Bike Forum > my bike diary / my life diary

กพ 56

<< < (6/6)

O'Pern:
26 กพ 56
   ตื่นมาเดินเร็วออกกำลังกายแต่เช้า เดินจนเหงื่อซึม ผมว่าร่างกายมันได้ออกแรงมากกว่าขี่จักรยานเบาๆ อีกนะ เดินไปด้วย สูดลมหายใจอัดให้เต็มปอด แกว่งแขน คือทำอะไรที่มันขยับร่างกายได้ ทำแม่งหมดเลย
   อาหารเช้าวันนี้เน้นสุขภาพอีกแล้ว เป็นเนื้อปลาเก๋าผัดฉ่า เลยได้กินมะเขือพวง มะเขือเปาะด้วย กินกับข้าวกล้อง ไข่ต้ม แต่ผมกินแค่ไข่ขาว วันนี้เหลือไข่แดงเอาไปให้เจ้าลูกปลากิน มันชอบมากๆ
   มาถึงที่ทำงานปุ๊บ ยังไม่ทันวางกระเป๋าเป้ ก็ต้องประเดิมด้วยการเข็นของไปส่งลูกค้าที่มาซื้อของหน้าร้าน สินค้าหนักครับ เข็นยาก ยกก็ยาก ต้องบิดเอว ยืนเส้นที่แขนสักแป๊บ แบบวอร์มๆ สักนิดก่อนออกแรง
   เปิดงานวันแรกของสัปดาห์ คนงานขาดเช่นเคย จะว่าชินก็น่าจะชินนะ มันเป็นเหมือนปัญหาที่แก้ไม่ตก โทรศัพท์ดังกรี๊งกร๊างแทบไม่ว่างเว้น ง่วนอยู่กับการรับออเดอร์ จดรายการสินค้าที่ลูกค้าสั่ง พอมีเวลาว่างสัก 1 นาทีก็รีบเดินไปจิบน้ำกิน คุยมากๆ เหนื่อยครับ เหนื่อยตัวไม่เท่าไหร่ แต่เหนื่อยใจที่เจอลูกค้าสารพัดแบบ ทนได้ก็ทนกันไป ทนไม่ได้ก็เลี่ยงๆ กันไป
   บ่ายเข้ามาบ้าน นั่งพิมพ์เล่าไดอารี่ชีวิต ไม่ได้เปิดคอมฯมา 3 วัน อยู่กับลูกผมจะใช้คอมฯ ใช้ไอแพดให้น้อยที่สุดครับ ไม่อยากให้เขามาทำตามเรา ผมใช้ของพวกนี้ให้เป็นเครื่องใช้ ไม่ได้ใช้เป็นของเล่น
   เย็นไปรับลูก นั่งรอมิวเล่นบาส เมื่อวานมิวได้รองเท้าใหม่ เป็นรองเท้าที่แพงสุดเท่าที่เคยซื้อมา คู่ละ 2100 บาท (ลดแล้ว) ผมไม่อยากให้เขาให้ของแพงๆ แบบนี้ เพราะยังรักษาของไม่เป็น แต่เขาเห็นเพื่อนๆ ใส่รองเท้าสวยๆ เล่นบาส เขาก็อยากได้บ้าง
   เข้าใจครับ ผมเองก็เคยเป็น ตอนเด็กๆ ทางบ้านผมฐานะก็กลางๆ เจอเพื่อนมีข้าวของดีๆ เราก็อยากได้บ้าง แต่ไม่กล้าไปขอหรอก เราก็เห็นอยู่ว่าฐานะพ่อแม่เราเป็นอย่างไร

O'Pern:
27 กพ 56
   เดินเร็วออกกำลังกาย สลับกับเดินถอยหลัง ช่วงนี้น้ำหนักตัวทรงๆ แต่ขนมสิเต็มบ้านเลย พ่อกับแม่ไปเชียงใหม่มา ขับรถคันใหม่ลุยกันไปสองคน ขากลับขนมเพียบ กินแบบทีละนิดละหน่อย แบ่งคนงานในบ้านกินด้วย จะได้ไม่อ้วนคนเดียว
   ช่วงนี้ผมเปิดเฟซบุ๊คบ่อย เพื่อนกลุ่มมหาวิทยาลัยที่เพิ่งนัดพบกันในรอบ 25 ปีเอาภาพมาลงกันใหญ่ แซวกันสนุกสนานมาก คุยกันเหมือนตอนเด็กๆ จนไม่ได้ถามเรื่องราวความเป็นมาตลอด 25 ปีว่าทำอะไรกันบ้าง
   บางคนเขาก็เจอกันเป็นประจำอยู่แล้ว แต่ก็มีอีกมากที่ไม่เคยเจอใครเลย หนึ่งในนั้นก็คือผมนี่แหละ พอไปถึงก็โดนสัมภาษณ์สลับกับถ่ายรูป กินยังกินแค่นิดเดียวเอง เผลอแป๊บเดียวสี่ทุ่ม ร้านปิดแล้ว เฮ้ย งง
   ผมเลยเสนอให้จัดกันใหม่ เอาแบบสถานที่ปิด จะเป็นบ้านใครก็ได้ จะได้อยู่กันถึงเช้าเลย ผมชอบสถานที่แบบนี้มากกว่านะ มันกันเองแบบสุดๆ ดี ใครสะดวกเวลาไหนก็มาได้ เลี้ยงกันแบบข้ามคืน ใครจะกลับหัวค่ำแล้วมาใหม่ตอนเช้าก็ยังไหว
   มิวยังคงเล่นบาสฯอย่างสม่ำเสมอ แต่ยังขาดความคล่องแคล่ว รับลูกแล้วขาจะแข็ง ไม่ยอมเคลื่อนไหว ผมทำหน้าที่เหมือนโคช คอยดูจุดอ่อนจุดแข็งของลูก แล้วบอกเขาภายหลังจากเกมเลิก

