racing-club.net

Bike Forum => my bike diary / my life diary => Topic started by: O'Pern on February 05, 2013, 01:26:54 pm

Title: กพ 56
Post by: O'Pern on February 05, 2013, 01:26:54 pm
1 กพ 56
   ผ่านมาแล้ว 1 เดือนของปี 13 เหลืออีก 11 เดือนก็จะหมดปี ชีวิตน่าเบื่อมานาน ปีนี้น่าจะมีอะไรสร้างสรรค์หน่อยนะ เปิดมาแค่เดือนเดียว ผมพลาดทริปสำคัญถึง 2 อันไปอย่างน่าเสียดาย บอกกับตัวเองว่าปีหน้าห้ามพลาด จัดแม่งสองงานเลย ทั้งหัวหิน ทั้งอินทนนท์
   เช้านี้เดินลงบันไดโดยไม่ต้องจับราวได้แล้ว ขาค่อยๆ ดีขึ้นทุกวันตามลำดับ น่าเสียดายจริงๆ ที่ผมมาทำให้ตัวเองขาเจ็บก่อนวันขึ้นอินทนนท์ ไม่น่าเลย
   เอารถ F20-W ออกขี่ ทดสอบมาตรวัดไปในตัว ชอบอันนี้มากเพราะมันมีไฟส่องสว่างด้วย แต่ถ้ามีฟังชั่นแสดงอุณหภูมิและความสูง ความชันด้วยจะสุดยอดมาก
   รอการติดต่อกลับมาจาก “อัน” มือกราฟฟิคฟรีแลนซ์ เขาบอกจะกลับมาจากต่างจังหวัดในวันนี้ แล้วจะรีบส่งผลงานการ์ตูนให้ผมดู ได้แต่ลุ้นครับ ถ้าจูนกับผมได้ลงตัว งานหนังสือก็น่าจะออกมาดี
   กลางคืนเดินขึ้นบันไดในบ้านสะดุดเอาขั้นสุดท้าย หกล้ม แต่ยังดีที่ไม่กลิ้ง เจ็บนิ้วเท้า เล็บหักแหว่งไปเลย ขาเพิ่งจะกำลังดีขึ้นทุกวันๆ โธ่ ไม่น่าประมาทเลย
Title: Re: กพ 56
Post by: O'Pern on February 05, 2013, 01:27:49 pm
2 กพ 56
   ช่วงนี้พักขา เดินออกกำลังกายเบาๆ สูดลมหายใจลึกๆ เต็มปอด ขี่จักรยานเบาๆ พักหนึ่ง เช้านี้มิวมีเรียนพิเศษ ผมไปทำงานที่ร้านขายของเหมือนเดิม
   ชีวิตเรียบง่ายแบบเดิมๆ ครับ คิดบวกเท่านั้นทีทำให้ข้าอยู่ได้ ตอนบ่ายมิวมีเรียนพิเศษคุมอง กลับมาบ้านก็ขอเล่นกับสตีฟจ็อบจนถึงเย็น
   ก็ลำบากใจเหมือนกันนะ ไม่อยากให้เขาอยู่กับเกม แต่ในยุคของเขาที่เกิดมาเจอสิ่งแวดล้อมแบบนี้มันก็เลี่ยงลำบาก วิธีทางออกของผมก็ต้องหาอะไรทำที่มันสนุกกว่าเกม
   จักรยานและการเดินทางไงล่ะ
Title: Re: กพ 56
Post by: O'Pern on February 05, 2013, 01:29:13 pm
3 กพ 56
   ตื่นตี 5 เดินออกกำลังกายเล็กน้อย สูดลมหายใจอัดเข้าเต็มปอดแรงๆ 10 ครั้งพร้อมกับเดินถอยหลังช้าๆ ขาที่เจ็บเริ่มจะหายดีแล้ว แหม มาหายเอาวันที่เขาขึ้นอินทนนท์กันพอดีเชียวนะ นี่ถ้าบ้านอยู่เชียงใหม่ก็ไม่ต้องคิดอะไรมากแล้ว ไปสมัครหน้างานแล้วลุยได้เลย
   เช้านี้เลยไปรับรถ Isuzu Trooper ที่เอาไปซ่อมอู่พี่ทวีแถวห้วยขวาง นี่เป็นการเข้าอู่ซ่อมที่นานที่สุดเท่าที่ผมเคยซ่อมรถมา รถมันเก่ามากตั้งแต่ปี 96 อาการก็รวนแบบช่างศูนย์ยังทำไม่เป็น คุยกับพี่ทวีตามตรง แล้วเขาก็บอกว่าให้เอารถเข้ามาได้ แต่จะต้องใช้เวลานานหน่อยนะ
   อาการที่ขับไปให้คือรถวิ่งแล้วสะดุดมาก เบาแล้วดับ ยกคันเร่งแบบถอนหมดก็ดับ กำลังจะเลี้ยวเข้าซอยก็ดับ คือแม่งสามารถจะดับได้ทุกเวลา ขับๆ อยู่บนทางด่วนเผลอๆ แม่งดับเลย ไอ้นี่อันตรายสุดๆ ทำเอาไม่มีใครกล้าขับ เป็นทั้งตอนใช้แก๊สและน้ำมันอีกด้วย
   ลักษณะเช่นนี้ใครๆ ก็ต้องเดาว่าเป็นระบบไฟชัวร์ ถ้าไม่ใช่หัวเทียนก็ต้องเป็นพวกคอยล์ แต่เอาเข้าจริงมันละเอียดอ่อนมาก ไล่ไปแต่ละจุดก็พบข้อบกพร่อง ถอดของออกมาแล้วเห็นสภาพช่างก็ไม่อยากใส่เข้าไป โทรมาถามผมตลอดว่าจะเปลี่ยนไหม
   อาการเหมือนตอนผมบูรณะรถโบราณเลยครับ คือรื้อเป็นเจอ ถอดอะไรมาก็ต้องเจอของที่เก่าเสื่อมโทรมหมดสภาพ จอดซ่อมอยู่ 3 สัปดาห์ ไล่ซ่อมระบบน้ำมันและติดตั้งแก๊สแบบหัวฉีดใหม่ เปลี่ยนบูชยางช่วงล่างไปหลายชิ้น ปิดท้ายด้วยเปลี่ยนช้อคเป็นของ Old Man Emu ของแต่งชื่อดังจากออสเตรเลีย
   ขี่จักรยานจากบ้านไปรับรถครับ ได้ออกำลังกายไปในตัว แถมวันนี้แทบไม่มีแสงแดดเลย ขี่จักรยานสบายมาก ใช้เส้นทางพระราม 3 ตลอดสาย ไปจนถึงคลองเตย ผ่านหน้าศูนย์ประชุมแห่งชาติ เจอสวนเบญจกิตติ เฮ้ยๆ ขอจัดสักหน่อย ไม่ได้มาขี่ที่นี่นานมากแล้ว
   บรรยากาศดีเหมือนเดิมครับ สวนนี้มีทางวิ่งและทางจักรยานแยกจากกันอย่างชัดเจน มิวขี่จักรยานสองล้อเป็นก็ที่สวนนี้แหละครับ พาเขามาตั้งแต่ตอนสวนเปิดใหม่ๆ ปล่อยให้เขาขี่เล่นเองคนเดียวตั้งแต่ 3 ขวบได้อย่างสบายใจ เส้นทางมันเป็นวันเวย์ เราแค่รออยู่กับที่ เดี๋ยวเขาก็วนมา
   แต่มาวันนี้ผมเห็นพฤติกรรมนักซิ่งในสวนแล้วท้อใจเลยครับ ขี่กันโคตรเร็วเลย ก็เข้าใจว่าท่านขี่ในทางจักรยาน ท่านอยากออกแรง แต่สภาพถนนมันแคบมาก ได้ยินเสียงตีกระดิ่ง ตะโกนขอทางกันบ่อยมาก เฮ้ยย สวนสาธารณะนะมึง ไม่ใช่สนามแข่ง ขี่ตามได้สักพักเดียวผมแม่งจอดรถเลย เซ็งในอารมณ์นักขี่ด้วยกันนี่แหละ คือแม่งไม่มีมารยาทในการอยู่ในสังคมร่วมกันเลย
   ผมเข็นรถไปจอดถ่ายรูปกลางบึง ขายืนล้ำเข้าไปในเส้นทางจักรยานนิดเดียว ไอ้คนเสื้อส้มตัวโตๆ ขี่พุ่งออกมาจากทางโค้งอย่างเร็ว แต่ห่างจากจุดที่ผมยืนอยู่เยอะมาก ไม่ได้ไปยืนเกะกะอะไรเขาเล้ยยย
   “ขอทางหน่อยครับๆ” เขาพูดสุภาพนะ มีครับด้วย แต่ตะโกนเสียงดังคล้ายจะตะคอก
   อ้าว เฮ้ย ถนนโล่งๆ นะนี่ ขากูล้ำเลนจักรยานมึงมาแค่คืบเดียว ยังโดนตะโกนไล่ นี่ผมขี่จักรยานด้วยกันยังโดนตะโกนไล่ขนาดนี้ แล้วเด็กๆ ล่ะ จะรอดหรอ ขี่แบบนี้จะมีแต่คนหมั่นไส้ ผมเข้าใจและชักจะเห็นด้วยแล้วล่ะครับว่าทำไมเขาถึงห้ามขี่จักรยานในสวนสาธารณะ เมื่อก่อนเคยต่อต้านพวกห้ามนะ มาวันนี้กระจ่างแล้ว
   นึกในใจ โน่นไง ข้างหน้ารัชดาพระราม 3 โล่งๆ มึงซัดกันไปสิ บี้ดูดรถเมล์ไปเลยเก่งแต่ในสวนนี่หว่า สวนแบบนี้เขาใช้ร่วมกันทุกเพศทุกวัย ลองนึกภาพพ่อมึงแก่ๆ ลูกมึงเล็กๆ มาขี่จักรยาน แล้วโดนเกรียนอ้วนแบบมึงตะโกนไล่ดู
   หมดอารมณ์ว่ะ เปลี่ยนมาเป็นเดินเล่นริมน้ำแทนดีกว่า จูงจักรยานเข้าไปจอดหลบข้างกระถางต้นแม้ ถอดรองเท้าเดินเท้าเปล่าบนสนามหญ้าสัก 5 นาที สูดลมหายใจลึกๆ ยืนเส้นยืดสายคร่าวๆ แล้วก็ขี่จักรยานมุ่งหน้าห้วยขวางต่อ
   ถึงอู่พี่ทวี 0730 ที่จริงยังอยากขี่ต่ออยู่เลยนะ เพราะไม่มีแดดเลย แต่เกรงใจเขา นัดกันไว้แล้ว ตรวจเช็คสภาพรถ จ่ายเงิน แล้วขับรถกลับบ้านทันที ขากลับนี่ผมขึ้นทางด่วนพระราม 9 อยากลองอัดดูสักหน่อย
   รถวิ่งดีกว่าเดิมเยอะเลย (ของเดิมแม่งสภาพง่อยมาก) รถทรงตัวดีขึ้นอย่างชัดเจน Old Man Emu นี่เพื่อแท้ชาว Off Road จริงๆ พอถึงบ้านก็ทยอยยกอะไหล่เก่าลงจากรถ กางเบาะเข้าที่ปกติ รีบให้อาหารปลาทุกบ่อ แล้วก็ขี่จักรยานไปตลาดซื้อก๋วยเตี๋ยว และน้ำเต้าหู้กิน หิวสุดๆ แล้ว
   เข้าเช็คข่าวสังคมในเฟซบุ๊ค (ช่วงนี้เข้าเฟซบุ๊คบ่อย เพราะปลายเดือนเพื่อนเก่าตอนเรียนมหาวิทยาลัยนัดมีทติ้งกัน ไม่ได้เจอกันมาตั้งแต่ปี 90 โน่น) เจอข่าวช็อค คุณแม่ป๋าโนบิตะเสียชีวิต (เจ้าของเวป thaimtb.com) ป๋าโนกับผมเป็นเพื่อนนักเรียนรุ่นเดียวกัน เรียกว่าเรียนมาด้วยกันเลย ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งครับเพื่อนรัก 
   เย็นกินเยอะครับ แม่ไปซื้อหมี่กรอบโบราณที่ตลาดพลูมา ร้านนี้อร่อยสุดแล้ว พ่อเอารถไปลองขับ กลับมาบอกว่ามันมีสะดุดนิดๆ ตอนออกตัว อืมม มันจะหายเองไหมวะนี่
Title: Re: กพ 56
Post by: O'Pern on February 05, 2013, 01:30:18 pm
4 กพ 56
   เช้าวันจันทร์ ขาผมน่าจะหายดีแล้วนะ เข้าสู่โหมดลดพุงได้เสียที อายุยิ่งมากก็ยิ่งลดน้ำหนักได้ยากขึ้นไปด้วย ต่างจากเมื่อก่อนลิบลับที่แค่ 5 โล นี้หมูมากๆ เลย
   แต่ตอนนี้ผมอยากเอาลง 5 กก มันแสนยากเย็น ก็เพราะตัวเองออกกำลังกายน้อยลงนั่นเอง เวลาทั้งหมดอยู่กับลูกและที่ร้านขายของ จากเดิมที่ว่างสุดๆ คิดจะทำโน่นนี่ก็ลุยได้เลย กลายมาเป็นชีวิตตามตารางเวลา คล้ายพวกมนุษย์เงินเดือน แต่ต่างกันตรงที่ผมไม่มีเงินเดือน
   กลางวันเข้าไปคอนโด ไปจ่ายเงินค่าส่วนกลางประจำปี นึกแล้วเสียดายเงิน ปี 54 นอนแค่ 3 คืน ปี 55 ไม่ได้นอนสักคืน ปีนี้ 56 ไม่รู้ชะตากรรม ปกติเข้าไปจะทำความสะอาดห้อง แต่วันนี้เหนื่อย ขอนั่งพักนานๆ เปิดแอร์ทั้งสองตัวให้น้ำยาแอร์มันหมุนเวียนบ้าง กลัวจริงๆ ตอนมานอนค้างแล้วแอร์เสียนี่แหละ พอเย็นก็ได้เวลาไปรับลูก แวะซื้ออาหารปลาอีกแล้ว ลูกปลาโตขึ้นเยอะมากจนค่าอาหารปลาเดือนละหลายร้อยแล้ว อีกไม่นานคงทะลุพันบาท หึหึ
