Author Topic: Living on A Prayer....  (Read 64105 times)

Offline *Aee-ViPeR-MR2*

  • Full Member All Thailand Championship Racer
  • ***
  • Posts: 206
  • +Aee-ViPeR-w/curly hair ^^+
Re:Living on A Prayer....
« Reply #45 on: April 18, 2005, 09:45:41 pm »
แอบติดเรดนิด 55 หุหุ ถ้าเปลี่ยนรถ พี่เดียร์จะใช้ไรว้า เอิ๊ก  ;D ติดตามอยู่ฮะพี่
+*~*+เอ๋ซัง+ทูจัง+*~*+ -Aee-ViPeR-AKA-Vp-ViPeR-LoVe-Two-JuNg-ViPeR-ถูก-EVISU+ViPeR-ครอบงำ!- ดริฟท์คือการควบคุมรถขณะที่รถกำลังจะอยู่เหนือการควบคุม

Offline Yai_GuMP

  • Amateur Racer
  • *
  • Posts: 25
  • I'm Cowboy From Hell
Re:Living on A Prayer....
« Reply #46 on: May 25, 2005, 02:32:10 pm »

      ในมุมหนึ่งของมหาวิทยาลัย ที่ร่มรื่นตอนเย็นๆของวันที่เพิ่งมีเรื่องราวต่างๆเกิดขึ้นมากมาย
 ในขณะนั้นทุกคนกำลังนิ่งฟังแบงค์ซึ่งกำลังเล่าหเหตุการณ์ที่ทุกคนไม่เข้าใจ ว่าเกิดอะไรขึ้ืนบ้าง

  เดียร์ ก้อง เอม ทั้ง3คนนั่งหน้ามุ่ยมองไปยังแบงค์ซึ่งนั่งทำหน้าเบ้อยู่ตรงข้ามพวกเขา

 "เออ กูขอโทษ กูงี่เง่าเอง" แบงค์สรุปเรื่องทั้งหมดด้วยคำขอโทษ และพลางหันไปหาพี่ก้อง
 
 "ผมขอโทษด้วยนะครับพี่..." ก้องยิ้มและบอกว่าไม่เป็นไร และหันไปหาเอมซึ่งก็ไม่ได้ติดใจจะเอาความอะไรมาก
 
 เดียร์ลุกขึ้นยืนพลางบิดขี้เกียจ และบอกให้แบงค์เลี้ยงข้าวทุกคนเป็นการขอโทษ
 
 "เออ กูเลี้ยงมื้อใหญ่ยังได้โว้ย ถ้าพวกมึงจะไม่โกรธกูเนี่ย "


                                      ................................................................................


             เวาลา5ทุ่มของคืนวันเสาร์ เดียร์ยืนเหม่อบนระเบียงของห้องพักของเขาในกรุงเทพ ย่านสาธร ซึ่งเป็นอาคารสูงที่สามารถมองลงมาเห็นวิวของกรุงเทพและเป็นวิวริมแม่น้ำ แน่นอน มันต้องราคาแพงระยับทีเดียว ลำพังเขาคงไม่มีปัญญาเป้นเจ้าของมันหรอก เพียงแต่ครั้งหนึ่งมันเคยเป็นของพ่อและแม่ของเขา
แต่ตอนนี้ เขากลายมาเป้นเจ้าของมัน เพียงแต่ห้องชุดนี้ ดูจะใหญ่โตเกินไปสำหรับเขาในเวลานี้เหลือเกิน

 บุหรี่ตัวแล้วตัวเล่า ถูกจุดวาบขึ้นมาในความมืดและถูกใช้งานไปในเวลาไม่กี่นาที มันก็เผาไหม้ไปหมด แต่ดูยังจะไม่เพียงพอสำหรับผู้ที่กำลังสูบขณะนี้เสียที

              เดียร์กำลังนึกถึงสิ่งที่เขาทำอยู่ตอนนี้ เขากำลังสนุกกับชีวิตในการเรียนหนังสือ เพื่อน รถ ผู้หญิง เท่านี้ก็เป็นสิ่งที่วัยรุ่นอย่างเขาควรพอใจแล้ว แต่ทำไมเขายังต้องหนักใจเรื่องอะไรอีก  ภาพเก่าๆเกี่ยวกับครอบครัวของเขา ย้อนกลับมาอีกครั้ง เขาได้แต่หลับตา ดูดควันเข้าปอดเฮือกใหญ่ และถ่มมันออกมาพร้อมๆกับภาพอดีตที่น่าขมขื่นนั้น

         เขากลับมาคิดถึงรถของเขา เจ้าCrxของเขา มันเป็นรถที่พ่อของเขาเคยขับในสมัยหนุ่มๆ เขาได้แตะต้องมันมาตั้งแต่ยังเด็กๆ ได้นั่งมันไปไหนมาไหน จนเรียนมหาวิทยาลัย เขาจึงได้นำมันมาใช้อย่างจริงจัง และเลยเถิดไปจนถึงการโมดิฟายอย่างหนักหน่วง  

          มันคงเกินตัวมันแล้ว มันแก่มากแล้ว น่าจะได้พัก เหนื่อยมานานแล้วนี่ เดียร์คิดถึงรถคู่ใจของเขา ว่าถึงเวลาปลดระวางเสียทีแล้วละมัง " เปลี่ยนเครื่อง ทำเป็นปกติแล้วเก็บไว้ดีกว่า..ทำต่อก็ช้ำเปล่าๆ"

           เมื่อคิดจบประโยคนั้น เดียร์ดูดควันเฮือกสุดท้าย แล้วขว้างก้นบุหรี่ลงจากระเบียง และเดินกลับเข้าห้องทำงาน พร้อมกับเปิดอินเตอร์เน็ตทันที

           เขาเปิดเว็บที่เขาคุ้นเคย มีคนรู้จักมากมายทั้งคนไทยและชาวต่างชาติที่เป็นเพื่อนในวงการของเขา

 หลายคนคงรู้ว่าเดียร์จะออนเข้าอินเตอร์เน็ตทำไม แน่นอน เขากำลังหารถคันใหม่ของเขา ที่เขาคิดว่ามันจะต้องรองรับความต้องการของเขาได้ครบถ้วน ไม่มากทั้งหมด ก็ต้องได้มากที่สุด

   สกายไลน์อย่างของแบงค์ก็ดี แต่บอดี้มันใหญ่โต แต่เครื่องแรงและโมดิฟายได้ค่อนข้างจะกว้าง

   ซีวิค3ประตูอย่างพี่ก้องก็คล้ายๆกับCrxของเขาที่พัง ถ้าทำเป็นNA.แบบยังวิ่งถนนได้ ก็ได้ม้าไม่มากมายนัก ควอเตอร์ไมล์กว่าจะทำลง13ได้ก็เหนื่อยและใช้เงินเยอะ ถ้าจะมาทำเทคเซ็ตโบอีก ก็ไม่ได้อารมณ์ต่างจากรถเขาเท่าไรนัก ก็ไม่รู้จะเปลี่ยนรถทำไม

    หรือถ้าจะเป็นซูปร้า ไม่ มันไม่ต่างจากสกายไลน์เท่าใดนัก จะเป็นเซฟิโร่ หุ่นเขาก็ไม่เสี่ยพอที่จะขับรถคันใหญ่แบบนั้น

    รถอะไรดีโว้ยยย...เดียร์พิงเบาะเก้าอี้และมองขึ้นไปบนเพดาน

     เรายังอยากได้อารมณ์ของรถขับหน้าอยู่ แต่บอดี้ต้องแข็งแกร่งและเครื่องต้องโมดิฟายได้แรงๆ

      นั่นคือความต้องการของเดียร์ที่จะจำกัดข้อแม้รถคันใหม่ของเขา เขานึกไล่ไปถึงข้อดีข้อเสียของรถคนที่เขารู้จัก และเขาก็นึกถึงเอมเป็นคนสุดท้าย...

