ตอนขี่ออกมาจากบ้านแล้ว ก็เลยตามเลย แต่รู้สึกมีลางสังหรณ์ไม่ค่อยดี
   ตอนเช้าอากาศดีมาก ไม่มีแดดเลย ลมพัดเย็น เลยอัดแบบไม่รู้ตั้ว ผสมกับการที่ไมไม่ได้อบอุ่น่ร่างกาย เลยส่งผลตอนขากลับ
   ขี่ไปจนสุดทาง จะมีร้านกาแฟ และข้าวแกง ร้านประจำร้านเดียวที่นักปั่นเกือบทุกท่านใช้บริการ ลำพังถ้าไปคนเดียวผมก็อาจขี่กลับบ้านเลย แต่วันนี้เจอพี่จั๊วนั่งกินข้าวอยู่ เลยเข้าไปนังคุยด้วย อีกสักพักเจอพี่อีกท่านผมไม่รู้ชื่อ แต่ใช้นิคเนมในเวปว่า ปุเลงปุเลง นั่งคุยกันอย่างสนุกนาน เลยชวนกันไปปั่นต่อที่จุดชมวิวปลาโลมา
   บรรยากาศดีครับ เลยนั่งเล่นอยู่จุดนี้ราว 1 ชม ถึงจะขี่กลับ
   เริ่มออกเดินทางกลับ ผมพบว่าร่างกายเริ่มขี้เกียจปั่น แต่ก็ทนฝืนใจขี่ไป เริ่มมีอาการเส้นสายตึงบ้าง ยังดีที่แดดไม่แรง ขี่ย้อนทางเดิมกลับบ้านครับ แต่ 15 กม สุดท้ายผมเริ่มหมดแรง ขี่ผ่านร้านขายไก่ย่างควันหอมมากๆ ผมบอกกับพี่อีกท่านว่าน่ากินส้มตำจัง นี่ถ้ามาคนเดียวผมจอดกินแน่ๆ เติมพลังด้วย พักก้นไปด้วยในตัว เวลาตอนนี้ก็ราว 1115 ครับ แต่ก็เริ่มหิว เพราะกินมื้อเช้าเอาตอน 0730 เป็นข้าวราดแกงเขียวหวานเป็ด และไข่เค็ม แต่ไม่มีเนื้อเป็ดเลยแม้แต่ชิ้นเดียว มีแต่หนัง ผมเขี่ยออกได้มากองเบ้อเริ่ม ดีที่ผมขอผักเยอะๆ เลยได้มะเขือมากินแกล้มกับข้าวและไข่เค็ม ขี่มานาน เริ่มหิวอีกแล้ว ค้นหาในรถไม่เจอแหล่งพลังอะไรเลย ธรรมดาผมจะมีของกินพกติดรถไว้ แต่เคยเจอลูกอมละลายจนเหนียวเลอะเทอะกระเป๋าไปหมด เลยไม่เอาของกินติดรถไว้อีกแล้ว เซ็งเลย
   ขากลับผมขอแยกทางขี่เข้าไปในสวน ผมไม่ชอบขี่ถนนใหญ่ครับ เส้นทางในสวนจะเงียบสงบ แลกกับต้องผ่านทางที่มีหมานอนอยู่เป็นระยะ ผมกับหมาไม่เคยมีปัญหากันครับ แต่ก็เคยโดนไล่กวดบ้าง ก็ต้องเข้าใจธรรมชาติของเขาที่เป็นสัตว์นักล่า เขาชอบวิ่งไล่กวด ไล่ล่า และเป็นสัตว์ที่หวงเขตถิ่นดินแดนของตัวเอง ก็ที่เห็นหมาตัวผู้เขาฉี่ตามเสานั่นแหละครับ มันคือการประกาศเขตปกครองของเขาเอง
   วิธีอยู่ร่วมกันโดยสันติแบบง่ายๆ ก็คือลดความเร็วลง ยิ่งขี่ช้าเขาก็จะไม่ไล่กวด แต่ก็ยังมีบางตัวที่ดุก็ต้องถึงกับจอดรถกันเลยครับ ไม่ได้จอดเพื่อจะทำร้ายเขานะ เราจอดเพื่อหยุดนิ่ง ไม่ได้เป็นเป้าเคลื่อนไหว เขาก็มักจะไม่ไล่ต่อแล้ว
