Author Topic: 2. on the street  (Read 22170 times)

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
2. on the street
« on: July 06, 2003, 03:48:09 pm »
   รถแต่งที่เพิ่งโมดิฟายเสร็จเมื่อคืนวันเสาร์ จะนำออกมาลองในเช้าตรู่วันอาทิตย์โดยใช้ถนนนอกเมืองที่การจราจรไม่พลุกพล่าน เคนมักออกไปลองรถคนเดียวเสมอ เพราะไม่ใช่เรื่องน่าสนุกแถมค่อนข้างอันตราย บ่อยครั้งที่ต้องใช้ความเร็วเกินธรรมดาไปมาก เพียงเพื่อค้นหาข้อบกพร่องของรถเล็กๆ น้อยๆ อย่างเช่นวันนี้
   กล่องเครื่องมือขนาดพกพา คอมพิวเตอร์โน้ทบุ๊ค พร้อมกล้องถ่ายรูปอัตโนมัติ และวิทยุสื่อสาร นี่คือสิ่งที่เคนพกติดตัวตลอดเวลา และวันนี้เขากำลังทำความเร็วไต่ระดับ 300 กิโลเมตร/ชั่วโมง อยู่บนถนนสายหนึ่ง
   สำหรับความเร็วสูงพิเศษเช่นนี้เขาจะไม่ละสายตาไปจากผิวถนนเด็ดขาด มาตรวัดต่างๆ ที่ติดอยู่นั้นใช้เหลือบมองได้เพียงแค่ขณะใช้ความเร็วต่ำ หากขับรถจนถึงขีดสุดอย่างเคนแล้วจะต้องใช้ระบบเตือนด้วยเสียงผ่านทางหูฟังพิเศษ หรือไม่ก็ใช้การเตือนด้วยระบบแสงระบบ HUD - Head Up Display โดยให้แสดงผลบนกระจกหน้าเหมือนที่ใช้ในเครื่องบินรบเพื่อความปลอดภัยที่สูงกว่าธรรมดา
   ตี๊ดๆ ๆ เสียงเตือนขึ้นที่หูฟัง แต่เคนยังไม่ยกคันเร่งขึ้น จนเสียงเตือนนั้นดังถี่รัวขึ้นพร้อมกับปรากฎตัวหนังสือเขียนว่า 'Lean' สีแดงขึ้นที่กระจกหน้า
   ฟั่วววว.. ทันที่ที่ถอนคันเร่งเสียงคายอากาศของโบลวออฟวาล์วก็ดังขึ้น ตัวหนังสือ Lean ที่สว่างค้างอยู่หายไป
   กระแทกคันเร่งลงสุดทันที เข็มวัดรอบกวาดขึ้นอย่างเร็วมากไปหยุดการเคลื่อนไหวที่ 10500 รอบ/นาที จาก 5 ลดเกียร์ลงไปอยู่ที่ 4 เท้าทั้งสองสอดผสานทำหน้าที่อย่างคล่องแคล่วเมื่อเข้าโค้งมุมกว้าง เข็มความเร็วยังคงชี้ไม่ต่ำกว่าเลข 220 และค่อยๆ ขึ้นช้าลงเมื่อเข้าใกล้เลข 260
   เสียงตี๊ดๆ ดังขึ้นอีกครั้ง เขาจึงกดสวิทช์พิเศษเพื่อปรับการจ่ายน้ำมันเป็นแบบอัตโนมัติ ตัวหนังสือ 'Auto Fuel' สว่างค้างขึ้นที่มุมล่างขอบกระจกหน้า เท้าขวากดคันเร่งแช่จนจมมิดพื้น สายตายังคงจ้องเขม็งที่ปลายสุดถนน ความเร็วระดับนี้ต้องไม่มีช่องว่างสำหรับความผิดพลาดใดๆ  
   เข็มความเร็วชี้ทะลุเกิน 300 กิโลเมตร/ชั่วโมง เครื่องยนต์ยังคงทำงานเป็นปกติ มาตรวัดทุกตัวไม่มีการฟ้องเตือนใดๆ เขาเหลือบมองที่มาตรวัดส่วนผสมระหว่างน้ำมัน/อากาศเป็นครั้งสุดท้ายก่อนถอนคันเร่งลดความเร็วให้ลงมาอยู่ในย่านปลอดภัย
