รวมเรื่องภัยของคนใช้รถครับ

[O'Pern]

เตือนภัย!...กลับรถใต้สะพานต้องระวัง...เรื่องจริง

สิ่งที่จะเล่าให้ฟังต่อจากนี้  เป็นเรื่องที่น่าระทึก  ที่เกิดขึ้นกับตัวเองครับ   เชิญติดตามได้เลยครับ

เมื่อคืนวันพุธ  หลังจากได้นัดหมายแผนการทำงานกับทีมงาน และ แยกย้ายกันกลับบ้าน   ตัวผมแวะเลยไปส่งแฟนกลับบ้าน แล้วออกจากบ้านแฟนมาเวลาประมาณ 4 ทุ่ม
ขณะกลับรถใต้สะพานลอย  แถวพัฒนาการ-เทิดไท  มุงสู่ถนนเพชรเกษม-ราชพฤกษ์เพื่อกลับบ้าน
บางใหญ่   กลับรถ ตั้งลำสู่ทางตรง ยังไม่ทันเร่งความเร็วเลย  มีรถมอเตอร์ไซค์ ชะลอมาปาดหน้า   
จอดรถขวาง  ชายคนหลังไม่สวมหมวกกันน๊อค เห็นหน้าได้ชัดเจน  เดินส่ายตรงมาที่รถผม   

“ ซวยแล้วกรู “  ความนึกคิดแบบนี้ ออกมาทันที  แล้วยื่นมือไป กด ล๊อคประตูทันที   
เหลือบสายตาไปที่กระจกมองหลัง    มีรถยนต์จอดต่อท้ายอย่างใกล้ชิด   ข่างประหลาดใจยิ่งนัก

“ มรึงแน่นักเหรอ  ขับรถปาดหน้ากรู  มรึงลงมาเลย “ ว่าแล้วก็กระชากประตู   

เหอะๆๆๆ  มุกหมาๆ  ดีนะที่รู้ทันล๊อคประตูไว้ก่อน    ผม แง้มกระจกลงนิดหน่อย  แล้วถามว่า
“ ผมปาดคุณที่ไหนเหรอ  ถนนมีช่องเดียวมาตลอดทาง “
“ มรึงไม่ต้องพูดมาก  ลงมาพูดกับกรูให้รู้เรื่อง  นักเลงมากนะมรึงเนีย “  สุภาพชนตะโกนมา
พร้อมกระชากประตูรถอีกที แล้วถอยหลังไปหน่อย  ถลกชายเสื้อ เพื่อจะคว้าปืนที่เอว

“ มรึงท่าจะบ้านะ “  คือคำตอบสุดท้ายที่ผมสนทนาด้วย    แล้วปิดกระจก
เหยียบเบรก เหยียบคันเร่งเต็มที่   มอเตอร์ไซค์ที่ขวางหน้า เหมือนรู้ตัว คนขับเริ่มขยับรถออกด้านซ้าย   
แล้วผมก็เคลื่อนออกมาอย่างช้าๆ  เมิ่อขับผ่านมอเตอร์ไซค์ ก็เหลือบมองกระจกมองหลัง   แล้วก็ขับ
รถกลับถึงบ้านอย่างปลอดภัย

ภาพที่ผมเห็นในกระจกมองหลังคือ แทนที่สุภาพชน จะวิ่งตามมาขึ้นรถมอเตอร์ไซค์ ตามหาเรื่อง
ผมต่อ  กลับยืนคุยกับรถคันหลัง