   เจอพ่อ เลยถามว่าเป็นไงบ้าง รถโอเคดีไหม พ่อบอกกดคันเร่งตอนออกตัวแล้วมีสะดุดนิดๆ เป็นบ่อยตอนใช้แก๊ส เลยบอกให้ลองวิ่งน้ำมันดูว่าเป็นไหม จะได้จับอาการถูก เรื่องพวกนี้เราต้องวินิจฉัยเองเบื้องต้นก่อน บางอย่างเราทำเองได้ง่ายๆ ไม่ต้องไปหาช่าง งานนี้สงสัยระบบไฟแน่เลย ผมเดาเอาไว้นานแล้ว เข้าอู่ครั้งล่าสุดก็ยังไม่ได้เปลี่ยนสายคอยล์
   เย็นขี่จักรยานไป 30 นาที เอารถ Neobike 16 ขี่วนเล่นในบ้านนี่แหละ ขี่ช้าๆ แต่ก็ยังดีกว่าไม่ขยับตัวเลย
Title: Re: กพ 56
Post by: O'Pern on February 06, 2013, 01:16:08 pm
5 กพ 56
   เฮ้ยย ตกใจหมดเลย
   กำลังจะเอื้อมมือไปเปิดประตูบ้านอีกหลัง เจอตุ๊กแกตัวเบ้อเริ่มเกาะอยู่ที่วงกบ อยู่ในเงาตะคุ่มมืดตอน 0530 เล่นเอาผมสะดุ้งโหยง ไม่ได้กลัวอะไรมันหรอก แต่ตกใจไง ชักมือออกแทบไม่ทัน ตั้งสติได้กำลังจะเปิดบ้านหยิบเอาจักรยานมาขี่ แต่เปลี่ยนใจ ไม่อยากรบกวนตุ๊กแกมัน เห็นว่ามันเป็นสัตว์ชอบสันโดษ ชอบเงียบๆ มืดๆ อยู่ร่วมกันแบบนี้ดีกว่า
   เดินออกกำลังกายแทนครับ เดินหน้าถอยหลังพร้อมกับสูดลมหายใจแบบ 3 / 5 / 7 ทำแล้วก็โอเคดีนะ แต่ไม่เห็นความต่างอะไรมาก หวังว่ามันจะดีต่อปอดผมขณะขี่จักรยานขึ้นเขาโหดๆ
   วันนี้เสิร์ชเจอแอป (โปรแกรม) ของ national geographic ถูกใจมากๆ เพราะเป็นแผนที่โลกเลย มีฟังชั่นวัดระยะทางคร่าวๆ มาให้เล่นด้วย แบบนี้วางแผนขี่จักรยานได้ง่ายมาก
   เย็นไปรับมิวแล้วกลับมาเฝ้าร้านขายของต่อ กว่าจะเข้าบ้านก็เกือบ 1100 เข้านอนกันเกือบเที่ยงคืน สงสารลูกนั่งหาวหวอดๆ
Title: Re: กพ 56
Post by: O'Pern on February 08, 2013, 03:13:49 pm
6 กพ 56
   นอนดึก ตื่นสายหน่อย ขี่จักรยานได้นิดเดียว เดินได้อีกหน่อยหนึ่ง แล้วก็ต้องเข้าตารางชีวิตคนทำงานประจำ ไปส่งลูก แล้วก็เข้าที่ทำงาน
   หลายเดือนมานี้มีไอ้แพดเป็นเพื่อนแก้เหงา เลยออนไลน์ได้บ่อย ตอบกระทู้จักรยานได้เยอะกว่าเดิม แต่ทว่ามันพิมพ์ไม่ถนัดเอาเสียเลย อันไหนที่ต้องตอบยาวๆ ผมจะเอาไว้กลับมาตอบที่บ้านแทน กลายเป็นว่าเน้นอ่านเสียมากกว่า
   เช็คเมลล์แล้วไม่ได้รับจดหมายจากอัน (มือกราฟฟิค) เลย จะโทรตามก็เกรงใจ เขาทำงานประจำอยู่
Title: Re: กพ 56
Post by: O'Pern on February 08, 2013, 03:15:47 pm
7 กพ 56
   ขี่จักรยานตอนเช้านิดหน่อย ชีวิตออกแนวเบื่อๆ หน่อย หัวสมองไม่ค่อยแล่น ในเวปจักรยานมีคนคุยประเด็นว่าขี่จักรยานแล้วฟังเพลงอะไร คนส่วนใหญ่ก็จะบอกชื่อหรือแนวเพลง บ้างก็สวดมนต์ก็มี ส่วนผมตอบไปว่า ไม่ฟัง ไม่ร้องเพลงอะไร ผมจะขี่อย่างเงียบๆ พอขี่ไปสักพัก ถ้าเจอเส้นทางที่เหมาะๆ อย่างทางตรงเรียบ ยาว รถยนต์วิ่งน้อย การขี่จักรยานก็ไม่ต่างอะไรกับการทำสมาธิ จิตเราจะนิ่ง สงบ ณ จุดหนึ่งของห้วงภวังค์ ผมเคยขี่กลางแดดตอนบ่ายร้อนๆ ท่ามกลางรถยนต์วิ่งมากมาย ผมกลับไม่ได้ยินเสียงอะไรรอบข้างกายเลย ได้ยินแค่เสียงหัวใจตัวเอง เสียงลมหายใจฟืดฟาดๆ
   นึกแปลกใจตัวเอง เฮ้ย นี่มันเกิดอะไรขึ้น มันคืออะไรกันแน่ จะเรียกสิ่งนี้ว่าอะไร บอกไม่ถูกจริงๆ
Title: Re: กพ 56
Post by: O'Pern on February 12, 2013, 01:45:47 pm
8 กพ 56
   หลับๆ ตื่นๆ ตลอดคืน หมาข้างบ้านเห่าหอนอีกแล้ว นอนไม่สบายเลย ไม่ชอบแบบนี้จริงๆ นึกถึงคอนโดขึ้นมาเลย ที่นั่นนอนได้อย่างเงียบสงบดีจริงๆ (มีเสียงรบกวนบ้าง แต่เบาและไม่น่ารำคาญเท่าไหร่)
   ขี่จักรยานไปเกือบ 1 ชม ตื่นเร็วเลยมีเวลาเยอะ ตอนเช้าพอมีลมเย็นๆ หลงเหลืออยู่บ้าง น่าจะเป็นแค่ไอความเย็นที่ค่อยๆ น้อยลงไปทุกที เพราะกรุงะเทพฯเราเข้าฤดูร้อนอย่างเป็นทางการแล้ว
   เข้าเทศกาลตรุษจีน วันนี้เรียกวันจ่าย คือจะไปจับจ่ายใช้สอยซื้อข้าวของเครื่องไหว้กัน ทุกตลาดคนแน่นหมด ตลาดเล็กก็แน่นน้อย ตลาดใหญ่ๆ แม่งแน่นทั้งวัน ตลาดไฮไลท์อย่างเยาวราชไม่ต้องพูดถึง แน่นข้ามวัน
   กลายเป็นว่าวันนี้แทบไม่เป็นอันทำงานทำการ ไปส่งของที่ปากคลองตลาดนี่จากเดิมแค่ 45 นาทีก็กลับมาแล้ว แต่วั้นนี้ใช้ถึง 3 ชม โอ้ พระพุทธเจ้า วันนี้มันต้องเป็นวันที่มีมากกว่า 24 ชม แน่ๆ ยาวไกลแน่ๆ เคยมีตรุษจีนอยู่ปีหนึ่ง ผมเลิกงานตีสอง เป็นแบบนี้อยู่ 3 คืนติดๆ กัน สุดๆ แล้ว ยกของกันแทบต้องหายาม้ามากินเลย
   เย็นไปรับมิว กลับมาบ้าน กินข้าวบ้าน ใช้ชีวิตเรียบง่าย พอมีเวลาเล็กน้อยก็จัดการเจ้าพวกลูกปลา ซึ่งตอนนี้มันเริ่มจะแน่นบ่อใหญ่แล้ว อยากสร้างบ่อเพิ่มนะ แต่ยังหาที่ทางไม่ได้ ยังคงเหลือพวกลูกปลาตัวเล็กๆ อีก 2 บ่อที่รอวันโต
Title: Re: กพ 56
Post by: O'Pern on February 12, 2013, 01:48:12 pm
9 กพ 56
   วันนี้มิวเรียนพิเศษที่โรงเรียนเสริมวิชาเป็นวันสุดท้าย ปกติก็จะสมัครต่อเรียนภาคฤดูร้อน แต่ปีนี้ผมให้เขาไปเรียนเรือใบที่สัตหีบแทน ตัวผมเล่นวินเซิร์ฟเป็นตอนมัธยม เป็นแบบหัดเอง มั่วๆ เอง ซึ่งผมว่ามันดีนะ แข็งแรงสุดๆ แมนมากๆ แล้ว อยู่คนเดียวกลางทะเล แก้ปัญหาเองทุกอย่างทั้งหมดอีกด้วย มันยิ้งกว่าจักรยานทางไกลเสียอีก เพราะว่ามันต้องลุยคนเดียวจริงๆ
   มีอยู่วันหนึ่งเชือกดึงใบผมขาดกลางทะเล ก็พับใบเก็บม้วนเข้ากับเสาอย่างดี เก็บบูมเข้าที่ เอาทุกอย่างวางบนบอร์ดแล้วก็นอนคว่ำพายด้วยมือทั้งสองข้างเข้าฝั่ง ผมพายอยู่สัก 1 ชม มันก็ยังเข้าฝั่งไม่ได้ ลมมันพัดเราออกจากฝั่งตลอดเวลา เหนื่อย เมื่อย กลัว หิวน้ำ หิวข้าว ฯลฯ ตอนนั้นผมอายุสัก 16-17 เองมั้ง
   โชคดีเจอฝรั่งขี่เจทสกีผ่านมา ดีใจรีบกระโดดยืนบนบอร์ดวินเซิร์ฟแล้วโบกมือขอความช่วยเหลือ ยิ้มหน้าบานเลย เตรียมเชือกเรือเอาไว้ผูกให้เจทสกีลาก
   ฝรั่งหันมามอง ส่งยิ้ม  แล้วโบกมือตอบแบบ บ้าย บาย
   หึหึ ไอ้ห่าเอ้ยยย คงคิดว่ากูทักเล่นมั้งนี่
   ไม่มีใครช่วย เราก็ต้องช่วยชีวิตตัวเราเอง นอนคว่ำ นอนหงาย พายด้วยมือทั้งสองของเราจนเข้าฝั่งได้ จากเดิมเล่นที่อ่าวจอมเทียน ผมไปขึ้นฝั่งเอาแถวหาดทรายแก้ว เลยจอมเทียนไปเยอะมาก เดินลากบอร์ดแบกใบบนหาดทรายกลับมาเองคนเดียว ใช้เวลาไป 4 ชม ขำขำ ทางครอบครัวเป็นห่วงกันใหญ่ แต่ทำไงได้ ไม่มีใครอยากให้เกิดเรื่องแบบนี้
   เช้านี้เจองานหนักหน่อย ขับรถกระบะไม่มีหลังคาไปซื้อของที่แมคโคร เจ้าของร้านกำหนดจุดจอดรถมาให้เสร็จสรรพ กะว่าไม่ต้องลากรถเข็นมาไกล แต่มันต้องแลกกับการที่ผมต้องยกของกลางแดด แถมเป็นพื้นต่างระดับอีกด้วย กลายเป็นเหนื่อยกว่าเดิม
   ยกไปครึ่งทางก็ต้องไปยืนพักในร่มเงาตึก ไปคนเดียวครับ ยกแบบประคองตัว กลัวหลังเจ็บจริงๆ เลย ก้มๆ เงยๆ แบบนี้ไม่น่าเป็นผลดี
   ขับกลับมาร้านก็เอาสินค้าลงจัดเรียงเก็บเข้าที่ เหงื่อโทรมเลย ครีมกันแดดที่ทามามันไหลหยดติ่งๆ ออกมาเป็นน้ำเหงื่อสีขาว
   บ่ายพามิวไปเรียนพิเศษคุมอง ผมทำธุระที่ธนาคารสองแห่งแล้วก็ไปนั่งรอที่จุดนัดพบ มิวเลิกเรียนมาก็จะให้โหลดเกมใหม่มาเล่น อันไหนชอบก็เก็บไว้ อันไหนไม่ชอบก็ลบทิ้งไปซะ
Title: Re: กพ 56
Post by: O'Pern on February 12, 2013, 01:49:47 pm
10 กพ 56
   ตื่นตีห้า แต่ไม่รู้จะทำอะไรดี คือไม่เคยว่างแบบนี้ไง ตั้งตัวไม่ติด วันปกติก็ขี่จักรยานได้นิดหน่อยก็ต้องรีบกลับเข้ามาใช้ชีวิตตามตาราง พอวันนี้ได้หยุดทำงง เอ จะไปไหนดีน้า ไปชายทะเล ไปขี่ในบางกระเจ้า หรือจะเอาใส่รถ Trooper แล้วไปขี่ไกลๆ ดี
   สรุปแล้วไม่ลงตัว เวลาก็กระชั้นเข้ามาเรื่อยๆ แปลกใจตัวเองสิ เพราะไม่เคยเป็นแบบนี้ มันเกิดจากการที่เมื่อคืนก่อนนอนไม่ได้วางแผนไว้ก่อน มาคิดเอาล่วงหน้าสดๆ แถมขี่คนเดียวอีกด้วย เลยไปไม่เป็น
   นี่ถ้ามีกลุ่มก็ไม่ต้องคิดมากนะ ออกไปขี่กับกลุ่มก็จบ แต่ผมไม่มีกลุ่มอะไรกับเขาเลย ขี่ไม่เก่งครับ กลัวไปเป็นตัวถ่วงพวกเขา อย่างทริปหัวหินอยากขี่เข้ากลุ่มก็ไม่กล้าไป จนต้องอาศัยวันว่างๆ ไปจัดเองคนเดียวแบบตอนปีที่แล้ว แล้วก็ไปไม่ถึงจริงๆ ครับ ไปได้แค่ชะอำ เห็นไหม