   เอื้อมมือไปหยิบขวดน้ำมาดื่ม ขับรถไปได้สักครู่ใหญ่ ทันทีที่รู้สึกสดชื่นก็กระแทกคันเร่งจนติดพื้นอีกครั้งเพื่อทดสอบระบบ Aerodynamic ของแผ่นสปอยเลอร์หลัง โดยการเลือกระบบปรับ สปอยเลอร์หลังเป็นแบบอัตโนมัติที่จะเริ่มทำงานตั้งแต่ความเร็วรถไต่ระดับเกิน 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง
   เริ่มตั้งให้นาฬิกาจับเวลาอัตโนมัติเริ่มเดินนับตั้งแต่ความเร็ว 100 - 180 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทำให้ทันทีที่เข็มความเร็วไปถึงเลข 100 นาฬิกาก็เริ่มทำงาน เคนกดคันเร่งจนติดพื้นรถราวกับว่าจะให้แป้นเหยียบทั้งอันจมหายลงไป เข็มวัดบูสท์และวัดรอบกวาดขึ้นอย่างรวดเร็วมาก เสียงเครื่องยนต์ที่ทำงานรอบสูงช่างมีเสน่ห์ให้ใครหลายคนหลงไหลได้ไม่ยาก
   ตัวเลข 4.33 กระพริบเป็นสีเขียวแสดงขึ้นที่กระจกหน้า เคนยกคันเร่งขึ้นปล่อยให้เข็มความเร็วชี้ต่ำกว่า 100 กิโลเมตร/ชั่วโมงพร้อมกับปรับคันโยกระบบการสั่งงานที่พ่วงจากกล่องอีซียูจาก Mode การทำงานแบบ High Speed มาเป็น Normal Cruise เป็นอันสิ้นสุดการทดสอบสำหรับวันนี้
   ขับรถมุ่งหน้ากลับที่พักด้วยความเร็วตามที่กฎหมายกำหนด เขาตระหนักดีเสมอว่าบ่อยครั้งที่ทำผิดกฎหมายในเรื่องที่จำกัดความเร็วสูงสุด แต่ก็เพราะการใช้ความเร็วสูงนี่แหละที่เขาช่วยชีวิตผู้ขับรถบนนถนนมาแล้ว
   มีอยู่ครั้งหนึ่งพบรถฮอนด้าสามประตูแต่งเต็มยศขับมาด้วยความเร็วสูง เสียงเครื่องดังมากราวกับรถแข่งในสนาม ท่อไอเสียขนาดใหญ่ตะแคงเฉียงออกด้านท้าย แต่ผิดปกติที่มีเปลวไฟลุกติดที่ใต้ท้องรถอยู่กลุ่มหนึ่ง ผู้ขับยังคงใช้ความเร็วสูงอย่างต่อเนื่อง เคนคาดว่าเขาคงไม่รู้ตัวจึงขับตามประกบขึ้นไปแล้วเรียกให้หยุดก่อนที่ไฟจะลุกไหม้ทั่วทั้งคันในไม่กี่นาที
   เนื่องมาจากว่ามีน้ำมันรั่วไหล จะเพราะสาเหตุว่าท่อส่งน้ำมันรั่วหรือจะอย่างไรก็แล้วแต่ น้ำมันจำนวนนั้นกระเด็นไปโดนท่อไอเสียที่ร้อนจัด และก่อตัวลุกเป็นเปลวไฟโดยไหม้ท่อยางส่งน้ำมันและไล่ไปจนถึงถังน้ำมันที่บรรจุอยู่ในฝากระโปรงท้าย จนกลายเป็นหายนะในที่สุด
   เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้เจ้าของรถที่ถูกไฟไหม้ได้รับบทเรียนราคาแพง แต่ยังโชคดีที่ไม่มีการสูญเสียหรือได้รับบาดเจ็บ
   พอขับถึงบ้านก็จัดแจงเอาคอมพิวเตอร์ที่บันทึกข้อมูลไว้ทำการ Download ไปใส่ไว้ในคอมพิวเตอร์อีกเครื่องหนึ่งเพื่อทำเป็น Back Up ไว้ จากนั้นก็ทำการเปรียบเทียบข้อมูลกับผลการทดสอบคราวก่อนเพื่อหาค่าเฉลี่ย และเก็บไว้เพื่ออ้างอิงในการทดสอบในครั้งต่อๆ ไป

