สอบถามพี่ ๆ คับ

[kumiko]

เนื่องจาก ผมได้มีโอกาศในสิ้นเดือนนี้ ว่าจะไปลงสมัครแข่ง FF club
จึงอยากสอบถามพี่ ๆ ว่า มีข้อแนะนำ ในการขับของสนามอย่างไรบ้างคับ
เพราะการขับนั้น ต้องมีจุดเบรค และการเปลี่ยนเกียร์ที่ตรงไหนอย่างไร
และรถต้องทำการปรับมุมล้อ สักเท่าไหร่คับ เติดลมเท่าไหร่

ผมเป็นมือใหม่นะคับ อยากแข่งในสนามแบบพีระ
ครั้งนี้ใช้รถ 5a set bo คับ
ไม่มีเงินจะไปซื้อพวกรถ ยาริด นะคับ เลยต้องลงแข่งแบบนี้ไป
รถผม โซลูน่า คับ และน้ำมันเครื่อง น้ำมันเบรค ควรใช้เกรดแบบไหนดีคับ
เพราะเห็นมีคนเตือนว่าวิ่งพีระ ระวังฮีต คับ

และผมควรจะฝึกอะไรบ้างคับจะได้ช่วยพัฒนาตัวเองขึ้นไป
การลงแข่งครั้งนี้และครั้งต่อ ๆ ไปผมไม่คิดว่าจะต้องได้รางวัล
แต่เพื่อจะให้ได้ทักษะ และการพัฒนาการขับแบบสนามปิด
แค่ขอขับให้มันดีกว่าครั้งที่ผ่านมาก็พอคับ เพราะคิดว่าคงจะสู้พวกที่เค้าแข่งมานานได้ลำบาก

ขอให้พี่ ๆ ทุกคนแนะนำด้วยนะคับ
ขอบคุณคับ

[O'Pern]

ยินดีให้คำแนะนำเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะมือใหม่

ผมไม่ทราบว่าพื้นฐานคุณมากน้อยเพียงใด แต่หากออกตัวว่าเป็นมือใหม่ ผมจะให้คำแนะนำขั้นพื้นฐานทั้งหมด

สภาพรถ
- เอาของทุกอย่างที่ไม่จำเป็นออก ทำให้มากสุดเท่าที่จะทำได้ ในขณะที่เราไม่ลำบากใจ หากเป็นรถบ้านก็ไม่ต้องถึงกับรื้อเบาะหลังหรอก มันหนักไม่เท่าไหร่เอง / ลดน้ำหนัก Sprung Weight
- รถไม่แรงอย่าไปใส่ล้อ 17 - 18 ให้มันเปลืองน้ำหนักเปล่าๆ รถเล็กๆ มักจะแมทท์กันที่ล้อ 15 หรือแรงหน่อยก็แค่ 16 ก็พอ / ลดน้ำหนัก Unsprung Weight แต่มีข้อเสียคือ Contact Patch จะสวยสู้ยางใหญ่ๆ อย่าง 17 -18  ไม่ได้
- เลือกยาง Low Profile มาใช้ คือยางแก้มยาง ยิ่งบางยิ่งดี / ลด CG และลดการสวิงโยนข้าง
- ทำตัวรถให้ต่ำสุดเท่าที่จะทำได้ โดยขับแล้วไม่ลำบากเกินไปนัก / ลด CG
- ตรวจเช็คสภาพเครื่องยนต์ ช่วงล่าง ให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ที่สุด อย่าละเลยกับชิ้นส่วนที่โยกแกว่งได้ จับมัดให้แน่น เช็คข้อต่อท่อยางทุกชิ้น อย่าลืมขั้วแบตฯ นี้คือต้นเหตุของไฟไหม้

การฝึกซ้อม
- หานาฬิกาจับเวลามาใช้ร่วมกับการทดสอบ หาคนกดนาฬิกาที่แม่นๆ หน่อยมาด้วย
- เริ่มจากเรียนรู้ไลน์ รถแต่ละคันขับไม่เหมือนกัน (หากจะดึงเอาสมรรถนะสูงสุดของรถออกมา) เรียนรู้ว่ารถเราต้องขับอย่างไร ไลน์ไหนถึงจะเร็วที่สุด
- หาความเร็วสูงสุดที่ทำได้ในแต่ละโค้ง แล้วจำไว้
- เรียนรู้กริปของยางว่ามันยึดเกาะได้มากน้อยเพียงใด
- หัดเบรกให้เป็น คือเบรกให้ถึง Thread Hold คือกดแล้วล้อเกือบจะล็อคนั้นแหละ หากมี ABS จะดีมาก เพราะถ้าคุณใช้มันเป็น (และเป็นรถที่ใช้ ABS คุณภาพสูง) คุณจะเบรกได้ลึกกว่าปกติเสียอีก / มีคนที่อยากเป็นนักแข่งจำนวนมากที่เบรกยังไม่เป็น แถมยังถอด ABS ออกอีก ฮ่าๆ (แซวเฉพาะกรณีเอารถบ้านมาแต่งซิ่งลงแข่งนะจ๊ะ  ;D)
- หากทำได้ตามข้างต้นทั้งหมด คุณก็จะเป็นนักขับที่ฝีมือใช้ได้ในระดับหนึ่ง ขั้นต่อไปมีสองแนวทางคือ
1 ตกแต่งรถเพิ่ม
2 ฝึกเทคนิค และ แทคติค