   ฟ้าเริ่มสว่าง มีเมฆฝนมากเลย อากาศอบอ้าวเหมือนฝนจะตก เลยยิ่งคิดมากไปใหญ่ เอาไงดีๆ ๆ ๆ ทีวันอื่นมีธุระเสือกอยากขี่ พอวันนี้ว่างสุดๆ มึงเสือกสรุปชีวิตไม่ได้ หึหึ
   คิดไปก็เดินออกกำลังกายไป วันนี้เดินเร็วถอยหลัง และเป็นวันแรกที่ผมลองวิ่งถอยหลัง อันตรายครับ หากสะดุดเท้าตัวเองนี่ตีลังกาหัวฟาดพื้นแน่ๆ มันไม่เหมือนเราล้มด้านหน้าที่จะเอามือยันพื้นได้ วิ่งถอยหลังก็ล้มเอาหลังลง อาเมน
   ฟ้าเริ่มสว่างแล้ว วันนี้ฝนตกชัวร์ ผมไม่ได้กลัวฝนหรอกนะ แต่ถ้ารู้ว่าต้องเจอฝน ก็จะเตรียมตัวอีกแบบหนึ่ง อย่างน้อยก็จะได้หุ้มเบาะ Brooks ด้วยพลาสติคชั้นหนึ่งก่อน แล้วคลุมด้วยผ้าคลุมของเขาเอง แบบกันเหนียว คือเราไม่รู้ว่าผ้าคลุมของเขากันน้ำได้มากน้อยแค่ไหนไง
   เล่าแล้วก็นึกถึงผ้าคลุมของกระเป๋าวางบนแร็คของ KHS แม่งไม่ได้เรื่องเล้ยย เป็นผ้าคลุมที่ห่วยมากๆ นอกจากจะหุ้มไม่เข้ารูปกระเป๋าแล้ว ยังกันน้ำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย ฝนตกแค่เป็นละออง กระเป๋าก็เปียกไปหมดแล้ว
   อ้าว กลายเป็นว่าออกกำลังกายเพลิน สมองปลอดโปร่งคิดเรื่องธุรกิจหนังสือได้อีกหลายแนว โอ้ แบบนี้เข้าขั้นฟุ้งซ่านแล้วลูกพี่
เก็บกดครับ คิดอะไรได้ก็จดๆ เอาไว้ พอมีโอกาสก็จะปล่อยของแบบยกล็อต
สายหน่อยลูกไปเรียนพิเศษที่ซุปเค สาทร ภรรยาไปส่ง ผมออกกำลังกายต่ออีกสักพัก เดินเล่นให้อาหารปลา หิวจัด หมดมุข เลยขี่จักรยานไปตลาด พอใกล้ถึงฝนตกเทลงมา ตกใจมาก รีบหันหลังกลับ พอถึงบ้านกลายเป็นฝนปรอยๆ ปัดโธ่
โชคดีแม่บ้านยกเอาผลไม้มาให้ เช้านี้เลยกินมะม่วง แอ๊ปเปิ้ล อัลมอนด์ กลางวันภรรยาโทรมาชวนไปสวนจตุจักร แต่มิวไม่ไป ขออยู่บ้านเล่นเกม
ขาไปภรรยาขอขับรถ บอกชอบคันนี้มันแรงดี แต่น่าจะเป็น MT นะ คันนี้ยังดีที่มันแรง แม้จะเป็น AT ก็เลยพอไหว เอารถพ่อไปน่ะครับ เครื่องยนต์ 2.7 Inline 5 Turbo ผมก็ชอบขับคันนี้ มันแรงและประหยัดดีมากๆ เป็นเครื่องยนต์ดีเซล ขับช้าๆ ก็จะได้ประหยัด กดหนักๆ แรงบิดถล่มทลาย อัตราเร่งกระชากออกตัวเทียบเท่ากับเครื่องยนต์ V8 5000 cc (คงเทียบได้แค่ระยะหนึ่งนะ ไม่ได้แรงเท่าเขาตลอดทางหรอก)
จอดรถกันที่ อตก แต่พอเดินเข้ามาภายในพบว่ามีรถยนต์จอดในสวนจตุจักรกันพอควร เอ๊ะ เมื่อก่อนเขาบอกให้จอดถึงแค่ตอนเที่ยงแล้วก็จะไล่ออกหมด ไฉนตอนนี้ให้จอดได้แล้ว แปลกใจจริง เกิดเราไปจอดบังหน้าร้านใคร เจ้าของเขาจะหมั่นไส้เราไหม รถเราจะปลอดภัยไหม คือคนมันจอดไม่เยอะไง ไม่ได้จอดกันเป็นแผงเหมือนสมัยแรก กลายเป็นจอดแบบหย่อมๆ ตรงโน้นคัน ตรงนี้คัน
ภรรยาติดใจต้านอาหารเวียดนามชื่อดินเผา ร้านหาง่ายมาก เพราะอยู่ด้านในสวนจตุจักรที่ติดกับริมรั้วถนนใหญ่ตรงหัวมุมทางโค้งพหลโยธินพอดี คนแน่นครับ แต่อาหารก็เสิร์ฟเร็วมาก รสชาติดี ราคาไม่ถูกเท่าไหร่ อาหารแนะนำคือไก่ย่างกอแระ (ไก่ย่างสมุนไพร) ภรรยาชอบข้าวเกรียบปากหม้อญวน ส่วนผมได้หมด เน้นผักเข้าว่า
เดินเล่นเป็นเพื่อนเขา อันที่จริงผมก็อยากเดินหาซื้อของส่วนตัวเหมือนกัน แต่มาคิดอีกทีมันก็คือแค่ของที่เราอยากได้ ไม่ถึงขั้นจำเป็น เก็บเงินเอาไว้ใช้ของที่มันจำเป็นจริงๆ จะดีกว่านะ เลยเดินตามภรรยาอย่างเดียว ช่วยเขาถือของ
ภรรยาทำงานหนักครับ ก็เลยชอบช็อปปิ้ง แต่ไม่ได้เล่นของแพงๆ นะ ซื้อของจุกจิกตามตลาดใหญ่ๆ นี่แหละ ไม่ได้ใช้พวกแบรนด์เนม แต่พวกผู้หญิงนี่แปลกอย่างหนึ่งนะ เห็นแล้วโคตรสงสัยเลยว่าทำไมพวกเขาถึงชอบแต่งตัวตามกัน
สิบกว่าปีก่อนเป็นพวกเสื้อสายเดี่ยว เอวลอย ตอนนี้ฮิตกางเกงขาสั้นแม่งมองไปทางไหนก็เจอแต่ขาสั้นเต็มไปหมด
เจอเสื้อผ้าน่ารักท่าทางใส่สบายเลยซื้อมาฝากลูก ผมเห็นเสื้อยืดเท่ๆ หลายตัว เมมไว้ในหัว กะว่าหากลดพุงได้ตามเป้าจะมาซื้อ อยากใส่เสื้อเบอร์ M ครับ ตอนนี้เป็น L อยู่
บ่ายแก่ๆ ก็กลับบ้าน ขากลับผมเป็นคนขับ ภรรยานอนหลับตลอดทาง ผมขับแบบนุ่มนวล เปิด Cruize Control ที่ 100 ขับแช่ซ้ายตลอดทางจนถึงบ้าน ถนนรถน้อย ขับสบายมาก แต่ก็เล่นเอาง่วงเหมือนกัน
กลับมาบ้านมิวยังเล่นเกมอยู่เลย ยิ่งโตยิ่งเริ่มเยอะ แต่ก็ยังไม่อยากเข้มงวดอะไรมากนัก เพราะเขาเองก็เรียนพิเศษเยอะเช่นกัน
หัวค่ำขี่จักรยานเล่นในบ้านนิดหน่อย คิดพลอทเรื่องสั้นจักรยานออกอีกตอนหนึ่ง
เออ นี่ผมไม่ได้อัปเดทเรื่อง UBX มานานมากแล้วนะนี่
Title: Re: กพ 56
Post by: O'Pern on February 12, 2013, 01:52:17 pm
11 กพ 56
   ขี่จักรยาน 30 นาที เดินวิ่งถอยหลังสลับกับเดินหน้า คิดหาวิธีออกกำลังกายใหม่ๆ จะได้ไม่เบื่อ ใกล้สว่างขี่จักรยานไปซื้อโจ๊กกินกับลูกคนละถุงแล้วก็ไปส่งเขาที่โรงเรียน
   ผมก็ไปร้านขายของต่อ ปกติร้านเราจะหยุดตรุษจีนกัน แต่ปีนี้ไม่หยุด ร้านเปิดปกติ แต่คนงานเขาก็หยุดกันเอง ขาดงานกันไปหลายคน แล้วก็ตามฟอร์ม เขาไม่อยู่ กูก็ต้องทำแทน
   เริ่มด้วยแบกของไปส่งลูกค้าในตลาดที่อยู่ห่างไปสัก 500 เมตร ถ้าให้ผมเลือกก็จะใส่รถเข็นแล้วก็เข็นไป แต่แปลกที่เจ้านายสั่งให้ผมแบกไป ไม่อยากถาม ไม่อยากมีข้อสงสัย ก็เลยทำตามไปด้วยความงง
   ตอนสายก็ไปลงของในโกดัง ช่วยคนงานเขาเข็น และยกของ มาเสร็จเอาใกล้เที่ยง ไปธนาคารต่อ และกลับมาอยู่เฝ้าร้านจนบ่ายแก่ๆ ถึงได้ไปรับมิว
   มิวกำลังเล่นบาสฯ ผมนั่งดูอยู่สักพักใหญ่ ขากลับเขาขอซื้อน้ำชาเขียวโออิชิ ผมไม่อยากให้กินมากเกินไป เลยต่อรองเป็นน้ำสตอเบอรี่ปั่นใน Big C แทน
   กลับมาถึงบ้านมิวเปิดคอมเล่นเกมก่อนเลย บอกว่าโชคดีวันนี้ไม่มีการบ้าน เล่นเกือบ 2 ชม เห็นจะได้ ช่วงนี้มิวเล่นเกมเยอะมาก ผมไม่ชอบเลย ได้แต่บ่นเตือนเขานิดๆ
   หัวค่ำผมเป็นเหี้ยอะไรก็ไม่รู้ มาโวยวายใส่ลูก โมโห ระเบิดอารมณ์ด้วยการชกประตูไป 2 ทีดังๆ เลย ก่อนหน้านั้นก็ขว้างหนังสือการ์ตูนที่กำลังอ่านไป 1 ครั้ง
   ไม่อยากโทษอะไรเด็ก ผมโทษตัวเองที่ควบคุมอารมณ์ได้ไม่ดีพอ กลัวจะทำอะไรไปมากกว่านี้ เลยลงมาเดินเร็วออกกำลังกายที่หน้าบ้านสัก 10 นาที ยืนสูดลมหายใจลึกๆ เต็มปอดสัก 10 ครั้ง ถึงจะสงบอารมณ์ลงได้
   คงเป็นเพราะผมคาดหวังในตัวเขามากเกินไปมั้ง ผมให้ในทุกๆ อย่างที่ผมไม่เคยได้รับในตอนเด็ก ล่าสุดวันก่อนก็สอนเขาเรื่องพ่อแม่รังแกฉัน เพราะกลัวว่าตัวเองจะเป็นแบบนั้น
   ผมผิดเอง ผมคิดไปเอง ผมหวังไปเอง
   ผมผิดเองคนเดียว
Title: Re: กพ 56
Post by: O'Pern on February 13, 2013, 01:51:43 pm
12 กพ 56
   ตื่นมาเจ็บมือ ดีที่เลือดไม่ไหล ชกประตูด้วยสันหมัด เป็นการระบายอารมณ์ที่ไม่ดีเอาเสียเลย ตอนที่เจ็บใจ เสียใจ ผมชอบชกกำแพง แต่ไม่ได้ชกกันพร่ำเพรื่อนะ ตั้งแต่เกิดมาชกแค่ไม่กี่ครั้ง แต่ชกแบบเต็มแรงเลยล่ะ มือแตกก็มี
   อารมณ์ จิตใจ ผมเป็นอะไรก็ไม่รู้ มันเหมือนไม่ใช่ตัวเอง แต่รู้อย่างหนึ่งว่ามันเกิดจากสภาพจิตใจที่ถูกกดดันมาตลอด นานเข้าก็ระเบิด มาเสี่ยใจตรงที่ระเบิดลงกับลูกนี่แหละ เขาเป็นเด็ก เขารู้ว่าผมไม่ชอบงานที่ต้องทำทุกวัน แต่เขาไม่รู้ว่าจิตใจผมมันหดหู่เพียงใด
   ผมเคยหนีออกจากบ้าน 1 คืน ตอนอายุ 15 แอบไปตอนดึก และกลับมาตอนเช้า ไม่มีใครที่บ้านรู้เลย อารมณ์นั้นมันจะกลับมาในอีก 30 ปีให้หลัง แต่คราวนี้ผมไปนานกว่า 1 คืนแน่ๆ ครั้งนั้นไปด้วยความคับแค้นใจ คราวนี้ก็คล้ายๆ กัน แต่มันบอกไม่ถูกจริงๆ เหมือนคับที่อยู่ได้ คับใจอยู่ยาก
   ไม่รู้สินะ ผมอาจไม่กล้าหนีไปจริงก็เป็นได้ มันเหมือนคิดแก้แค้นให้เจ็บแสบ แบบทำอะไรใครไม่ได้ ก็ทำตัวเองมันซะเลย คล้ายทำประชดชีวิต ประมาณนั้น
   เบื่อโคตรๆ เลยว่ะ ไม่ได้โทษอะไรใครนะ ผมยินดีและเต็มใจที่จะมาอยู่ตรงนี้แบกรับความเบื่อเองด้วยความสมัครใจ เป็นการยอมแบบธรรมชาติ ยอมจากใจจริง แม้ในใจจะไม่ชอบเลยก็ตาม
   ขี่จักรยานตอนเช้าเหมือนเดิม แต่จิตใจต่างออกไปจากวันก่อนๆ เยอะมาก รู้สึกไม่สนุก
   เช้าไปส่งลูกโดยไม่ได้พูดกันสักคำ รู้สึกอึดอัดเหมือนกัน เพราะว่าเราสนิทกันมาก เลี้ยงเองมากับมือตั้งแต่เกิด ตลอดวันทำงานก็แสนจะเบื่อหน่าย เต็มไปด้วยความไม่สบายใจ
   เย็นไปรับลูก นั่งดูเขาเล่นบาสฯ ราว 1 ชม แล้วถึงขึ้นรถกลับ