   ขี่กลับมาบ้านกะจะกินบะหมีร้านประจำ แต่ฝันสลาย ร้านเขาปิด เซ็ง กะจะไปกินที่บ้านมันซะเลย ขี่ไปสักพักเจอรถพ่อขับสวนมา เขาไม่เห็นผม เลยโทรเข้าไปหา พ่อบอกจะไปกินบะหมี่ ผมบอกร้านปิด พ่อเลยบอกงั้นจะไปกินส้มตำแทน โหห น่ากินว่ะ
   แต่ก็ไม่ได้ไปกับพ่อครับ เพราะร้านส้มต่ำต้องขี่ต่อไปอีก ผมหมดแรงแล้ว อยากจะพักแล้ว เลยปั่นตรงกลับบ้านเลย
   ถึงบ้านค้นหาของกินมีแต่กุยช่าย เลยมา Cool Down ร่างกายก่อน เมื่อเช้าก็ไม่ได้ Worm Up ทีหนึ่งแล้ว ไอ้การ Cool Down ก็สำคัญครับ ปรับสภาพร่างกายก่อนจะหยุดพัก ทำวิธีเดียวกับ Worm Up นั่นแหละ
   เมื่อร่างกายเข้าเข้าในโหมด Aerobic แล้ว แม้แต่การหยุดพัก Cool Down ร่างกายเราก็ยังคงเผาผลาญไขมันอยู่นะครับ จะเรียกว่านาทีทองก็ว่าได้ มันจะเผาไขมันต่อไปอีกสัก 10-15 นาที แต่ถ้าเราหยุดพักทันที การเผาผลาญไขมันก็จะหยุดอยู่แค่ตรงนั้น และถ้าพักเกิน 15 นาที การเต้นของหัวใจลดต่ำลงเข้าสู่ย่านปกติ การเริ่มขี่ใหม่อีกครั้ง ร่างกายเราก็จะเผาแต่คาร์โบไฮเดตรในช่วง 20-30 นาทีแรก และจะเข้าโหมด Aerobic เผื่อเขาไขมันหลังจากนั้น
   อยากขี่ดี อยากผอมหุ่นดี ก็ต้องรู้จัก Worm Up และ Cool Down ครับ ทำให้เป็นนิสัยไม่ว่าจะเล่นกีฬาอะไรก็ตาม
   อาบน้ำเสร็จลงมาทอดกุยช่ายกิน ทอดในกระทะเทฟลอน ใช้น้ำมันมะกอก กินไม่อร่อยเท่าทอดในน้ำมันพืชครับ แต่มันมีประโยชน์มากกว่า กินเสร็จอิ่ม แต่ยังหยิบเอาช็อคโกแลตดาร์คมาเคี้ยวอีก 1 ชิ้น ขนาดเท่าเวเฟอร์เซียงไฮ้
   หมดแรงครับ อยากนอนแต่ไม่หลับ เลยแค่พักสายตา พักร่างกาย
   ตกเย็นหิวอีกแล้ว จะขี่จักรยานไปซื้อของที่ตลาดก็ขี้เกียจ เอารถยนต์ไปแทน ซื้อเกี๊ยวน้ำให้ลูก ส่วนผมกินข้าวโพดต้ม และแอบซื้อเผือกเชื่อมมา 20 บาท ไอ้กินข้าวโพดเยอะๆ ก็อ้วนแล้ว นี่ยังมากินเผือกอีกชิ้นเบ้อเริ่ม
Title: Re: กรก 53
Post by: O'Pern on July 26, 2010, 08:49:26 pm
26 กรก 53
   ผลจากการกินเยอะหลังปั่นเมื่อวานทำให้น้ำหนักที่ลดลงไปบ้างแล้วมันเด้งขึ้นมาเท่าเดิม ไอ้เวร
   วันนี้หยุดครับ แต่ภรรยาและลูกจองคิวชวนไปตลาดน้ำบางน้ำผึ้งตอนเช้าไว้ล่วงหน้าแล้ว เลยไม่ได้เอาจักรยานออกขี่ แต่เอารถคัน KHS F20-W ไปคอนโดฯ ขี่ไปเพื่อทดลองแขวนกับกำแพงที่ผมออกแบบไว้ ปรากฏว่าแขวนแล้วไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ เพราะรถมันหนักกว่าคัน JZ88 เยอะมาก คันนั้นแค่ 9 กก แต่เจ้า F20-W น่าจะต้องมากกว่า 14 กก แน่ๆ หนักเพราะตัวมันเองแหละครับ เฟรมเป็นโครโมลี่ มีแร็คหน้าหลั้งที่ทำด้วยเหล็ก มีบังโคลนครบหน้าหลัง เบาะยังเป็นแบบหนานุ่ม ที่หนักสุดๆ คือขาตั้งกลางครับ เฉพาะชิ้นนี้ผมว่าเกือบจะครึ่งกิโลกรัม