O'Pern:
28 กพ 56
   ช่วงนี้เดินออกกำลังกายอย่างเดียวล้วนๆ ไม่ได้ขี่จักรยานเลย แต่มันคุมน้ำหนักตัวได้ดีพอควร ช่วงนี้ค่อยๆ ลดลงวันละนิดละหน่อย พอมีกำลังใจบ้าง
   ช่วงนี้เข้าเฟซบุ๊ควันละสองรอบ เช็คข่าวสารในสังคมต่างๆ เช่นคู่กรณีควายเผือกชกหญิงตัวเท่าจั๊กกะแร้ก็เคลียร์กันแล้ว รับเงินกันหลังฉากเรียบร้อยค่อยเรียกสื่อมาถ่ายตอนจับมือขอโทษกัน กรณีหญิงโดนรุมกระทืบ 11 คนที่บ้านหม้อที่มีคลิปออกมา วันนี้ได้ดูอีกคลิปที่เจ้าตัวผู้หญิงไปกระทืบเอาคนท้องก่อน กลายเป็นว่ากรรมตามสนอง ดูอะไรพวกนี้ผมจะนำมาคิดต่อ จะไม่แสดงความคิดเห็นอะไรลงไป คือเราไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์นั้นๆ บางทีมันมีเรื่องราวก่อนหน้านั้นมาก่อนแล้ว
   อย่างเช่นเห็นหมาโดนรถชนตาย โห เห็นแค่นี้โคตรน่าสงสารเลย แต่ดูเหตุการณ์ก่อนหน้านั้น ไอ้หมาตัวนี้มันไล่กวดเด็กขี่จักรยานจนรถล้มหัวแตก ไล่กัดพนักงานไปรษณีย์ เจออะไรมีล้อแม่งไล่กวดไล่กัดหมด จนถึงวันหนึ่งมันมาไล่เอาสิบล้อเข้า
   ดูข่าวสารอะไร ก็เอาแค่ให้เรารับรู้เอาไว้ แค่พอให้ตามสังคมเขาทัน หรือจะไม่ติดตามก็ไม่เสียหายอะไร เราไม่จำเป็นต้องรู้ทุกเรื่องก็ได้
   ใช้เวลากับเฟซบุ๊คมากหน่อย พอมีเพื่อนมากหน่อย ชักประหลาดใจ เพราะข่าวสารต่างๆ ที่ผมเคยอ่านเมื่อ 10 -20 ปีก่อน มันย้อนกลับมาให้ผมมาอ่านอีกรอบ สมัยก่อนเราจะส่งทาง Fw Mail กันเยอะมาก ตอนนั้นยังไม่มีกฎหมาย พรบ คอมพิวเตอร์ มาควบคุม ใครจะส่งอะไรต่อก็ตามสบาย ยุคนั้นได้รับพวกภาพลับเฉพาะมากมาย มากันทุกวัน วันละเป็นสิบ
   ตอนนี้มันกลับมาอีกแล้ว กลายเป็นว่าไอ้เฟซบุ๊คนี่แหละ คือมาแทน Fw Mail แต่จะต่างกันหน่อยตรงที่ Fw Mail นี่เรารับแล้วอ่านอย่างเดียว จบ แต่กับเฟซบุ๊คนี่อ่านแล้วสามารถแสดงความเห็นได้ มันเลยมีการใส่อารมณ์กันเต็มที่ บ้างก็ส่งต่อกันไปอีกง่ายๆ ด้วยการกดแชร์แค่นี้เอง
   ตามความคิดผมแล้ว ผมว่าเฟซบุ๊คน่าจะมีไว้สื่อสารกันเฉพาะกลุ่ม แต่ถ้ากลุ่มมันใหญ่มาก ก็จะมีคนหลากหลาย อันนี้จะเริ่มมั่ว ทำใจไว้สักหน่อย
   ยูสาวเกาหลีมาเยี่ยมที่บ้าน รุ่นน้องคนนี้ไม่ได้เจอกันมาราว 10 ปี ดีใจจริงๆ

Navigation

[0] Message Index

[*] Previous page

Go to full version