ไม่รู้ว่าเป็นกระแสหรือไม่อย่างไร แต่เห็นตามเวปดังๆ เกี่ยวกับจักรยาน มักจะมีพ่อค้านำรถมาโพสขาย พร้อมประกาศว่านี้คือรถทัวริ่ง บางคันน่ะใช่ครับ แต่เป็นทัวริ่งสเปคต่ำมาก (เช่นมีจานหน้าใบเดียวแถมอัพไม่ได้) และมีอีกหลายคันที่ยังห่างไกลกับคำว่าทัวริ่ง (หากคนซื้อคิดจะนำมาทำเป็นรถเดินทางไกลอย่างจริงๆ จังๆ ) (คือไปเอารถพวก Hybrid ที่ใส่ล้อ 700 ติดตระแกรงหลังมาขาย แล้วบอกว่านี้คือทัวริ่ง)
ไม่อยากให้เพื่อนๆ หลงกระแส และก็ไม่อยากให้คนเล่นรถทัวริ่งจริงๆ ถูกหลอกครับ
วิธีดูรถทัวริ่งมีดังนี้
- ดูที่ Seat Stay ว่าองศาเอนมากไหม
รถทัวริ่งจะต้องมีท่อนั่งที่เอนไปด้านหลังมากกว่ารถปกติ และจากการที่ท่อนี้เอนไปด้านหลังมาก หากเป็นรถไซส์ใหญ่ๆ หน่อย จะถึงกับติดตั้งกระติกน้ำที่ด้านหลังของท่อนั่งนี้ได้อีก 1 ใบด้วย
- กระโหลกอยู่ต่ำไหม
รถทัวริ่งที่นักเดินทางเขาใช้จะต้องมีกระโหลกอยู่ต่ำ เพื่อให้มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ (CG ต่ำ) ทำให้ควบคุมรถง่าย ทรงตัวดีขึ้น รถทัวริ่งจะมีกระโหลกอยู่ต่ำกว่ารถ MTB อยู่ราว 1.5 - 2 นิ้ว
- รถใส่ล้อขนาด 700 และมีตระแกรงหลัง ไม่ได้เป็นรถทัวริ่งกันทุกคัน
อันนี้มีพบเห็นบ่อยมากๆ ส่วนใหญ่จะเป็นรถ Hybird ลักษณะเฟรมจะคล้าย MTB แต่อุปกรณ์อะไหล่จะไปทางพวกเสือหมอบ เช่นเบรกก้ามปูดึงข้าง ล้อ 700 แต่รถพวกนี้องศาท่อนั่งจะยังไม่เอนไปด้านหลังมากนัก และยังมีฐานล้อสั้นอยู่
จานหน้าใบเดียว (อัพได้หรือไม่ ตรวจดูที่ขนาดของท่อนั่งด้วย)
- หากจะไปทัวริ่งแค่ทางเรียบก็โอเคครับ แต่ถ้าจะให้เผื่อบรรทุกของหนัก และไต่ขึ้นเนินชันได้อย่างสบายขาด้วยล่ะก็ ขอเป็นแบบ 3 ใบ จะเหมาะสมกว่า
ตะเกียบหน้าไม่มีรูใส่แร็ค
- มักจะมีรูอยู่ด้านหลังตะเกียบ แต่รูนั้นเอาไว้เพื่อใส่บังโคลนต่างหาก รูใส่แร็คจะต้องอยู่ด้านหน้าของตะเกียบครับ
ย้ำว่า นี้คือวิธีดูรถที่ใช้งานทัวริ่งอย่างจริงจังนะครับ หากรักการเดินทางด้วยจักรยานแล้ว รถอะไรก็สามารถนำมาทัวริ่งได้ครับ ไม่จำเป็นที่จะต้องไปหารถทัวริ่งแท้ๆ แพงๆ มาใช้งานเลยแม้แต่น้อย
- รถที่บอกว่าตัวเองคือทัวริ่งแท้ๆ บางคัน ไม่เหมาะกับสภาพเส้นทาง Off Road
- รถที่บอกว่าตัวเองคือทัวริ่งแท้ๆ บางคันไม่เหมาะกับคนที่สูงไม่ถึง 170 (โดยประมาณ)
คำว่า ทัวริ่ง เป็นคำกริยาครับ คือการกระทำ ฉะนั้น หากคุณกำลังเดินทาง นั้นแหละ คือคุณกำลังทัวริ่งกับเขาเข้าแล้ว