   พอรู้ว่าเจ้ารถคันนี้ไม่เหมาะที่จะอยู่ในคอนโดฯ ในสมองผมแว๊บเรื่องรถ Fixed Gear เข้ามาอีกแล้ว เพราะรถแบบนี้มันเบาเหลือเกิน ไม่มีเกียร์ ไม่มีเบรก แลกกับขี่ยากหน่อย ตอนเบรกยิ่งยากกว่าเร่งเสียอีก และสาหัสสุดคือตอนลงเนินชันๆ ที่รถมันพุ่งเร็วมากๆ นั่นแหละ
   พากันไปตลาดน้ำตอนสายๆ แวะกินก๋วยเตี๋ยวร้านเดิมครับ ผมชอบบะหมี่หมูสับต้มยำ ซัดไปเสีย 2 ชาม ชามละ 12 บาท ภรรยาชอบวุ้นเส้นต้มยำ ลูกชอบบะหมี่เหมือนผม แต่ไม่ใส่พริก
   จากนั้นผมชวนไป Crystal Design Center เล็งมาหลายเดือน ไม่ได้ไปสักที วันนี้ได้ไปแล้วครับ เป็นศูนย์รวมของตกแต่งบ้านที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย โอ่โถง กว้างขวาง อลังการ ของก็แพงมาก
   โจทย์ของผมวันนี้คือต้องการดูโคมไฟแขวนเพดาน และโซฟาแสบๆ สักชุด ที่เหลือก็คือเดินเล่น เติมเต็มไอเดีย
   เดินอยู่สักพักจนเที่ยงก็ยังไม่เจอของถูกใจเป๊ะๆ ลูกเบื่อแล้ว ร้องอยากกลับบ้าน ภรรยาชวนไปหาของกิน เออ ดีเหมือนกัน มาลองร้านแปลกใหม่บ้าง เราเล่นแต่ข้างถนนมานาน วันนี้ขอแอบหรู
   ร้านหรูหราจริงๆ ครับ เปิดดูเมนูหน้าร้านแล้วแทบเข่าอ่อน ร้านอาหารไทยชื่อ มัลลิการ์ ขายผัดผักจานละ 250 บาท อย่างอื่นไม่ต้องพูดถึง เลยพากันชิ่งออกมากินข้างนอก เลือกร้านก๋วยเตี๋ยวไก่แม่ศรีเรือนแทน
   ก้าวแรกที่เข้าไปก็เจอพ่อ แม่ และครอบครัวของพี่สาวผมนั่งกินกันอย่างเอร็ดอร่อย ต่างฝ่ายต่างตกใจ อ้าว มากันได้ไง
   ร้านนี้อาหารหลากหลาย รสชาติดี ราคาเหมาะสม เป็นร้านที่ชาวบ้านอย่างเราพอกินได้ ขายก๋วยเตี๋ยวชามละ 30 บาท (ขนาดพอๆ กับตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง แต่ราคาแพงกว่า 2 เท่า) ผมหมดมุข เลยสั่งก๋วยเตี๋ยวไก่ต้มยำ น้ำและแห้งอย่างละชาม อ้าว เมื่อเช้าก็กินก๋วยเตียวนี่หว่า อืมม ก็มันอร่อยนี่
   เสร็จแล้วพากันไปบ้านพี่สาวผมแถวเลียบทางด่วนนี่แหละ นั่งเล่นกันอยู่นาน บ้านเขากว้างใหญ่ ขี่จักรยานเล่นในบ้านสบายมาก แถมหน้าบ้านยังมีเลนจักรยานยาวปรี๊ดไปจนถึงรามอินทราโน่นเลย แต่บ้านนี้ไม่มีใครขี่จักรยานสักคน ว้าาา