ตกแต่งรถเพิ่ม
- เรียนรู้ระบบเกียร์ เฟืองท้าย ร่วมกับขนาดล้อและยาง ซีเรียสกันจริงๆ ก็จะต้องมีการทำเฟืองเกียร์ใหม่ ทดเฟืองท้ายใหม่ แต่ถ้าไม่ทำก็ผ่านเลยไปได้ มันใช้งบเยอะ
- ช้อคฯ สปริง หากเลือกกันแบบงบน้อยก็ขอเป็นแบบที่มันหนืดๆ หน่อย ปรับระดับได้ก็ดี เพราะยังไงก็ต้องมา Fine Tune อีกทีตอนซ้อมอยู่แล้ว อ้อ ขอช้อคฯสปริงแบบที่มาพร้อมกัน 4 ตัวนะ ไอ้ที่บอกหน้า Tein หลัง HKS หรืออะไรทำนองนี้ แล้วมาคุยว่าตามสูตรน่ะ เอาไปไกลๆ หน่อย (อันนั้นเขาเอาไว้คุยหลอกเด็ก ที่จริงน่ะคือมันหาของครบๆ มาไม่ได้ ก็เท่านั้นเอง) อ้อ หลีกเลี่ยงของแต่งไม่ตรงรุ่นด้วย
- บูชยาง ของเดิมโอเคก็ผ่านไปได้ แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นบูชยูรีเทนก็จะขับดีขึ้นอีก
- Strut Bar นั้นเป็นของดีที่เหมาะกับรถแข่ง แต่หาแบบที่มันค้ำมากกว่า 2 จุดซ้ายขวามาใช้นะ
- Roll Cage อันนี้ดีแน่ ปกป้องชีวิตคน ทำให้ตัวรถแกร่งขึ้นอีก จะใส่ไหมก็แล้วแต่คุณ
- Racing Seat นี้เหมาะมากกับการขับในสนาม ลองแล้วจะติดใจเลยแหละ ปรับเบาะให้ต่ำลงมากที่สุดในขณะที่ยังคงควบคุมรถได้ดีอยู่ดังเดิม
- Race Suit ถ้าเขาบังคับก็ต้องใส่ แต่ผมไม่ชอบ มันร้อน แถมฉี่ลำบาก อิอิ
- พวงมาลัยลงเล็กก็จะทำให้คุมรถได้ไวขึ้นมาอีกนิด เลือกแบบที่ถนัดมือก็พอแล้ว
- ปรับแต่งแป้นเบรก และคันเร่งให้วางเท้าเพื่อรองรับเทคนิคการขับแบบ Heel & Toe (หากไม่ใช้ก็ไม่ต้องทำ หรือรถบางคันอาจไม่ต้องดัดแปลง)
- ดื่มน้ำบ่อยไหม ผมเป็นคนที่ดื่มน้ำมาก ผมมีถุงใส่น้ำดื่มพร้อมหลอดดูดไว้ในรถตอนแข่ง  ;D

เทคนิค&แทคติค
เทคนิค
- สำคัญสุดก็คือ Heel & Toe ทำให้คล่อง ทำให้ไว คือหากทำเป็นก็จริง แต่มันช้า ทำเวลาต่อรอบได้ช้ากว่าเดิม อันนี้ก็อย่าไป Heel มันเลย เสียเวลาเปล่าๆ Heel & Toe ที่สมบูรณ์แบบคือรถจะนุ่ม นิ่ง ไม่มีกระตุกจนเสียจังหวะ
- หากขับรถจนเกิดอาการสไลด์ ให้หันพวงมาลัยชดเชยไปในทิศทางที่ท้ายรถไหล อย่าตกใจร้อนรน จังหวะนี้อาจเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย กำแพงพีระฯไม่ห่างจากแทร็คเท่าใดเลย จังหวะชดเชยพวงมาลัยนี้อาจถอนคันเร่งหรือไม่ก็ได้ มันมีหลายปัจจัยเสริม เช่น หากโดนสะกิดท้าย โดนดันนิดหน่อย ขณะเรานำอยู่ แบบนี้ก็ไม่ต้องยกหรอก ชดเชยพวงมาลัยคุมรถให้อยู่แล้วก็ขับต่อไป แต่หากเราหลุดนอกแทร็คไปแล้วก็ยกเสียหน่อยก็ดี พอคุมรถได้แล้วค่อยเร่งกลับเข้าแทร็ค
- รู้รอบเครื่อง รู้รอบแรงบิด รอบแรงม้าสูงสุด รถแต่งมาแรง แต่ไม่รู้รอบ ก็เท่านั้น คือแรงจริง แต่ลงสนามแล้วแพ้ชาวบ้านเขา แบบนี้มีเยอะ เปลี่ยนเกียร์ในช่วงที่เกินรอบแรงม้าสูงสุดไปสัก 200 รอบจะเป็นการดี (ลองดู รถคุณอาจใช้รอบต่ำกว่านี้ บอกแล้วไง แต่ละคันขับไม่เหมือนกัน)
- ถ้าขับสนามสั้น โค้งเยอะ เปลี่ยนเกียร์มาก ก็สามารถปรับแต่งแป้นคลัตช์ให้มันกดไม่ต้องสุดก็เข้าเกียร์ได้ อย่างเช่นใน BRC แต่ถ้าเป็นสนามพีระก็คงไม่ต้องทำ หรืออยากจะทำ ก็สามารถทำได้ หากคุณชอบมัน
- หากทำ No Clutch Shift เป็นก็ดี อันนี้เผื่อไว้กรณีคลัตช์พังจะได้ขับรถกลับพิทได้ ไม่ต้องลากกลับ

