Fiction / Story > Midnight Racing II :

7 ไร้เงา

(1/1)

O'Pern:
ไร้เงา

   “แหม… แค่สามแสนมันน้อยเกินไป แค่นี้ยังไม่พอค่าแรงมันเลย เพิ่มศูนย์อีกสักตัวไหวไหมเฮีย”
   นั่งคิดสักครู่ เฮียซ้งจึงเอ่ยปากตกลง รับเดิมพันเป็นจำนวนเงินสามล้านบาท
   เงินเล็กน้อยของเศรษฐีที่เขาเอามาโปรยเล่นแลกกับความสนุกส่วนตัว มันไม่ผิด แต่คงเป็นที่อิจฉาไม่น้อยหากมีคนทราบเรื่อง
   
   วันรุ่งขึ้นมีข่าวซุบซิบกันหนาหูในบริษัทว่ารถ BMW M5 รุ่นใหม่ล่าสุดที่จอดในห้องโชว์หายไปแบบไร้ร่องรอย
   
   ไม่มีข่าวลงหนังสือพิมพ์ ไม่มีข่าวเล็ดลอดไปยังนิตยสารเล่มใด  ผู้บริหารระดับสูงเรียกประชุมพนักงานทุกฝ่ายทันที พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากกองพิสูจน์หลักฐาน ไม่มีรอยงัดแงะ ไม่มีลายนิ้วมือ หลักฐานชิ้นเดียวที่อยู่ในที่เกิดเหตุคือจดหมายที่ทิ้งไว้ ความว่า

   “ไม่ต้องแจ้งความ ไม่ต้องออกตามหา เดี๋ยวจะเอามาคืนให้เอง”

   ภาษาไทย ง่ายๆ สั้นๆ ไม่ต้องแปล แต่กลับทำเอาตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานต้องเอาไปตีความและตรวจสอบกันอีกยาว
   ฝ่ายตำรวจไม่ยอมนิ่งดูดาย ตั้งทีมออกตามหา เช่นเดียวกับทางบริษัท BMW ที่ตั้งทีมเฉพาะกิจออกตามล่าโดยไม่แจ้งข่าวให้บริษัทแม่และตัวแทนจำหน่ายใดๆ ทราบ
 
   ทว่าทั้งสองทีมทำงานได้ไม่เข้าขากันแม้แต่น้อย คือทางเจ้าหน้าที่ไม่ทราบรายละเอียดเกี่ยวกับ M5 เลย ด้วยเหตุที่ว่าหน้าตามันก็เหมือนกับ BMW 5 Series ทั่วๆ ไป ส่วนทาง BMW แม้จะรู้เกี่ยวกับ M5 เป็นอย่างดี แต่ก็ไม่มีทักษะด้านการติดตาม เหมือนการควานมือสะเปะสะปะแบบไร้จุดหมาย สุดท้ายทั้งคู่ก็เหนื่อยเปล่า ไร้วี่แวว ไร้ร่องรอย  

   “เฮียครับ เมื่อเช้าผ่านสถานทูตอเมริกันหรือเปล่าครับ”
   “อืมม กูเห็นแล้ว เด็กมึงฝีมือใช้ได้นี่หว่า ว่าแต่จะหนีรอดไหมล่ะนี่ ฮ่าๆ”
   “หึหึ เรื่องนั้นปล่อยมันเถอะครับ คุยเรื่องของเราดีกว่า”
   “อีก 2 ชั่วโมงมึงเช็คยอดเงินในบัญชีได้เลย”
   “บ๊ะ นี่สิเฮียซ้งตัวจริง ขอบคุณมากครับเฮีย”

ทางยกระดับบางปะอิน
   ชายหนุ่มในชุดสูทครึ่งท่อน พับแขนเสื้อขึ้นมาถึงศอก แขวนเสื้อสูทไว้ด้านหลัง ขับรถ BMW พวงมาลัยซ้ายสีเงิน คนขับเปิดระบบ Auto Pilot ที่จะคอยรักษาเลนตัวเอง เปิดระบบรักษาระยะห่างด้านหน้าแบบอัตโนมัติ และ Cruise Control แล้วตัวเองก็เพลินกับการชม DVD แนะนำตัวของรถ BMW M5 อย่างเพลิดเพลินที่ความเร็ว 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