   0400 พ่อ แม่ ผมจะกลับบ้าน เลยให้ภรรยาและลูกติดรถกลับไปด้วย ส่วนผมก็ไปดูของแต่งบ้านที่ CDC ต่อ เมื่อเช้าเพิ่งดูได้แค่ 2 ตึกเอง เขามีทั้งหมด 6 ตึกมั้ง
   เดินคนเดียวก็สบายใจดีครับ ไปกับคนอื่นผมเกรงใจเขา เพราะผมจะดูของที่ชอบอย่างละเอียดมาก มันไม่ได้ดูแค่ตัวเองใช้ แต่ต้องดูเผื่อตอนจัดหาของให้บ้านลูกค้าด้วย หรือเผื่อมีเพื่อนฝูงสอบถามหารือ ผมจะได้ตอบและแนะนำได้
   ดูจนเมื่อยขา แต่ไม่กล้าหิว กินแต่น้ำเปล่าจนหมดขวด เริ่มออกจาก CDC ตอน 0700 มาถึงบ้านเอาเกือบจะ 0800 รถไม่ติดหรอก แต่ผมขับช้า ฝนตกด้วย และขับรถพ่อนี่เครื่องเสียงดีกว่ารถผมเยอะมาก เลยนั่งฟังเพลงและร้องคลอตาม รถผมเครื่องเสียงห่วยสุดๆ ครับ ขนาดรถกระบะที่ติดเครื่องเสียงแถมจากโรงงานยังเสียงดีกว่าของรถผมเลย
   ฝนตกตลอดทาง แต่ในหัวผมคิดถึงแต่เรื่องโคมไฟ เอ จะหาของจากไหนดีน้าา หรือว่าจะต้องทำเองอีกแล้ว ว่าแล้วก็เริ่มร่างแบบในสมอง บ๊ะ เข้าท่าว่ะ กลับบ้านจะลองสเกชออกมาดู
Title: Re: กรก 53
Post by: O'Pern on July 28, 2010, 02:14:16 pm
27 กรก 53
   คนอื่นหยุด แต่ร้านผมเปิด ธนาคารก็เปิดเช่นกัน ช่วงเช้ารถบนท้องถนนเริ่มหนาตา แต่ไม่เท่าวันพรุ่งนี้หรอก
   นั่งออกแบบโคมไฟ ยังไงก็ไม่เสร็จเสียที พบว่ามันทำดีไซน์ได้หลากหลายจริงๆ ทั้งรูปทรง วัสดุ ฯลฯ ผมเป็นคนชอบงานที่มีกลไก มีลูกเล่น เลยออกแบบให้สามารถพลิกหลอดเปลี่ยนทิศทางของแสงได้ ไม่รู้ว่าช่างจะทำได้ตามที่ผมออกแบบไว้หรือไม่
   ตอนบ่ายไปเดอะมอลล์ท่าพระ เอา CD ของโก๋ หลังวังไปเปลี่ยน ตอนแรกหวั่นใจเหมือนกัน กลัวเขาจะคิดว่าผมแอบขโมยเอา CD ออกแล้วมาหลอกเขา เลยเตรียมเอกสารและหลักฐานประกอบไปมากมาย เริ่มจากใบเสร็จ ผมยังมีหนังสือเพลงอีก 2 เล่มที่ซื้อพร้อมกันไปอีกด้วย ยังไม่พอ มีบัตรสมาชิก สแตมป์สะสม
   พนักงานเขาขอดูแค่ใบเสร็จเท่านั้นแหละครับ เขาก็หยิบเล่มใหม่มาเปิดออกให้ผมตรวจเช็คว่ามี CD ด้านในครบ 6 แผ่น เย้ๆ ได้ฟังเพลงเก่าๆ หายากแล้ว
