จักรยานพับที่เริ่มจะเป็นที่นิยมมากขึ้นในปัจจุบันมีอยู่ด้วยกันหลากหลาย หากคุณเลือกให้ถูกตามวัตถุประสงค์ของตนเอง ย่อมเกิดประโยชน์สูงสุด
ถามตัวเองให้ชัดเจนเสียก่อนครับว่า เอาจักรยานนี้มาทำอะไร ปั่นไกลขนาดไหน สภาพเส้นทางเป็นอย่างไร ชอบเดินทางขึ้นรถไฟฟ้า ลงเรือข้ามฟาก ด้วยหรือไม่ ฯลฯ
- จุดนี้สำคัญอย่างมากครับ เพราะจักรยานบางรุ่นดีสำหรับปั่น แต่ไม่ดีขณะขนย้าย หากคุณต้องขึ้นรถไฟฟ้าบ่อย แล้วปั่นต่ออีกนิดเดียวก็ถึงจุดหมาย แบบนี้ควรเลือกรถที่พับไว พับสะดวก นั่นคือคุณใช้เวลาอยู่กับมันขณะที่ไม่ได้ปั่นเยอะกว่าตอนปั่น
กำหนดการใช้งานแล้ว ก็มาดูว่ารถแบบใดที่ตรงกับสเปคของเรามากที่สุด คำว่า "สเปคของเรา" นั้น คือเราควรตัดสินใจเอง ไม่จำเป็นต้องให้คนอื่นมาตัดสิน เพราะเขาอาจเลือกรถที่ดีมาให้ก็จริง แต่หารู้ไม่ว่า เรานั้นเอาไว้ใช้กับรถไฟฟ้าเป็นหลัก แบบนี้ต่อให้รถปั่นดีขนาดไหนก็สู้รถเบา รถเล็ก ไม่ได้เป็นแน่
รถ Dahon และตระกูลของ Dahon
รถพับกว่าครึ่งในท้องตลาดเป็นของ Dahon และใช้เทคโนโลยีของ Dahon รถหลายยี่ห้อจ้างให้ Dahon เป็นผู้ผลิตให้ตามสเปคที่เขาออกแบบครับ ไม่ว่าจะเป็น Chevrolet / Trek / Yeah อะไรราวๆ นั้น และมีอีกมากที่ซื้อเทคโนโลยี่เฉพาะบางจุด เช่น ชุดกลไกการพับ
ดังนั้น จึงมีรถตระกูลของ Dahon อยู่เยอะแยะเต็มไปหมด ส่วนใหญ่จะใช้อะไหล่ผสมกันได้ รุ่นที่นิยมอย่างมากคือชนิดที่เป็นล้อ 20 นิ้ว รถล้อเล็กกว่าเช่น 16 นั้นออกแบบมาสำหรับคนที่ปั่นไม่บ่อย ปั่นไม่นาน ไม่ได้ออกแบบสำหรับเด็ก เพราะช่วงระยะของรถมันเล็กกว่าขนาด 20 นิ้วไม่เท่าไหร่เอง จุดเด่นของพวกล้อ 16 ก็คือ เบา เล็ก ในขณะที่ยังคงใช้ปั่นได้ดีไม่แพ้รถล้อ 20 ในระยะทางที่ไม่ไกลจนเกินไปนัก
- รถล้อ 16 จะวางในท้ายรถได้ดีกว่าแบบล้อ 20 นิ้ว น้ำหนักเบากว่ากันประมาณ 2 กก (เทียบแบบรุ่นต่อรุ่น) ถ้าชอบพกไว้ท้ายรถ ถ้าปั่นไม่โหดนัก เลือกล้อ 16 ได้
- รถล้อ 18 จึงเป็นทางออกตรงกลางระหว่างล้อ 20 กับล้อ 16 เสียอย่างเดียวตรงที่หายางนอกยางในได้ยาก แต่ปัจจุบันเริ่มพอเห็นบ้างแล้ว
Strida
เด่นที่พับเร็วมากกกก (ไม่เกิน 5 วิ) พับเล็ก พับเพรียว ขนย้ายขณะไม่ได้ปั่นได้ดีเยี่ยม
- เสียตรงไม่มีเกียร์ จึงปั่นได้ราว 20 กม/ชม ขึ้นเนินชันๆ ไม่ไหว ปั่นไปก็ทรมานรถ จึงแนะนำให้เข็นดีกว่า โดยมากจะต้องกวดขันนอทต่างๆ ทุกๆ 300 กม มิฉะนั้นจะเกิดการให้ตัวที่มากเกินไปบริเวณชุดจานหน้า บ้างก็มีเสียงอ๊อดแอ๊ด