   เวลาผ่านไปจนตะวันตกดิน ออกตามหาตั้งแต่เช้ายันเย็น ยังคงไร้ซึ่งวี่แววของ BMW M5 รถสุดยอดเทคโนโลยีจากเยอรมันที่ขอยืมตัวมาโชว์โดยผ่านทางดีเลอร์ประเทศสิงคโปร์
“มันไปอยู่ที่ไหน” ยังไม่ใช่คำถามที่ต้องการคำตอบเท่ากับคำว่า “มันเอาไปได้อย่างไร”

11.30 pm
   ค่ำคืนแห่งจันทร์ไร้เงา มีคนขับรถ BMW สีเงินเข้าไปจอดยังลานจอดรถใต้ถุนตึก All Season Place ลงจากรถพร้อมคลุมด้วยพลาสติคใสเหมือนกับรถ BMW 1 Series ที่จอดอยู่ข้างๆ และที่รายรอบด้วยรถ BMW หลากสีหลายรุ่น
   เดินออกมาข้างนอกตึกในชุดสูทครึ่งท่อน ติดกระดุมแขนเสื้อด้วย Cuff Ring พาดเสื้อสูทสีดำในแขนซ้าย หันไปมองที่ห้องโชว์รถ BMW ก็เห็นมีพนักงานนั่งเฝ้าอยู่หลายคน ออฟฟิซเปิดไฟสว่างไสว ต่างจากเมื่อคืนวานที่ไม่มีใครอยู่เลยสักคน
   หยิบเอาเสื้อสูทมาสวม ติดกระดุมไล่มาทีละเม็ด เดินจนสุดที่ถนนใหญ่ ละตาจากโชว์รูม BMW มาแหงนมองยอดตึกสูงที่มีฉากหลังเป็นภาพดวงจันทร์เสี้ยว แล้วจึงเดินกลืนหายเข้าไปในกลุ่มฝูงคนที่อยู่ภายนอกอาคาร

.      .      .      .      .      .      .