แทคติค
- ซ้อมการขับหลายๆ ไลน์ (Early / Mid / late Apex)
- ซ้อมการเบรกหลายๆ จุด (ลึก ตื้น ซ้าย ขวา)
- เรียนรู้การบัง กัน ปิดไลน์
- วางแผนการแข่ง กำหนดจุดแซงที่เราคิดว่าทำได้ เรียนรุ้จุดอ่อนของสนาม จุดอ่อนของคู่แข่ง (อันนี้อาจต้องมีทีมช่วย)


รถที่สมบูรณ์มันไม่ฮีทง่ายหรอกครับ ขอให้ทำระบบระบายความร้อนให้ดี เริ่มจากใบพัดของพัดลม องศาของใบพัด สำคัญสุดและคนส่วนใหญ่ละเลยคือโกร่งพัดลม ที่เหลือก็คือคุณภาพของหม้อน้ำ และคูลแลนท์
- อ้อ อาจฮีทได้บ้างในกรณีขับรถดูดท้ายกันแบบ Draft / Slip Stream แต่มันก็ทำได้แค่ช่วงทางตรงสั้นๆ เท่านั้นเอง

เรื่องศุนย์ล้อ การเติมลม คุณจะได้เรียนรู้ตอนซ้อมครับ ทุกอย่างเริ่มจากค่ามาตรฐาน แล้วค่อยปรับแต่งพร้อมกับจดบันทึกไว้ว่า เซ็ทติ้งแบบไหนที่เหมาะกับเรา ที่เราชอบ อย่างที่บอกแหละ รถแต่ละคันขับไม่เหมือนกัน แถมยังเซ็ทไม่เหมือนกันด้วย
- รถของชูมัคเกอร์ กับบาริเคโล่ ตอนอยู่ Ferrari ก็เซ็ทต่างกันมากเลย อยู่ทีมเดียวกันแท้ๆ แถมซ้อมด้วยกัน ขับสนามเดียวกัน เวลาเดียวกัน พร้อมกันอีกด้วย เห็นไหม



ขอให้ประสบความสำเร็จครับ

[Mokan]

สำหรับมือใหม่ที่ไม่เคยลงสนาม Road racing ไม่ว่าจะสนามพีระฯ หรือ Monza ก้อแล้วแต่ ถ้าจุดประสงค์นั้นคือต้องการเป็น"นักขับ" ในช่วงแรกขอให้เน้นไปในเรื่องการขับเสียก่อน อย่าเพิ่งพะวงกับเรื่อง Set-up ของรถ เพราะตรงนั้นมันจะเริ่มจำเป็นหลังจากที่ทักษะในการขับที่ดีของเรานั้น develop ขึ้นมาแล้ว นักขับมือใหม่ส่วนใหญ่ไปมุ่งหวังและมุ่งมั่นกับการ Set-up ของรถในขณะที่ตัวเองนั้นยังขับรถไม่ถูกวิธี แล้วเกิดความสับสนเองว่า ตกลงที่ขับได้แย่นั้น มันมาจากรถหรือจากตัวเอง และแน่นอน ส่วนใหญ่โทษรถ :P

การขับนั้นไม่ใช่เรื่องยากเกินกำลังของการเรียนรู้ เรื่อง "ไลน์" (Racing line) ของสนามนั้นไม่ต้องขับแค่ยืนดูก้อพอจะดูออกว่าไลน์นั้นอยู่ตรงไหน (ถามเซียน Gymkhana ดูในเรื่องการดูไลน์) สิ่งที่คนขับต้องเรียนรู้มากกว่าเรื่องไลน์นั้นคือ ลิมิตของรถ ต้องเรียนรู้ให้ได้เสียก่อนว่า ลิมิตของรถตัวเองในแต่ละส่วน ไม่ว่าจะเป็นในทางตรง สุดทางตรง จุดเบรค จุดเลี้ยว ในระหว่างโค้ง ออกจากโค้ง ฯลฯ นั้นมันอยู่ตรงไหน รถเราทำอะไรได้ หรือไม่ได้อย่างไร จุดอ่อนจุดแข็งของรถ เกียร์ที่เราใช้ในแต่ละจุด ความสามารถในการเบรค สิ่งต่างๆเหล่านี้จะเป็นตัวบอกว่ารถเราสามารถทำอะไรได้แค่ไหน พอเรารู้ซึ้งในรถของเรา และเรียนรู้การใช้รถให้สุดลิมิตของมันได้ จากนั้นจึงมาขยับในเรื่อง Set-up เพื่อปรับปรุงความสามารถของรถให้เพิ่มขึ้น