   “มิว เรื่องเมื่อคืนพ่อขอโทษนะลูก”
   “มิวก็ขอโทษพ่อเหมือนกันครับ”
   พอได้เอ่ยปากออกไป ความสุขความสบายใจก็เข้ามาแทนที่ การที่ผมขอโทษเขาก่อนครั้งนี้ นอกจากจะได้ปลดเปลื้องความไม่สบายใจในตัวเองแล้ว ยังเป็นการสอนให้เขารู้จักคำว่าขอโทษอีกด้วย และที่ดีใจที่สุดก็คือการที่เขาเอ่ยปากขอโทษกลับมาด้วย นั่นคือเขาเข้าใจสิ่งที่ผมต้องการสื่อแล้ว
Title: Re: กพ 56
Post by: O'Pern on February 14, 2013, 01:20:48 pm
13 กพ 56
   ตื่นสายครับ นอนเพลิน ขนาดนอนไม่ดึกแล้วนะนี่ ทำได้แค่เดินไปมาเล็กน้อย
   อยู่ที่ทำงาน หยิบนิตยสารแพรวเล่มเดือน มค 56 มาอ่าน ด้านในมีคอลัมน์พวกคนดัง เจอคนหนึ่งเขาบอกเป็นนักออกแบบรถยนต์คนแรกของประเทศไทย
   พอได้ยินพวกคำว่า คนแรก คนเดียวในไทย ผมจะหูผึ่ง เพราะไม่เชื่อครับ
   ไม่ใช่แน่ๆ นักออกแบบรถยนต์คนแรกในไทยไม่ใช่เขาแน่ และไม่ใช่ผมอีกเช่นกัน
   ก่อนหน้าผมก็ต้องมีคนเคยทำงานด้านนี้มาก่อนแล้ว เพียงแต่เขาไม่อยากจะโด่งดัง เก็บตัว และไม่อยากเป็นข่าว คนไทยเก่งๆ มีเยอะมากนะครับ เจ๋งจริงๆ ล้วนเป็นพวกแบบ Low Profile นามสกุลไม่หรู ดูแล้วไม่ดัง ก็เลยไม่ค่อยเป็นข่าว พวกนักข่าวสายสังคมบันเทิงยิ่งไม่อยากเล่นเข้าไปใหญ่ เพราะเขียนไปก็เท่านั้น มันไม่มีกระแสตามมา แถมพวกเทพระดับนี้ก็ชอบที่จะเป็นคนเงียบๆ อยู่เบื้องหลังของความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ ติสต์ตัวจริง
   วงการออกแบบรถยนต์ปัจจุบันนี้มันเปลี่ยนพลิกโฉมไปมากแล้ว ย้อนหลังไป 20 กว่าปี บริษัทรถต่างๆ ยังไม่ได้รวมกันเป็นกระจุก เป็นเหมือนสหกรณ์แบบในปัจจุบัน แต่ละค่ายก็ต่างคนต่างออกแบบกันเอง เรียกว่าหากเป็นเซียนรถตัวจริง แค่เห็นเส้นโครงร่าง ก็รู้ว่าเป็นรถของค่ายใด บางคนเห็นเส้นของเสา A และหลังคานิดเดียวก็ยังรู้ ยกตัวอย่างรถของ Volvo / Saab / BMW / Mercedes Benz / Peugeot ตัวเก่าๆ เลยนะครับ
   ผมโชคดีที่ใช้ชีวิตอยู่ในช่วงของรอยต่อนั้น เจอตั้งแต่บริษัทที่มีฝ่ายวิจัยพัฒนาและออกแบบเอง และบริษัทที่เป็นบริษัทลูก (เน้นขาย และเติมเต็มช่องว่างการตลาด) ยกตัวอย่าง Daihatsu จะเป็นบริษัทลูกของ Toyota พอรุ่นพี่คิดนวัตกรรมอะไรแปลกใหม่ได้ แต่ยังไม่อยากลองกับแบรนด์ตัวเอง (คือยังไม่กล้าเสี่ยง กลัวฟีดแบ็คไม่ดีแล้วโดนด่า) ก็เลยให้บริษัทลูกเอาไปเล่นก่อน ถ้าเวิร์คแล้วก็ค่อยเอามาใส่ในรถของค่ายตัวเอง แต่ถ้าไม่เวิร์คก็ปล่อยให้มันเจ๊งไปกับ Daihatsu นั่นแหละ Toyota ไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วยเลยแม้แต่น้อย เอาง่ายๆ ก็คือให้ลูกเป็นหนูทดลอง เราเลยเห็นรถ Daihatsu มีลูกเล่น หรือรูปทรงแปลกๆ ดูน่ารัก ออกมาให้เห็นบ่อยกว่า ไอ้พวกที่เก็บของกระจุกกระจิกนี่แหละตัวดีเลย รถ Daihatsu มีมาเป็นสิบปีแล้ว ส่วนรถของ Toyota เพิ่งจะเอาเข้ามาใช้บ้าง
   ปัจจุบันแทบจะไม่มีค่ายใดที่เป็นเจ้าของรถยี่ห้อเดียว แม้กระทั่งแบรนด์ดังระดับโลกอย่าง Ferrari ยุคแรกเลยนี่เป็นบริษัทเครือเดียวกับ Fiat (Fiat คือรถแห่งชาติของอิตาลี) หลายชิ้นส่วนในเครื่องยนต์ของ Ferrari ก็ใช้ของ Fiat จนถึงทุกวันนี้ ไม่ต้องอะไรมาก ดูที่หัวรถแข่ง F1 ของ Ferrari ก็มีตรา Fiat ติดอยู่
   อีกตัวอย่างคือ Lamborghini แรง แพง ระดับเทพ ก็ตกเป็นของค่าย Audi มากว่า 5 ปีแล้ว พอ Audi เข้าควบกิจการปุ๊บ ก็เอาเทคโนโลยีเครื่อง V10 มาใส่ใน Audi R8 ของตัวเองซะ แล้วก็ออกตัว Gallardo ที่เป็น Lamborghini ตัวแรกที่เปิดประตูแบบธรรมดา ทั้งๆ ที่เอกลักษณ์ของเขาคือประตูแบบ Scissor Door ฟีดแบ็คดีก็ทำต่อ ถ้าไม่ดีก็โละทำใหม่ ให้ผู้บริโภคตัดสิน แต่ในสายตาผมแล้วประตูแบบ Scissor Door มันคือเอกลักษณ์ของ Lamborghini ไม่น่าจะตัดทิ้งไปนะ
   เล่าคร่าวๆ ให้พอเห็นภาพเรื่องพวกการตลาด แต่ในโลกของงานดีไซน์มันลึกลับกว่านั้นเยอะ เชื่อหรือไม่ว่าค่ายรถสวย หรู ทั้งดังระดับโลก ไม่ได้ออกแบบเอง ไม่มีทีมออกแบบเป็นของตัวเอง !!!
   คุยเรื่องพวกนี้กับผม คุยได้ยาวมากๆ หลายเรื่องพูดคุยเล่าได้ และอีกหลายเรื่องไม่ควรเล่าในบันทึกนี้
   เริ่มแรกผมก็ออกแบบมาเป็นคันๆ เหมือนคนทั่วไปเขาทำ แต่พอทำไปสักพักก็เปลี่ยนแนว กลายเป็นว่าผมถอยออกมา แต่กลับมีคนใหม่เดินตามรอยแทน เปรียบเหมือนผมกำลังเทขายหุ้นทิ้ง แล้วมีคนรีบมาช้อนซื้อน่ะครับ แต่โลกของงานดีไซน์มันไม่แปรผันเร็วเหมือนตลาดหุ้น ดีไซน์เก่าๆ คือเอ้าท์แล้ว ถ้าจะรอให้กลับมาฮิต ก็ต้องใช้เวลาถึง 30 ปี !!!
   รู้ไหมว่าดีไซน์ Retro ฮิตได้อย่างไร ทำไมถึงฮิต รถคันใดคือรถ Retro คันแรกของโลก และฝีมือใคร
   ผมชอบรถยนต์เหมือนกับที่หลายๆ คนเป็น แต่ไม่ได้เล่นมาในแนว ซิ่ง แต่ง แข่ง โม แม้แต่น้อย มีรถคันล่าสุดคันเดียวที่แต่งมันเสียเต็มที่สำหรับดริฟท์ เพราะผมเขียนคอลัมน์ดริฟท์ไปด้วย
   ไอ้คำว่าแต่งเต็มที่ของผมน่ะ มันไม่เหมือนพวกรถวัยรุ่นแต่งซิ่งเขาทำกันนะ ผมทำโดยคำนึงถึงการใช้งานเป็นหลัก ไม่ได้มีมาตรวัดเรียงกันเป็นตับบนแผงคอนโซล ไม่มีมาตรวัดรอบตัวโตๆ บนคอพวงมาลัย ไม่มีอะไรเหมือนที่พวกรถซิ่งเขามี แต่กลับมีในสิ่งที่พวกซิ่งเขาไม่มีแทน เช่น ตัวฉีดน้ำอินเตอร์คูล และการระบายความร้อนออกจากห้องเครื่องยนต์
   อีกแล้วล่ะ ผมขับดริฟท์เป็นคนแรกๆ และเขียนคอลัมน์ดริฟท์เป็นคนแรกในนิตยสาร Automobil Racing Cars ในปี 96 (ยุคแรกชื่อ Automobil Special News)
   นี่คือแนวของผมเลยนะ มันกลายเป็น Signature ไปแล้วว่าหากคิดทำอะไรจะต้องแปลกใหม่ แหวกแนว คิดไม่ถึง เจ๋ง จนปี 99 ก็ทำ Racing Club ออกมาด้วยความซ่า สุดๆ (อยู่ได้แป๊บเดียว เจ๊ง) (แต่ไม่ต้องห่วง ยังไงก็ต้องมีการล้างแค้น)
   วันนี้ว่างเยอะ เล่าเรื่องอดีตอีกแล้ว
   เย็นไปรับลูก ช่วงนี้มิวเล่นบาสทุกวัน ก็ดีครับ จะได้ตัวสูงๆ หน่อย เด็กวัยนี้ต้องพัฒนาร่างกายให้มาก แล้วการพัฒนาสมองมันจะตามมาเอง
Title: Re: กพ 56
Post by: O'Pern on February 15, 2013, 02:00:50 pm
14 กพ 56
   วันขายดอกกุหลาบแห่งชาติเวียนมาอีกครั้ง ปากคลองตลาดรถติดแน่นหนึ่บแบบไม่ขยับ ไปส่งของทีก็หายไป 3 ชม คนงานก็ยังคงขาดงานอย่างสม่ำเสมอ ร้านเลิกงานดึกจึงเป็นเรื่องปกติ
   เข้าเฟซบุ๊คเจอเวปของหนังสือจักรยานแจกฟรี ผมก็สนใจสิ เอ๊ะ มันจะมาแนวไหน แนวเดียวกับเราไหม ยังไงกันแน่ ส่งข้อความคุยกัน เขาบอกแจกฟรีจริง แต่ต้องส่งซองเปล่าติดสแตมป์จ่าหน้าซองถึงตัวเองส่งไปให้เขา อืมม มันก็โอเคนะ ไม่ใช่เรื่องลำบากอะไร แต่ผมไม่มีซองใหญ่ขนาดนั้นที่จะใส่นิตยสารน่ะสิ เลยยังไม่ได้จัดการ
   คิดแล้วเจ็บใจนะ ผมคิดทำหนังสือจักรยานมาหลายปีแล้ว ได้แต่คิด ดีแต่ฟุ้งซ่าน กลายเป็นว่าหากทำตอนนี้ก็ต้องเป็นคนที่ “ก็อป” คนอื่นเขา เซ็งไปเลย แต่ก็สมน้ำหน้าตัวเองที่ดีแต่คิด คิดแล้วไม่ลงมือทำก็แบบนี้แหละ สมน้ำหน้ามึง
   เกลียดการก๊อปมากๆ เลย ผมว่ามันไม่ค่อยแมนว่ะ หรือเป็นเพราะผมมาแนวของ Designer ก็เป็นได้นะ ตอนที่ต้องออกแบบหนักๆนี่ ผมไม่อ่านหนังสืออะไรของใครเลย เดินทางท่องเที่ยวล้วนๆ เพื่อหาแรงบันดาลใจ เหตุผลของผมก็คือ หากผมอ่านหนังสือแล้วชอบงานของใครสักคนเข้า มันจะเมมเข้าสมองทันที แล้วสักวันกลัวที่มันจะหลุดออกมา กลายเป็นว่า ผมก็อปของนักออกแบบท่านนั้น
   แต่ถึงอย่างนั้นนะ ยังคงมีหลายอย่างที่นักออกแบบคิดออกมาแนวทางเดียวกัน ถ้าเป็นแบบนี้ผมจะดีใจครับ คือเรามองตรงกัน โดยมากมักจะเป็นพวกฟังชั่นในการใช้งาน เช่นแผงประตูทำนูนๆ ออกมา ใช้สำหรับเท้าแขนได้
   เย็นไปรับมิว แวะร้าน SE-ED ตาถลน เห็นหนังสือจักรยานชื่อ Crank วางขาย รีบเปิดดู เพิ่งทำออกมาเป็นเล่มที่ 2 ราคา 90 บาท สิ่งแรกที่ผมทำคือดูว่าใครเป็นคนทำ ตามมาด้วยดูหน้าโฆษณาว่าเขามีกี่หน้า เล่มนี้เขามี 8 ตัว แต่ขอโทษ เป็นแอทตัวโตๆ บิ๊กๆ เห็นแล้วโคตรอิจฉาเลย อยากมีแบบนี้บ้าง แนวทางหนังสือก็กลางๆ ครับ เป็นแบบสองภาษา ตรวจปรู๊พกันเหนื่อยมากแน่ ต้องให้คนแตกฉานภาษาอังกฤษมาตรวจทาน