     และเขาก็นึกออก เขาเปิดเวบไซต์เวบหนึ่งเช็คราคาของบางสิ่ง เมื่อทราบราคาแล้ว เดียร์โทรไปหาเพื่อนของเขาที่อยู่อเมริกาทันที และสั่งของแต่งมากมายเท่าที่หัวของเขาจะคิดได้ในเวลานั้น เพื่อนของเขาที่อยู่ปลายสาย ดูจะตื่นเต้นกับสิ่งที่เดียร์กำลังจะทำน่าดูเหลือเกิน

      เดียร์ได้แต่หัวเราะ และบอกว่าถ้านึกอะไรออก จะโทรไปสั่งอีกแล้วกัน

                     ............................................................


Offline Yai_GuMP

  • Amateur Racer
  • *
  • Posts: 25
  • I'm Cowboy From Hell
Re:Living on A Prayer....
« Reply #47 on: May 25, 2005, 02:33:16 pm »

  ต่อเลยละกันนะครับ นานๆมาที เอาไปยาวหน่อยเลยละกััน

 ขอบคุณที่ตามอ่านมาเรื่อยๆนะครับ


Offline Yai_GuMP

  • Amateur Racer
  • *
  • Posts: 25
  • I'm Cowboy From Hell
Re:Living on A Prayer....
« Reply #48 on: May 25, 2005, 02:34:39 pm »

               ตอนนี้เดียร์ไปไหนมาไหนด้วยรถของแบงค์มาหลายอาทิตย์  รถCrxของเขาเสร็จเมื่อวันก่อน แต่ก็ไม่ได้ใช้งาน เอาเข้าไปจอดที่โรงรถ แบงค์เองก็ไม่ได้ถามว่าทำไมเดียร์ไม่ใช้รถ  เขาคิดว่าการที่เดียร์วางเครื่องสแตนดาร์ดกลับไปให้รถCrxเป็นเพราะเดียร์ยังช็อคที่รถพังไม่หาย เลยถอดใจไม่ทำต่อแล้ว แบงค์เลยไม่อยากพูดอะไร แต่ก็ไปรับไปส่งด้วยความเต็มใจ เขาคิดแบบนี้มาตลอดจนวันนี้หลังเลิกเรียน  เขาจึงได้รู้ว่าคามคิดนี้ มันผิดหมดเลย เมื่อเดียร์ขึ้นรถเขา และบอกกับเขาว่า

      "เออแบงค์ มึงเข้าเมืองไปกะกุหน่อยดิ"

     "ไปดิๆ กูอยากไปซื้อซีดีใหม่ๆเหมือนกัน "

     "มึงจอดรถไว้มหาลัยดิ นั่งรถทัวร์ไป ..."

     "เฮ้ย ทำไมอ่ะ ..."
 
      เดียร์อ้างเหตุผลบางอย่าง แบงค์จึงจอดรถไว้มหาลัยและขึ้นรถทัวร์ตามไปอย่างงงๆ

           ใช้เวลาสักพักรถทัวร์กรุงเทพ-ดำเนิน ก็มาส่งทั้งคู่ที่สายใต้ใหม่ จากนั้นเดียร์ก็โบกแท๊กซี่ แบงค์ได้ยินว่าจะไปศูนย์ฮอนด้า จึงถามว่าไปซื้ออะไหล่เหรอ และนึกในใจว่ามันคงใหญ่มาก ใส่รถเราไม่ได้ละมังเลยต้องนั่งรถแท๊กซี่ไป  เมื่อถึงที่หมาย ทั้งคู่เดินลงไป แบงค์เดินไปที่ฝ่ายอะไหล่ แต่เดียร์ดึงแบงค์ให้ตามมา เดินดุ่ยๆไปหาพนักงานคนหนึ่ง และพูดจากันอย่างสนิทสนม

      พนักงานคนนั้นเป็นคนรู้จักเก่าแก่ของครอบครัวเดียร์ จึงทักทายกันอยู่พอสมควร

     "น่าเสียดายนะครับ คุณพ่อคุณเป็นคนดีแท้ๆ ไม่น่า  เอ่อ ...โอ ขอโทษนะครับ ผมไม่น่า..." พนักงานคนั้นพูดหลางมองหน้าเดียร์
      "ไม่เป้นไรครับ มีคนคิดถึงพ่อผมแบบนี้ ผมก็ดีใจเสียอีกครับอย่าคิดมากเลย"เดียร์ปลอบกลับ

       "ว่าแต่ไหนเหรอครับ ของที่ผมสั่งไว้"

         พนักงานคนนั้นพาเดินไปที่หลังศูนย์บริการ  แบงค์แซวเดียร์ว่ามึงจะมาซื้อแจ๊สไปขับรึ? เดียร์ยิ้มๆ ไม่ตอบ

     แต่แบงค์ก็ถึงกับอ้าปากค้าง เมื่อพนักงานคนนั้นถลกผ้าคลุมสีเทาๆออก เผยให้เห็นสีขาวมันวาบที่ตัดกับสีผ้าคลุมนั้นอย่างสิ้นเชิง  สิ่งที่อยู่ใต้ผ้าคลุมนั้น เป็นสิ่งที่แบงค์คุ้นตา แต่คุ้นที่มันอยู่ในแมกกาซีน ไม่เคยเห็นตัวเป็นๆใกล้ชิดกันขนาดนี้มาก่อน

         Integra DC5 minorchange? ....แบงค์อุทาน  "มึงจะซื้อมันจริงๆเหรอวะ?  สวยสัดๆ.. "

       เดียร์ ยืนยิ้มอยู่ข้างรถ ถึงกับเก็บอาการตื่นเต้นไว้ไม่อยู่
     "ใช่ กูยังขนลุกเลย ว่ากูจะได้เป็นเจ้าของมันจริงๆเหรอเนี่ย.."

      ทั้งคู่เดินไปถลกผ้าคลุมส่วนที่เหลือ และเดินลูบคลำไปตามแก้มข้างที่โป่งออกมาโชว์ความดุดันของความเป็นTypeRอย่างเด่นชัด เปิดดูภายใน และลงไปนั่ง

      เมื่อทั้งคู่สำรวจรถจนพอใจแล้ว พนักงานคนนั้น ก็เดินนำเอกสารบางอย่างมาให้เซ็นนิดหน่อย เป็นเอกสารรับรถ ซึ่งเดียร์ใช้เวลาไม่นานก็จัดการได้หมด

       ทั้งคู่กระโดดขึ้นรถ เดียร์บิดกุญแจสตาร์ท เสียงเครื่องยนต์ทำงานอย่างกระฉับกระเฉงทันที เมื่อเหยียบคลัทซ์แล้วเลี้ยงรอบเพื่อพาตัวเองออกจากที่เก็บและเลี้ยวออกถนนใหญ่ การตอบสนองนั้นเป้นไปอย่างราบรื่น

       เมื่อตั้งลำออกถนนใหญ่ได้ เดียร์กดคันร่งจมทันที เสียงยางบดและฟรีไปกับพื้นถนนทันที เมื่อเลี้ยงตันเร่ง อาการรถก็กลับมาดึงขึ้นไป เมื่อสับเกียร์2รอบคงตกลงนิดหน่อยและดันขึ้นไปอย่างต่อเนื่อง ไปที่เกียร์3-4 การตอบสนองนั้นทำให้ทั้งคู่พอใจมาก

      และแบงค์ก็นึกขึ้นได้"ไอ้เชี่ย รถใหม่ๆ ต้องรันอินก่อนดิโว้ย มึงซัดเลยได้ไง เดี๋ยวก็พังหรอก"

   "เฮ่ยสบายมาก กูให้พี่เขาเอาไปวิ่งรันอินบนมอเตอร์เวย์ให้แล้วพันโล 5555  วันนี้แค่มาเอารถตามฤกษ์"