   กลับมาถึงบ้านรีบเปิดฟังทันทีครับ เป็น CD แผ่นแรกที่ผมฟังแบบไล่เรียงทีละเพลงจนจบ ไม่ได้ฟังแค่ Intro ของแต่ละเพลงแล้วค่อยวกกลับมาฟังอีกรอบ แผ่นแรกนี้ชื่อ Song of civil war เป็นเพลงในสงครามของประเทศสหรัฐอเมริกาที่รบกันระหว่างฝ่ายเหนือและฝ่ายใต้ในยุคของประธานาธิบดีอับราฮัม ลินคอน เป็นเพลงที่ผมคุ้นหูตั้งแต่เด็กครับ แต่เพิ่งรู้ว่ามันเป็นเพลงจากยุคสงครามของสหรัฐอเมริกา ได้ยินบ่อยๆ ในการแสดงของวงโยธวาธิต อีกเพลงที่ชอบคือ Love me tender ตอนแรกคิดว่าเป็นของเอลวิส ที่ร้องในปี 1956 ในภาพยนต์เรื่องแรกของเขา แต่ที่ไหนได้ ต้นฉบับมันชื่อเพลง Aura Lee ขับร้องโดยทหารของฝ่ายใต้ แน่นอน ผมได้ฟังเสียงของทหารเดิมๆ แท้ๆ ในปี 1864 ครับ แถมด้วยเสียงของ Connie Francis ในเพลงเดียวกันอีกด้วย คนนี้หาฟังยากมากๆ อีกเช่นกัน เป็นนักร้องยอดเยี่ยมของโลกถึง 3 ปีซ้อน
   นี่ขนาดผมฟังแค่ 3 เพลง ยังเคลิ้มขนาดนี้ ใจคิดไปว่าอยากจะไปซื้อเก็บไว้เผื่อให้เป็นของขวัญผู้ใหญ่ หรือใครที่ผมเคารพรัก ยิ่งถ้าเป็นนักฟังเพลงจะยิ่งถูกใจมาก กล้าเอาหัวเป็นประกันครับ และคุณจะเป็นที่จดจำของเขาไปอีกนาน อ้อ CD 6 แผ่น พร้อมหนังสืออธิบายรายละเอียดของเพลงแต่ละเพลง
   เอ๊ะ นี่ผมชักจะทำตัวเป็นนักเขียนวิจารณ์เพลงกับเขาแล้วหรือนี่ ฮ่าๆ
   ฟังแผ่นแรกจบแบบประทับใจทุกเพลง ต่อด้วยแผ่น 2 เป็นเรื่องราวของไลฟ์สไตล์คนกรุงเทพฯ เมื่อ 60 ปีก่อน เรียนตรงๆ ว่ารู้สึกเฉยๆ ครับ ไม่ค่อยโดนใจเท่าไหร่ หรือช่วงชีวิตมันห่างเกินไปก็ไม่รู้ ถ้าย้อนไปสัก 30 ปี ผมอาจจะตามทันอยู่บ้าง
Title: Re: กรก 53
Post by: O'Pern on July 28, 2010, 09:10:29 pm
28 กรก 53
   ตื่นมา 0530 เอาจักรยานคัน KHS F20-W ออกขี่เล่นไปสัก 30 นาที ไม่ลืม Worm Up และ Cool Down แถมด้วย Stretch อีก 1 ชุดเล็กๆ
   เรื่อง Stretch นี้ก็สำคัญไม่แพ้ Worm Up และ Cool Down ครับ เห็นคนยังไม่ค่อยพูดถึงกันเท่าไหร่ แต่พวกนักกีฬาตัวจริงน่ะ เขาทำกันเป็นกิจวัตรเลยล่ะครับ
   เช้านี้กินอาหารอย่างดีเลยครับ เป็นไก่ผัดขิง ใส่ขิงเพียบบบ กินกับข้าวกล้อง แถมมีข้าวโพดต้มฝานอีก 1 ฝัก ลองเอาข้าวโพดมากินพร้อมกับกับข้าว เฮ้ย อร่อยดีว่ะ ชอบมาก
   เช้าแรกหลังวันหยุดยาวรถจะติดมาก บ้านผมอยู่แถวทางด่วนพระราม 2 เป็นด่านชานเมืองก่อนจะเข้าใจกลางกรุง รถติดทุกเช้าครับ สายๆ กินน้ำเต้าหู้น้ำตาลน้อยๆ อีก 1 ถุง กลางวันเป็นบะหมี่แห้งผักกวางตุ้งเพียบๆ แล้วก็กลับเข้าบ้านมานั่งทำงานของผมต่อ