จริงอยู่ ในตอนเริ่มต้น ย่อมต้องมี Initial Set-up เพื่อให้รถเปลี่ยนสภาพจาก Road Duty มาเป็น Racing Duty แต่การ Fine tune นั้นยังไม่ใช่สิ่งที่ต้อง"ทุ่มเท"ในขณะนี้ จนกว่าจะ"ขับเป็น"เสียก่อน อ้อ...อย่าเข้าใจผิดระหว่างคำว่า "ขับได้"กับ"ขับเป็น"ล่ะ

การเตรียมรถให้พร้อมสำหรับสนามนั้น ในด้านเครื่องยนต์ ถ้าไม่เคยมีปัญหาอะไรมาก่อน ก้อไม่น่าจะมีปัญหาในสนาม แต่ของเตือนว่าในสนามนั้น เครื่องยนต์จะทำงานที่รอบสูงประมาณ 4000 รอบขึ้นไปซะส่วนใหญ่ ในขณะที่เวลาปกติเราจะคลานอยู่ในรอบต่ำบนถนน เพราะฉะนั้นอาจจะเห็นเข็มความร้อนขึ้นไปแกว่งอยู่ข้างบนบ้างในสนาม แต่ปัญหาส่วนใหญ่ไม่ได้จากระบบระบายความร้อนเท่าไหร่นัก (ติ๊ต่างว่าปั้มน้ำและท่อน้ำ หม้อน้ำ ยังอยู่ในสภาพที่ดีนะ) ส่วนใหญ่ปัญหาจะมาจากลมผ่านเข้าหม้อน้ำไม่เพียงพอ หลายๆคนอาจจะงงว่า รถวิ่งเร็วแล้วทำไมอากาศไหลผ่านไม่พอ ถ้าจะให้อธิบายจะยาว เอาเป็นว่าพฤติกรรมการไหลของอากาศในความเร็วต่ำกับความเร็วสูงนั้นมันต่างกันมากละกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งบนตัวรถ

สิ่งที่จะมีปัญหากันประจำเวลาเอารถบ้านไปลงสนามก้อคือ เบรค 95% ของคนที่เอารถไปลง Club race จะมีเบรคใช้กันได้ไม่เกิน 5 รอบ หลังจากนั้นแล้วเบรคจะจมหาย เนื่องจากเบรคร้อนซะจนน้ำมันเบรคเดือด กรณีนี้แม้แต่ ABS ก้อไม่เว้น ปัญหาการระบายความร้อนให้เบรคเป็นปัญหาใหญ่ของรถ Club race เนื่องจากส่วนใหญ่ใช้เบรคเดิม จานเบรคเล็ก ทำให้ไม่สามารถทำท่อลมเข้าไปเป่ากลางใบจานจากข้างหลังได้ การเป่าตัวจานหรือคาลิเปอร์ไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก ยิ่งถ้าเป่าจานเพียงหน้าเดียวยังมีโอกาสที่จานเบรคจะแตกได้ เนื่องจากความร้อนที่ต่างกันของหน้าจานทั้งสองหน้า ถ้าใช้จานเบรคเดิมแต่มีความอุตสาหะในการทำ brake ducting ปเป่าจานก้อจะดี ถ้าเปลี่ยนจานใหญ่ขึ้นก้อจะทำได้ง่ายขึ้น อ้อ...จานเบรคน่ะ ไม่ต้องเจาะก้อได้ เซาะร่องก้อพอ เซาะให้ถูกทางละกัน

นอกนั้นแล้วอยากให้เน้นเรื่อง Safety เนื่องจากสนามพีระฯนั้นมีจุดอันตราย (ที่ทำให้ไม่ผ่านสเปคของ FIA) อยู่บางจุด Roll Bar เป็นอย่างน้อย Roll Cage จะดีมาก Seatbelt 4 จุด หรือ 5 จุดนั้นขาดไม่ได้ ถังดับเพลิงดีๆที่มีสายรัดและแท่นวางเป็นเหล็กจะดีกว่าแท่นวางเป็นพลาสติกหนีบ เพราะเวลารถชน กระแทก ตีลังกา ถังดับเพลิงอาจจะบินออกมาชนกะบาลได้ ชุดแข่งกันไฟนั้นไม่ใช่ของเว่อร์ มีไว้น่ะดี เพราะระบบดับเพลิงของสนามไม่ค่อยทั่วถึงและรวดเร็วนัก ส่วนหมวกกันน๊อคนั้น หาที่ดีที่สุดเท่าที่จะหาได้ อย่าใส่พวกครึ่งใบ ใบละ 350 บาท เพราะนอกจากจะไม่เพียงพอแล้ว ยังน่าทุเรศและน่าสมเพจอีกด้วย ทำรถได้เป็นแสนเป็นล้านแต่ไม่มีปัญญาหาหมวกกันน็อคดีๆใส่นั้นเป็นความอุบาทย์ อย่าทำตัวเป็นพวกสมองมีคุณค่าน้อย จำไว้ อุปกรณ์ Safety เหล่านี้คุ้มค่ามาก โดยเฉพาะเวลาวิ่งเข้ากำแพงที่ 140 km/h ผมลองมาแล้ว เชื่อเถอะ อย่าพิสูจน์ด้วยตัวเองเลย