*Los Angeles, California / Free Way, Interstate 5 / Sunday 3.30 am.
   พอร์ช 911 คาเรร่า 2 กำลังเร่งความเร็วแข่งกับนิสสัน 300 ZX อย่างดุเดือด การแข่งรถบนพรีเวย์ของคนแถบนี้ใช้ระยะทางยาวเกินกว่า 20 กิโลเมตรขึ้นไป รถคันไหนไม่เหนียวจริงจะทนต่อการใช้งานในสภาวะเช่นนี้ไม่ได้ คนที่โมดิฟายรถเองเท่านั้นที่จะรู้ดีว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ในช่วงความเร็วขนาดนี้ 911 ยังคงนำหน้าอยู่สักครึ่งคัน 300 ZX ตีคู่ และมีท่าทีว่าจะแซงได้ แต่แล้วทั้งคู่ก็ต้องตกใจเมื่อขับลงเนินมาแล้วเห็นเหตุการณ์ข้างหน้า
   รถเทรลเลอร์แบบหัวลากพร้อมตู้พ่วงขนาด 24 ล้อพลิกตะแคงขวางถนน 8 เลนไปเกือบหมด พร้อมกับมีวัสดุคล้ายกล่องขนาดใหญ่ที่บรรทุกมาตกเกลื่อนถนน ดูแล้วคาดว่าเหตุการณ์คงเพิ่งเกิดขึ้นได้ไม่นาน เนื่องจากยังไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ และป้ายให้สัญญาณไฟที่อยู่เหนือหัวยังไม่ได้มีข้อความว่ามีการเกิดอุบัติเหตุแต่อย่างใด  
   ความเร็วเกิน 230 กิโลเมตร/ชั่วโมง กับรถแข่งนอกกฎหมายสองคัน กับช่องการจราจรที่เหลือเพียงขอบทางเพียงด้านละ 1 เลน
   นักซิ่งทั้งสองยกคันเร่งเกือบจะพร้อมกัน เหมือนรู้หน้าที่ จากรถที่ขับเคียงคู่กันมาก็แยกออกเป็นคนละทาง ระยะห่างระหว่างรถที่เพิ่งเริ่มจะแตะเบรกกับรถเทรลเลอร์จอดขวางห่างกันประมาณ 300 เมตร แต่อุปสรรคมีเพิ่มอีกคือวัสดุขนาดใหญ่ที่กองอยู่เกลื่อนกลาด
   911 เป็นรถสปอร์ตเต็มตัวมากับเบรกคุณภาพสูง เจ้าของจึงกดแป้นเบรกได้เต็มแรง แม้อาการของรถที่ความเร็วเกิน 200 กิโลเมตร/ชั่วโมง นั้นไม่เคยมีนิตยสารเล่มใดทดสอบมาก่อน แต่ตอนนี้ไม่มีทางเลือกแล้ว
   เอียดดดดดดดดดด...เสียงยางเสียดสีกับผิวถนนดังลั่น ถึงแม้จะมี ABS แต่ความเร็วที่เกินธรรมดาบวกกับผิวถนนที่เปียกชื้นเพราะอากาศเย็น 911 จึงลื่นไถลถึงตอนนี้หน้ายางขนาด 275 มิลลิเมตร ดูจะเป็นตัวเพิ่มความอันตรายให้แก่ผู้ขับเสียแล้ว เพราะยางหน้ากว้างเมื่อตกอยู่ในสภาวะลื่นไถล จะออกอาการมากกว่ายางหน้าแคบที่มีผิวสัมผัสน้อยกว่า ใครที่คิดว่ายางหน้ากว้างๆ จะดีกว่าของเดิมติดรถในทุกๆ ด้านโปรดคิดใหม่