       และทั้งคู่ก็ชวนกันไปเที่ยวในเมืองต่อ แบงค์บอกว่าขับรถแบบนี้ไป ได้สาวแน่นอน เดียร์ก็ยิ้มๆและส่ายหัวในความหม้อของเพื่อนตัวเอง "สาวที่ว่านี่ เขาจะมาหามึงรึกูวะ ฮ่าๆๆ"
 
     
                 จากนั้นทั้งสองก็มาที่บ้านของเดียร์แถบชานเมือง เดียร์มีบ้านหลายที่ ด้วยความที่พ่อแม่ของเขาเป็นคนมีฐานะ และคิดถึงอนาคตของครอบครัวเช่นพี่ชายของเขา ตัวเขา และน้องสาว  จึงซื้อบ้านซื้อที่เก็บไว้เผื่อให้ลูกให้หลานมากมาย

 เดียร์จึงมีที่อยู่หลายที่เหลือเกิน และCRXก็เก็บไว้ที่บ้านนี้แหละครับ

                  แบงค์เดินเข้าไปในบ้านและนั่งลงบนโซฟาพร้อมกับตั้งท่าจะเปิดทีวีเพื่อเล่นเกมส์ แต่ก็ต้องตกใจกับกองอะไหล่ขนาดมหีมาที่สุมอยู่ข้างโซฟาในห้องนั่งเล่น

     "นั่นมันเหี้ยอะไรวะนั่น  ของใครวะ?"

      "นั่นแหละ เหตุผลที่กูพามึงมา มึงต้องช่วยจัดการกับอะไหล่พวกนี้ให้เสร้จ ไม่งั้นเราสองคนก็กลับไปเรียนไม่ได้ โอเค๊? ฮ่าๆๆ"

       อะไหล่กองนั้น คือของที่เดียร์สั่งเพื่อนซื้อมาจากอเมริกาเมื่อหลายอาทิตย์ก่อน

     มันมีทั้งโช้ค แคมชาฟท์ กล่องECU หม้อน้ำแต่ง ชุดเบรคซิ่งพ็อตใหญ่ รวมไปถึงล้อแม็ก และยาง แม้กระทั่งสายถักน้ำมัน  จนถึงชุดเสริมโป่งแก้มข้างและกันชนหน้าใหม่

       และแบงค์ที่รื้อของออกมาดูเล่นก็สะดุดกับกล่องๆหนึ่งที่เขาคุ้นตา
 
   "เย็ดเข้!! ....."  ในกล่องใบนั้น มันคือเทอร์โบ ยี่ห้อIHI รุ่นRX-6
 ถือเป็นเทอร์โบระดับสูงที่ราคาสูงสามารถปั่นแรงม้าได้มหาศาล  และการที่มันมาอยู่ในชุดของแต่งพวกนี้ เดียร์จะเอามาเซ็ต มันต้องกลายเป้นรถที่น่ากลัวมากแน่ๆ

        "เอาวะ ลุย  เดียมึงไปลากไอ้เข้กับสามขามา  กูไม่ได้คึกแบบนี้มานานแล้วโว้ย" แบงค์ตะโกน


Offline Yai_GuMP

  • Amateur Racer
  • *
  • Posts: 25
  • I'm Cowboy From Hell
Re:Living on A Prayer....
« Reply #49 on: May 25, 2005, 02:35:57 pm »



                        จากเวลาที่ทั้งสองมาถึงที่บ้านนี้ เป็นเวลา5โมงเย็น  จนบัดนี้เป็นเวลาตี3 20นาที
   เดียร์กำลังขันน็อตฝาสูบหลังจากที่ใส่ลูกสูบและก้านสูบชุดใหม่ของJEลงไปเพื่อความคงทนในการใช้งาน

   "ไอ้เดียร์ๆ ...เชี้ย มึงลืมอะไรป่าววะ" แบงค์ที่กำลังมุดอยู่ใต้รถ โวยวายขึ้นมา และเหวี่ยงห่อพลาสติกที่ข้างในมีปะเก็นฝาสูบอยู่ขึ้นมา

     "ไอ้ชิบหาย!! ต้องใส่แผ่นนี้นี่หว่า กูเสือกเอาปะเก็นเดิมใส่ลงไป กูลืมว่ะ"

   ในเมื่อจะเซ็ตเทอร์โบ แล้วจะไม่เปลี่ยนปะเก็นซักหน่อยได้ยังไงกันเล่า

         
       "ห่าเอ๊ย...ไม่ไหวแล้วว่ะ เหนื่อย มึน ง่วง หิวสุดๆ" เดียร์โวยวายขึ้นมา แบงค์ถึงกับขำ ว่าปกติเพื่อนเขาคนนี้เป็นคนใจเย็นและความอดทนสูง แต่วันนี้กลับบ่นเสียยืดยาวขนาดนี้ แบงค์จึงชวนเดียร์เดินออกไปซื้อบะหมี่หน้าปากซอยเข้ามากินกัน

      "มึงจะเอาเข้าไปกินในบ้านหรือนั่งกินที่ร้านเลยอ่ะ"แบงค์ถาม เดียร์บอกให้กินที่ร้านไปเลย เพราะขี้เกียจเก็บล้าง ทั้งคู่นั่งรอบะหมี่อย่างเนือยๆอยู่ริมถนน เมื่อได้บะหมี่ ทั้งคู่กินอย่างเอร็ดอร่อย เมื่อสั่งชามที่2เสร็จเดียร์กำลังยกแก้วน้ำดิ่ม แล้วก็ชะงักเมื่อได้ยินเสียงเครื่องยนต์ดังลั่น ลากรอบยาวมาแต่ไกล
       "เจแน่ๆเลยว่ะ แรงด้วย เสียงโคตรดีเลย รถอะไรวะ เซฟเหรอ?"แบงค์พูดแบบไม่เงยหน้าจากชามบะหมี่
ซูปร้าว่ะ อยู่ฝั่งนู้น...เดียร์ตอบแล้วดูดโอเลี้ยง  

      ร้านบะหมี่ที่ทั้ง2นั่ง อยู่หน้าปากซอย ติดถนนใหญ่ ที่ไม่ไกลจากยูเทิร์นมากนัก แสงไฟซีนอนสีขาวแยงตาเขามาจึงทำให้เห็นว่าเป็นรถซูปร้าคันนั้นนั่นเอง ที่ซัดจากฝั่งตรงข้ามและยูเทิร์นกลับมาจอดหน้าร้านบะหมี เสียงท่อที่ดังทุ้มและหนักแน่น เครื่องเดินหอบเป็นจังหวะจากแคมองศาสูง เสียงคลัตซ์ซิ่งครางดังแกรกๆตลอดเวลา ถ้าใครไม่รู้เรื่องก็คงคิดว่ารถไอ้หมอนี่จะพังแหงๆ แต่สำหรับเดียร์และแบงค์ มันคือเสียงของปีศาจชัดๆ มันคลานมาช้าๆ เลียบฟุตบาทมาเรื่อยๆ
      เมื่อซูปร้าสีดำคันนั้นวิ่งผ่านโต๊ะเดียร์ไปและจอด ทำให้เดียร์เห็นสติกเกอร์สังกัดของรถคันนั้นชัดเจน มันทำให้เขาขนลุกขึ้นมาอีกครั้ง มันเป็นคันเดียวกันที่เขาเคยเจอ
      "ไอ้สัด คันนี้ไง ที่แม่งเคยมาเล่นกะกูบนทางด่วนไงเดียร์มึงจำได้ป่ะที่เคยเล่าให้มึงฟัง" แบงค์บอก "แม่งแรงชิบหาย แต่ขับกวนตีน" ทั้งสองมองรถซูปร้าคันนั้นอย่างไม่ละสายตา เพื่อจะดูว่าเจ้าของที่ออกมา เป็นคนแบบไหน