เอาเท่านี้ก่อนละกัน มีข้อสงสัยอันใดถามได้  ;D

[kumiko]

ขอบคุณพี่ O'Pern และ Mokan มาก ๆ เลยคับ
อย่างที่บอกนะคับ ผมใหม่จริง ๆ จะทำตามอย่างที่พี่ ๆ บอกคับ

เรื่องเบรค ผมเปลี่ยนจานใหญ่ และเปลี่ยนคาลิปเปอร์และใช้ผ้าเบรค เกรดสูงแล้วคับ ตรงนี้กลัวเลยทำไปแล้ว พร้อมกับน้ำมันเบรคเกรดสูงกว่าปกติ ป้องกันไปในตัว พี่อาจจะว่าผมวิตกเกินไปก็ได้คับ

เรื่องโช้ค ก็ได้เปลี่ยนของ trd มาใส่มือ 2 นะคับ ครบทั้ง 4 ต้นแล้วคับ
ส่วนพวกโรบาร์ นี่ยังไม่ได้ทำคับ
หมวกกันน๊อค ซื้อมาแล้วคับ แต่ชุดแข่งนี่ยังไม่ได้ซื้อ สงสัยคงแพง ขอเก็บเงินก่อนนะคับ
เพราะหมดกับการทำรถบางส่วนไปบ้าง ไม่ได้ขอเงินที่บ้านมาทำนะคับ แต่คงซื้อเพราะว่าเค้า
บังคับให้ใส่ด้วยนะคับ

จริง ๆ ผมเคยได้มีโอกาสลงขับในสนามพีระบ้างนะคับ คือ มีพวกพี่ ๆ เค้าไปซ้อมกัน ผมเลยลงไปลองสนามบ้าง อยากทราบว่าโค้ง 100R นะคับ พี่เค้าบอกว่ารถขับหน้า เราจะต้องกดคันเร่งเดินไป อย่าปล่อย
เพราะว่ามันจะไม่มีแรงยึดเกาะ ไม่เหมือนขับหลังนะคับ ทีนี้ผมลองกดดู แต่ไม่กล้ากดมาก ๆ พี่เค้าบอกว่าให้กดเต็มเลย และไปให้ชิดขอบ เอเป็ก (พูดถูป่าว) ด้านซ้ายมือของเราและรถจะไปได้เร็วอีก
ตรงนี้พี่ ๆ มีอะไรจะเสริมให้ผมมั้ยคับ

ส่วนอีกอย่าง ตรงโค้ง s1 and s2 ผมเห็นบางคันเค้ากดออกตัวล้อนี้เอียดตรงขอบ track เลยคับ
เช่น พวกวีออส นะคับ แต่ตัวผมได้ลองไม่กล้า ได้แต่ปล่อยให้มันไหลไปก่อนพอพ้นค่อยกดคันเร่งออกมา ตรงนี้ผมผิดหรือว่า เข้าใจอะไรผิดมั้ยคับ พี่ ๆ แนะนำให้ด้วยคับ

เรื่องยาง ผมซื้อได้แค่ neova เพราะกำหนดการแข่งได้แค่เพียงใช้ยางตัวนี้ได้สูงสุดเท่านั้นคับ
และตัวนี้มันดีหรือป่าว ผมก็ไม่รู้ แต่เห็นคนที่ลง FF club ใช้กับทั้งนั้นเลยคับ

รบกวนพี่ ๆ อีกคับ :)

[O'Pern]

ข้อเสียอย่างหนึ่งของผมก็คือการขาดประสพการณ์ลึกๆ กับรถ FF ซึ่งผมควรจะต้องเรียนรู้กับมันให้มากยิ่งขึ้น ฉะนั้น ผมไม่ขอตอบในเรื่องการขับรถ FF แต่โดยปกติของไลน์แล้ว เราควรวางตำแหน่งรถให้มันชิดกับ Apex เสมอ ส่วนจะเป็น Early / Mid / Late ก็ค่อยมาว่ากันไปตามสถานการณ์นั้นๆ
- เอาเป็นว่าคุณสามารถขับแบบใด ไลน์ใดก็ได้ หากมันสามารถทำเวลาต่อรอบออกมาได้ดี เท่านี้ก็โอเคแล้ว จริงไหมครับ

ผมมีคอมเมนท์สั้นๆ สำหรับโค้งเอสสองอันในพีระดังนี้
- S1 เป็น S ที่เข้าได้เร็ว
- S2 เป็น S ที่เข้าได้ช้า

นี้คือคีย์ เอาไปตีโจทย์ให้ออก แล้วหาทางขับผ่านมันไปให้ได้

ส่วนเรื่องการขับแบบปีนแบงค์นั้นเป็นการขับที่นิสัยไม่ดี แต่มันห้ามกันยาก เพราะใครปีนก็เท่ากับลดไลน์ของโค้ง ทำให้มันเป็นเส้นตรงได้ แม้จะอีกนิดหน่อยก็มีผลเยอะ ฉะนั้น เขาจึงทำให้ขอบแบงค์มีลักษณะเป็นลอนๆ เพื่อที่จะลดความเร็วของรถที่วิ่งผ่าน คือ เอ็งสามารถผ่านได้ ปีนได้ แต่รถเอ็งกระแทก เสี่ยงต่อยางแตก (ถ้ามาแรง) และเอ็งอยากเสี่ยง ก็ตามใจเอ็ง อะไรทำนองนี้