   300 ZX ดูออกอาการน้อยกว่า เพราะใช้ล้อและยางที่เพิ่มขนาดขึ้นไม่มากนัก หน้ายางที่กว้าง 225 มิลลิเมตร จะลื่นไถลน้อยกว่า 275 มิลลิเมตร มากอย่างเห็นได้ชัด เบรกที่ความเร็วเท่ากันบนผิวถนนลื่น 300 ZX จึงทรงตัวได้ดีกว่า เมื่อความเร็วลดลงจนอยู่ในย่านที่ผู้ขับคุมอยู่จึงสามารถบังคับให้ผ่านช่องทางเล็กๆ และหลุดรอดจากการชนไปได้ ส่วน 911 ยังคงลื่นไถลไปไกลว่า 50 เมตร รถมีอาการสไลด์แถเอาข้างไปอย่างไร้จุดหมายและท้ายรถแกว่งไปมาอยู่หลายเที่ยว ผู้ขับทำอะไรไม่ได้นอกเสียจากรอเพียงโอกาสที่ความเร็วจะลดลงเท่านั้น และโชคจะเข้าข้างเท่านั้น
   แต่ทว่าระยะห่างระหว่างรถที่พลิกตะแคงนั้นกระชั้นมากขึ้น การปล่อยให้รถตัวเองช้าลงดูจะไม่ทันการเสียแล้ว ความเร็วบนหน้าปัดยังชี้เกิน 130 กิโลเมตร/ชั่วโมง ส่วนคันเกียร์ยังอยู่ที่ตำแหน่งสูงสุดคือเกียร์ 6 เวลาไม่มีเหลือพอให้ตัดสินใจอะไรมากนัก รถที่ลื่นไถลค่อยๆ เข้าใกล้วัตถุจอดนิ่งมากยิ่งขึ้นทุกทีๆ
   ขณะนี้ผู้ขับ 911 ดูจะเรียกสติกลับคืนมาได้แล้ว จากเกียร์ 6 ลดลงเหลือ 2 ทันที พร้อมกระแทกคันเร่งให้ล้อหลังหมุนฟรีเพื่อปรับการกระจายน้ำหนักของรถให้ไปอยู่ด้านท้ายอีกครั้ง ทันทีที่เข็มวัดรอบกวาดถึงเลข 6000 รถที่ไถลไม่รู้ทิศทางก็กลับนิ่ง เปลี่ยนเป็นคนละบุคลิกกับเมื่อสักครู่โดยสิ้นเชิง ผู้ขับเพียงแค่เลี้ยงพวงมาลัยประคองแต่งเท่านั้น พอคุมรถได้แล้ว ก็สามารถใช้เบรกเพื่อลดความเร็วได้อีกครั้ง และ 911 สามารถหยุดรถได้ก่อนที่จะพุ่งชนเพลาท้ายรถเทรลเลอร์เพียงไม่ถึง 4 ฟุต   
   ไม่มีใครลงมาดูรถตัวเองขณะอยู่บนฟรีเวย์ ผู้ขับ 911 ถอยรถและหาช่องทางเดินหน้าต่อ และพอพ้นจากสิ่งกีดขวางก็เห็น 300 ZX จอดติดเครื่องรออยู่ด้านขอบทางด้านขวา รถ 911 ขับช้าๆ ขึ้นไปเทียบข้าง แต่รถยังไม่เคลื่อนไปถึงดี 300 ZX ก็เร่งเครื่องเบิร์นยางจนควันขาวคลุ้งไปหมด
   "ได้เลยเพื่อน" เจ้าของ 911 รำพึงในใจ  กดเร่งรอบเครื่องยนต์จนท่อไอเสียแผดเสียงแตกพร่า
   ไม่กี่อึดใจ รถสปอร์ตทั้งสองคันก็เริ่มการแข่งกันต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ลืมเรื่องราวที่เพิ่งผ่านมาสดๆ ร้อนๆ เสียสนิทใจ หารู้ไม่ว่าถลำเข้าใกล้ความตายเข้าไปอีกก้าวหนึ่งแล้ว