- จุดยึดล้อหน้าและหลังแบบตะเกียบเดียว ทำให้เปลี่ยนยาง ปะยาง ทำได้สะดวกมาก ไม่ต้องถอดล้อเลย
รถเล็กจิ๋วก็เห็นมีคนนำมาขายบ้าง เริ่มจาก Handy Bike และ A Bike
- เด่นที่เล็ก เบา จะเรียกว่ารถจักรยานมือถือก็ไม่ผิด เพราะมันสามารถใส่ถุงสะพายหลังได้เลยแหละ ไม่มีเกียร์ ทำความเร็วได้ไม่มากนัก
- ขนาดมันเล็กมากจนผิดปกติ จึงไม่เหมาะกับท้องถนน เจอหลุม เจอฝาท่อแบบไม่เรียบจะทำให้รถเสียหลักได้ง่าย เหมาะกับขี่ทางเรียบมากๆ ไม่ก็บนทางเท้า
- ตัวเล็ก แต่กลไกเยอะ เลยพับช้ากว่ารถของ Strida เสียอีก
ตัวอย่างการเลือกใช้รถ
บ้านอยู่พรานนก ทำงานอ่อนนุช
ปั่นจากบ้านไปท่าเรือศิริราช 2 กม ลงเรือด่วน และไปขึ้นเรือที่ท่าสาทร เดินขึ้นบันไดต่อรถ BTS ลงรถไฟฟ้าแล้วปั่นต่ออีก 2 กม ไปที่ทำงาน
- กรณีนี้แนะนำรถ Strida ครับ เพราะคุณปั่นน้อย แต่ต้องคอยดูแลรถขณะเดินทางกว่า 45 นาที
- ถ้าคุณเลือก Dahon ก็จะได้รถที่ปั่นสนุกๆ 4 กม ต่อวัน และขนย้ายยาก เข็นยาก ยกลำบาก ถ้ารถไม่มีที่บังโซ่ก็ต้องเสี่ยงกับการเลอะน้ำมันอีกด้วย (รถของ Strida ใช้สายพานเคฟล่า)
บ้านอยู่ฝั่งธนฯ ทำงานทองหล่อ เอกมัย
ปั่นยาวกว่า 5 กม ไปท่าเรือข้ามฟากเพื่อขึ้น BTS ลงทองหล่อแล้วปั่นเข้าซอยหรือต่อไปเอกมัยอีก 5 กม
- แบบนี้เลือกได้ทั้ง Dahon และ Strida ครับ อยู่ที่ว่าชอบรถแบบใด รถของ Strida ก็สามารถปั่นยาวๆ ได้นะครับ เพียงแค่มันทำความเร็วไม่ได้มากเท่า Dahon เท่านั้นเอง
หรือจะเลือกรถด้วยการกำหนดไลฟ์สไตล์ก็ย่อมได้ครับ
- ชอบพกจักรยานไว้ท้ายรถ ว่างไม่เป็นเวลา ฉุกเฉินก็สามารถจอดรถยนต์ไว้แล้วปั่นจักรยานไปทำธุระต่อได้
- ชอบแวะสวนสาธารณะตอนเย็น ก็เลือกรถที่พับแล้วเกะกะรถเราน้อยที่สุดจะเป็นการดี
ปัจจุบันมีรถมือสองมาจากญี่ปุ่นให้เลือกเยอะ รถพวกนี้โดยมากได้มาจากการประมูล ทางการญี่ปุ่นเขาเก็บรวบรวมจากพวกที่ชอบจอดทิ้งไว้ตามสถานีรถไฟฟ้า คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่ใช้รถจักรยานเปลืองนะ คือเขาขี้เกียจหิ้ว ซื้อมันสองคันเลย ปั่นจากบ้านไปจอดสถานนี ขึ้นรถไฟฟ้าไปลงปลายทาง แล้วก็ปั่นอีกคันที่จอดทิ้งไว้ไปทำงาน ขากลับก็ทำแบบเดียวกัน วันเดียวใช้รถสองคัน
- รถจะเข้ามาในไทยเป็นคอนเทนเนอร์ จักรยานจะวางนอนซ้อนๆ กันมา ตักเข้าตู้ด้วยรถโฟล์คลิฟท์ คันไหนโดนมันเสียบไม่ดีก็มีตำหนิเยอะหน่อย รถพวกนี้โดยมากจะมีรอยด้านข้างจากการกดทับ เสียดสี ฯลฯ