        ปึ้ง..เสียงประตูรถปิด เจ้าของรถเดินออกมา พร้อมเข้ามาสั่งบะหมี่ทาน เป็นชายวัยกลางคน หุ่นแบบคนเล่นกีฬาที่ดูแลร่างกายตลอด ผมสั้น หน้านิ่ง เฉย ใส่แว่นกันแดดสีดำทั้งที่เป็นเวลากลางคืน มีรอยสักโผล่มาจากปลายเสื้อโปโลแขนสั้น กล้ามแขนนั้น ใหญ่กว่าขาเดียร์ซะอีก เป็นคนที่ดูน่ากลัวทีเดียว
       เหี้ย..แม่งยากูซ่าเหรอวะ แบงค์กระซิบ ...สัด ทำเต๊ะ แม่งขับซูปร้ามาแดกบะหมี่ข้างทางเหมือนกูแล้วยังทำหน้าดูถูกกูอีก ...แบงค์ยังนินทาไม่จบ เดียร์หัวเราะและส่ายหน้า

       เมื่อทั้งสองคนทานเสร็จและจ่ายเงินแล้ว ก้เดินผ่านชายคนนั้นที่กำลังลุกจะไปจ่ายเงินเหมือนกัน ชายคนนั้นพูดขึ้นมาลอยๆว่า"รถเสร็จแล้ว มาวิ่งกันหน่อยมั้ยไอ้หนู" เดียร์หันกลับไปทันที ขมวดคิ้วทำหน้าแบบไม่พอใจและงุนงง
       ชายคนนั้น ก้าวขึ้นรถ และสตาร์ท เดียร์เดินตามเข้าไปจะถามถึงสิ่งที่ชายผู้นั้นพูด

       เจ้าของซูปร้าสีดำนั้นลดกระจกลง และทิ้งคำพูดลอยๆไว้ "หวังว่าแกคงไม่ทำอะไรทุเรศๆเหมือนพ่อแกนะ"พร้อมกับรอยยิ้มแบบไม่ชวนสบอารมณ์  เดียร์ยังงงไม่หาย ซูปร้าคันนั้นก็เทคตัวออกแต็มเกียร์ ทั้งฝุ่นควัน เสียงท่อและกลิ่นยางตลบคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ แม่ค้าบะหมี่ตะโกนด่าโวยวาย คู่ไปกับเดียร์ที่ยืนงงกับสิ่งที่ชายคนนั้นพูด

                       ......................................................................To be Continued
 

Offline อิ๊ก osk121 611

  • Sr. Member Professional Driver
  • ****
  • Posts: 478
  • Powered By Thai Tum, Inc.
Re:Living on A Prayer....
« Reply #50 on: May 26, 2005, 09:52:08 pm »
ัมันส์คับ
ติดตามมาตลอด
น่าจะเอาไปทำหนังนะเนี่ย 55
Thai Tum, Inc. [auto performance part]
OSK121 Never Die! 611
AE86 Only

Offline *Aee-ViPeR-MR2*

  • Full Member All Thailand Championship Racer
  • ***
  • Posts: 206
  • +Aee-ViPeR-w/curly hair ^^+
Re:Living on A Prayer....
« Reply #51 on: May 31, 2005, 08:10:22 pm »
อ้ากกกกกกกกก มันส์ว้อยยย  ;D
+*~*+เอ๋ซัง+ทูจัง+*~*+ -Aee-ViPeR-AKA-Vp-ViPeR-LoVe-Two-JuNg-ViPeR-ถูก-EVISU+ViPeR-ครอบงำ!- ดริฟท์คือการควบคุมรถขณะที่รถกำลังจะอยู่เหนือการควบคุม

Win_GuMP

  • Guest
Re:Living on A Prayer....
« Reply #52 on: June 05, 2005, 07:20:44 pm »
มาเขียนต่อโดยด่วนๆ เลยน่ะ หนุกดีๆๆๆ  ;D

Offline *Aee-ViPeR-MR2*

  • Full Member All Thailand Championship Racer
  • ***
  • Posts: 206
  • +Aee-ViPeR-w/curly hair ^^+
Re:Living on A Prayer....
« Reply #53 on: June 16, 2005, 06:34:30 pm »
อัพหั้ยไวนะพี่หย่าย รออยู่คับ  8)
+*~*+เอ๋ซัง+ทูจัง+*~*+ -Aee-ViPeR-AKA-Vp-ViPeR-LoVe-Two-JuNg-ViPeR-ถูก-EVISU+ViPeR-ครอบงำ!- ดริฟท์คือการควบคุมรถขณะที่รถกำลังจะอยู่เหนือการควบคุม

Win_GuMP

  • Guest
Re:Living on A Prayer....
« Reply #54 on: July 28, 2005, 04:12:52 pm »
ให้ วัย ๆ

Offline Yai_GuMP

  • Amateur Racer
  • *
  • Posts: 25
  • I'm Cowboy From Hell
Re:Living on A Prayer....
« Reply #55 on: January 31, 2006, 05:07:51 am »

 
    เมื่อทั้งสอง ทานบะหมี่เสร็จเรียบร้อย ก็กลับเข้าไปในบ้าน แบงค์หยอบโช้คขึ้นมา
กำลังจะใส่ แต่มือก็ค้างอยู่แบบนั้น มองไปทางเดียร์ ที่ยืนเหม่อหน้ารถCRXคันเก่า

 "ถ้าพ่อกูไม่มาเล่นรถแต่ง หรือมายุ่งเกี่ยวกับวงการนี้ ก็คง.." เดียร์ยังพูดไม่ทันจบ
แบงค์ตะโกนขึ้นมาขัดคำพูดที่รู้ว่าเดียร์จะพูดอะไรต่อ

 " เดียร์ กูรู้มึงยังทำใจไม่ได้ ถึงจะเป็นเวลานานมากแล้ว แต่มึงเคารพพ่อมึง มึงรักพ่อมึง
มึงก็ต้องเคารพในสิ่งที่เขาทำ รักในสิ่งที่เขารัก

    การที่เขาชอบรถ รักรถ แข่งรถ นั่นก็หมายความว่าเป็นสิ่งที่เขาเลือก มึงพูดแบบนี้
เท่ากับไม่ให้เกียรติพ่อตัวเองนะโว้ย"

 เดียร์หันไปทางแบงค์แล้วขว้างกล่องโช้คใส่แบงค์

 "แล้วยังไงวะ เป็นนักเลงใหญ่ เป็นเจ้าพ่อ บารมีมากมาย คนนับถือเยอะแยะ แล้วไง ตอนตายก็สภาพเหมือนไอ้ข้างถนนที่โดนรถชนตาย
 ศพยังจำแทบไม่ได้ ตัวเองตายไม่พอ ลากแม่กูมาตายไปด้วย ส่วนตัวกูก็ต้องหนีหัวซุกหัวซุน
ต้องเปลี่ยนชื่อ ต้องย้ายโรงเรียน ย้ายบ้านหนี
 ไปใช้ชีวิตต่างจังหวัดเหมือนไอ้พวกบ้านนอก เรื่องราว กิจการผิดกฏหมายเหี้ยอะไรก็ทิ้งไว้ให้กูรับผิดชอบ ตัวเองตายไปแล้ว จะมารับรู้อะไรวะ ตายไปแล้วก็สบายแล้วนี่"

  "ชีวิตที่เหมือนคนบ้านนอกนั่น มันเป้นชีวิตที่ทำให้มึงมาเจอกูนะเดียร์".....แบงค์ยืนขึ้น
จ้องหน้าเดียร์ที่กำลังตกใจกับสิ่งที่เพื่อนตัวเองพูด

 "กูรู้ กูเป็นคนบ้านนอก บ้านกูจน กว่าจะมีวันนี้ได้ พ่อแม่กู เหนื่อยลำบากขนาดไหน
กูรู้คุณค่าชีวิตกู กุรักชีวิตกูแบบนี้ ภูมิใจที่บอกใครๆว่ากูเป็นลูกชาวนา
 ลูกชาวนาที่ทำให้กูมีวันนี้ วันที่สามารถขับรถราคาเป็นล้านเล่นไปเล่นมากับมึง
ที่ดูถูกความเป็นคนบ้านนอกอย่างมึงได้"

  เดียร์พยามนึกคำพูดมาเถียงเพื่อนตัวเอง แต่เหมือนมีก้อนอะไรมาจุกที่คอ

 "แล้วมึงจะให้กูภูมิใจได้ยังไง จะให้กูป่าวประกาศ ยิ้มหน้าระรื่นได้เหรอ
 ว่าพ่อกูเป็นนักการเมืองมือสกปรก เป็นคนทำธุรกิจผิดกฏหมายที่
รัฐบาลต้องการตัวเป็นอันดับต้นๆของประเทศ?"
 