*   *   *   *   *   *   *   *   *   *   *

*สนามพีระอินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต / พัทยา / อาทิตย์ 5.30 pm.
   เคนกำลังขับรถกลับกรุงเทพฯ โดยออกเดินทางจากจังหวัดระยองพลันนึกขึ้นได้ว่าวันนี้มีการแข่ง ควอเตอร์ไมล์ที่สนามพีระฯ พัทยา ไหนๆ ก็ผ่านอยู่แล้ว แวะเข้าไปดูเด็กๆ เขาเล่นรถกันหน่อยจะเป็นไร
   แม้ไม่ได้ย่างกรายเข้าสนามแห่งนี้มาเกือบ 10 ปีเต็ม ทุกสิ่งทุกอย่างยังคงเดิม ต่างเพียงผู้คนหนาแน่นราวกับนัดกันมางานอะไรสักอย่าง เคนขับลอดอุโมงค์ขึ้นไปจอดยังลานโล่ง ยอมเดินไกลหน่อยแต่เวลาออกจะสะดวกกว่า
   วัยรุ่นหันมาเล่นรถกันเยอะกว่าที่สมัยเคนเป็นหนุ่มๆ แต่ท่าทีของผู้เล่นรถกลับต่างไปจากสมัยที่เขาเป็น สมัยก่อนไม่มีการนำช่างมาเซอร์วิสกันที่สนาม เพราะนักขับทุกคนจะต้องทำรถตัวเองเป็นทุกอย่าง แต่สมัยนี้มิได้เป็นเช่นนั้นอีกต่อไปแล้ว
   อะไรๆ ก็เปลี่ยนไปมากแล้ว ระบบหัวฉีดทันสมัยทำให้นักปรับจูนไฮเทคกลายเป็นหมอเทวดาที่สามารถสั่งรถคันนั้นให้มีพลังขนาดไหน กล่องควบคุมสมองกลอัจฉริยะที่คิดเองได้ แต่ยังไม่พอกับความต้องการ จนเป็นที่มาของกล่องอีซียูแบบปรับตั้งค่าได้ และชุดแต่งฉลาดๆ อีกหลายชนิด ทำให้พ่อมดมอเตอร์สปอร์ตผงาดขึ้นยืนหัวแถวของนักโมดิฟาย ทั้งๆ ที่หลายคนมีความรู้เรื่องพื้นฐานเครื่องยนต์น้อยมาก
   แต่หารู้ไม่ว่าในอุปกรณ์อีเลคโทรนิคที่แสนฉลาดก็แสนจะโง่เง่าอยู่ในตัว จุดอ่อนนี้เคนรู้ดีว่าคืออะไร และเคย 'เก็บ' รถซิ่งยุคใหม่ๆ มาแล้วหลายคันด้วยการ 'ย้อนรอย' ด้วยเทคโนโลยีเดียวกัน
   เขาดูจะไม่ค่อยพอใจในลักษณะการขับรถของบรรดา Midnight Racing บางคนในปัจจุบันมากนัก หลายคนขับรถด้วยสภาพมึนเมา และอัดรถด้วยความคึกคะนอง พร้อมที่จะเกิดอุบัติเหตุทุกเมื่อ ต่างจากสมัยเมื่อเขาเป็นหนุ่มเสียสนิท หลายครั้งที่พบการ 'ท้าทาย' จากเด็กที่ยังไม่รู้แม้กระทั่งกฎของ Midnight Racing แม้ไม่อยากเล่นด้วย แต่ก็อดที่จะสั่งสอนไม่ได้ โดยเฉพาะพวกรถแรงที่มักใช้ความแรง 'ข่ม' รถผู้อื่น และแน่นอนได้เลยว่าการสั่งสอนของเคนนั้น ไม่ใช่เพียงแค่ขับฉีกแซงขึ้นหน้าแล้วนำหายไปเฉยๆ