ผมสรุปได้เลยว่า  มันวางแผนมาปล้นครับ
1.   ด้วยที่ผมกำลังครุ่นคิดอยู่กับแผนงาน  ผมรู้ตัวดีว่า ผมขับรถช้ากว่าปกติ  ไม่มีทางปาดหน้าใคร
แน่นอน ให้แซงตลอด อีกทั้งเป็นถนนเลนดียว เพื่อมุ่งสู่ที่กลับรถใต้สะพาน  ( เขาอาจจะคิดว่า คนขับ
เป็นผู้หญิง  เหยื่อที่หมายตาเนื่องจากมองจากระยะไกล เพราะผมขับช้าตราเต่าจริงๆ )
2.   เมื่อเพิ่งกลับรถ รถย่อมยังไม่มีความเร็ว เหมาะกับการปาดหน้าแล้วจอดขวาง  เพราะรถจะเบรกทัน   
เขายังมีความปลอดภัย ลงมาเดินส่ายได้ต่อ
3.   รถที่ตามประกบหลัง มีประโยชน์มาก  คือ
3.1         หลอกลวงให้หลงผิด นึกว่ามีคนช่วย มีคนรู้เห็น
3.2         หากเขาสามารถเปิดประตูรถผมได้  คนในรถคันหลัง คงจะย้ายมารถผมแน่นอน
3.3          เขาจอดปิดท้ายผม  ผมไม่มีสิทธิ์ที่จะถอยหลังหนี หรือ เพิ่มระยะทางเร่งความเร็วพุ่งชนได้เลย
4.   บ้านเมืองนี้  คนพกปืนขี่รถจักรยานยนต์กันเกลื่อนเมืองขนาดนั้นกันเลยหรือ  มีปัญหา
( ที่สร้างขึ้นมาเอง ) นิดหน่อย ปืนพร้อมใช้งานทันที
5.   ผมคงไม่ใช่เป้าหมายโดยตรง  ทำงานอาจจะยากขึ้นหน่อย ไม่เสี่ยง เลยปล่อยผมออกมาอย่างลอยนวล

ที่บรรยายมานี้ เป็นเรื่องจริงที่เกิดกับตัวผม โดยที่ไม่คาดว่าจะเกิดขึ้นบนท้องถนนในตัวเมือง กทม.   
หากผมล๊อครถไม่ทัน อะไรจะเกิดขึ้น   
หากผมไม่กดคันเร่งจนมิด  เขาจะหลบมั๊ย   

หากผมขาดสติ  ตกใจเกินเหตุ  ผมคงไม่มีโอกาสมาเขียน mail ไม่มีโอกาสมาดำเนินการตามแผน
ที่ได้วางไว้กับทีมงานในวันนี้ ก็เป็นได้   

ขอบคุณทุกท่าน ที่ได้อ่านจนถึงบรรทัดนี้   ที่เล่ามาทั้งหมด เผื่อจะเป็นประโยชน์ในยามคับขันที่อาจ
จะเกิดขึ้นกับได้ ขอให้สิ่งศักด์สิทธิ์  ที่ทุกท่านนับถือ  จงบันดาลให้เรื่องแบบนี้ อย่าเกิดขึ้นกับคนที่
เรารัก คนที่เรารู้จักเลยครับ

ด้วยรักทุกท่าน
วิสุทธิ์  สิปิยารักษ์





Source - Fw mail

[ชัย08]

เป็นถนนวุฒากาศเหรอครับพี่เปิ้ล ที่ตรงกลับรถอ่ะครับเป็นแถวๆบ้าน ผมเลยครับ

[O'Pern]

เป็นถนนวุฒากาศเหรอครับพี่เปิ้ล ที่ตรงกลับรถอ่ะครับเป็นแถวๆบ้าน ผมเลยครับ

ภัยใก้ลตัว อ่านไว้เพื่อรับรู้ ถ้ามันเกิดแถววุฒากาศได้ ก็เกิดที่อื่นได้ไม่ยากครับ

[Mokan]

ฆมู่นี้การมีเรื่องกันบนท้องถนนเริ่มรุนแรงขึ้นทุกทีเท่าที่สังเกตจากทั้งในข่าวทีวี วิทยุ หนังสือพิมพ์ หรือแม้แต่เจอกับตัวเอง เปลี่ยนเลนเบียดกัน ต้องมีเอาคือ ปาดหน้ากัน ถึงขั้นลงมาชกต่อย เสียบกันด้วยมีด ซัดกันด้วยปืน มันอะไรกันนักกันหนา??