   ดีไซน์ของให้คนอื่นมาเยอะ นี่เป็นครั้งแรกที่ผมออกแบบโคมไฟให้กับตัวเอง เป็นโคมไฟห้อยลงมาจากเพดาน อยู่เหนือโต๊ะทำงาน แต่ผมชอบของมีลูกเล่น เลยออกแบบให้สามารถพลิกหลอดไฟฉายแสงขึ้นด้านบนได้ด้วย เป็นหลอดนีออนแบบผอมๆ บางๆ วางคู่กัน เอ๊ะ หรือเอาแค่หลอดเดียวพอวะ จะได้ประหยัดไฟ เพราะเจ้าโคมดวงนี้คงเปิดบ่อยแถมเปิดนาน
   ทีแรกสเปคของให้วัสดุเป็นกระจกทึบแสง 50% สีมัสตาร์ด (เหลืออมส้ม) ตัดขอบกับกระจกสีดำ แต่คิดแล้วกลัวมันจะหนักเกินไปหรือเปล่าหว่า ไอ้รายละเอียดพวกนี้ผมไม่รู้เรื่องอะไรเลยแม้แต่น้อยครับ
   แต่ก็เตรียมแผนสองเอาไว้ เผื่อว่าจะทำด้วยกระจกไม่ได้ ก็ขอเป็นอคีลิคแทนละกันวะ ไปสั่งทำแถววงเวียน 22 ได้แน่ๆ ทำออกมาแล้วดูเหมือนๆ กัน แต่กระจกมันจะให้ความสดใสและสีสันที่จัดจ้านกว่า ทำความสะอาดก็ง่ายกว่า
   ออกแบบตัวโคมยังไม่พอ ต้องออกแบบสลิงห้อย และซ่อนสายไฟอีกด้วย
   เย็นไปรับลูก เขาวิ่งเล่นกับเพื่อนอย่างสนุกสนาน จนเพื่อนทะยอยกลับบ้านกันทีละคนสองคน จนผมและลูกกลับบ้านเป็นคนสุดท้ายของโรงเรียน (เกือบหนึ่งทุ่ม)
   ไม่ต้องตกใจ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เป็นแบบนี้ครับ เคยอยู่จนถึงทุ่มครึ่งด้วยซ้ำไป เพียงเพราะว่าลูกบอกจะอยู่เป็นเพื่อนน้องอนุบาลที่พ่อแม่เขายังไม่มารับ
Title: Re: กรก 53
Post by: O'Pern on July 29, 2010, 09:51:20 pm
29 กรก 53
   เอ๊ะ เห็นพยากรณ์อากาศบอกว่าฝนในไทยจะลดน้อยลง เพราะพายุในประเทศเพื่อนบ้านหมดไปแล้ว แต่ไฉนฝนตั้งเค้าแต่เช้า โชคดีลงไม่หนัก สงสารเด็กนักเรียนที่เขาไปโรงเรียนเองครับ
   ตอนบ่ายไปร้าน SB Furniture ไปสั่งผลิตโซฟา แต่เขาบอกใช้เวลาตั้ง 30 วันแน่ะ ก็ได้แต่รอไปครับ ช่วงนี้ก็ไปเติมเต็มในจุดอื่นแทน หลายอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทาง แต่มีอยู่อย่างหนึ่งที่ยังสรุปไม่ได้เสียที นั่นคือเรื่องจักรยานที่ผมจะเอามาไว้ในห้องนี้ครับ
   ที่ๆ ผมอยู่ทุกที่มักจะต้องมีจักรยานครับ ตอนสมัยเรียนมหาวิทยาลัย ผมขับรถเก๋ง 4 ประตูเก่าๆ ยกเอาเบาะหลังออกทั้งแผง เหลือแค่เบาะหน้า 2 ตัว คนอื่นคิดว่าผมแต่งเป็นรถซิ่ง เปล่าๆ ผมเอาไว้ใส่จักรยานเสือหมอบต่างหาก
   ช่วงชีวิตในมหาวิทยาลัยนี้น่าจะสนุกที่สุดในชีวิตแล้วครับ ได้อิสระเหมือนผู้ใหญ่ ใช้ชีวิตสนุกแบบไม่เคร่งเครียดเหมือนเด็ก จะกินเหล้าเป็น จะสูบบุหรี่โดยไม่มีครูว่า จะเทียวกลางคืนเก่ง ก็ช่วงชีวิตนี้แหละครับ