   เป็นไงล่ะมึง ตอกย้ำอีกครั้งว่ามึงเป็นคนดีแต่คิด เป็นพวกฝันเฟื่องไปวันๆ วันนี้วันเดียวเจอไปสองดอกเต็มๆ ทั้งหนังสือแจกฟรี และหนังสือวางแผง
   เดินจ๋อยกลับบ้านไปเลย
Title: Re: กพ 56
Post by: O'Pern on February 18, 2013, 04:32:43 pm
15 กพ 56
   เรื่องหนังสือจักรยานยังไม่จางหายไปจากหัว กลับคิดทวีคูณขึ้นไปอีก เราต้องทำให้เจ๋งกว่าเขาให้ได้
   แต่ดูสภาพร่างกายและจิตใจตัวเองตอนนี้แล้วมันไม่แรงเหมือนตอนหนุ่มๆ สมัยทำ Racing Club เลยว่ะ ตอนนี้จิตใจมันห่อเหี่ยวเพราะโดนดองอยู่ในร้านขายของมาสิบกว่าปี มีโรคปวดหลังเป็นของขวัญจากครอบครัวให้มา กับอายุที่แก่ขึ้น ความใจถึง ความกล้าบ้าบิ่นมันน้อยลงไปมาก สุดท้ายคือเงิน หมดไปเยอะในช่วงสิบกว่าปีมานี้ เพราะทำงานโดยไม่รับเงินเดือนเลย
   ไม่ชอบงานที่ร้านไง ก็เลยไม่รับ ผมเป็นของผมแบบนี้แหละนะ ทำอะไรก็ขอให้ใจรักเป็นอันดับแรก เรื่องเงินเป็นเรื่องท้ายๆ ถ้าไม่เจ็บป่วย ถ้าไม่ฟุ้งเฟ้อ ก็อยู่ได้ไม่ยาก
   ช่วงนี้เลยมีจักรยานเป็นเพื่อนสนิทที่สุด แต่ก็มักจะขี่เองคนเดียวเพราะว่างไม่เหมือนชาวบ้านเขา พอบ่อยเข้าก็กลายเป็นคนสันโดษ เข้ากลุ่มกับใครเขาไม่เป็น
   น้องอัน มือกราฟฟิคส่งภาพการ์ตูนและงานฝีมือมาให้ดูแล้ว ก็โอเคดีครับ ดีกว่าผมวาดเองเยอะ ฝีมือ Drawing ของผมห่วยมากเลยนะ ตอนทำงานนี้ผมจะส่งงานด้วยภาพสเกชต้นแบบ ยังดีที่มีทีมงานคอยช่วยขัดเกลาแบบร่างและลงสเกลให้ ขั้นตอนนี้เหมือนการเจียระไนเพชร เพราะภาพต้นแบบบางทีมันเป็นแค่เส้นร่าง โครงคร่าวๆ เท่านั้นเอง บางคนดูไม่รู้เรื่อง อย่างเก่งก็เขียนไอเดียเพิ่มลงไปอธิบายภาพให้เข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร
Title: Re: กพ 56
Post by: O'Pern on February 18, 2013, 04:35:19 pm
16 กพ 56
   พ่อสนุกสนานกับการขับรถ Isuzu Trooper จนลืมรถคันใหม่ จอดทิ้งไว้นานเกือบสัปดาห์แบบไม่ได้แตะเลย สุดท้ายกลายเป็นหน้าที่ผมที่ต้องนำรถหมุนเวียนไปใช้ มันก็น่าสนุกดีนะ แต่ไม่คุ้นมือสิ ไอ้คันใหม่นี่รถมันทรงกลมมน กะระยะด้านหน้าไม่ถนัด พวงมาลัยก็ตอบสนองแปลกๆ ขับไปสักพักนึกขึ้นได้ ไอ้คันนี้มันรถ FF นี่หว่า
   รถทุกคันในบ้านที่เหลือล้วนเป็น FR ครับ ไอ้น้องใหม่คันนี้คันเดียวที่ FF ยิ่งเจอระบบไฮเทคเยอะจัดยิ่งงงเข้าไปใหญ่ พวงมาลัยไฟฟ้าแบบปรับความหนืดได้ คันเร่งไฟฟ้า ปรับตัวกันสักพักถึงจะไปด้วยกันได้
   วันนี้มิวไม่มีเรียนพิเศษตอนเช้าแล้วครับ เรียนจบแล้ว ผมไม่ได้สมัครให้เขาเรียนต่อ ให้เขาพักบ้าง ไม่อยากให้ตึงจนเกินไป เช้านี้มิวนอนเล่นอยู่บ้านอย่างสบายใจ ปกติจะไม่ชอบตื่นเช้า แต่พอวันนี้ไม่มีเรียน ตื่นตั้งแต่ 0600 แบบไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นไปได้
   วันนี้หวยออก แต่ไม่ได้ออกเลขทะเบียนของยิ่งลักษณ์เหมือน 7 งวดที่ผ่านมา แต่เจ๋งกว่านั้นคือออกเลข 09 คือหมายเลขเลือกตั้งของพงศ์พัฒน์ และ 57 ก็คืออายุของเขา
   ตามฟอร์ม กองสลากบอกไม่ได้ล็อค
   ว่าแต่ มีคนเชื่อมันด้วยหรอ
Title: Re: กพ 56
Post by: O'Pern on February 19, 2013, 01:52:01 pm
17 กพ 56
   ออกจากบ้าน 0600 วันนี้เป็นครั้งแรกที่ขี่ทริปทางไกลโดยใช้อุปกรณ์แบบไม่พร้อม คือใส่รองเท้าแตะยางห่วยๆ แบบไม่รัดส้น ใส่กางเกงผ้าขาสั้นธรรมดา (ไม่ใส่กางเกงใน ไม่มีกางเกงจักรยานอยู่ข้างใน) ใส่เสื้อยืดแขนสั้นคอกลมผ้าบางๆ มีตัวช่วยหน่อยก็คือผ้าคลุมหน้าแบบไอ้โม่ง และเสื้อแขนยาวแบบมีฮู๊ดสีขาว
   ด้วยความที่อยากลองของ อยากรู้ว่าหากเรามีความจำเป็นต้องขี่รถในสภาพนี้ เราจะขี่ทริปยาวสัก 100 กม ได้หรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือการไม่ได้ใส่รองเท้าจักรยานขี่ 
   ขี่ไปชายทะเลตามฟอร์มครับ แถวบ้านผมมีตรงนี้แหละแจ๋วสุดแล้ว กะจะวนไปวนมาในละแวกนี้ ออกแต่เช้า ซัดเต็มๆ อากาศเย็นสบาย ผมว่าน่าจะเสร็จสิ้นตอน 1100 เรียกว่ากำลังร้อนจัดพอดี
   เอาเข้าจริงมันไม่ใช่ครับ ถนนบางขุนเทียนมีฝนตก ข้างทางในเลนจักรยานมีน้ำท่วมขังเกือบตลอดทาง กำลังสนุกเลย กลายมาเป็นต้องลดความเร็ว กลัวน้ำกระเด็นเข้าหลังเข้าปาก และกลัวโดนตะเข็บถนน (เพราะผมไม่คุ้นเคยเส้นทางนัก) ผมใส่ยางสลิคครับ สูบลมอัดเต็มสเปคมาเลย หากเจอถนนที่ไม่พร้อมนี่มีกลิ้งเอาได้ง่ายๆ
   ขี่แบบประคองมาเรื่อยๆ เจอนักจักรยานหลายกลุ่มเลย เกือบ 100% จะใส่ชุด Cosplay เต็มยศ มีพวกรถ Fixy ก็แต่งตัวสบายๆ หน่อย ดูเหมือนประชาชนทั่วไป ผมชอบแบบเรียบๆ ตอนใส่ชุดจักรยานก็เลือกสีพื้นๆ ไม่ชอบสีสันสดใส พอวันนี้แต่งชุดชาวบ้านธรรมดา ก็ใส่สีขาวดำเรียบๆ เหมือนเดิม
   เจอกลุ่มหนึ่งจอดข้างทาง คงจะยางแตก ก็จอดรอกันทั้งกลุ่ม ผมแซงเขามาอย่างช้าๆ ขี่เร็วได้สักแค่ 15 เอง ขี่ด้วยความไม่สนุกเลย ใส่เสื้อขาวด้วยไง น้ำกระเด็นใส่หลังก็เซ็งสิ หลบน้ำไม่พ้น บางช่วงต้องขี่ลุย ระดับน้ำสูงเท่ากับขอบล้อ พอรถยนต์จะแซงผ่านเราก็ต้องลุ้นว่าน้ำจะกระเด็นสาดเราไหม สาดแล้วจะอย่างไรต่อ ก็คงได้แต่ทนๆ ไป
   ขี่ประคองตัวมาช้าๆ ไม่สนุกเลยว่ะ แดดก็เริ่มแรง กลุ่มจักรยานที่ผมแซงเขามาตอนปะยางก็ขี่แซงผ่านไปแบบไม่กลัวเลอะน้ำเลย (เพราะมันเลอะกันเต็มตัวแล้ว)
   เคยเห็นถนนที่เขาเทลาดยางแบบโปะทับกันเป็นชั้นๆ ไหมครับ ถนนย่านนี้เป็นแบบนั้น และไอ้ตรงผิวถนนที่รถวิ่งมันโปะไว้หนา ส่วนด้านข้างก็จะเป็นพื้นเดิม ต่างระดับกันสัก 2 นิ้ว ไอ้รอยต่อของชั้นผิวถนนนี่แหละครับ ที่มันน่าสนใจ
   ปกติถนนแห้งๆ ก็มีคนล้มกับไอ้รอยต่อตรงนี้กันเยอะแล้ว จังหวะล้อหน้ามาแตะที่ขอบนี่แหละคือไฮไลท์ เพราะถ้าล้อหน้ามันแตะปุ๊บแล้วไต่ขึ้นไปเลย ก็ต้องรอให้ล้อหลังแตะและไต่ตามขึ้นไป ถึงจะผ่าน
   ส่วนจังหวะที่ล้มก็มี 2 จังหวะ คือช่วงล้อหน้าแตะขอบ และล้อหลังแตะขอบ แต่ส่วนใหญ่จะล้มเพราะล้อหน้านี่แหละ คือพอด้านข้างมาปะกับขอบปุ๊บ มันก็จะแถไถล ผู้ขี่ที่ปรับบาลานซ์รถไม่ทัน ส่วนจะเป็นเพราะโน้มหน้ามากเกินไป หรือรถที่เซ็ทติ้งแบบหน้าต่ำ เช่นพวกหมอบ แบบนี้จะล้มง่ายมาก และจะเป็นการล้มแบบแถ ไถล ใครตามหลังไอ้คันนี้มาซวยเลยนะ เผลออาจเหยียบซ้ำ เบรกทันก็ตีลังกา เลี้ยวหลบก็จะไปชนเพื่อน สุดท้ายไม่รู้หนีไปทางไหนดี ล้มตามแม่งเลย
   และแล้วเช้านี้ผมก็เห็นภาพเดิมๆ ครับ รถที่ล้มเป็นหมอบ จังหวะเดียวกับที่ผมเล่าเลย ล้อหน้าแตะปุ๊บก็แถ ไกล ล้มแบบเอาหัวไหล่ลงอย่างแรง ไม่อยากนึกภาพเล้ยยย เขากัดฟันขี่ประคองไปจนถึงร้านกาแฟเพิงไม้ ร้านนี้เป็นจุดศูนย์รวมของชาวจักรยานในยุคแรกๆ ตอนหลังเริ่มมีขายข้าวแกงอย่างเป็นทางการแล้ว
   ผมบอกให้เขาไปล้างแผลที่ห้องน้ำ แต่น้ำมีน้อย เพื่อนเขาเลยซื้อน้ำดื่มมาให้ล้างแผลแทน เป็นความคิดที่ดีครับ ล้างแผลก็ต้องการน้ำสะอาดจริงๆ เท่านั้น และได้น้ำเย็นด้วยจะยิ่งช่วยลดความเจ็บช้ำจากแผลได้ดี
   ผมดูเขาสักพัก เห็นเขาบอกบ้านอยู่แถวนี้ ก็เลยโอเค หมดห่วงไป ผมออกขี่ต่อมุ่งหน้าไปยังมหาชัย เป้าหมายวันนี้ต้องขี่ไปอีก 50 กม ถึงจะวกกลับ โชคดีที่เส้นทางที่จะขี่ต่อไปนี้แห้งสนิทเลย ฝนตกแค่ช่วงที่ผ่านมาหน่อยเดียวเอง
   ขี่ตรงตลอดก็จะเป็นเมืองมหาชัย แต่ข้างทางมีจุดให้แวะเต็มไปหมด ตอนเช้าขี่แบบตามแสง สบายมากครับ ร่างกายยังสด มองหาของกินก็ไม่รู้กินอะไรดี ผมดูจะเรื่องมากด้านการกินนะ คือไม่ได้กินแบบเพื่ออยู่ ผมจะกินเพื่อสุขภาพ แถมขี่มาเหนื่อยๆ แล้ว ต้องกินให้อร่อย เจอพวกเพิงขายของข้างทาง ดูไม่สะอาดก็ไม่เอา หรู หรือแพงจัดก็ไม่เอาอีก (งบน้อย)
   แวะจุดแรกคือจุดชมปลาโลมา วันนี้เป็นครั้งแรกทีหอบเอาไอ้แพดมาด้วย เลยหัดใช้เฟซบุ๊คพวกฟังชั้น Check In พร้อมแนบรูปถ่าย ผมมือใหม่กับ Facebook นะ เพิ่งมาใช้จริงจังไม่ถึงเดือนเลย ทำอะไรไม่ค่อยเป็น
   ช่วงใกล้ทะเลลมแรงมาก เช้านี้ระดับน้ำทะเลขึ้นสูง แดดก็แรง อยู่ได้แป๊บเดียวก็ขี่ออกมาไปยังศูนย์อนุรักษ์ชายฝั่งที่อยู่ใกล้ๆ กัน เดินชมเล่นจนหมดโครงการก็ขี่ไปยังศูนย์ใกล้ๆ กันอีก เรียกว่าเจออะไรก็แวะแม่งหมดเลย มาถึงจุดสุดท้ายที่เพิ่งเจอโดยบังเอิญคือศูนย์แสดงปลาอะไรสักอย่าง คล้ายพิพิทธภัณฑ์น่ะ แต่ไม่ได้เข้าชมนะ ไม่มีใครเฝ้ารถให้ เอาไว้ขับรถพาลูกมาดีกว่า