- จักรยานจากญี่ปุ่นจะมีหลากหลาย ทั้งแบบ Full Size และ Folding Bike ทั้ง เมาเทนไบค์ และเสือหมอบ ไปจนถึงจักรยานแม่บ้าน หรือกระทั่งแบบสามล้อก็มี
- เมื่อก่อนราคาไม่เท่าไหร่ รถพับก็แค่สองพันกว่า แต่ตอนนี้กลายเป็น 4000 - 5000 สำหรับรถที่พอดูได้ ถ้าสวยๆ ก็ขึ้นไปถึง 6000 กว่า ต้นทุนต่ำกว่านั้นเยอะมากเลยครับ แต่ถ้าชอบก็โอเค ซื้อได้ เพราะมันแพงตามกระแส ถ้ารอให้ราคาร่วงก็คงไม่ต้องปั่นกันเลย
- รถพับยอดฮิตฮอทก็คือ Chevy เห็นบ่อยคือสีขาว เมื่อก่อน 4000 ก็ยังว่าแพง แต่ตอนนี้เคยเห็นที่ 7000 กว่า !!! มันปั่นดีก็จริง แต่สิ่งสำคัญของรถพับก็คือกลไกการพับ รถเก่าตกยุคแม้จะใช้เทคโนโลยีของ Dahon ผู้เป็นปรมจารย์ก็จริง แต่ก็เป็นชุดกลไกที่ตกยุคแล้ว Dahon เขาโละทิ้งแล้ว เขาเอาเทคโนโลยีที่เขาถือลิขสิทธิ์อยู่ (แต่ตัวเองไม่อยากใช้แล้ว เพราะมีของดีกว่าแล้ว) ขายให้กับค่ายรถอื่น สังเกตุดูจะเห็นว่ากลไกการพับนั้นต่างจากรถของ Dahon ในยุคปัจจุบันอย่างมาก ทั้งความทนทาน ความคล่อง ลื่น ฯลฯ
- ในเมื่อมันฮิตนัก ก็ต้องมีคนหัวใส เอาของจากจีนมาขาย เป็นรถ Dahon เหมือนกัน ของแท้ด้วย แต่เป็นของบริษัท American Dahon อยู่ที่เมืองเสิ่นเจ้น เห็นชื่อเมืองก็แทบส่ายหัวแล้ว เพราะเมืองนี้เน้นแต่ของถูกเป็นหลัก Dahon จากที่นี่ก็ถูกจริงครับ เพราะลดเกรดของอุปกรณ์ลงไปเยอะเลย มองผ่านๆ แล้วก็พอดูได้ แต่พอสำผัสแล้วจะรู้ ดูจากชุดถ้วยคอเป็นหลัก รถจากจีนที่ราคาถูกมักจะใช้ถ้วยคอแบบโบราณ ล้อ จาน อลูมิเนียมก็จริง แต่เป็นของเกรดต่ำกว่ารถ Dahon ที่ขาย International
- รถพับ Dahon จากจีนแต่เป็นของดีก็มีนะครับ เดี๋ยวจะหาว่าผมอคติ เพียงแต่ว่ามันไม่ถูกมากนัก วิธีเลือกซื้อรถดีๆ ก็ดูที่ชุดคอเป็นหลักครับ ถ้าชอบจักรยานจริง และจะใช้ยาวก็ให้เลือกเฟรามที่มีชุดคอแบบรุ่นใหม่ที่มันบานๆ ตรงด้านบนและล่าง
- ถ้าฝีมือเริ่มแก่กล้า ก็ให้ศึกษาเรื่องคุณภาพของอุปกรณ์ด้วย ดูว่ายี่ห้อไหนมันดีกว่ากัน ในวงการจักรยานของดีมักจะแพง ของดีมักจะเบา ถ้าทั้งดีและเบา ก็จะแพงเอามากๆ ๆ ๆ อย่าคิดว่าเป็นอลูมิเนียมเหมือนกัน ก็จะพอๆ กัน คิดแบบนี้ผิดถนัด และจะถูกหลอกจากพ่อค้าได้ง่าย
- เฟรมอลูมิเนียมมักจะแพงกว่าเฟรมโครโมลี และเฟรมโครโมลีก็จะแพงกว่าเฟรมเหล็ก แต่ผมอยากให้ใส่ใจกับกลไกการพับมากกว่า เฟรมดีๆ มักจะเบา และส่วนใหญ่จะได้กลไกการพับของรุ่นใหม่ล่าสุดมาด้วย
พับนอก - พับใน
รถของ Dahon จะมีกลกไกการพับแฮนด์สองอย่าง คือ