ผมจำไม่ได้ว่าพีระมีลอนๆ ที่แบงค์ไหม ถ้าไม่มีก็ลุยได้เลย ผมเชื่อว่าใครๆ เขาก็ต้องปีนแบงค์กันทุกคัน เพราะมันเปลี่ยนไลน์ลดความเข้มของโค้งลงได้
- ส่วนที่มันเอี๊ยดก็เพราะล้อมันลอยไงครับ พอมันแตะพื้น พอมันมีแรงกดอีกครั้งก็เลยออกเสียงเอี๊ยด บางครั้งแม้จะมองว่าล้อไม่ลอย แต่มันอยู่ในจังหวะเกือบลอย คือช่วงที่ช้อคฯยืดสุด

คุณเลือกใช้ยางถูกต้องแล้วครับ คือเลือกสเปคสูงสุดที่กติกากำหนด แต่จะดีกว่านั้นหากเลือกใช้ลมยางได้ถูกต้องกับรถ กับคน และกับสนาม งานนี้ต้องอาศัยเครื่องมือชื่อ Tyre Pyrometer มาช่วย แต่มันต้องมากับคนที่ใช้งานได้แม่นยำด้วยนะ
- รถเข้าพิทมาปุ๊บก็ต้องรีบวิ่งไปเช็คยางก่อนเพื่อนเลย พร้อมกับลงบันทีกไว้ทั้ง 4 ล้อ บางครั้งต้องวัดล้อละ 3 หนก็มีออกบ่อย จดบันทึกพร้อมกับเวลาต่อรอบที่ทำได้ จดรวมๆ กันไว้ในที่เดียว จะได้ดูง่าย


ถามเพิ่ม
- แข่งกี่รอบ แข่งกับรถอะไรบ้าง

[kumiko]

S1 เป็น S ที่เข้าได้เร็ว


ตรงนี้ถ้าผมจะเข้าใจนะ แปลว่าพอถึงโค้ง IRC ก่อนเข้าโค้ง S1 เราใช้เบรคลึกเชนเกียร์และเข้าได้แรงเลยใช่ไหมคับ

S2 เป็น S ที่เข้าได้ช้า
โค้งตรบนี้ผมก็ไม่กล้าเข้าเร็วแน่ ๆ เลย เพราะมันต้องเบรคลึก ๆ และโค้งผมรู้สึกว่ามันลึกกว่า S1 มาก ๆ และพอออกโค้งไปแล้วยังต้องเบรคเพื่อ เชนเกียร์ก่อนที่จะเข้าโค้งอีกด้วย และโค้ง honda ตรงนี้ถ้าเข้าโค้งแรงและเผลอกดคันเร่งเร็วไป หน้าจะแถเลยคับพี่ ต้องคอยเลี้ยงคันเร่งเบา ๆ ไปก่อน
พอหัวรถตรงถึงค่อยกดได้เต็ม


กติกา กำหนด ตอนวิ่งจับเวลา 7 รอบสนาม และการแข่งขันจิง 7 รอบสนามคับ
รถผมอยู่ในรุ่น D1 เจอกับพวก b18 b20 และเครื่องที่เกินจาก 2000 cc นะคับ แต่ในรุ่น
ที่รู้มี b18bo 7afe set bo , 4af set bo , b18 , b18 ท่อนล่าง 20, และปีนี้ได้ข่าวว่ามี k20a ด้วยคับ

รถคันที่ได้ขึ้นแท่นบ่อย ๆ ก็ b18 , b18set bo , 7afe set bo จากปีที่แล้วนะคับ

ถามอีกนิดคับ

น้ำมันเครื่องที่ใช้ในการแข่งนะคับ จำเป้นต้องใช้เกรด 20w 50 หรือ 15w 50 หรือป่าวคับ

ขอบคุณคับพี่ :)

[Mokan]

สนามพีระฯนั้นเป็นสนามที่ขับสนุกและค่อนข้างท้าทาย เนื่องจากมีจุดที่หลอกสายตาและความรู้สึกของคนขับ โดยเฉพาะนักขับมือใหม่ที่ยังไม่เจนสนาม เช่น สุดปลายทางตรง และ 100R เพราะมันให้ความรู้สึกเหมือนกับเรากำลังวิ่งเข้าหากำแพง (แถมกำแพงมันใกล้ซะด้วย) และทำให้รู้สึกว่า "เฮ้ย....จะหลุดๆ" ถ้าคนไหนบอกว่าเป็นเซียนสนามพีระฯ ผมมักจะถามต่อว่า "โค้ง 100R ยกคันเร่งรึปล่าว?" ถ้ายก...ยังไม่เซียนจริง  ;D