จะว่าเครียดเนื่องจากรถติด ก้อไม่น่าจะใช่ เพราะรถในกรุงเทพฯมันติดกันแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ติดกว่านี้ก้อยังเคย ซึ่งก้อไม่น่าจะเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดความเครียดหรือทำให้เครียดมากขึ้น แล้วทำไมคนเราถึงได้ลุแก่โทสะ หรือ บันดาลโทสะ จนไม่สามารถควบคุมอารมณ์เอาไว้ได้ ถึงได้ปลดปล่อยความเดรัจฉานภายไนออกมาในรูปต่างๆ ตั้งแต่การสบถถ้อยคำไม่สุภาพออกมาในรถ (อันนี้ทำค่อนข้างบ่อย) เปิดกระจกให้ของลับ (นิ้วกลาง ตามภาษาเด็กนอก) หรือเปิดกระจกลงด่า ปล่อยสัตว์เลื้อยคลาน เพ่นพ่าน เรียกถามหาบุพการี และอื่นๆเท่าที่จะสรรหามาด่า

กล้าอีกนิดจะเปิดประตูลงมายืนหลังประตู หรือข้างๆรถทำท่าขึงขัง (คงเคยเล่นโขนมา) ดูทีท่าว่าอีกฝ่ายจะลงมาหรือไม่ ถ้าไม่จะมีการส่งเสียงท้าทาย ด่าทอ เรียกร้องให้อีกฝ่ายลงมาเจอกัน แต่ตัวเองนั้นยังคงยืนอยู่ใกล้รถ เผื่อว่าอีกฝ่ายจะลงมาจากรถของเขา ตัวเองจะได้กระโดดกลับเข้าไปในรถได้ทัน

กล้าอีกหน่อยจะลงจากรถตัวเองวิ่งปราดเข้าไปหารถของอีกฝ่าย พยายามเปิดประตูทั้งๆที่รู้อยู่ว่าเขาล็อคไว้ พอเปิดไม่ออกก้อยังจะพยายามเปิดอีกครั้ง เพื่อที่จะได้ถอยออกมาทำหน้าเจื่อนๆ (มันล็อคว่ะ) เมื่อรู้ตัวว่าหน้าแตกซ้ำซ้อนก้อจะเริ่มด่าทอโขมงโฉงเฉง ท้าทายให้อีกฝ่ายลงมา ซึ่งถ้าอีกฝ่ายเขาฉลาดกว่าเขาก้อจะไม่ลงมา ปล่อยมันด่าไป ยิ่งถ้าด่าๆอยู่แล้วไฟเขียวขึ้นมา อีกฝ่ายเขาก้อออกรถไปปล่อยให้มันยืนหน้าแตกกร่อยๆตรงแยกนั่นแหละ แต่ถ้าซวยอีกฝ่ายเขามีปืน เขาเปิดประตูออกมาแล้วยิง ก้อจบ ปิดคดี ฉลาดไม๊ละเมิงงงง

กล้าและไม่ฉลาดทั้งสองฝ่ายจะลงมาจากรถทั้งคู่ ด่าทอกันเหมือนเด็กประถมสี่ หรือต่อยตีกันเหมือนเด็กประถมหก จนถึงขั้นจับศาสตราวุธยุทโธประกรมาห้ำหั่นประหัตถ์ประหารกัน จนกว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง หรือทั้งสองฝ่ายจะวายปราณ หาชีวิตไม่ เชิดแล้วโอด...