ลานอเนกประสงค์ในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง
   
   ที่ๆ บริษัทนำเข้ารถอิสระชอบมาเช่าจัดแสดงรถนำเข้าของตัวเอง นัยว่าใช้งบประมาณน้อยกว่าไปงานมอเตอร์โชว์ แต่ได้ยอดขายกลับมาคุ้มค่ากว่ามาก
   มันแล้วแต่สไตล์ว่าบริษัทไหนเน้นขายอะไร แต่ส่วนใหญ่ก็จะลอกๆ กันมา คือเอาขายง่ายเข้าว่า คนซื้อก็เช่นกัน ไปดูรถค่ายนี้ แล้วก็ไปต่อราคากับค่ายโน้น หารู้ไม่ว่ามันก็เป็นรถที่มาจากแหล่งเดียวกัน จะต่างกันก็ตรงออปชั่นกับการบวกกำไร แต่มีสิ่งสำคัญที่ไม่ค่อยจะมีใครรู้เลยว่า รถใหม่ป้ายแดงเหล่านี้ก่อนถึงมือคุณนั้นมันโดนทรมานมานานเพียงใด เช่นการจอดแช่ตากแดดตากฝนนานเป็นเดือน บางล็อตโดนฝนกรดกัดผิวสี ก่อนส่งมอบก็ต้องพ่นสาดกันใหม่ทั้งคัน ยังไม่นับการมีบาดแผลจากการชน บ้างก็ร่อยรอยจากการขนส่ง แน่นอนเลยว่า เขาแก้ไขให้ด้วยการทำสีให้ใหม่แทน ซึ่งไม่มีลูกค้าคนใดดูออกเลย  
   บางช่วงเทรนด์รถ SUV มาแรง แต่ละค่ายก็จะทะยอยขนรถมาตัดราคาแข่งกัน หรืออย่างภาวะน้ำมันโลกราคาสูง ก็เป็นนาทีทองของรถไฮบริด พอค่ายหนึ่งมี อีกค่ายก็ต้องมีรถแบบเดียวกันตาม แน่นอนว่าผู้ซื้อรถเขาต้องการประหยัดค่าน้ำมัน แต่.. เขาคงไม่รู้กระมังว่าอาจต้องมาเสียเงินเป็นค่าเปลี่ยนแบตเตอรี่แทน แถมยังไม่รู้ชะตากรรมของราคาขายต่อ
แต่ถ้าพูดถึงรถที่ดึงดูดสายตาคนแล้ว ที่อินและฮิตตลอดการก็คือสไตล์สปอร์ต ยิ่งหน้าตาแปลกเท่าไร โฉบเฉี่ยวแค่ไหน ก็ยิ่งได้รับความสนใจมากขึ้นเท่านั้น
   วันนี้ก็เช่นกัน มีการโชว์รถแบบย่อยๆ ที่มาจอดโชว์ คนมุงดูกันที่รถสปอร์ตมากกว่าพวกสไตล์รถตู้ และก็ดูว่าทางเจ้าของก็ต้องการให้เป็นเช่นนั้น
ใครคนหนึ่งบรรจงลูบไล้ผิวสีมุกอันเงางามของรถสปอร์ตที่จอดปะทะแสงไฟ สายตาที่มองผ่านเลนส์สีชานั้นดูไม่ธรรมดาเอาเสียเลย ต่างจากชาวบ้านที่อยู่รายล้อมเสียสนิท
   “คืนนี้เจอกันนะ” เขารำพึงในใจก่อนเดินจากไป
 “แจน มึงมีหน้าที่ไปปั๊มกุญแจมา เอาไอ้ก้อยไปด้วยอีกคนก็ดี จะได้ช่วยกันตอนสแกนคลื่น ใครว่ากุญแจอิมโมฯจะไขไม่ได้ มันคงยังไม่รู้จักกู”
“มึง ไอ้เล็ก รับงานต่อจากแจนหลังจากมันได้บล็อคกุญแจมาแล้ว รีบเอาไปขึ้นรูปด้วยอลูมิเนียมเนื้ออ่อน แต่งเขี้ยวให้คม แล้วเอามาให้กูทันที”
   “ยามผลัดกลางคืนมี 30 คนครับพี่ แต่ที่เราผ่านมีแค่ 2 จุด 2คน คือทางเข้าอาคาร และปากทางเข้าออกห้าง”
   “งั้นเอานี่ไป บัตรเข้าออกห้าง และป้ายทะเบียนรถของกู เอาไว้ใช้ตอนเอารถออก รถกูไม่ต้องห่วง เดี๋ยวเคลียร์เอง”
   “แล้วเราจะเปิดประตูทางเข้าอาคารยังไงล่ะพี่” แจนถามด้วยความเป็นห่วง
   “เอารถมาได้ แต่ออกไม่ได้ก็ไม่มีประโยชน์นะพี่” ก้อยเสริม
   “ใครว่ากูจะต้องใช้ให้ยามมันเปิดกันเล่า”
   “… …”
   ทุกอย่างดำเนินไปตามแผน ตามขั้นตอน ลูกน้องแต่ละคนรู้แผนแค่คร่าวๆ ในใจยังคงสับสนกับการนำรถออก เริ่มจากแจนทำทีไปขอดูรถกับเซลล์หนุ่ม คุยสักพักก็ขอถือกุญแจ ลองติดเครื่องดู ก้อยทำหน้าที่เป็นลูกค้าอีกคนที่เข้ามาเบนความสนใจจากเซลล์ เพื่อเพิ่มเวลาให้แจนปั๊มกุญแจ และสแกนคลื่น พอได้แบบมาแล้วก็ส่งให้เล็กไปขึ้นดอก จากนั้นก็รอแค่ให้อาทิตย์ลับขอบฟ้า
   ที่เหลือ เป็นงานของชายอีกคน