   ผมเป็นนักกิจกรรม เล่นละครเวทีให้กับมหาวิทยาลัยตลอด 4 ปี และอีกสารพัดกิจกรรม กลับบ้านดึกดื่นเสมอ ตกเย็นก็จะเอาจักรยานออกขี่เล่น ตระเวณหาซื้อของกิน เพราะร้านค้าในมหาวิทยาลัยปิดกันหมดแล้ว
   คุณสมบัติของจักรยานที่จะอยู่ในคอนโดฯ ของผมจะต้องเบาและสวยเป็นอันดับแรก เพราะจะได้แขวนอย่างสบายใจ ถ้าได้เล็กด้วยก็ดี แต่ส่วนมากรถที่เล็กนั้นจะต้องมีล้อเล็กตามไปด้วย รถล้อเล็กสวยๆ และขี่ดีนี่หายากมากนะครับ ผมอยากได้รถสวยๆ เพื่อประดับห้องด้วย งานนี้เลยมองไปที่รถ Fixed Gear อีกแล้ว บอกตามตรงว่าชอบเพราะสีสันและสไตล์ของมันครับ ทั้งๆ ที่ไม่เคยขี่รถ Fixed ยุคใหม่กับเขามาก่อนเลย
   เลือกโทนสีที่ชอบแล้วน่าจะออกมาเป็นรถสีขาวล้วนทั้งคันครับ คืออะไรชิ้นไหนที่มันขาวได้ก็ขอขาวไว้ก่อน จะมาลำบากใจก็ตรงหลักอานครับ เพราะหากเลื่อนขึ้นลงมันก็อาจมีรอยถลอกได้ อ้อ ขอเป็นรถ Fixed Trick ด้วยนะครับ จะได้กี่ Trick ค่อยมาว่ากันทีหลัง ขอหล่อไว้ก่อน
   ตกเย็นฝนตกอีกแล้วครับ แต่ไม่หนักมาก พอไหว พ่อค้าแม่ค้าแผงลอยยังพอจะขายของได้บ้าง เพราะนั่นคือปากท้องของเขา 
   เกือบลืม วันนี้เป็นวันภาษาไทยแห่งชาติครับ
Title: Re: กรก 53
Post by: O'Pern on July 31, 2010, 04:21:16 pm
30 กรก 53
   พ่อแม่ผมไปต่างจังหวัด เอาลูกผมไปเที่ยวด้วย สองวันต่อจากนี้ผมต้องอยู่เฝ้าร้านตลอดเวลา
   ใช้ชีวิตเรียบง่ายตั้งแต่เช้าจรดเย็น เลิกงานตอนค่ำไปพาภรรยาไปกินอาหารเย็นกันที่ร้านถูกและดี ของ Food Land กว่าจะถึงบ้านก็เล่นเอาดึกเหมือนกัน ไม่ค่อยคุ้นกับการขับรถตอนกลางคืนเหมือนเมื่อก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถที่ติดฟิล์มทึบ มองลำบากมากๆ
ผมคุ้นเคยแต่กับรถตัวเองที่ไม่ได้ติดฟิล์มน่ะครับ
Title: Re: กรก 53
Post by: O'Pern on August 01, 2010, 01:16:51 pm
31 กรก 53
   ผมอ่านข่าวประเทศรัสเซียที่เมืองหลวง Moscow อากาศร้อนสุดในรอบ 150 ปี คือ 38 C กว่าๆ โหหห นึกไม่ออกจริงๆ ครับ เพราะผมไปมาเมื่อไม่กี่เดือนก่อน ขนาดไม่ใช่หน้าหนาวของเขาตอนดึกๆ ยังมีติดลบเลยครับ กลางวันก็แล้วแต่สภาพแสงแดด โดยเฉลี่ยก็อยู่ที่เลยตัวเดียว ผมนั่งเล่นตอนดึกที่จตุรัสแดงอากาศเย็นเจี๊ยบ นั่งดื่มด่ำบรรยากาศครับ ไม่ได้เสียเงินสักบาท นั่งเอามือซุกในกระเป๋าเสื้อแจ๊คเก็ต หากหนาวมากเข้าก็เดินไปเดินมา เปลี่ยนมุมนั่งมันเสียบ้าง