   ขี่ต่อไปเรื่อยๆ จนถึงริมแม่น้ำท่าจีน จุดนี้ก็กว่า 50 กม มาแล้ว มองรอบข้างหาของกินไม่มีเลย มีแต่ร้านอาหารใหญ่ๆ แบบสวนอาหาร เอาไงดีวะนี่ ขี่ย้อนกลับละกัน ช่วงนี้มองสองข้างทางอย่างละเอียดเลย เริ่มหิวแล้ว 1030 แล้ว
   เจอร้านอาหารตามสั่งแอบหลบมุม โหงวเฮ้งดีครับ มีป้ายเมนูเยอะมาก อาหารพื้นๆ ล่ะนะ แต่มีโต๊ะนั่งแบบม้าหิน 9 ชุดใหญ่ๆ เอาไว้รองรับลูกค้า ผมอ่านปุ๊บ สั่งเมนูแรกของเขาเลย นั่นคือ ผัดคะน้าหมูกรอบราดข้าว
   มาแบบจานเบ้อเริ่ม ผักเป็นกำๆ หมูกรอบก็โอเคไม่เยอะมาก ราว 7-8 ชิ้น ข้าวนี่ถ้วยโตเลย จานนี้แค่ 30 บาท ค่อยๆ กินช้าๆ พักเหนื่อยไปด้วย ใช้เวลาไปราว 20 นาที เติมครีมกันแดดหน่อยหนึ่ง
   จากจุดนี้เป็นต้นไปเริ่มจะไม่สนุกแล้วครับ แดดมันร้อน ลมแรง สองข้างทางก็โล่งๆ ไม่มีต้นไม้เป็นร่มเงา พอเจอป้ายรถเมล์ก็รีบปรี่เช้าไปจอดพักทันที ทำแบบนี้ตลอดทางเลย จนเข้าเขตกรุงเทพฯ มันไม่มีป้ายรถเมล์ให้หลบแล้ว หึหึ เอาแล้วสิมึง
   แดดก็ยิ่งร้อนแรงทวีคูณ ตอนนี้ 1200  แล้ว โห ทำเวลาได้แย่มาก ขี่แบบไม่สนุกแล้ว แต่ดีนะที่ไม่เจ็บหลังเหมือนที่เคยเป็นแล้ว สมัยก่อนตอนขี่กลางแดดจัดๆ จะเจ็บหลังแปล็บจนหมดแรง ก้นก็ไม่เจ็บครับ แม้จะไม่ได้ใส่กางเกงจักรยานก็ไม่เจ็บ เบาะหนั่งนี่มันดีจริงๆ
   ขากลับขี่ย้อนกลับทางเดิมจนมาถึงช่วงกลางของถนนบางขุนเทียนก็แยกใช้ถนนย่อยสายเล็กเพื่อกลับเข้าบ้านโดยเลี่ยงถนนใหญ่ มันก็เลี่ยงได้แค่รถนะ เลี่ยงความร้อนไม่ได้ จอดพักใต้สะพาน เจอร้านขายไอติมกระทิ จัดไป 1 ถ้วย เขาขาย 10 บาท ตักกินคำแรกถึงกับชะงัก น้ำตาไหลพราก
   ไอ้สัตว์เอ๊ยยย รสชาติเหี้ยฉิบหายเลย ใจอยากจะเขวี้ยงแม่งทิ้งไปไกลๆ แต่เกรงใจคนขาย เลยเอาวางไว้ใกล้ๆ ตัว
   สักพักมีเด็กเล็กเดินผ่านมา
   “น้องๆ พี่ยกให้เอาไหม”
   เด็กบอกไม่เอา เดินหนีไป โห เซ็งเลยว่ะ ทำไงดี เดี๋ยวมันละลายแล้วจะยิ่งเสียของ คือผมกินไม่อร่อย ไม่ชอบ แต่กับคนอื่นเขาอาจรับได้ไง เพราะตลอดเวลาที่นั่งดูก็มีคนมาซื้อไอติมเขาตลอดเวลา
   เฮ้ยย แปลกใจว่ะ พวกมันกินกันเข้าไปได้ยังไงวะนี่
   หรือว่าปากผมผิดปกติไปแล้ว เพราะที่กินเข้าไปน่ะ มันไม่ได้รสชาติของไอติมกะทิเลย มันใส่สารปรุงแต่งจนผิดเพี้ยนหมด ใช้นมเกรดต่ำ ไขมันเนยแบบแย่ๆ อยากเรียกว่ามันคือไอติมที่รสชาติแย่สุดที่เคยเจอมาก็แล้วกัน
   เด็กเล็กยังคงเดินผ่านหน้าไปมา ผมบอกว่าช่วยกินหน่อยนะ ช่วยหน่อยนะ พูดแบบขอร้อง พร้อมกับเอาไปวางที่โต๊ะเขานั่ง สักพักเด็กก็ตักกิน
   เอารถออกขี่ต่อ ใกล้บ้านแล้วล่ะ เหลืออีกแค่ 20 กม แต่ปัญหาคือแดดร้อนจัด ทนกัดฟันกัดลิ้นจนมา 10 กม อยากนั่งพัก แต่ไม่มีป้ายรถให้หลบ ข้างหน้ามีร้านอาหารของเพื่อนแม่ ชื่อร้านส้มตำเจ๊เล้ง ผมมากินประจำ แต่นี่เป็นวันแรกที่ขี่จักรยานมา
   สั่งโกโก้เย็น แก้วละ 40 บาทแน่ะ ร้านเป็นห้องแอร์อย่างดี มีแบ่งมุมของร้านมาขายกาแฟและเค๊ก ไม่อยากกินมากครับ กลัวอ้วน ดูดช้าๆ จนโกโก้หมดก็ขี่ต่อ
กลับถึงบ้านเอาตอน 0100 รีบถอดของทุกอย่างที่ติดร่างกายออกทันที ยืนยืดเส้นสักพักก่อนอาบน้ำฝักบัว เวรกรรมนะ อยากได้น้ำเย็นๆ ดันไปเจอน้ำจากท่อที่มันตากแดด ร้อนฉิบหาย ทนไป 3 นาที ถึงจะเป็นน้ำธรรมดา
อาบแต่น้ำเปล่านี่แหละครับ นี่ถ้ามีเครื่องทำน้ำเย็นก็ดีสินะ ตอนนี้ผมอยากลงไปแช่ในอ่างน้ำแข็งเลยด้วยซ้ำไป เพราะน้ำเย็นจะดีต่อร่างกาย ดีต่อผิวอีกด้วย ตอนนี้ตัวผมร้อนจัดจากแดด มันต้องเอาน้ำแข็งมาประคบด้วยซ้ำไป
อาบน้ำเสร็จก็เปิดตู้เย็นหยิบเอามาสค์แบบหน้ากากของภรรยามาใช้ ฉีกซองแล้ววางแผ่นนี้ลงบนหน้าทิ้งไว้ 20-30 นาที (ตามคู่มือระบุไว้ แต่ละรุ่นใช้เวลาไม่เท่ากัน) ช่วงนี้จะรู้สึกสบายตัวมาก คือได้นอนพัก ยกขาสูงไปด้วย เผลอหลับเอาได้ง่ายๆ
มาสค์หน้าเสร็จก็เอาเจลว่านหางจระเข้มาชโลมแขนขาต่อ โอ้ วันนี้จัดหนัก บำรุงทั่วตัวไปเลย
พอตัวหายเหนียวก็มาเล่น Uke ต่อ ช่วงนี้ซ้อม Uke บ่อยเหมือนกัน จนอยากได้คาฮอง (cajon) มาตีเล่นบ้าง ไอ้นี่ตอนแรกผมอ่านเรียกแบบ American English เลยนะ ผมเรียก “เคจั้น” พอหาข้อมูลดูเขาเรียกคาฮองก็เรียกตามเขาไป ติดที่ว่าไอ้คาฮองนี่มันเป็นกลอง คือไม่สามารถเล่นคนเดียวแล้วเป็นเพลงได้ เลยคิดหนัก
Title: Re: กพ 56
Post by: O'Pern on February 19, 2013, 01:53:40 pm
18 กพ 56
   ตื่นแบบไม่อยากลุก นอนไม่ค่อยหลับเลยครับ กระสับกระส่าย ก็น่าสงสัยนะ เพราะขนาดออกกำลังกายมาอย่างโหดเลย ขี่ซัดไป 100 กม กลางดแดดจัดอีกด้วย มันก็น่าจะเพลียและนอนหลับได้อย่างสบาย แต่เปล่าเลย เอ๊ะ หรือว่าเราอายุเริ่มมากแล้ว
   ช่วงนี้กลับมาใช้รถตัวเอง Nissan 180SX ขับสลับกันกับรถพ่อ สรุปแล้วผมชอบรถญี่ปุ่นมากกว่าครับ ขับดูแล้วรถมันตอบสนองมือเท้าผมได้แม่นยำกว่า รถไม่เก็บอาการอะไร เจออะไรไม่ดีก็ฟ้องออกมาหมด ต่างจากพวกรถยุโรปที่มีระบบต่างๆ มากมาย รถมันเก็บอาการเอาไว้หมด ขับสบายก็จริง แต่ไม่สนุกครับ ยิ่งพวกคันเร่งไฟฟ้านี่เหมือนรถไร้วิญญาณเลยล่ะ ขับแล้วไม่ค่อยชอบ
เย็นนี้ว่าจะไม่กินอะไรนะ แต่เจอโจ๊กเก่าๆ ในตู้เย็น เลยเอามาอุ่นกินซะ เพราะถ้าทิ้งก็เสียดายของ ก่อนนอนชั่งน้ำหนัก หึหึ แม่งขึ้นมาหนักกว่าวันอาทิตย์ที่ขี่จักรยานเสียอีก
Title: Re: กพ 56
Post by: O'Pern on February 20, 2013, 01:36:11 pm
19 กพ 56
   นอนหลับไม่สนิทอีกแล้วว่ะ เอ๊ะ ชักจะผิดปกติ สองวันแล้วนะนี่ หรือผมออกกำลังกายหนักเกินไป หรือร่างกายเราไม่คุ้นยังปรับตัวไม่ทัน น่าสงสัย
   เช้านี้เดินออกกำลังกาย แน่นอนเช่นเคย คิดท่าเดินออกกำลังกายใหม่ ลองแล้วเวิร์คดี เดินแป๊บเดียวเหงื่อซึม ผมชอบคิดทำอะไรแปลกใหม่ตลอดเวลา ถ้าตัวเองได้ขลุกอยู่กับสิ่งใดแล้วล่ะก็ รับรอง ผมต้องมีสิ่งแปลกใหม่มาเสนอ
   จักรยานก็เช่นกันครับ ผมขี่ทัวริ่งยังอุตส่าห์หาวิธี “เล่นท่า” ได้เลย ท่าแบบเจ๋งๆ เท่ๆ อีกด้วย แต่ต้องซ้อมเยอะนะ มีสิทธิ์กลิ้งเอาได้ง่ายๆ อีกด้วย (กะจะเอาไว้อวดลูก)
   เช้าไปส่งลูก แล้วก็เลยไปร้านขายของ ชีวิตแบบเดิมสุดๆ ยกแบกของ เข็นของส่งลูกค้า เก็บเงิน รับโทรศัพท์ ไม่มีอะไรมากไปกว่านี้
   อ้อ วันนี้ท้องเสียรุนแรง เมื่อเช้ากินมะรุมครับ เอาเนื้อมะรุมมาผัดพริกแกง เคยกินแบบนี้ครั้งหนึ่งเมื่อปีที่แล้วก็ท้องเสียเหมือนกัน ผ่านพ้นไป 1 ปี ยังคงออกอาการเดิม รู้สึกแปลกใจ เพราะมะรุมนี่เป็นพืชมีประโยชน์มาก นำมาทำแกงส้มกินได้ปกติ แต่ถ้าเอามาผัด จะกินแล้วท้องเสีย แปลกดีว่ะ
   เข็ดแล้วล่ะครับ ไม่กล้าลองแล้ว กลัวเลย ถ่ายทุกๆ 30 นาที หากเป็นคนอื่นไปหาหมอ ก็คงได้เกลือแร่มากิน แต่ผมไม่ไปหรอก หากอ่อนเพลียก็กินผลไม้นี่แหละ ง่ายสุดๆ แล้ว หายเร็วกว่าอีกด้วย
   หยุดถ่ายเอาตอนบ่ายครับ พอรู้สึกดีขึ้นก็กินสตอเบอรี่กล่องใหญ่ โชคดีแม่บ้านทำน้ำใบบัวบกเอาไว้ในตู้เย็น เลยมีน้ำสมุนไพรแบบไม่ใส่น้ำตาลเอาไว้จิบกินตลอดวัน
   เย็นไปรับมิว นั่งดูเขาเล่นบาสฯทุกวันจนเกือบ 0600 ถึงได้กลับบ้าน ช่วงนี้มิวผอมลงนิดหน่อย แต่ผมสิ มันกลับอ้วนขึ้นว่ะ
   โลกนี้มันไม่ยุติธรรมๆ ๆ ๆ
Title: Re: กพ 56
Post by: O'Pern on February 21, 2013, 01:50:23 pm
20 กพ 56
   เช้านี้อากาศเย็นนิดๆ เหมือนมีฝนตกอยู่ละแวกใกล้เคียง มีลมพัดเบาๆ น่าขี่จักรานเป็นที่สุด แต่เปล่า ผมเดินออกกำลังกายแบบถอยหลัง คิดหาท่าวิธีออกกำลังกายใหม่ๆ จะได้สนุกในสิ่งที่เราทำ
   เช้านี้มีกินอาหารสุขภาพอีกเช่นเคย ผัดยอดมะระ มะเขือเทศย่างโรยกระเทียมสับ เห็ดชุดแป้งทอด ข้าวกล้อง ปกติก็กินแบบเน้นสุขภาพทุกวันล่ะนะ เน้นได้แค่ตอนเช้า กลางวันส่วนใหญ่จะกินผลไม้ วันนี้มีสตอเบอรี่ มะขาม กล้วยน้ำว้า ถั่วอัลมอนด์
   ดูไปก็ไม่น่าเป็นของกินแล้วอ้วน แต่ที่ผมอ้วนก็เพราะกินถั่วเยอะเกินครับ ถั่วแค่ 1 กำมือก็ให้พลังงานเกิน 200 กิโลแคลอรี่แล้ว นี่คือถั่วอบนะ ถ้าถั่วทอดก็บวกเข้าไปอีกสัก 50%