โค้ง 100R จะมี Kink หรือ จุดหักโค้งอยู่ 3 จุด ถ้าจะให้เสียเวลาน้อยสุด ต้องเริ่มมาตั้งแต่ลงมาจากโค้ง Nissan จะมาเข้า kink แรก อันนี้ค่อนข้างปกติคือ late apex ที่ kink แรก แล้วปล่อยให้รถนั้น neutral drift ออกไปที่ขอบทางด้านซ้าย ตรงแถวๆที่มีป้าย Tagi Racing ตอนนี้ แต่นักขับมือใหม่ส่วนใหญ่จะดึงรถเข้ามาตรงกลางเลนเพราะกลัวหลุดขอบทางแล้วไปเจอกำแพง ผลก้อคือไม่มีมุมที่จะทำให้รถนั้น late apex ใน Kink ที่ 2 ได้ พอ leat apex ไม่ได้ รถมันจะ understeer ออกซึ่งทำให้ต้องถอนคันเร่งดึงรถกลับมาสำหรับ kink 3 ซึ่งเป็นโค้งยาวและขึ้นเขา ซึ่งรถจะไม่มีแรงวิ่งขึ้น แต่ถ้าปล่อยรถให้ Drit ออกและใช้หน้าถนนได้หมดหลังจาก kink 1 การเข้า kink 2 จะ late apex ได้ และรถออกมาจาก kink 2 จะอยู่ในสภาวะที่เร่งขึ้นเขามา IRC ทั้งหมดที่บอกมานี้สามารถทำได้โดยเท้าอยู่บนคันเร่ง 100% ไม่มีการยกเลย แต่ถ้ายังอยู่ในระยะ"หัดขับ" คงจะต้องยก หรือ เบรค กันเล็กน้อยตอนเข้า kink 1 อย่าใจร้อน ต้องค่อยเป็นค่อยไป ค่อยๆเติมที่ละนิดๆ เพราะตรงนี้ความเร็วสูงพอสมควร และถ้าพลาดก้อกำแพงลูกเดียว You are walking on a thin line here! ;D

S1 และ S2 นั้นง่ายขึ้นกว่าสมัยก่อนเยอะ เพราะว่ากว้างและเรียบขึ้น (เมื่อก่อนเป็นหลังเต่า เวลาอยู่ในโค้งเหมือนเล่นรถไฟเหาะ) S1 นั้นมีช่วงต่อระหว่างโค้งซ้าย-ขวาสั้น เพราะฉะนั้นจะเหมือนการเปลี่ยนเลน เบรคนั้นไม่ต้องใช้มากและเบรคได้ลึกเพราะรถวิ่งขึ้นเขามา และรถ Club race ส่วนใหญ่เกียร์เดิมๆจะวิ่งขึ้นมาเกียร์ 4 แบบเหี่ยวๆอยู่แล้ว ชิดขวา เบรคลึก(เลยป้าย 50 เมตรมาได้เยอะ) shift down ลง 3 late apex โค้งซ้ายแล้วกลับมาขวาเร่งออก ตรงนี้ต้องใช้ความเคยชินกับสนามนิดนึงเพราะมะนจะมองไม่เห็นโค้งหรือทางวิ่ง

S2 นั้นคล้ายกันแต่ช่วงต่อซ้ายมาขวาจะยาวกว่า รถนั้นวิ่งลงเขามาในเกียร์ 3 ชิดขวา เบรคลึก(ประมาณ curve ฟ้าขาวด้านขวา หรือ เข้ามาลึกกว่านั้นถ้าไหว) late apex ซ้ายแล้วขวาเร่งออก ทั้ง S1 และ S2 นั้นไม่แนะนำให้"ปีน curve"โดยเฉพาะโค้งซ้าย เพราะจะทำให้รถนั้นไม่ settle เพราะรถยังเด้งอยู่จนเลี้ยวขวาได้ไม่ดี ซึ่งการออกจากโค้งขวานั้นสำคัญกว่า บางครั้งการปีน curve จะทำให้รถเสียอาการจะควบคุมไม่ได้ หลายๆคนจึงหมุนหลังจากออกจาก S1 หรือ S2 ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น

รถขับหน้านั้นต้อง set รถให้มี oversteer ตอน turn in นิดๆเพื่อช่วยให้รถนั้นหันได้เร็วขึ้น เพราะรถขับหน้ามีนิสัยเสียคือชอบ understeer อยู่แล้ว แต่ถ้ามีมากไปรถจะค่อนข้าง sensitive ในความเร็วสูง ตรงนี้คนขับต้องเป็นคนบอกให้ได้ว่า มากไปรึน้อยไปอย่างไร แต่สนามพีระฯนั้นเป็นสนาม Handling ม่ใช่สนาม High Speed อยู่แล้ว รถมันจะดุ๊กดิ๊กหน่อยเป็นไรไป ตื่นเต้นดี ;D

[Mokan]

อ้อ....ลืมไป 100R นั้น พอเซียนแล้วจะใช้การ"แตะเบรคด้วยเท้าซ้าย"เข้า kink 1 โดยที่เท้าขวาไม่ยกคันเร่งเลย หัดเหยียบเบรคด้วยเท้าซ้ายไว้จะเป็นประโยชน์มหาศาลในสนามพีระฯ ;D

[kumiko]