  .....หลังจากนั้น ต่างคนต่างนิ่งเงียบ ยืนนิ่ง

 แบงค์เป็นฝ่ายทำลายความเงียบขึ้นมาก่อนด้วยน้ำเสียงราบเรียบที่พยามสะกดอารมณ์

 "...มึงไม่เคยเล่าอะไรให้กูฟัง กูก็เคารพในตัวมึง เลยไม่ถาม ข้อมูลเกี่ยวกับมึง กูรู้เท่าๆคนอื่น แล้วมึงเคยมั้ย ที่จะเห็นกูเป็นเพื่อนสนิท
 แล้วเล่าอะไรให้กูฟังมากไปกว่าที่คนอื่นได้รู้ เดียร์?"

    เดียร์จึงเริ่มเล่าเหตุการณ์ครั้งสำคัญ และที่มาที่ไปของมันให้แบงค์ฟัง

                                                  .....................................................

 

Offline Yai_GuMP

  • Amateur Racer
  • *
  • Posts: 25
  • I'm Cowboy From Hell
....Blue Blood....
« Reply #56 on: February 01, 2006, 04:13:48 am »
                พ่อของเดียร์ เกิดมาในตระกูลที่ร่ำรวย เติบโตมากับลูกน้องของปู่ที่เป็นผู้มีอิทธิพลชาวจีนในสมัยนั้น ซึ่งเป็นพวกมือปืน และอันธพาลของก๊ก แก๊งต่างๆมากมายที่ถูกแบ่งแยกตามย่านต่างๆของกรุงเทพ ย่านพาหุรัด ย่านเยาวราช ย่านประตูน้ำ และย่านสะพานควาย
                 
                ต้นตระกูลของเดียร์เป็นเจ้าสัวที่ทรงอิทธิพลทางการค้าของย่านเยาวราชในขณะนั้น เป็นการร่ำรวยจากการค้าฝิ่น กว่ารัฐบาลจะประกาศให้ผิดกฏหมาย ตระกูลของเดียร์ก็ร่ำรวยจากการค้าฝื่นนี้จนเป็นที่รู้จัก และเริ่มสั่งสมอำนาจบารมีทางด้านลบมาเรื่อยๆเสียแล้ว ทั้งการเปิดซ่อง บ่อนพนัน และธุรกิจมือปืน พ่อของเดียร์ เมื่อโตขึ้น ก็ดูเหมือนจะเรียนรู้การทำธุรกิจพวกนี้มาจากปู่ได้เป็นอย่างดี มีหลายครั้งที่ลุกน้องไม่เชื่อฟัง เนื่องจากเห็นพ่อของเดียรื เป็นเด็กวัยรุ่นที่ดูสำรวย ไม่สามารถควบคุมพวกลูกน้องได้ มีการกระด้างกระเดื่อง
 ซึ่งหลายครั้ง พ่อของเดียร์ต้องพิสูจน์ตัวเองให้ลูกน้องเห็น ว่าสามารถฝากชีวิตไว้กับเขาได้

                การค้า และธุรกิจ ย่อมมีผู้ได้ประโยชน์และเสียประโยชน์ ในระดับผู้นำการค้าย่านต่างๆ ผู้มีความรุ้ด้วยกัน มักคุยกันอยู่แต่บนตึกที่สูง มีอาหารอร่อยๆ ตกลงเจรจากัน
แต่หารู้ไม่ ว่าข้างล่างตึกนั้น ลูกน้องของทั้งสองฝ่าย กำลังมีการปะทะกันอย่างต่อเนื่อง ฝ่ายตรงข้ามที่ว่านี้ คือตระกูลของนักธุรกิจชาวอินเดีย ที่คุมการค้าย่านพาหุรัด
                ค่อหน้าอย่าง ลับหลังอย่าง ..การที่มีมือปืนฝ่ายตรงข้าม มาเดินอ้อยอิ่งในพื้นที่ของตัวเอง มีหรือที่พ่อของเดียร์ที่กำลังร้อนวิชา กำลังจะได้รับมรดกธุรกิจของปู่มาไว้ในมือจะยอมได้ง่ายๆ
                 พ่อของเดียร์จับคนของนักธุรกิจขาวอินเดียพวกนั้นรุมซ้อมจนพิการ และส่งตัวกลับไป ทางเจ้าสัวพาหุรัด โกรธแค้นมาก เนื่องจาก1ในนั้นมีหลานชายของตัวเองด้วย
 จึงยกเลิกสัญญาที่จะไม่ก้าวก่าย ข้ามเขตการค้ากัน นับเป็นการประกาศสงครามของเจ้าสัวทั้งสองฝ่ายที่สะเทือนไปถึงย่านประตูน้ำและย่านสำคัญที่ต้องจับพวกให้ดี ไม่งั้นจะโดนลูกหลงไปด้วย
 
                ปู่ โกรธมาก ถึงขนาดขับไล่พ่อของเดียร์ออกจากตระกูล เพื่อเป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อการเป็นอัมพาตของหลานชายเจ้าสัวแห่งพาหุรัด
พ่อของเดียร์โกรธแค้นปู่มาก หนีออกจากบ้านไปโดยไม่มีอะไรติดตัวไปด้วย ลูกน้องของตัวเอง ก็ถูกปู่ริบคืนไปจนหมด  ไหนจะโดนมือปืนฝ่ายพาหุรัดตามฆ่าเนื่องจากความโกรธแค้น
 หนีกระเซอะกระเซิง ไปซบอกเจ้าพ่อที่ชลบุรี เข้าสู่วงจรมือปืนข้ามชาติ พ่อของเดียร์เป็นคนใจถึง ทำงานเด็ดขาด และรวดเร็ว ถูกใจเจ้าพ่อคนใหม่ที่ชลบุรีเป้นอย่างมาก ถึงขนาดส่งให้ไปร่ำเรียนต่อที่อเมริกา และดูแลกิจการบ่อนการพนันที่นั่นด้วย ซึ่งที่นี่เอง ที่พ่อของเดียร์ ได้พบกับกลุ่มนักวิ่งผิดกฏหมายที่มีเรื่องของยาเสพติด และการพนันเข้ามาเกี่ยวข้อง
 พ่อของเดียร์ชอบ และรักรถยนต์เป็นชีวิต การขโมยรถยนตืก็เป็นหนึ่งในธุรกิจที่ทำเงินได้ดี บางครั้งพ่อของเดียร์จะนำรถที่ถูกขโมยมา ไปขับเล่นจนพอใจ แล้วค่อยส่งให้นาย
 เมื่อกลับมาเมืองไทย จึงได้เป็นคนขับรถให้นาย เนื่องจากมีฝีมือขับรถที่เก่งกาจ และในสมัยนั้น สิ่งที่นิยมใช้ตามเก็บพวกเจ้าพ่อทั้งหลาย คือเอามอเตอรืไซค์ประกบแล้วยิง
นายของพ่อเดียร์ ตระหนักถึงเรื่องนี้ จึงให้พ่อเดียร์มาขับรถให้