   สำหรับผู้มีปัญญาเป็นอาวุธ การขับแซงขึ้นหน้าด้วยเครื่องยนต์ที่มีแรงม้ามากมิใช่วิธีการของผู้มีมันสมองเหนือกว่า หากแต่ต้องเป็นการทำให้คู่แข่งขึ้นหน้าเขาไม่ได้ต่างหาก ไม่ได้แกล้ง ไม่ได้กัน แต่เป็นการล็อคระบบการทำงานของรถคู่แข่งให้อยู่ในสภาวะหยุดนิ่ง ทั้งๆ ที่ความเร็วไม่ถึง 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง รถแรงแตะพันแรงม้าก็เหมือนลูกแมวเชื่องๆ ตัวหนึ่งในแค่พริบตา
   ด้วยความช่วยเหลือของ 'Skeet' เคนจึงทำเช่นนั้นได้ และความลับนี้ไม่เคยถูกเปิดเผยที่ใดมาก่อน
   เคนเดินดูบรรยากาศไปเรื่อยๆ จนถึงเส้นสตาร์ท ไม่กล้าเข้าไปใกล้มาก กลุ่มวัยรุ่นมองเขาแปลกๆ จนต้องหลบสายตาพวกกลุ่มคลื่นลูกหลัง คนเล่นรถสมัยนี้ดูจะมีเงินมากกว่าสมัยก่อนเยอะ แต่สิ่งที่อยู่ในใจของผู้ขับคงไม่ต่างกันมากเท่าไร
   รถแข่งส่วนใหญ่ยังคงมาจากประเทศญี่ปุ่น ด้วยเหตุผลที่ว่าราคาย่อมเยาว์กว่าเพื่อน และมีปัญหาด้านอะไหล่น้อยกว่ารถทางฝั่งยุโรปหรืออเมริกัน เดินทอดสายตาไปเรื่อยจนมาสะดุดรถเก๋งสีดำคันหนึ่ง เดินเข้าไปดูใกล้ๆ รู้สึกคุ้นตา ไม่ได้คิดอะไรมากนัก แต่ก่อนที่จะละสายตาไปนั้น เหลือบไปเห็นเสื้อแจ๊คเก็ตแขวนอยู่ที่ริมหน้าต่างรถของอีกด้านหนึ่ง เคนหยุดคิดในใจ นิ่งไปสักครู่
   สอดสายตามองหาไปทั่ว ทว่าคนวงนอกอย่างเขาไม่มีทางทราบได้ว่าใครคือเจ้าของรถ ยังไม่สิ้นความพยายาม เที่ยวเดินสอบถามผู้คนไปเรื่อย แต่จนแล้วจนรอดก็ได้คำตอบเหมือนเดิม
   "ไม่ทราบครับพี่"
   "ไม่รู้ครับ"
   “พี่ลองไปถามคนทางกลุ่มโน้นดูสิ”
   อาทิตย์คล้อยต่ำลงไปมาก ความมืดเข้ามาเยือนอย่างรวดเร็ว จนต้องตัดสินใจทำอะไรสักอย่างก่อนที่จะคลาดกับเจ้าของรถที่เขาอยากพบ เลยตัดสินใจทิ้งโน๊ตไว้บนกระจกหน้าแล้วเดินจากไป
   โฆษกสนามประกาศเริ่มการแข่งขันรุ่นโอเพ่น ผู้ชมกลุ่มใหญ่แห่กรูไปยืนเบียดกันใกล้จุดปล่อยรถ เคนเลี่ยงไปยังด้านเส้นชัย เดินเลาะ Pit Wall เรื่อยเปื่อย ในใจยังคงนึกถึงรถสปอร์ตคันนั้น  แต่พอถึงรถก็เห็นกระป๋องเบียร์ที่ดื่มหมดแล้ว 3 ใบ วางอยู่บนสปอยเลอร์หลัง มีกลุ่มวัยรุ่นจับกลุ่มกันอยู่ บางคนในกลุ่มนั้นยืนพิงรถเขาอยู่
   รู้สึกไม่ชอบ และโมโห แต่เคนระงับอารมณ์ทั้งหมดไว้ ตรงรี่ไปยังรถ กลุ่มวัยรุ่นมองเขาด้วยแววตาไม่เป็นมิตรมากนักแต่ก็หลีกทางให้เมื่อเคนเดินเข้าไปใกล้
    "กระป๋องเบียร์พวกนี้เป็นของคุณหรือเปล่า" เคนถามด้วยน้ำเสียงนุ่มแต่กร้าวในที