   เข้าเวปจักรยานอ่านพบข่าวนักจักรยานทัวริ่งท่านหนึ่งประกาศว่าจะขี่จักรยานสานต่อเส้นทางของนักจักรยานอังกฤษสามีภรรยาที่โดนรถชนเสียชีวิตในไทย
   เรื่องนี้ละเอียดอ่อน ผมเองก็คิดโปรเจคเหล่านี้เอาไว้บ้าง คืออยากขี่จักรยานทางไกล แต่เรามันโนเนมไง หากอยากทำอะไรเจ๋งๆ เท่ๆ มันก็ต้องน่าจะมีเรื่องราว มีที่มาที่ไปสักหน่อย ภาษาคนเขียนบทละครเรียกว่ามันจะต้องมีสตอรี่
   ที่เห็นบ่อยๆ คนเกร่อจนอ๊วกจะแตกก็คือ ขี่เทิดพระเกียรติ เอะอะ อะไร แม่งก็เทิดพระเกียรติตลอดเลย วิ่งก็เทิดพระเกียรติ เดินก็เทิดพระเกียรติ ผมไม่ได้ลบหลู่อะไรสถาบันนะ แต่ไม่ชอบพวกอ้างสถาบันมาขอสปอนเซอร์หากิน
   หากจะเทิดพระเกียรติ ก็น่าจะสาบานว่าจะไม่ทุจริตคอรัปชั่น ข้อแค่ข้อนี้ข้อเดียว ไทยก็พัฒนาไปไกลแล้ว
   พอละ แสดงความเห็นมากไป จะกลายเป็นค่อนแคะคนขี่จักรยานด้วยกัน ต่างคนต่างที่มา ต่างทรรศนะครับ หลายอย่างที่ผมเริ่มไม่เห็นด้วยกับคนในเวปจักรยานที่เขามาโพส แต่ก็เลี่ยงด้วยการไม่แสดงความคิดเห็นออกไป เลี่ยงการปะทะนั้นซะ
   คือผมไม่ได้มองว่าขี่จักรยานแล้วจะต้องเป็นฝ่ายถูกเสมอไง จะมองภาพรวมในสังคมเป็นหลัก เช่นขี่จักรยานแล้วโดนรถเมล์เบียดในจุดที่เขาจะต้องเข้าจอดป้าย คนก็จะด่ารถเมล์กันหมด แต่ผมขี่จักรยานมานานมาก ไม่เห็นจะเคยโดนรถเมล์เบียดสักครั้ง ทั้งนี้ก็เพราะผมจะชะลอรถ และระวังหลังตอนขี่ผ่านป้ายรถเมล์ หลายอย่าง หลายเหตุการณ์ หากลองคิดทำใจให้เป็นกลางสักนิดจะพบว่า ตัวเราเองก็มีส่วนในการทำให้เกิดอุบัติเหตุนั้น
   ไม่ได้เก่งสักนิดนะครับ แค่รอบคอบกับชีวิต เขาต้องมาจอดของเขาบริเวณนี้อยู่แล้ว เราเองต่างหากที่ผ่านมาในจุดที่เขาจอดมิใช่หรือ หากเจนจัดถนนอีกสักนิด พอเห็นคนข้างถนนโบกรถ เราเองก็เตรียมชะลอรถได้แล้ว
   อีกพวกนี่ขี่แบบรนหาที่ นั่นคือพวกชอบเร่งแข่งกับรถใหญ่ จะมีเหตุผลคลาสสิคคือไม่อยากดมควัน บางคนแมนดี บอกตรงๆ ยอมรับเลยว่าไม่อยากจอด ก็เลยเบนรถออกยืนโยกกะจะแซงขึ้นหน้า ถ้าพ้นก็โอเคดีไป รอดไป แต่ถ้าไม่พ้น มันก็คือโดนเกี่ยวล้ม ทับ มีท่านหนึ่งผมพอจะรู้จัก อายุราว 60 โดนรถเมล์ทับขาเพราะไม่อยากเบรก เหตุการณ์เกิดมาหลายปีแล้ว แต่ทุกวันนี้ยังนั่งรถเข็นอยู่เลย เล่าให้เป็นอุทาหรณ์ครับ
   เรื่องจักรยานมันจะฮอทฮิตไปอีกสักพักใหญ่ ระยะหลังมานี้มันฮิตกันมากขึ้น โดยเฉพาะรถแบบ Fixy ก็ดีครับ จะรถอะไรก็เถิด ประโยชน์ของจักรยานอยู่ที่การใช้งานมันเท่านั้น เว้นเสียแต่ว่าจะเจอคนที่ซื้อมาเก็บ
   เย็นนี้มิวเล่นบาสอยู่นานถึง 2 ชม ผมร่วมเล่นด้วยเป็นช่วงๆ ตอนที่เขาไม่ครบทีม อยู่โรงเรียนจนถึง 0630 ขอผมกินร้านยาโยอิบอกว่าไม่ได้กินมานานแล้ว วันนี้หิวจัด นะ นะ พ่อนะ
Title: Re: กพ 56
Post by: O'Pern on February 22, 2013, 01:51:23 pm
21 กพ 56
   น้ำหนักตัวลดลงมานิดหน่อย เราก็มีกำลังใจ เช้านี้เดินออกำลังกาย คิดหาท่าทางแปลกใหม่มาเล่น แก้เบื่อได้ดีมากๆ
   เช้ากินหมูกรอบผัดพริกแกง ไข่ต้ม ข้าวกล้อง ตอนสายกินถั่วต้ม
   อาหารกลางวันเป็นน้ำเต้าหู้ใส่ลูกเดือย ไม่ใส่น้ำตาล ใส่งาดำคัวบด 1 ช้อนโต๊ะ จมูกข้าวสาลี 2 ช้อนโต๊ะ ตามด้วยองุ่นดำ โห พี่ สุขภาพสุดๆ ไปเลย ทั้งนี้เพราะผมมีเป้าหมายครับ คือไม่อยากใช้ชีวิตบั่นปลายในโรงพยาบาล ตระหนักดีว่าตัวเราเองฐานะไม่ค่อยดี เอาเงินที่เราพอจะมีนั่นไปใช้สอยด้านอื่นจะดีกว่าที่จะเอามารักษาตัวเอง
   เย็นมิวเล่นบาสเหมือนเดิม วันนี้ขอกลับบ้านเร็วหน่อย เพราะอยากเล่นเกม อืม แมนดี บอกกันตรงๆ
   กลางคืนหิวหน่อย ไม่อยากฝืน กินปลาเส้นแบบทาโร่ เมล็ดทานตะวันอบ มะม่วงเขียวเสวยดิบ กินหลายอย่าง แต่อย่างละนิดละหน่อย
Title: Re: กพ 56
Post by: O'Pern on February 26, 2013, 02:56:49 pm
22 กพ 56
   เจ็บโคนขาด้านในตรงที่ปีกของเบาะ Brooks มันบานออกมา น่าจะครูดตอนที่ผมขี่เมื่อวันอาทิตย์ ค่อยๆ เจ็บวันละนิดละหน่อย จับดูแล้วเจ็บเป็นจุดๆ คล้ายเป็นสิวแต่ไม่มีหัวนะ
   เช้านี้เดินออกกำลังกายสลับวิ่งถอยหลัง คิดหาท่าทางใหม่ๆ มาเล่น แป๊บเดียวได้เหงื่อ ผมว่ามันใช้พลังงานได้มากกว่าขี่จักรยานเสียอีก ไม่ต้องใช้อุปกรณ์ใดๆ ด้วยซ้ำ แต่ยังไงแล้ว ขี่จักรยานก็น่าสนุกกว่าเยอะ
   เช้านี้มิวหอบเอาเฟรนช์ฟรายไปโรงเรียน 4 กก เอาไปทอดขายในงานตลาดน้ำสานฝัน เป็นงานกิจกรรมที่โรงเรียนเขาจัดเป็นประจำ ให้เด็กแต่ละห้องมาออกซุ้มขายขนม ขายอาหาร สนุกดีครับ เลอะเทอะ เละเทะไปหมด ตอนเด็กๆ มิวทำน้ำแครอทขาย ปีก่อนทำข้าวผัด ทำไข่เจียว ปีนี้เล่นของทอด (อันตรายหน่อยตอนน้ำมันร้อน)
   ฟังรายการวิทยุตอบปัญหารถยนต์แล้วขัดหูอีกแล้ว ผู้ฟังโทรมาถามวิธีลากรถ AT เจอวิทยากรท่านตอบ
   “ลากได้ที่ความเร็วไม่เกิน 100 กม/ชม และระยะทางไม่เกิน 100 กม เพราะตอนลากน้ำมันเกียร์จะร้อน”
   เฮ้ยยย ลากที่ความเร็ว 100 นะ น้ำมันเกียร์แม่งทะลักดันออกมาที่รูก้านวัดแล้ว
   อารมณ์ไหนวะนี่ ตอบแบบนี้ งงโคตรๆ เลย ไม่น่าเชื่อว่าเป็นวิทยากรด้านรถยนต์ แต่อีกสักพักแกก็กลับลำบอกแต่ในความเป็นจริงใครจะมาลากรถที่ความเร็ว 100 มันอันตรายมาก ผมเดาว่า คงมีใครสักคนอยู่ใกล้ๆ แล้วสะกิดบอกแกให้แก้ด่วน
   รถ AT ไม่ควรลาก หากจำเป็นจริงๆ ต้องลาก ก็ให้ใช้ความเร็วน้อยที่สุดเท่าที่จะน้อยได้ วิ่งไปสัก 40 กม/ชม พอได้ และไม่ควรลากยาวด้วย สัก 10 กม ก็ต้องจอดพักให้น้ำมันเกียร์เย็นลงก่อนถึงจะเริ่มต้นลากกันใหม่ (ถ้าจำเป็น)
   A day ออกหนังสือเวอร์ชั่นจักรยานญี่ปุ่นออกมาอีกแล้ว เล่นเอาผมไปไม่เป็นเลย เจอเจ้าพ่อสิ่งพิมพ์ลงมาเล่นเรื่องจักรยาน ทำเอาไอเดียผมหดหายหมดเลย คิดแผนทำอะไรไว้แล้วยังไม่ได้ทำนี่ ตอนนี้มีคนทำแทนหมดเกือบหมดแล้ว นิตยสารแจกฟรีก็มีแล้ว นิตยสารวางแผงก็มี ล่าสุดเจอบิ๊กอย่าง a day อีก จบข่าวเลยกู
   แต่ยังมีเหลือบางไอเดียที่ยังไม่มีใครทำ
Title: Re: กพ 56
Post by: O'Pern on February 26, 2013, 03:28:24 pm
23 กพ 56
   เสาร์อีกแล้ว มิวสบายไปเลย วันนี้ไม่มีเรียนพิเศษก็ยังอุตส่าห์ตื่นแต่เช้ามาดูการ์ตูน ส่วนผมไปทำงานที่ร้านขายของเหมือนเดิม กลางวันพามิวไปเรียนพิเศษคุมอง กลับมาบ้านเอาบ่ายแก่ๆ
   เย็นนี้ผมมีงานเลี้ยงรุ่นตอนเรียนมหาวิทยาลัย เพื่อนกลุ่มนี้ไม่ได้เจอกันมา 25 ปี !!! เขามาตามหาผมเจอในเฟซบุ๊ค เลยแอทคุยกันมาสักพัก ตอนแรกกะจะพามิวไปด้วย แต่พรุ่งนี้เขามีเรียนพิเศษตอนเช้า
   จุดนัดพบคือร้าน Platform 1 อยู่ใกล้สถานีรถไฟสามเสน เป็นบ้านเดี่ยวที่ปรับมาเป็นร้านอาหาร จอดรถในร้านได้สัก 5 คัน เป็นร้านอาหารอิตาเลี่ยน แต่ก็มีอาหารเวียดนามด้วย จะเอาแนวไหนกันแน่วะนี่ ฮ่าๆ
   ผมไปตรงตามนัด แต่ก็เจอเพื่อนมาก่อนแล้ว 5 คน พอแง้มประตูเปิดสาวๆ ก็กรี๊ดกันใหญ่ (เขากรี๊ดทุกคนที่เข้ามา) มาถึงก็เล่นถ่ายรูปกันเลย หลังจากนี้ก็มีคนทยอยกันมาเรื่อยๆ แน่นอน กรี๊ดกร๊าดกันไม่ขาดสาย สาวๆ เยอะกว่าหนุ่มครับ
   หยิบกินอาหารไปได้หน่อยเดียวก็ละจากจาน เดินไปพูดคุยกับเพื่อน ดีใจมากๆ ที่ได้เจอกันอีกครั้ง ผมโดนรุมสัมภาษณ์อย่างละเอียดว่าทำอะไรอยู่ ชีวิตเป็นอย่างไรบ้าง มีเมีย มีลูกกี่คน ฯลฯ
   แทบจะไม่มีใครสนใจอาหารเลย พูดคุยกันแบบสะใจสุดๆ กระโดดกอดกันแบบให้ตายไปข้าง
   เพื่อนที่ผมรักที่สุดชื่อ “อาร์ต” ตอนเรียนมันก็ชอบถ่ายภาพ วาดรูปสวย ตอนนี้มันก็ยังทำงานแบบนั้นอยู่ เจ๋งมากเลย อาร์ตยื่นสมุดไดอารี่ให้ผมดู เป็นสมุดบันทึกส่วนตัว เขาไม่ได้เขียนเฉยๆ แต่วาดภาพประกอบลงไปด้วย โคตรสวยเลย
   ปัจจุบันอาร์ตเป็นตากล้องให้กับหนังสือรถยนต์ มันเล่าพร้อมกับยื่นหนังสือให้ผมดู ถึงกับอ้าปากค้าง
   เราเคยเจอนิตยสารรถของไทย หรืออย่างเก่งก็นิตยสารหัวนอก (เช่น Option Evo Autobild Car ฯลฯ) ผมรู้จักแค่นี้ และก็คิดมาตลอดว่าในไทยเรามันก็มีแค่นี้แหละ
   แต่เปล่า หนังสือที่อาร์ตมันทำเป็นหนังสือของไทย ทำในไทย พิมพ์ในไทย แต่ส่งขายไปทั่วโลก !!!