- พับนอก คือพับแล้วแฮนด์จะอยู่ด้านนอก
- พับใน คือพับแล้วแฮนด์จะอยู่ด้านใน
- แบบพับนอกแฮนด์จะแกว่งไปมาได้ แบบพับในแฮนด์จะถูกบีบโดยตัวถัง
- แบบพับใน ชุดไฟฟ้า กระดิ่ง ไมล์ จะตีกับชิ้นส่วนอื่นได้ง่ายกว่า ต้องระวังให้มากกว่า
- แบบพับใน จะวางนอนได้ทั้งสองด้าน แต่แบบพับนอกควรวางให้แฮนด์หงายขึ้น (ถ้าเป็นไปได้ควรวางตั้งจะดีสุด)
ชุดเกียร์
มีสามแบบ ตีนผี เกียร์ดุม Sturmey Archer เกียร์ดุม Shimano Nexus ในไทยจะมีพวกนี้เยอะสุดนะ ถ้าเป็นรถแบบยุโรปก็จะต่างกันไปอีก
- เกียร์ตีนผี ทำงานง่าย ซ่อมง่าย อะไหล่เยอะมากๆ ๆ มีอัตราทดให้เลือกเยอะมาถึง 7-8 เกียร์
- เกียร์ดุม Sturmey Archer ทำงานด้วยโซ่ดึงกลไกในดุม มักมี 3 - 5 เกียร์
- เกียร์ดุม Shimano Nexus ทำงานด้วยสายเคเบิล ดึงนอกดุม มี 3 -5 -7 เกียร์ เป็นเกียร์ดุมที่ผมคิดว่าดีที่สุดเท่าที่จะหาได้ในไทย
เปรียบเทียบ Sturmey Archer VS Shimano Nexus ที่ลิงค์นี้
http://www.racing-club.net/board/index.php?board=25;action=display;threadid=3166
มีช้อคฯดีไหม
- ข้อดีคือนั่งนุ่มนิ่ม ข้อเสียคือหนักขึ้น
- ถ้าปั่นทางเรียบก็ไม่น่าจะต้องมี
- ถ้าปั่นทางวิบาก ก็น่าจะไปหารถอื่นที่ไม่ใช่รถพับ
- ถ้าต้องปั่นทางวิบาก และอยากใช้รถพับ ก็ควรใช้ช้อคฯ และยางใหญ่
ยางแบบไหนดี
ยางทำหน้าที่ยึดเกาะถนน และรับแรงสั่นสะเทือน ควรให้ความใส่ใจให้มาก โดยเฉพาะเรื่องของลมยาง คุณสามารถเติมได้ถึงขีดสูงสุดที่แก้มยางระบุไว้ จากนั้นค่อยๆ ปรับแต่งดูว่าแรงดันที่ค่าใดจะเหมาะกับการใช้งานมากสุด โดยมากรถผมจะอัดไว้สูงสุดเสมอ
- ยางหน้าแคบ แรงต้านน้อย ออกตัวไว น้ำหนักเบา สะเทือนเยอะมาก ตกหลุมแล้วยิ่งสะเทือนมากสุด ถ้าแคบมากเกินไปก็ต้องระวังสภาพเส้นทางให้มาก โดยเฉพาะพวกฝาท่อ และทราย
- ยางหน้ากว้าง เส้นหนาๆ จะรับน้ำหนักได้เยอะ นั่งนุ่มสบาย ออกตัวช้า กินแรงเยอะ เช่นยางเส้นอ้วนๆ พวก Big Apple พบเห็นในรถ Beach Cruiser
- ยางแบบ High Pressuer มักจะมีคุณภาพสูงกว่ายางแบบธรรมดา
- เลือกยางใน ให้เหมาะสมกับยางนอก
- หาซื้อที่สูบลมไว้ประจำบ้าน แนะนำ Floor Pump ของ Zefal ถ้าใช้ปั๊มลมอัดเข้าต้องระวังให้มาก เพราะมันเข้าเร็วเกินไป ยางในจะยืด ยืดจนทนไม่ไหว แต่ไม่ระเบิดง่ายหรอกนะ (ถ้าไม่อัดเข้าไปเว่อร์) มันจะดันออกทางวาล์วมากกว่า ทำให้วาล์วเติมลมเสีย
ไว้นึกอะไรได้ จะมาเพิ่มเติมให้อีกครับ
อย่าลืมนะครับว่า จักรยานจะมีคุณค่าก็ต่อเมื่อคุณได้ปั่นมัน