แล้วมันได้อะไรขึ้นมา ความสะใจหรือ ทำแล้วเป็นแมนขึ้นหรืออย่างไร หรือต้องโชว์ว่ากูนั้นแน่ มีความเป็นชายชาตรีอยู่เต็มเปี่ยม (แต่ไร้สมอง)  ทำแล้วมันทำให้รถติดน้อยลงหรือถึงที่หมายเร็วขึ้นไม๊ ก้อไม่ แถมมันจะติดกันมากขึ้นและเสียเวลามากกว่าเดิม และยังทำให้คนอื่นๆเขาเสียเวลาไปด้วย นอกจากเขาจะไม่สรรเสิญแล้ว เขายังจะด่าแม่เอาเสียอีก

เก็บความเป็นแมนเอาไว้ใช้เมื่อจำเป็นเถอะครับ ชีวิตนี้มันสั้นและหนักหนาสาหัสอยู่ประจำอยู่แล้ว อย่าหาเรื่องมาใส่หัวเพิ่มกันนักเลย
 :JFBQ00214070517A:

[O'Pern]

พ่อโทรมาเล่าเหตุการให้ฟังสดๆร้อนๆว่าสงสัยเจอมิจฉาชีพเข้าแล้ว

พ่อแม่ผมเดินทางจากนครสวรรค์ เพื่อไปหาน้องสาวที่ จ.ตราด พอถึงจุดพักรถ ก็จอดเพื่อทานข้าว
พอทานข้าวเสร็จพ่อผมก็เปิดฝากระโปรงรถ เพื่อเช็ครถ เช็คน้ำ นมค.  ส่วนแม่ผมก็ยืนทานลูกชิ้นอยู่ข้างๆรถ

พ่อผมเดินไปทานลูกชิ้นกับแม่ข้างๆรถแป๊ปเดียว แต่เปิดฝากระโปรงทิ้งไว้ก่อน เพื่อระบายความร้อน แล้วก็เดินมาปิดฝา
ช่วงเวลาที่เดินไปหาแม่ที่ข้างรถ แล้วเดินมาปิดฝากระโปรงเพื่อเดินทางต่อนั้น ใช้เวลาไม่ถึง5นาที และก็อยู่ข้างๆรถนั่นเหละ

พอออกจากด่านมาได้ไม่นาน รถความร้านขึ้น พ่อเห็นความร้อนขึ้นผิดปกติ ก็จอข้างทางเพื่อเช็คว่าผิดปกติอะไร
พอเปิดฝากระโปรงเช็คนู่นนี่ ก็ไปเห็นคราบน้ำแถวหมอน้ำ แล้วก็สังเกตุเห็นว่าฝาหม้อน้ำถูกบิดไว้ไม่ได้ปิดสนิท เป็นสาเหตุให้น้ำเดือดทะลักออก และความร้อนขึ้น

พ่อก็เลยดับเครื่อง รอเครื่องเย็นเพื่อจะเติมน้ำ สักครู่เดียว มีรถลากมาจอดแล้วถามว่า ลุงๆ รถเป็นไร ลากไม๊ ขับต่อได้เปล่าเนี่ย จะไปไหน
พ่อก็เลยบอกว่า ไม่เป็นไร ไปต่อได้ ไปแค่ชลบุรีแค่นี้เหละ คือตอนนั้นพ่อสงสัยแล้วว่าโดนวางยาแล้ว เพราะเริ่มนั่งคิดว่ามีอะไรผิดปกติบ้างตอนจอดรถ

พ่อเห็นชายคนนึง เดินไปเดินมา วนอยู่แถวๆรถ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรเพราะ วันนี้คนเดินทางเยอะ ส่วนที่พ่อจะลืมเปิดฝาเองหรือเปล่านั้น
เป็นไปไม่ได้เลยครับ พ่อผมไม่เคยเปิดฝาหม้อน้ำขณะเดินทาง และเป็นคำสอนที่พ่อกำชับผมเรื่องนี้เป็นประจำ จึงไม่ใช่พ่อลืมเปิดทิ้งไว้เองแนานอน

จึงอยากเตือนเพื่อนๆ และฝากต่อๆกันไปถึงหน่วยงานที่ดูแลเรื่องนี้ด้วยครับ นี่ถ้าเป็นตอนกลางคืน และถ้าพ่อผมไม่มีความรู้เรื่องรถ
ป่านนี้พ่อผมอาจจะเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพไปเรียบร้อยแล้ว


source pantip.com