   พวกหนังสือท่องเที่ยวหรือ Guide Book ต่างๆ มักจะไม่ค่อยแนะนำให้นักท่องเที่ยวออกมาเดินเล่นตอนกลางคืน กลัวโดนจี้ปล้น ก็ไม่ผิดอะไรหรอกครับ หนังสือเขาก็ต้องทำแบบปลอดภัยไว้ก่อน
   ส่วนผมเป็นคนที่อ่านหนังสือหรือเวปใดๆ แล้วไม่ค่อยเชื่อครับ ไม่ว่าจะเป็นหนังสือรถยนต์ หนังสือจักรยาน กระทั่งหนังสือเรียนผมก็ยังไม่ค่อยจะเชื่อเท่าไหร่ นับประสาอะไรกับหนังสือท่องเทียวแบบ Guide Book ก็เลยมักจะออกมาเปิดหูเปิดตาอยู่นอกอาคารที่พักเสมอ
   วันนี้ผมมีมีทติ้งช่วงเย็นครับ เป็นมีทติ้งที่แปลกมากสำหรับผม เพราะผมไม่รู้จักใครในงานสักคนมาก่อนเลย มีทติ้งของคนที่อยู่ในคอนโดฯ เดียวกันน่ะครับ มีหลายคนเขาเข้าพักอาศัยแล้ว เคยพบกันมาบ้างแล้ว คนสนิทกันก็มี แต่ผมยังไม่ได้เข้าพัก ก็เลยไม่รู้จักใครสักคน
   เลือกสถานที่ได้ดีครับ เป็นร้านอาหารริมน้ำแถวๆ คอนโดฯ นั่นแหละ จัดเลี้ยงแบบบุฟเฟ่อีกด้วย ผมชอบมากๆ เพราะสะดวก สบาย ทั้งคนจัด และคนร่วมงาน ถ้าได้อาหารที่แปลกใหม่ หากินยากในปัจจุบันจะยิ่งดีเข้าไปใหญ่
   เขานัดกัน 0500 แน่นอน ผมไปตรงเวลาเช่นเคย แล้วก็ไปคนแรกอีกแล้ว จะว่าคนแรกก็ไม่เชิง มีคนไปก่อนผม แต่เขาเป็นผู้จัดงาน ชื่อพี่แหม่ม คุยกันได้แป๊บเดียวก็คุ้นเคยครับ เพราะเราพิมพ์โต้ตอบกันในเวปไซต์อยู่แล้ว พี่แหม่มชมว่าผมหน้าตาดี ผมเลยชมว่าพี่แหม่มตาถึง ฮ่าๆ ไม่รู้ว่ามุขใครจะแรงกว่ากัน
   ไปคนแรกได้เปรียบครับ แถมยิ่งนั่งคุยกับผู้จัดอย่างพี่แหม่มยิ่งดีเข้าไปใหญ่ คนมาทีหลังก็จะยังไม่ค่อยคุ้นเคย ทำตัวไม่ถูก กลุ่มเพื่อนๆ ก็แสนจะหลากหลาย รุ่นใหญ่อายุ 74 ปีก็มี เด็กสุดก็น่าจะเป็นน้องชื่อฟ้า เรียนบัญชีจุฬาปี 4 ช่วงอายุห่างกันราว 50 ปี สุดยอดจริงๆ
   โต๊ะอาหารต่อยาว มุมผมจะเป็นพวกวัยทำงานหน่อย อีกฟากจะเป็นรุ่นใหญ่ ผมปล่อยมุขกระจาย ยิ่งไม่สนิทกันนี่แหละยิ่งดี ทำเขาหน้าเอ๋อเหรอตอนเจอมุขแรงๆ เช่น มุขยืมเงิน
   “ผสมอะไรดีครับพี่”
   “ไม่ครับ ผมไม่ดื่ม”
   “เอาหน่อยน่าพี่ นิดเดียวก็ได้”
   “ไม่ครับ ขอบคุณครับ”
   “แหม พี่ กันเองทั้งนั้น”
   “ผมเมาแล้วชอบยืมเงินครับ”
   “………”
   นั่งคุยกันในบรรยากาศริมน้ำอยู่จนถึง 1000 ถึงแยกย้ายกันกลับ ก็มักจะกลับไปนอนที่คอนโดฯเดียวกันนี่แหละ ฮ่าๆ บอกแล้วว่าเป็นมีทติ้งที่แปลกชมัด