               เมื่อกลับมาเมืองไทยอีกครั้ง พ่อของเดียร์คราวนี้เติบโตเป็นหนุ่มใหญ่เต็มตัว ความสุขุมเพิ่มขึ้นเยอะ แต่ความใจถึง ยังคงมี

Offline Yai_GuMP

  • Amateur Racer
  • *
  • Posts: 25
  • I'm Cowboy From Hell
....The dance of eternity....
« Reply #57 on: February 01, 2006, 04:19:56 am »


             พ่อของเดียร์กลับมาได้ไม่ถึง2อาทิตย์ ข่าวการเสียชีวิตของเจ้าสัวเยาวราช
ก็แพร่สะพัดไปทั่ว มีข่าวลือหนาหู ว่าเจ้าพ่อฝั่งชลบุรีมีส่วนเกี่ยวข้อง
การลงมือของคนร้ายรวดเร็ว
 และฉับไว ไม่มีพิธีการมากมาย วิธีการ ลักษณะเหมือนมือปืนจากต่างชาติ

               หลังจากนั้นไม่นาน การค้า ธุรกิจต่างๆในย่านเยาวราช
 ก็กลับมาเป็นของพ่อเดียร์ โดยไม่มีใครรู้ที่มาที่ไป
 มีคนยืนยันว่าเห็นเจ้าสัวแห่งชลบุรี มานั่งทานอาหารกับพ่อของเดียร์บ่อยครั้ง
  พ่อของเดียร์กลับเชิดหน้าขึ้นรับตำแหน่งท่ามกลางกระแสวิพากษ์วิจารณ์ของนักธุรกิจรุ่นเก่าที่เคารพในตัวปู่ของเดียร์ ถึงสาเหตุการตายของปู่ หลายคนถึงกับสาปแช่ง

               การตายของเจ้าสัวเยาวราช และการกลับมาขึ้นสุ่จุดสูงสุดของการค้าย่านเยาราช
สร้างความลำบากใจให้แก่เจ้าสัวเฒ่าแห่งพาหุรัดที่บัดนี้แก่ชราแล้วเป็นอย่างมาก
 จึงได้มีการดึงตัวลูกชายของตน ที่ใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศอังกฤษ กลับมาช่วยดูแลกิจการ
หวังให้สืบทอด และคุมเชิงกับพ่อของเดียร์อยุ่เนืองๆ

               พ่อของเดียร์ ไม่อยากลงมืออะไรกับเจ้าสัวเฒ่านี้มากนัก
เพราะก้ตระหนักได้ว่าเมื่อก่อน ตนก็เคยทำกับครอบครัวนี้ไว้มาก จึงได้แต่กำชับคนของตัว
ว่าอย่าไปยุ่งเกี่ยว
และได้ยินกิตติศัพท์ของชายที่จะมาสืบกิจการทางฝั่งพาหุรัด ว่า "โหดเหี้ยมไม่แพ้กัน"
ทั้งสองฝ่าย จึงเหมือนเลี่ยงๆที่จะปะทะกันอีกครั้ง

   แต่เจ้าสัวแห่งชลบุรี ไม่คิดเช่นนั้น การที่ตนดันให้พ่อของเดียร์กลับมาคุมย่านเยาราชที่เป็นถิ่นเดิมของตัวนั้น ก็เพื่อหวังกำไรและอำนาจ เมื่อเห็นทางฝั่งพาหุรัด กำลังจะมีการเปลี่ยนอำนาจ คือเจ้าสัวเก่าก็แก่ชรา คนที่จะมาแทน ก้ยังอ่อนหัด จึงคิดกำจัดเสียและฮุบเป็นของตนให้หมด วาดฝันไว้อย่างสวยหรู แต่ต้องพังทลาย เมื่อได้รับคำปฏิเสธจากพ่อของเดียร์

   พ่อของเดียร์ทิ้งระยะการทำสงครามไว้นาน บ้านเมืองเริ่มเปลี่ยนแปลง การขยับตัวของพวกผู้มีอิทธิพล ทำได้ยากขึ้น เงิน ดูจะมีความหมายมากกว่าอำนาจในเวลานั้น
เพียงแค่ดูแลกิจการไปเรื่อยๆ ก็สบายจะตายอยุ่แล้ว....นี่เป็นสิ่งที่ทั้งสองฝ่ายคิด
 
   ในช่วงเวลาหลายปีนั้นเอง ที่พ่อของเดียร์ได้ชักชวนให้แม่ของเดียร์ซึ่งพบรักกันตั้งแต่สมัยทำงานอยู่อเมริกา ให้มาอยุ่ด้วยกัน

 แม่ของเดียร์เป็นคนสวย เป็นลูกครึ่งอเมริกัน ญี่ปุ่น หน้าตาออกไปทางคนเอเชีย แต่ผมแดง ผิวขาวเนียน ตาสวย ไม่นานนักทั้งสองก็มีลูกด้วยกัน คือเดียร์

   เดียรืเริ่มเติบโตมาอย่างลุกคนรวยที่ต้องการอะไร ได้ทุกอย่าง พ่อของเดียรืพยามให้ในสิ่งที่ตอนเด้กๆตัวเองไม่เคยมี
  คือความรักและเอาใจใส่ลูก ที่ปุ่ไม่เคยให้ ปู่เป็นคนดุ แข็ง ไม่อ่อนโยน

 หลังจากมีลูก บทบาทด้านวงการนักเลงของพ่อเดียรืก็ลดน้อยลงไปตามลำดับ ลูกน้องหลายคนเริ่มอายุมากขึ้น และผันตัวไปทำอาชีพอื่นกันหลายคน

 และช่วงนี้เองที่เดียร์ได้ซึมซับสิ่งที่พ่อตัวเองถ่ายทอดมาให้เต็มๆ คือเรื่องการแข่งรถ นิสสัน240Z คือรถที่เดียร์นั่งมาแต่เด็ก กลางคืนบางวัน แม่จะพาเดียร์นั่งตัก และพ่อขับกินลมเล่น
ขับไปเที่ยวพัทยาบ้าง ไปหาเจ้านายพ่อบ้าง ซึ่งเจานายของพ่อก้ดูจะเอ็นดุเดียร์เป็นอย่างดี

Offline Yai_GuMP

  • Amateur Racer
  • *
  • Posts: 25
  • I'm Cowboy From Hell
Re:Living on A Prayer....
« Reply #58 on: February 01, 2006, 04:29:05 am »
............

  เดียร์ได้ไปดูการแข่งขันรถยนต์หลากหลาย ในโรงรถของพ่อ มีรถดีๆมากมายหลายคัน ที่มานับดุตอนนี้ถึงจะมีเงินก็ไม่ใช่รถที่จะหามาได้ง่ายๆเลย
ทั้งLamborghini Countach  หรือFord Mustangปีเก่าๆ  มีรถญี่ปุ่นเพียงไม่กี่คัน อย่าง240Z  พ่อของเดียร์ เคยบอกไว้ ว่าเป็นรถญี่ปุ่นที่ทำได้เทียบเท่า และดีกว่ารถอเมริกันบางคัน

  ในช่วงที่เดียร์อยุ่เพียงชั้นม.1 เกิดความเคลื่อนไหวของวงการผุ้มีอิทธิพลอีกครั้ง ที่สร้างความร้อนใจให้พ่อของเดียร์มาก เนื่องจากทางฝั่งพาหุรัด เจ้าสัวคนเก่าลงจากอำนาจและให้ลุกชายขึ้นนั่งอย่างเต็มตัว ลุกชายรุกหนักอย่างเต็มกำลัง ได้มือปืนฝีมือดีมาไว้ข้างตัวหลายคน ขยายเขตอิทธิพลของตนออกไป ฆ่าไม่เลือกหน้า ไม่เว้นแต่ตำรวจ
   พ่อของเดียรืที่บัดนี้มีครอบครัวเป็นภาระ ลูกน้อง กำลังคน มือปืนของตัวเองก้ลดน้อยลง พวกฝีมือดีๆก็แยกตัวออกไปทำอย่างอื่นหมดแล้ว ครั้นจะตามตัวกลับมา
 อายุอานามก็แก่กันมากแล้ว แถมมีครอบครัวเป้นภาระกันแทบทุกคน จึงตัดสินใจไปหาเจ้านายเก่าที่ชลบุรี เพื่อขอคำปรึกษาและกำลังคน