   วัยรุ่นมองหน้ากันสักครู่ หนึ่งในกลุ่มนั้นเดินไปปัดกระป๋องเปล่าออกจากแผ่น Air Foil ลงพื้น น้ำเบียร์ที่ค้างติดอยู่ในกระป๋องเกือบครึ่งกระฉอกออกมา กระเด็นไปโดนขากางเกงและรถของเขาที่จอดอยู่
   ไม่มีใครพูดอะไร เคนมองหน้าทั้งกลุ่มด้วยสายตาเอาเรื่อง คนหนึ่งในกลุ่มหัวเราะหึๆ แต่ยังไม่ทันสิ้นเสียง เคนก็เตะเข้าที่กรามจนเลือดกลบปาก กลุ่มแตกกระเจิง พวกที่เหลือจะเข้ามารุม แต่ก็ได้แค่คิดเพราะทันที่ที่วิ่งเข้ามาก็ถูกถีบเข้าที่ด้านล่างชายโครงจนกระเด็นไปชนถังขยะล้มลง มือซ้ายคว้าเข้าที่ลูกกระเดือกของคนมีหนวดดิ้นพล่านจนต้องร้องขอให้ปล่อย เหลืออีกคนที่อยู่ตรงข้ามคว้ามีดพกออกมาจากเอว ถือมีดมือสั่น ท่าทางขึงขัง แต่ประสบการณ์ของพวกนี้ยังไม่ได้เสี้ยวของเคน คนจริงที่ผ่านโลกมาโชกโชน
    "เก็บมีดซะเถอะไอ้เด็กน้อย เดี๋ยวมึงจะเจอหนักกว่านี้" น้ำเสียงธรรมดา แต่สายตานั้นดุ จนคนอ่อนประสบการณ์ต้องยอมแพ้  
   นักเลงกระจอกถอดใจทิ้งมีด วิ่งเข้าไปประคองเพื่อนที่ล้มลุกคลุกคลาน แม้โดนกันไปแค่คนละนิด หากแต่ตำแหน่งที่เคนซัดเข้าไปนั้นคือจุดสำคัญในร่างกายทั้งนั้น คนที่หัวเราะเยาะโดนหนักกว่าเพื่อน เท้ากระแทกปากฟันหลุดไป 2 ซี่ นอกนั้นแค่เจ็บภายนอก ทราบภายหลังว่าเป็นหัวหน้าแก๊งขายยาฯและงัดแงะอะไหล่รถแต่ง
   เคนเดินไปติดเครื่องรถ แต่ไม่ลืมกดปุ่มพลิกแผ่นป้ายทะเบียนให้กลับด้านกลายเป็นอีกแผ่นหนึ่งเพื่อป้องกันการระรานในระยะยาว ขับออกจากสนามพีระฯ โดยทิ้งความทรงจำให้คนกลุ่มหนึ่ง ไม่อยากมีเรื่อง ไม่อยากต่อสู้ แถมล้างมือจากเรื่องพวกนี้มานาน แต่ก็ช่วยไม่ได้ เพราะสำหรับเขาการรุกคือวิธีตั้งรับที่ดีที่สุด
   ท้องฟ้ามืดสนิท เคนออกจากสนามพีระฯ มุ่งหน้ากลับบ้านที่กรุงเทพฯ โดยใช้ถนนบายพาส ขับด้วยความเร็วปานกลาง และขณะขับอยู่เพลินๆ ก็ได้รับโทรศัพท์จากหญิงสาวคนหนึ่ง คุยกันแบบไม่ค่อยรู้เรื่องมากนัก สัญญาณไม่ค่อยชัด แต่พอสรุปได้ว่าเธอต้องการความช่วยเหลือเพราะรถยางแตกอยู่ข้างทาง เคนไม่รีรอที่จะขับรถย้อนกลับไป นี่คือสิ่งที่เขาทำมาจนเป็นนิสัยมานานปี ขับรถไปได้สัก 15 นาทีก็พบรถจอดเปิดไฟฉุกเฉินอยู่ข้างทาง เข้าไปใกล้ๆ จึงรู้ว่าคือนิสสัน สกายไลน์ R32
   เสียวสันหลังวาบ ถ้าจำไม่ผิดก็คือคันเดียวกันกับที่เขาเที่ยวเดินตามหาเจ้าของรถในสนามพีระฯ เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมานี้เอง