9.30 pm ห้องฝ่ายควบคุมอาคาร
   “คืนนี้บริษัทเราขออนุญาตเอารถสปอร์ทคันสีขาวที่จอดอยู่ในบูธออกนะคะ พรุ่งนี้เช้าจะเอาคันใหม่มาเปลี่ยนโชว์แทนน่ะค่ะ” แจนบอกกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายอาคาร
   “อ้อ ได้เลยครับ ผมจะกำชับลูกน้องไว้ให้ อ้อ.. แล้วต้องการให้ผมช่วยเหลืออะไรเพิ่มไหมครับ”
   “เจ้านายแก้วโทรด่วนมาจากออฟฟิซค่ะ เลยไม่มีลายเซ็นขออณุญาต อืมมม แก้วนำมาให้พรุ่งนี้เช้าแทนได้ไหมคะ”
   “อ๋อ แหม เรื่องแค่นี้เองน่ะครับคุณแก้ว บริษัทคุณเช่าพื้นที่ห้างเราอยู่หลายครั้งหลายหน เรียกว่าเป็นลูกค้าประจำกันแล้ว เรื่องแค่นี้สบายมากครับ ผมจะออกเอกสารให้เอง แต่อย่าบอกใครล่ะครับ”
   “แน่นอนสิคะ แหม ห้างนี้มีเจ้าหน้าที่ฝ่ายอาคารที่หล่อแถมใจดีจัง บางห้างนะ เรื่องมากจริงๆ เลยน่ะค่ะ”
   10.00 pm ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จู่ๆ ประตูม้วนที่ปิดทางเข้าอาคารก็เกิดค้าง ปิดเปิดไม่ได้เลยแม้จะใช้ระบบแมนน่วลก็ตามที ช่างที่ประจำผลัดกลางคืนก็เป็นพวกมือใหม่ แก้ไขปัญหาไม่ได้ ติดต่อบริษัทเขาก็ว่าจะส่งคนมาดูวันรุ่งขึ้น คืนนี้ก็เลยจัดยามมานั่งเฝ้าทางเข้าแทน
   บรึมมมม … อีกหนึ่งชั่วโมงถัดมามีเสียงติดเครื่องยนต์กระหึ่มก้องดังสนั่น กดปุ่มเปิดหลังคาออกจากนั้นรถคันดังกล่าวก็เลื่อนไปยังทางออกอาคารที่เปิดรอไว้ มีเจ้าหน้าที่รีบวิ่งมาดักรอหน้าปากประตู แต่แล้วหน้าตาที่เข้มงวดกลับมีท่าทีที่อ่อนโยนลงเมื่อเห็นเอกสารที่ลงชื่อโดยเจ้านายเขาเอง
   “เชิญครับผม” พูดจบก็วิ่งรี่ไปดักหน้าและคอยโบกอำนวยความสะดวก
   Nissan 350Z Roadster สีขาวมุกเคลื่อนออกจากห้างชื่อดัง ผู้ขับกดคันเร่งลากรอบสูง ท่อไอเสียก็ยิ่งแผดเสียงกร้าว ยิ่งกด ยิ่งลาก ยิ่งดัง และรถก็ยิ่งไกลออกไปทุกที มองเห็นเพียงแค่ไฟท้ายคู่สีแดงอยู่ลิบๆ
   สายลมโชยพัดผ่านพาเอาเศษใบไม้ไปกองรวมตัวกันที่มุมตึก อากาศเย็นเริ่มแล้วสินะ
   ยามคนเดิมยังคงนั่งเฝ้าประตูทางเข้าอาคารจนถึงรุ่งเช้า จนพนักงานซ่อมประตูจากบริษัทมาถึง ตรวจสอบสักพักก็ไม่พบสิ่งผิดสังเกตุ แต่พอดึงไขควงยาวที่เสียบขวางโซ่คล้องประตูออก ประตูม้วนไฟฟ้าก็ทำงานได้ตามปกติ

.      .      .      .      .      .      .

   เรื่องราวที่ไม่คาดฝันยังเกิดขึ้นอีกมาก หากสอบถามคนวงในก็คงบอกปฎิเสธการให้ข่าว และบอกปัดไม่รู้ไม่เห็นกันหมด
   หากใครขับรถผ่านถนนวิภาวดีตอนเช้าวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ออฟฟิซ Ferma ในแท่นจอดโชว์ Ferrari 430 จู่ๆ กลับกลายเป็นรถ Porsche 997
   เรื่องทำนองเดียวกันนี้ยังเกิดขึ้นที่ออฟฟิซของ AAS เช่นกัน พบว่า Porsche 997 รุ่นล่าสุดหายไป แต่กลับมี Ferrari 430 มาจอดแทน  

   อะไรก็เกิดขึ้นได้ ในคืนไร้เงา    
ว่าแต่… คุณหันกลับไปมองรถคุณครั้งล่าสุดเมื่อไหร่หรือ

.      .      .      .      .      .      

Navigation

[0] Message Index

Go to full version