   เจ้านายที่ชลบุรี ยังรู้สึกเอ็นดู และยอมรับในความซืื่อสัตย์และเก่งกาจของพ่อเดียร์ในสมัยหนุ่มๆ จึงรับปากว่าจะพูดคุยกับทางฝั่งพาหุรัดให้ไม่มายุ่งเกี่ยวกัน

 แต่ฑูตเจรจาของทางเมืองชล กลับถูกยิงกลางแสกหน้าในห้องอาหารที่นัดเจรจากับทางพาหุรัด สร้างความโกรธแค้นให้เจ้าพ่อเมืองชลมาก จึงเริ่มการประกาศสงครามอีกครั้ง

 แน่นอน มีการพูดคุยให้เยาวราชซึ่งเป็นทัพหน้า ต้องร่วมมือด้วย พ่อของเดียร์ปฏิเสธไม่ได้ เนื่องจากบุญคุณที่เคยทำกันมาแต่อดีต

     ขณะเดียร์กำลังไปโรงเรียน คนขับรถยังต้องขับหนีมอเตอร์ไซคืที่ขับตาม  พ่อของเดียร์ทนไม่ไหว สวมวิญญาณมือปืนเหมือนสมัยยังหนุ่มอีกครั้ง
  กะตัดไฟแต่ต้นลม บุกเข้าหาตัวอุกฤษ เจ้าสัวของพาหุรัด ขณะนั่งทานอาหารในโรงแรม  ท่ามกลางฝูงบอดี้การืดและมือปืนมากมาย

     อุกฤษเองก้ไม่แพ้กัน สั่งลูกน้องออกไปข้างนอก และนีั่งคุยกันสองคน โดยมีปืนวางไว้บนโต๊ะทั้งคู่

 การเจรจาจบลง อุกฤษถูกยิงเฉี่ยวเบ้าตาซ้าย  พ่อของเดียร์ถูกยิงเข้าที่ไหล่ซ้าย ขณะหลบหนีออกจากที่เกิดเหตุ พ่อของเดียร์ จัดการมือปืนคนสำคัญของอุกฤษได้หมดทั้ง5คน

    เดียร์เล่าว่าหลังจากนั้นไม่นาน มีผู้ชายหน้าตาเป็นคนแขก หน้าตาดี มาพบเขาที่โรงเรียนขณะที่รอคนขับรถมารับที่โรงเรียน และชวนพูดคุย หยอกล้อกับเขา
 
    วันนั้นพ่อมารับ ชายแขกคนนี้ ยืนจ้องหน้ากับพ่ออยู่นาน ในที่สุดก็ยิ้ม และเดินจากไป

    เดียร์รุ้จากพ่อทีหลัง ว่านั่นคืออุกฤษ ศัตรูของพ่อ  ... ขณะนี้พ่อกลัว กลัวคนคนนี้มาก เพราะคนคนนี้ไม่มีจุดอ่อน ไม่มีครอบครัว ไม่มีคนรัก และคนคนนี้ทำได้ทุกอย่างที่ตัวเองต้องการ เงินไม่ใช่เรื่องสำคัญของชายคนนี้ ชายคนนี้จะทำในสิ่งที่อยากทำ
และจะชื่นชมกับผลงานของมัน  

    หลายคนอาจมองอุกฤษ ว่าเป็นหนุ่มนักเรียนนอกหน้าตาดี ความรู้สูง ดูภูมิฐาน แต่ลึกๆแล้ว  สัญชาตญาณสัตว์ป่า มันมากกว่าคนถ่อยที่ไม่มีการศึกษาบางคนเสียอีก

     ใครจะรู้บ้าง ว่าอุกฤษขึ้นชื่อเรื่องผู้หญิงแค่ไหน พอใจผู้หญิงคนไหน เป็นต้องได้มาขึ้นเตียง
ไม่ว่าจะชักชวนหลอกล่อ ใช้เงิน  วางยา หรือบังคับ วิะีวางยา อุกฤษไม่ค่อยชอบ เนื่องจากเหยื่อจะสลบไสลไม่รู้ตัว ไม่มีการต่อสู้ขัดขืนให้เขาได้ออกแรงให้สมกับเป็นผู้ชนะ
  ไม่เว้นแม้แต่ลูกสาวของเพื่อนพ่อตัวเอง หรือคนในครอบครัวิของลูกน้องตน หากพอใจ ก็จะเดินตามเข้าบ้านไปแล้วจัดการให้สมใจอยาก โดยที่ไม่มีใครแม้แต่คนเดียวจะคิดห้ามปราม เพราะขัดขวางอารมณ์ของสัตว์ป่าแบบนั้น หมายถึงชีวิตของตนทีเดียว

      หรือเหยื่อที่เป็นเป้าหมายเล่นงานที่ได้รับมอบหมายให้กำจัด เขาก็จะเล่นกับเหยื่อจนทรมานอย่างที่สุด หวาดกลัว และดิ้นรนจนสิ้นหวัง  ใบหน้าของคนสิ้นหวัง
 อุกฤษเคยบอกว่าชอบมากที่สุด เหตุนี้ พ่อของเดียร์ถึงได้หวั่นกับอุกฤษนักหนา เพราะมันเป็นโรคจิต อย่างเขามันก็มีแค่ใจที่บ้าระห่ำ แต่กับคนโรคจิตที่พูดไม่รู้ฟัง อาจตกลงกันยาก
 เขาจึงเลี่ยงที่จะไม่ปะทะกันมาจนถึงเวลานี้

Offline Yai_GuMP

  • Amateur Racer
  • *
  • Posts: 25
  • I'm Cowboy From Hell
...Black Star....
« Reply #59 on: February 01, 2006, 04:29:56 am »
   ค่ำวันหนึ่ง หลังจากไปงานเลี้ยงกลับมา เดียร์หลับอยู่บนเบาะหลังของรถเบนซ์เอสคลาสคันโต  พ่อขับ เปิดเพลงเบาๆฟังมาตลอดทาง เดียร์รู้สึกตัวตื่นเมื่อได้ยินเสียงพ่อเร่งคันเร่งและเบรคแรงๆเป็นระยะ

         เดียร์โผล่หน้าออกไปดูกระจกหลัง เห้นแสงไฟส่องเข้ามากระทบหน้า เขาดุไม่ออกว่าเป็นรถอะไร แต่แม่หันกลับมาดึงเขาลงให้นอนลง

        พ่อขับเร็วมาก ปาดซ้าย ขวา เบรคหนักๆสลับกับเร่ง รถคันนั้นตามติดท้ายตลอดไม่มีผ่อน ในที่สุดเลนกลางเป็นรถคอนเทนเนอร์ขนาดใหญ่ รถคันนั้นตีขึ้นมาเทียบขวา
  เป็นรถสปอรืตสีดำคันใหญ่ ที่เดียร์ได้รับเป็นของขวัญวันเกิด โตโยต้าซูปร้า  คนขับที่อยุ่ในรถคันนั้น เป็นชายหน้าแขกคนนั้นนั่นเอง

