Author Topic: ความดุดันช่วงแรก  (Read 10609 times)

Offline Thep Twenty

  • Group N Racer
  • **
  • Posts: 91
  • ก็แค่ เด็ก ม.6
ความดุดันช่วงแรก
« on: October 23, 2003, 09:03:41 am »
วื้อๆๆๆๆๆๆเสียงของยางเกรดลุยระดับ Mud Terrain บดกับถนนระหว่างทางลงเขาที่พื้นเป็นยางมะตอยหลังจากที่ฝนตกลงมาจนพื้นชุ่มแล้ว ด้วยความเร็วประมาณ40กิโลเมตร/ชั่วโมงที่ลงเขากันมาแบบสุดๆทั้งสองคน ซึ่งตัวผมคุ้นเคยกับรถแล้วจึงลงมาแบบสบายๆ ส่วนวิศรุตพี่ผม ก็เพิ่งจะมาขี่ได้ไม่ถึงชั่วโมง เอี๊ยดๆๆ ครืดๆๆๆๆ ล้อหน้าขนาด26นิ้วล๊อคตายขึ้นมาทันที ตัวรถส่ายไปส่ายมาอย่างแรง จนแทบจะควบคุมไม่อยู่แล้ว ตัวรถสะบัดออกไปมากมันเหวี่ยงจนแทบจะหลุดจากจักรยานเลย แต่โชคยังดีที่พี่เขาปล่อยเบรคได้ทัน เลยหวิดเจ็บไป หลังจากนั้นผมก็ให้วิศรุตขี่ให้ชินกับรถ แล้วผมก็ช่วยบอกเขาถึงเทคนิคนิดๆหน่อยๆที่มีติดตัวผมอยู่ หลังจากนั้นเราก็ขี่เล่นกันไปเรื่อยๆเพื่อทำความคุ้นเคยกับตัวรถให้มากที่สุดเพื่อที่จะรอไปขี่ขึ้นหมู่บ้าน “โล๊ะโค๊ะ” ในวันรุ่งขึ้น
เช้ามาอากาศสดใส อากาศที่นี่ดีมากครับ เย็นสบายดี ไม่ร้อน และไม่หนาว กำลังเย็นๆสบายๆเลย ตัวผมเอง วิศรุต และพ่อ ไปหาอะไรกินคับ เพราะข้าวเช้าสำคัญมากในการออกทริปหนักๆ “ข้าวผัด2ครับ” ตอนนั้นนึกไม่ออกจริงๆว่าจะกินอะไร โซ้ยข้าวเช้าเสร็จผมรีบขับรถลงไปเตรียมของที่เต้น จัดอุปกรณ์สำคัญๆไป นึกขึ้นได้ “เฮ้ยเวรแล้ว ลืมกระติกน้ำ แต่ช่างมัน เอาขวดน้ำใส่เป้ไปก็ได้” ผมเอาน้ำดื่ม ที่ตัดต่อโซ่ น้ำมันผสมสารซินเทติก  ประแจเลื่อนขนาดเล็ก เกจวัดลมยาง สูบลมขนาดเล็ก ประแจหกเหลียมและที่ขาดไม่ได้คือ อาหารกลางวัล ข้าวผัดอีกแล้วครับ2ห่อเหมือนเดิม ก่อนออกเดินทางผมเตรียมตัวใส่ชุด ซึ่งมีรองเท้าคลิบเลสซึ่งช่วยเพิ่มประสิธิภาพในการสงกำลังลงพื้น ช่วยให้ขาหมุนได้ต่อเนื่องกว่า ถุงมือ และหมวกกันน๊อค เราออกเดินทางกันประมาณ10โมงกว่าๆน่าจะได้ ความเร็วช่วงเริ่มต้นเราเริ่มกันช้าๆเพื่อเป็นการถนอมแรงไว้และแล้วววว วงล้อก็เริ่มหมุนด้วยความเร็วประมานไม่ถึง10กิโลเมตร/ชั่วโมง ที่แจ้งค่าโดยไมล์ดิจิตอลของ Cat eyes เราผ่านทางเนินชันช่วงแรกๆไปได้อย่างไม่ยากเนื่องจากมีการสำรวจทางมาก่อนแล้ว ปั่นไปได้ซักพักเราก็ต้องหยุดและพักหายใจกันเฮือกใหญ่ก่อนที่เราจะเริ่มเดินทางที่เป็นถนนออฟโรดกันจริงๆซะที เส้นทางช่วงแรกต่อจากนี้เป็นถนนปูนเป็นทางวิ่งขึ้นไปได้ซัก300เมตรก็เริ่มเข้าสู่เนินชันซึ่งสภาพทางเป็นหินก้อนค่อนข้างใหญ่ ผสมกับ ความลื่นหลังจากที่ฝนเพิ่งตกไปเมื่อวาน เราก็ขี่กันไป พักกันไป หลุกจากช่วงนั้นเป็นทางที่ค่อนข้างขี่สบายเนื่องจากเป็นพื้นโรยด้วยทรายบางๆ ลื่นบ้างเป็นบางจังหวะแต่ก็ยังดีที่ Paranacer 2.10 ยางคุณภาพสูงเส้นละประมาน1พันบาทก็แสดงความสามารถได้สมค่าตัวยามเมื่อล้อเกิดอาการสลิบตัวยางก็แก้อาอาการได้ไม่ยากส่วนรถของพี่วิศรุตเป็นยาง Kenda สำหรับลุยโดยเฉพาะ (เพราะอยู่บนถนนราดยางแล้วเปียกเมื่อไหร่มีเรื่อง) ไม่เกิดอาการที่ทำให้ต้องแก้อาการกันมากแต่อย่างใด ถึงแม้ว่าเราจะเติมลมยางกันมากก็ตามทีเถอะ “โห่เฮ้ย เนินโคตรชัน หินลูกเบ้อเร่อเลยอ่ะ ตะใครอีก บ้ะ ลำบากจริงว้อย” พี่วิศรุตบ่นก่อนที่จะเริ่มเปลี่ยนตำแหน่งเกียรลงมาที่ตำแหน่งที่พอเหมาะหลังจากที่คลานๆขึ้นไปกันอยู่นั้น พี่เขาเจอหินก้อนใหญ่มากซึ้งล้อหลังหลบไม่พ้นจนล้อเกิดอาการฟรีทิ้งจนหลุดไลน์เข้ากับข้างทางซึ้งมีต้นไม่รองรับอยู่ ส่วนตัวผมที่คลานตามมาพยายามจะหลบและแล้ว!!!!!!! “เฮ้ยๆๆๆๆพี่ รับที” ซวยครับ รองเท้าของผมปลดจากบันไดไม่ออก ผมจึงล้มไปตามระเบียบแต่ไม่มีแผลครับ เราจึงเดินทางกันต่อ  เจอแอ่งน้ำครับ ผมลงไปเดินสำรวจไลน์แล้วเลาะไปตามขอบทางซึ่งพอจะขี่อยู่ได้บ้าง    ถึงแล้ววววจุดชมวิวผาตั้ง
5กิโลแรกของการเดินทาง
RB Only !