   เฮ้ยย แม่งแรงว่ะ แรงกว่าที่เคยพบมา สุดตีนมากเพื่อน
   หยิบหนังสือพลิกไปมาแล้วขนลุก คนไทยทำได้ขนาดนี้เลยหรือนี่ สุดๆ ๆๆ ๆ พอถามราคาหน้าโฆษณาแล้วยิ่งตกใจซ้ำอีกรอบ
   ปกหน้าขาย 1 ล้าน !!! มีคนซื้อด้วย แถมขายราคานี้จริงๆ ด้วย (ไม่ได้ตั้งไว้เผื่อต่อ)
   ล่าสุดอาร์ตไปถ่ายงาน Car Show ที่ India มา ดูมันสิ ประเทศทีคนอื่นเขาไปกัน มันไม่ไป
   ขณะอยู่ในงานเราก็ถ่ายรูปกันเล่นตลอด อาร์ตเดินไปหยิบกล้องแบบ Fix Focus ตัวโตออกมากด เอาแค่ไอ้หมอนี่กดชัตเตอร์ ผมก็แทบอดใจไว้ไม่อยู่ อยากเห็นภาพเร็วๆ
   ร้านปิด 1000 ปิดเร็วมากจนพวกเรางง ตอนแรกคิดว่าจะนั่งกันจนถึง 0200 อุตส่าห์จองห้องไว้อย่างดี ถึงจุดนี้ก็เลยต้องแยกวง อาร์ตมีธุระต่อ บางคนต้องรีบกลับบ้าน เหลือไปต่อกันสักสิบคน ผมชอบสถานที่แบบปิด คือพวกเราจะได้คุยเล่นกันให้หายคิดถึง ถ้าไปพวกผับ บาร์ บรรยากาศมันเป็นคนละอย่าง
   กลับมาถึงบ้านมิวนอนหลับปุ๋ย ผมรีบอาบน้ำ ก่อนนอนหอมหน้าผากเขา 1ครั้ง แล้วลงนอนข้างๆ กัน
Title: Re: กพ 56
Post by: O'Pern on February 26, 2013, 03:51:48 pm
24 กพ 56
   เช้าวันอาทิตย์มิวมีเรียนพิเศษที่ซุปเคสาทร วันนี้ผมไปด้วย นังรอจนเขาเลิกตอน 1000 แล้วไปสยามพารากอนต่อ วันหยุดก็เลยให้เวลากับครอบครัวบ้าง อาทิตย์ที่แล้วผมก็ไปขี่จักรยานคนเดียวมา 100 กม แล้ว
   จอดรถที่พารากอน ตอนแรกจะไปกินร้านไก่บอนชอนที่เพิ่งเปิดในสยามเซนเตอร์ แต่ภรรยากลับลำ บอกอยากกินร้านส้มตำนัวร์ เลยพาไปจัด
   มีหนังที่ลูกอยากดูมากๆ ชื่อเรื่อง Flight เกี่ยวกับการบินที่เขาชอบนี่แหละ แต่ผมแปลกใจว่ามีตัวหนังสือพาดโตๆ ว่า ห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 20 ปีดู
   ถ้ามีพวกฉากโป๊เปลือยก็น่าจะเป็นอายุ 18 แต่ไอ้หนังแบบนี้มันจะมี Love Scene ด้วยหรือ คิดไปก็หาข้อสรุปไม่ได้ เสิร์ชหาตัวอย่างหนังดูก็มีแต่ภาพอุบัติเหตุของการบิน
   ไปจองตั๋วดูกันในพารากอน ต่อคิวอยู่สัก 10 นาที พอเดินเข้าไปจะจอง พนักงานบอกห้ามเด็กต่ำกว่า 20 ปีเข้าชม ที่หน้าโรงจะมีพนักงานอีกคนคอยตรวจเช็ค
   โห เล่นเอามิวจ๋อยไปเลย เจอคนที่เข้มงวดเข้าหน่อยงงเลย ตอนแรกผมคิดว่าเขียนเตือนเฉยๆ ไง แบบเหมือนพวกตามขอบจอทีวีที่มีเขียนบอกน่ะ
   เลยพูดขำขำกับลูกว่าอีก 9 ปีค่อยมาดูใหม่นะ แต่ในใจรู้ว่าเขารู้สึกเสียใจนะ เลยเปลี่ยนประเด็น พาเขาไปร้านหนังสือดูหนังสือที่เขาชอบแทน มิวจัด Asia Book / Kinokuniya ผมเองก็ดูหนังสือจักรยานไปพลาง
   ตอนเด็กๆ หนุ่มๆ ก็ดูแต่หนังสือรถยนต์นะ พอมาตอนนี้ดูหนังสือจักรยาน อีกหน่อยคงดูพวกจัดสวนแน่ๆ
Title: Re: กพ 56
Post by: O'Pern on February 26, 2013, 03:53:22 pm
25 กพ 56
   ตื่นขึ้นมาทำบุญใส่บาตรแต่เช้า พ่อ แม่ ลูก มากันครบ ตักกันหน้าบ้านนี่แหละครับ เรียบๆ ง่ายๆ ไม่ต้องทำให้มันเป็นพิธีอะไรมากมาย ตอนสายพาภรรยาและลูกไปตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง เมื่อก่อนไปบ่อยมาก แต่ช่วงนี้หายไปเลย ไม่ได้ไปเป็นเดือนๆ
   ไปถึงก็เจอตลาดเขากำลังบูรณะใหม่ ขยายทางเดิน ขยายร้าน ทำหลังคาใหม่ สูงโปร่งกว่าเดิมเยอะมาก น่าจะออกมาสวยดี ชาวบ้านบอกเดือนหน้าเสร็จ พฤติกรรมมนุษย์คือชอบทำอะไรเดิมๆ ไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง มิวอยากกินก๋วยเตี๋ยวร้านเดิม ผมและภรรยาก็เห็นด้วย จัดไปคนละ 2 ชาม (ชามเล็ก) มิวเดินตามสเปตเดิมเป๊ะ คือ เริ่มจากไข่นกกระทา ตามมาด้วยก๋วยเตี๋ยว ตบท้ายด้วยโกโก้เย็น
   ผมเองอยู่ในช่วงลดน้ำหนัก (อยู่ในช่วงนี้มานานมากละ ยังลดได้ไม่เท่าไหร่เลย) แต่พอเห็นขนมแบบชาวบ้านเก่าๆ ที่เราชอบก็ขอจัดอย่างละนิดละหน่อย เช่นเผือกเส้นทอด ข้าวโพดคั่ว แป้งเพียบเลยนะนั่น ปลอบใจตัวเองว่ากินวันละนิดละหน่อย และออกกำลังกายด้วย มันคงไม่อ้วนขึ้นเท่าไหร่
   กลับเข้ามาบ้านตอนสายๆ พักผ่อนอยู่กับบ้านนี่แหละ ไม่ต้องไปไหนไกล มิวนั่งเล่นเกม ผมอ่านหนังสือ ภรรยาจัดห้อง พอบ่ายตามใจลูก ไปกินกันที่ฟูจิ กลับมาแบบอิ่มมาก ขนาดกินนิดเดียวนะ (สงสัยเติมขนมมาก่อนหน้านี้แล้ว) เสร็จแล้วกลับบ้าน ไม่ได้เดินเล่นต่อ ไม่ชอบเดินห้าง
   มื้อเย็นจัดที่บ้าน ผมไม่กินนะ อิ่มแน่นท้องเพราะขนม หยิบกินโน่นนิด นี่หน่อย เก็บกดมั้ง ไม่ได้กินพวกนี้มาแรมเดือน ทำไงดี น้ำหนักขึ้นแน่เลย
Title: Re: กพ 56
Post by: O'Pern on February 27, 2013, 03:35:43 pm
26 กพ 56
   ตื่นมาเดินเร็วออกกำลังกายแต่เช้า เดินจนเหงื่อซึม ผมว่าร่างกายมันได้ออกแรงมากกว่าขี่จักรยานเบาๆ อีกนะ เดินไปด้วย สูดลมหายใจอัดให้เต็มปอด แกว่งแขน คือทำอะไรที่มันขยับร่างกายได้ ทำแม่งหมดเลย
   อาหารเช้าวันนี้เน้นสุขภาพอีกแล้ว เป็นเนื้อปลาเก๋าผัดฉ่า เลยได้กินมะเขือพวง มะเขือเปาะด้วย กินกับข้าวกล้อง ไข่ต้ม แต่ผมกินแค่ไข่ขาว วันนี้เหลือไข่แดงเอาไปให้เจ้าลูกปลากิน มันชอบมากๆ
   มาถึงที่ทำงานปุ๊บ ยังไม่ทันวางกระเป๋าเป้ ก็ต้องประเดิมด้วยการเข็นของไปส่งลูกค้าที่มาซื้อของหน้าร้าน สินค้าหนักครับ เข็นยาก ยกก็ยาก ต้องบิดเอว ยืนเส้นที่แขนสักแป๊บ แบบวอร์มๆ สักนิดก่อนออกแรง
   เปิดงานวันแรกของสัปดาห์ คนงานขาดเช่นเคย จะว่าชินก็น่าจะชินนะ มันเป็นเหมือนปัญหาที่แก้ไม่ตก โทรศัพท์ดังกรี๊งกร๊างแทบไม่ว่างเว้น ง่วนอยู่กับการรับออเดอร์ จดรายการสินค้าที่ลูกค้าสั่ง พอมีเวลาว่างสัก 1 นาทีก็รีบเดินไปจิบน้ำกิน คุยมากๆ เหนื่อยครับ เหนื่อยตัวไม่เท่าไหร่ แต่เหนื่อยใจที่เจอลูกค้าสารพัดแบบ ทนได้ก็ทนกันไป ทนไม่ได้ก็เลี่ยงๆ กันไป
   บ่ายเข้ามาบ้าน นั่งพิมพ์เล่าไดอารี่ชีวิต ไม่ได้เปิดคอมฯมา 3 วัน อยู่กับลูกผมจะใช้คอมฯ ใช้ไอแพดให้น้อยที่สุดครับ ไม่อยากให้เขามาทำตามเรา ผมใช้ของพวกนี้ให้เป็นเครื่องใช้ ไม่ได้ใช้เป็นของเล่น
   เย็นไปรับลูก นั่งรอมิวเล่นบาส เมื่อวานมิวได้รองเท้าใหม่ เป็นรองเท้าที่แพงสุดเท่าที่เคยซื้อมา คู่ละ 2100 บาท (ลดแล้ว) ผมไม่อยากให้เขาให้ของแพงๆ แบบนี้ เพราะยังรักษาของไม่เป็น แต่เขาเห็นเพื่อนๆ ใส่รองเท้าสวยๆ เล่นบาส เขาก็อยากได้บ้าง
   เข้าใจครับ ผมเองก็เคยเป็น ตอนเด็กๆ ทางบ้านผมฐานะก็กลางๆ เจอเพื่อนมีข้าวของดีๆ เราก็อยากได้บ้าง แต่ไม่กล้าไปขอหรอก เราก็เห็นอยู่ว่าฐานะพ่อแม่เราเป็นอย่างไร
Title: Re: กพ 56
Post by: O'Pern on March 01, 2013, 02:44:59 pm
27 กพ 56
   เดินเร็วออกกำลังกาย สลับกับเดินถอยหลัง ช่วงนี้น้ำหนักตัวทรงๆ แต่ขนมสิเต็มบ้านเลย พ่อกับแม่ไปเชียงใหม่มา ขับรถคันใหม่ลุยกันไปสองคน ขากลับขนมเพียบ กินแบบทีละนิดละหน่อย แบ่งคนงานในบ้านกินด้วย จะได้ไม่อ้วนคนเดียว
   ช่วงนี้ผมเปิดเฟซบุ๊คบ่อย เพื่อนกลุ่มมหาวิทยาลัยที่เพิ่งนัดพบกันในรอบ 25 ปีเอาภาพมาลงกันใหญ่ แซวกันสนุกสนานมาก คุยกันเหมือนตอนเด็กๆ จนไม่ได้ถามเรื่องราวความเป็นมาตลอด 25 ปีว่าทำอะไรกันบ้าง
   บางคนเขาก็เจอกันเป็นประจำอยู่แล้ว แต่ก็มีอีกมากที่ไม่เคยเจอใครเลย หนึ่งในนั้นก็คือผมนี่แหละ พอไปถึงก็โดนสัมภาษณ์สลับกับถ่ายรูป กินยังกินแค่นิดเดียวเอง เผลอแป๊บเดียวสี่ทุ่ม ร้านปิดแล้ว เฮ้ย งง
   ผมเลยเสนอให้จัดกันใหม่ เอาแบบสถานที่ปิด จะเป็นบ้านใครก็ได้ จะได้อยู่กันถึงเช้าเลย ผมชอบสถานที่แบบนี้มากกว่านะ มันกันเองแบบสุดๆ ดี ใครสะดวกเวลาไหนก็มาได้ เลี้ยงกันแบบข้ามคืน ใครจะกลับหัวค่ำแล้วมาใหม่ตอนเช้าก็ยังไหว
   มิวยังคงเล่นบาสฯอย่างสม่ำเสมอ แต่ยังขาดความคล่องแคล่ว รับลูกแล้วขาจะแข็ง ไม่ยอมเคลื่อนไหว ผมทำหน้าที่เหมือนโคช คอยดูจุดอ่อนจุดแข็งของลูก แล้วบอกเขาภายหลังจากเกมเลิก
Title: Re: กพ 56
Post by: O'Pern on March 01, 2013, 02:48:01 pm
28 กพ 56
   ช่วงนี้เดินออกกำลังกายอย่างเดียวล้วนๆ ไม่ได้ขี่จักรยานเลย แต่มันคุมน้ำหนักตัวได้ดีพอควร ช่วงนี้ค่อยๆ ลดลงวันละนิดละหน่อย พอมีกำลังใจบ้าง
   ช่วงนี้เข้าเฟซบุ๊ควันละสองรอบ เช็คข่าวสารในสังคมต่างๆ เช่นคู่กรณีควายเผือกชกหญิงตัวเท่าจั๊กกะแร้ก็เคลียร์กันแล้ว รับเงินกันหลังฉากเรียบร้อยค่อยเรียกสื่อมาถ่ายตอนจับมือขอโทษกัน กรณีหญิงโดนรุมกระทืบ 11 คนที่บ้านหม้อที่มีคลิปออกมา วันนี้ได้ดูอีกคลิปที่เจ้าตัวผู้หญิงไปกระทืบเอาคนท้องก่อน กลายเป็นว่ากรรมตามสนอง ดูอะไรพวกนี้ผมจะนำมาคิดต่อ จะไม่แสดงความคิดเห็นอะไรลงไป คือเราไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์นั้นๆ บางทีมันมีเรื่องราวก่อนหน้านั้นมาก่อนแล้ว
   อย่างเช่นเห็นหมาโดนรถชนตาย โห เห็นแค่นี้โคตรน่าสงสารเลย แต่ดูเหตุการณ์ก่อนหน้านั้น ไอ้หมาตัวนี้มันไล่กวดเด็กขี่จักรยานจนรถล้มหัวแตก ไล่กัดพนักงานไปรษณีย์ เจออะไรมีล้อแม่งไล่กวดไล่กัดหมด จนถึงวันหนึ่งมันมาไล่เอาสิบล้อเข้า
   ดูข่าวสารอะไร ก็เอาแค่ให้เรารับรู้เอาไว้ แค่พอให้ตามสังคมเขาทัน หรือจะไม่ติดตามก็ไม่เสียหายอะไร เราไม่จำเป็นต้องรู้ทุกเรื่องก็ได้
   ใช้เวลากับเฟซบุ๊คมากหน่อย พอมีเพื่อนมากหน่อย ชักประหลาดใจ เพราะข่าวสารต่างๆ ที่ผมเคยอ่านเมื่อ 10 -20 ปีก่อน มันย้อนกลับมาให้ผมมาอ่านอีกรอบ สมัยก่อนเราจะส่งทาง Fw Mail กันเยอะมาก ตอนนั้นยังไม่มีกฎหมาย พรบ คอมพิวเตอร์ มาควบคุม ใครจะส่งอะไรต่อก็ตามสบาย ยุคนั้นได้รับพวกภาพลับเฉพาะมากมาย มากันทุกวัน วันละเป็นสิบ
   ตอนนี้มันกลับมาอีกแล้ว กลายเป็นว่าไอ้เฟซบุ๊คนี่แหละ คือมาแทน Fw Mail แต่จะต่างกันหน่อยตรงที่ Fw Mail นี่เรารับแล้วอ่านอย่างเดียว จบ แต่กับเฟซบุ๊คนี่อ่านแล้วสามารถแสดงความเห็นได้ มันเลยมีการใส่อารมณ์กันเต็มที่ บ้างก็ส่งต่อกันไปอีกง่ายๆ ด้วยการกดแชร์แค่นี้เอง
   ตามความคิดผมแล้ว ผมว่าเฟซบุ๊คน่าจะมีไว้สื่อสารกันเฉพาะกลุ่ม แต่ถ้ากลุ่มมันใหญ่มาก ก็จะมีคนหลากหลาย อันนี้จะเริ่มมั่ว ทำใจไว้สักหน่อย
   ยูสาวเกาหลีมาเยี่ยมที่บ้าน รุ่นน้องคนนี้ไม่ได้เจอกันมาราว 10 ปี ดีใจจริงๆ