         ข้างน้าของพ่อเดียร์ มีรถขับช้ามากอยุ่เลนซ้ายสุด และพอพ่อกำลังจะผ่านมันไป รถคันนั้นหักเข้ามาเลนกลาง ขณะนั้นความเร็ว200กว่าๆแล้ว พ่อเดียร์จะตบออกขวา แต่ไม่ทัน
ซูปร้าอาศัยเครื่องยนต์ที่แรงกว่า เหวี่ยงออกข้างขวาขึ้นมาปิดที่ไว้อย่างรวดเร็ว พ่อเดียร์เบรคลั่นถนนยาวหลายเมตร รถเริ่มเสียหลัก เดียร์เห็นพ่อกำลังพยายามแก้อาการของรถ
 ในที่สุดหน้ารถของพ่อเดียร์ก้ไปเกี่ยวกับกันชนหลังของรถคันหน้า ทำให้รถหมุนคว้าง

        ยางรถนั่งธรรมดา คงทนสภาพการขับขี่แบบนี้ไม่ไหว รถหมุนแบบไร้ทิศทาง ขณะกำลังพยายามประคองควบคุมรถ เดียร์ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด เสียงพ่อและแม่ร้องเอะอะกันอยุ่เพียงไม่กี่วินาที แล้วก็ตามมาด้วยเสียงที่ดังที่สุดในชีวิตของเดียร์ คือรถชนเข้า....ไม่ช้าทุกอย่างก็สงบเงียบลง

  เดียร์ค่อยๆลืมตาจากเบาะหลังที่ตนเอาหน้าซุกอยุ่ มองผ่านคอนโซลกลาง ทะลุไปยังกระจกหน้า เห็นฝากระโปรงรถเปิดอ้าจากทางด้านข้าง มีควันขึ้นขาว ในรถเต็มไปด้วยแอร์แบีคสีขาว เขาหันไปดูแม่ที่นั่งนิ่งหน้าซบกับแอรืแบคที่กางออกมา ส่วนพ่อนั่งหงายหน้าคอพับไปทางด้านขวา และเขาเริ่มเห็นเลือด ไหลออกจากจุดเล้กๆสีแดงๆบนตัวพ่อ  เด็กม.ต้น ไม่โง่พอที่จะไม่รุ้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวตัวเอง

     เขามองออกจากกระจกข้าง กลั้นน้ำตาเอาไว้ มองเห็นซูปร้าสีดำนั้นจอดอยุ่ไม่ไกลมากนัก มีคนเดินลงมาสองคน เดินมาทางรถ

   เดียร์ไม่รู้จะไปอยุ่ส่วนไหนของโลก เขากลัว เขาเก่งเต้มที่ก็แค่เรื่องชกต่อยกับเพื่อนฝูง แต่เจอกับความตายแบบนี้เขาไม่รู้จักมัน เขากลัว ไม่รู้จะทำอย่างไร จึงเอาสัมภาระข้างหลังรถ มาห่มๆ และคลุมตัวเอาไว้ และนอนนิิ่งสนิทกับพื้นรถ

    "มันตายรึยังวะ..." เสียงหนึ่งดังขึ้น พร้อมเปิดประตูรถทางฝั่งพ่อเดียร์

    "มีเหรอจะรอด ห่า ดูดิ เข้าตรงไหนมั่ง รอดได้ก็เกิดคน...

 ยังไม่ทันสิ้นเสียง มีเสียงปืนดังขึ้นนัดหนึ่ง คนที่พูดยังไม่เสร้จ ร้องเฮือก..เอามือคว้าคอเสื้อพ่อเดียรืไว้ แล้วล้มฟุบลงกับพื้น

    พ่อ...เดียร์ตะโกนในใจ พ่อยังไม่ตาย...

 เสียงพ่อตวาดดังลั่น "มึง ไอ้ขี้ขลาด เก่งจริง มึงอย่ามาทำกับครอบครัวกูสิวะ" มีเสียงปืนดังอีกสองนัด มีอีกนัดซ้อนขึ้นมา แล้วมือพ่อก้ตกลง

   คนยิงคืออุกฤษ ก่อนเดินกลับไปที่รถ เขายืนสวดพึมพำอะไรสักอย่างหน้าร่างของพ่อ ก่อนทิ้งท้ายถึงพ่อ ว่าเป็นผู้ชายที่น่ากลัวที่สุดในชีวิต


                    เดียร์เป็นคนโทรหาเจ้านายของพ่อที่ชลบุรี จากโทรศัพท์มือถือของพ่อ เจ้าสัวตกใจมาก รีบบอกให้เดียรืทำตัวอย่างไร เขารับปากว่าจะจัดการทุกอย่างให้
 ไม่นานก้มีรถตำรวจไม่เปิดไซเรนวิ่งมารับเดียร์ขึ้นรถ  เดียร์ร้องไห้โวยวายไม่ยอมออกจากที่เกิดเหตุ แต่คนที่มารับเดียรื จุดไฟเผารถที่มีทั้งพ่อและแม่ของเขาอยู่ในนั้น
เขาร้องไห้อย่างบ้าคลั่ง จนหมดสติไป

 
            ........"จากนั้น กุก็ถูกส่งไปอยุ่กับญาติของท่านเจ้าสัวคนนั้นแหละ แล้วก้ไปเรียนที่เดียวกับมึง ถึงได้เจอมึงไงแบงค์.."

           แบงค์รับคำ...แล้วเงียบ จะให้เดียร์เล่าต่อ

        "เจ้านายพ่อกูก็เป็นคนไปเคลียรืเรื่องราวทั้งหมด ให้ออกข่าวหนังสือพิมพ์ว่ารถเกิดอุบัติเหตุ แต่ศพพ่อกับแม่นำออกจากรถไปแล้วถึงเผา กุไม่รุ้เรื่องเอง

   เพราะถ้าหนังสือพิมพ์มาลงว่าเป็นการฆ่ากันของแก๊งค์ พวกแก๊งค์จะขับตัวแก้แค้นอะไรก็ลำบาก"

         "จากนั้นก็จัดการเรื่องกูว่ากูก็ตายไปด้วยในรถคันนั้น เจ้านายพ่อกูต้องการให้มันเข้าใจอบบนั้น จะได้ไม่มีการรังควานตามหากันอีก เพราะถ้ากูโตไป มันกลัวว่าจะเกิดเรื่องซ้ำรอยเหมือนรุ่นพ่อกู"

          "ส่วนเรื่องกิจการต่างๆ ทางอุกฤษ ก็เอาอะไรไปไม่ได้เลย เหมือนมันจะไม่สนใจอะไรอยู่แล้ว เพียงแค่เหมือนแค้นพ่อกู อยากเอาชนะให้ได้เท่านั้นมากกว่า  สุดท้าย เจ้านายพ่อกูก็จัดการดูแลให้ ตอนนี้เขาก็ยังจัดการให้อยู่ และรอจนกูโตพอที่อยากจะเข้ามาทำ หรือรับตำแหน่งได้ เขาจะคืนให้กู ซึ่งกูยังไม่เห็นความจำเป็นต้องเอามา  แค่รับค่าเลี้ยงดูจากเขา ปีนึงก็คิดไม่ออกว่าจะใช้ยังไงให้หมดแล้ว  และเขาก็แฮปปี้ เพราะเขาก้ได้เงินเพิ่มจากการที่มาดูแลส่วนของพ่อกูเห็นๆ..."

           "แต่ทีนี้ มันมีพวกลูกหลานของทางด้านอุกฤษนี่สิ ที่เล่นรถแต่งเหมือนเรา
โตมารุ่นๆเดียวกับเรา และรับรู้เรื่องราวต่างๆจากตระกูลมันมากันเต็มๆ
ซึ่งกูไม่รู้ว่าเป็นพวกเดียวกับที่มาหาเรื่องมึงในครั้งนั้น หรือเรื่องของคนที่ขับซูปราคันนั้นก็ด้วย ที่มาพูดอะไรแปลกๆ  
แต่กุว่านั่นไม่ใช่อุกฤษ แต่รถ น่ะใช่แน่ๆ"
« Last Edit: February 01, 2006, 04:36:02 am by Yai_GuMP »