พี่ Mokan เขียนเห็นภาพเลยคับ ชอบ :D

คับ ใช่อย่างที่พี่บอกเลย โค้ง 100 R มันกลัวกำแพงจริง ๆ คับ กลัวว่ารถมันจแถออกไปหากำแพง
เลยต้องผ่อนคันเร่ง เลยไม่กล้ากดคันเร่ง 100 และก็ดึงรถให้อยู่ตรงกลางเลนไว้ก่อน กลัวชนไปนี่เสียเงินบานเลย แถมโดนทางบ้านบ่นตรึมแน่ ๆ แต่ได้คำแนะนะจากพี่ คงต้องไปลอง ไปฝึกค่อย ๆ เติม
คันเร่งไปเรื่อย ๆ ไม่รีบร้อนดีกว่า

ดูจากที่พี่ ๆ บอกถ้าเบรคลึกได้เก่ง คล่องน่าจะได้ไปเร็ว แต่ที่ไม่กล้าเบรคลึกเพราะกลัวเบรคไม่อยุ่นะคับ แต่ก็ต้องลอง นี่ก็นอนนึกภาพในสนามไปทุกคืน ว่าจะเบรคจุดไหน เชนเกียร์ตรงไหน เหมือนคนบ้าเลยคับ ว่าง ๆ ก็นั่งเล่นเกมส์ GT 55 บ้าไปแล้ว ;D

[Joe]

เพิ่มเติมของพี่เปิ้น
โค้ง S1 S2 ขอบแบงค์เป็นลอนครับ ลอนใหญ่พอควรที่จะทำให้ล้อมีปัญหาได้ถ้ามาเร็ว


เอาประสบการณ์มาบอก จขกท บ้าง
ผมไม่ได้ขับพวกแนวเซอร์กิต แต่ก็คิดว่าตรงนี้สำคัญเหมือนกัน คือ การBRAKING
เป็นอะไรที่สมควรฝึกอย่างยิ่ง ทุกครั้งที่ผมลงซ้อม ผมมักจะฝึก braking หลายๆแบบ หลายๆอย่าง หมุนบ่อยๆ แหะๆๆ  คืออยากรู้ว่าเบรคแบบไหน อาการออกอย่างไร  กดแรงกดค่อย เป็นอย่างไร  

ผมว่ามันช่วยได้เยอะน้ะครับ  ยิ่งถ้าแข่งแบบจับเวลาด้วย เบรคเก่ง(ไม่ใช่หมายถึงเบรคบ่อยๆน้ะ) น่าจะช่วยเรื่องเวลาได้มากน้ะ

[kumiko]

คับพี่ joe ผมจะเอาไปหัดดูนะคับ ขอบคุณพี่นะคับ

[Mokan]

Threshold braking นั้นเป็นสิ่งที่ต้องเรียนรู้ เพราะการทำเวลาต่อรอบให้น้อยที่สุดนั้น เราต้องใช้คันเร่งให้นานที่สุด และใช้เบรคให้น้อยที่สุด ฉะนั้นในการเบรคแต่ละครั้งเราจึงต้องใช้เบรคให้แรงที่สุดและเบรคให้ลึกที่สุด โดยที่เบรคนั้นไม่ล็อค และไม่มีคำว่า"ยกคันเร่งก่อน"ให้รถช้าลงและค่อยเบรค คันเร่งนั้นจะกดสุดจนกระทั่งถึงจุดเบรค ทันทีที่ยกเท้าออกจากคันเร่ง(กรณีที่เหยียบเบรคเท้าขวา)เท้านั้นต้องลงไปบนเบรคเต็มที่ทันที เวลาไปยืนดูตรงสุดปลายทางตรงจะเห็นบ่อยมากที่หลายๆคน"ยกคันเร่ง"แล้วปล่อยรถไหลเข้ามาแล้วค่อยเบรค

การทำ Threshold braking นั้นเราต้องรู้จักการ modulate pressure ของเบรคที่เราป้อนลงไป ประสาทรับความรู้สึกของเราไม่ว่าจะเป็นมือ สะโพก จะบอกเราว่าล้อไหนเริ่มล็อค ถ้ามีล้อไหนเริ่มล็อค เราต้องลด pressure ลง แต่ไม่ใช่ถอนเบรคนะ แค่ลด pressure ที่เราใช้กดลงไปเฉยๆ วิธีฝึกในสนามนั้นคือค่อยๆเลื่อนจุดเบรคเข้าไปเรื่อยๆ อาจจะเริ่มจากป้าย 50 เมตร (ซึ่งยาวเหลือเฟือ)แล้วขับเข้าทีละ 5 เมตรก้อได้ รถแต่ละคันจะทำได้ไม่เท่ากัน ระวังไว้ด้วย ;D

[Mokan]

อ้อ....แว่วๆมาว่า รยสท. จะมีการฝึกอบรม "นักแข่ง" และ "ช่างแข่ง" ปลายเดือน พฤษภาคม นี้ ไว้จะconfirm อีกทีนะ ;D

[vee volvo]

 เป็นกำลังใจให้ เน้อ  ;D ;D ;D

[Mokan]

Confirm ครับ งานหลักสูตรอบรมนักแข่งและช่างแข่ง ที่ทาง รยสท. จะจัดขึ้นนั้นมีในวันที่ 23-25 พฤษภาคม ที่จะถึงนี้ หาข้อมูลเพิ่มเติมที่เวปของ รยสท. นะ ถ้าใครสนใจ  ;D