*   *   *   *   *   *   *   *   *   *   *
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline Motown Junk

  • Amateur Racer
  • *
  • Posts: 49
  • light your fire!
Re:2. on the street
« Reply #1 on: July 06, 2003, 06:34:50 pm »
หุๆ มาเร็วจริงเเหะ คราวนี้ สนุกเหมือนเดิมอ่ะ

ฮือๆ หนังสือที่พี่อยากได้ ทำมไมมันหายากจริงอ่ะ ถามใครมันก็บอกว่าไม่รู้ เเต่ยังไงผมหาไอ้ที่คล้ายๆไว้เเล้วอ่ะ เอาที่มันขายของเเต่งทั้งเล่มเลยใช่ไหม ;D >:( ;D :D
c'mon baby light my fire!

Offline O'Pern

  • fear is a mind killer
  • Administrator
  • Authentic Drifter
  • *****
  • Posts: 7411
  • don't let your fear stand in the way of your dream
    • racing club
Re:2. on the street
« Reply #2 on: July 06, 2003, 09:48:50 pm »
มันเป็นหนังสือขายของใช้ครับ จะเรียกว่าของแต่งก็ไม่เชิง ด้านหน้าจะขายพวกเสื้อผ้า ชุดแข่ง ชุดชั้นใน ถุงมือ ถุงเท้า รองเท้า ฯลฯ ต่อมาก็ขายพวกหมวกสารพัดแบบ แล้วก็จะเป็นพวกของใช้ในรถ พวกพวงมาลัย หัวเกียร์ เบาะ เนท อินเทอร์คอม ฯลฯ ด้านหลังๆ ของเล่มจะขายพวกของใช้ในพิท เช่นเครื่องมือ เครื่องวัดต่างๆ เครื่องตั้งศูนย์ล้อ ฯลฯ
- ของยุโรปล้วนๆ เลยครับ ไม่มีของญี่ปุ่นเลยสักอัน

ไม่รู้ว่าหายากครับ อิอิ ฝากหน่อยละกันนะ
i drive / i race / i test / I drift
I row / I run / I fun / I ride

Offline Pai_(THE BONG)

  • Amateur Racer
  • *
  • Posts: 17
  • Gymkhana Only...! (B1)
    • www.racingweb.net
Re:2. on the street
« Reply #3 on: July 24, 2003, 04:51:15 pm »
 สนุกเหมือนเดิม...... ;D
และแล้วก็เจอน้อง พลอยจนได้...... ;D
รถแรงอาจไม่ได้เปรียบเสมอไป รถเกาะถนนดี ก็ยังไม่สำคัญเท่าทักษะการควบคุม สุดยอดกีฬารถยนต์ที่ลงทุนน้อยที่สุด    


Offline GoT_GuMP

  • Amateur Racer
  • *
  • Posts: 4
  • อิอิอิอิอิอิรถพังบ่อยทําให้เราเรียนรู้
Re:2. on the street
« Reply #4 on: December 21, 2003, 09:03:01 pm »
ชอบมากเลยคับพี่มีอีกเร็วๆนะ
@รถดับ@เพลาสึก@หัวเทียนบอด@สีถลอก@เครื่องไม่นิ่ง
@เเอร์โฟร์เสีย@ครัสช์จม@เกียร์พัง@intakeเอียง
@กล่องเพี้ยน@เครื่องสะดุด
."คุณต้องเคารพตัวเอง และเคารพเครื่องจักรที่คุณควบคุมมันอยู่"
 
 "คุณต้องเรียนรู้ที่จะหยุดกลไกในสมองที่สั่งให้กลัว"

Offline *Aee-ViPeR-MR2*

  • Full Member All Thailand Championship Racer
  • ***
  • Posts: 206
  • +Aee-ViPeR-w/curly hair ^^+
Re:2. on the street
« Reply #5 on: February 04, 2004, 11:59:23 am »
สนุกมากๆๆๆเลยอ่า  :o ลุ้นตัวโก่งเลย  ชอบๆๆๆออกเป็นหนังสือจะซื้อเก็บไว้  ;D
« Last Edit: February 04, 2004, 11:59:50 am by +:+: เอ๋_N'Mo-Blitz :+:+ »
+*~*+เอ๋ซัง+ทูจัง+*~*+ -Aee-ViPeR-AKA-Vp-ViPeR-LoVe-Two-JuNg-ViPeR-ถูก-EVISU+ViPeR-ครอบงำ!- ดริฟท์คือการควบคุมรถขณะที่รถกำลังจะอยู่เหนือการควบคุม

Offline nuto wasabi

  • Amateur Racer
  • *
  • Posts: 7
  • เดิมๆก็ดีแล้วหว่ะ
Re:2. on the street
« Reply #6 on: September 23, 2005, 04:55:56 pm »
โหย..ย ใครแต่งครับเนี่ย ดุเดือดมั่กๆ
Bangkok Christian College 146